บทที่ 366 ผู้เบิกทาง
บทที่ 366 ผู้เบิกทาง
ฉื่อหยานกำลังลังเล
ทั้งห้าคนนี้แน่นอนว่าไม่ได้มีเจตนาที่ดีเมื่อพวกเขาบอกสิ่งที่ให้เขาทำ พวกเขาเตรีนมกันไว้อย่างดี เขาเองก็พอเดาออกว่าพวกเขาจะต้องให้เขาทำหน้าที่เป็นผู้เบิกทางแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของเขา มันจะปลอดภัยกว่า ถ้าเขาทิ้งทั้งห้าคนและออกไปด้วยตัวของเขาเอง
แต่เขนั้นรู้เรืองเกี่ยวกับในทะเลหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬน้อยเกิน ตะเวนไปรอบๆสถานที่แห่งนี้ เขาอาจจะพบกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งหรืออันตรายได้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาขอให้เขาทำนั้นมันได้นับว่ายากเกินไปเลย
พวกเขาห้าคนแบ่งออกเป็นสามฝ่ายที่ปกป้องกันเอง นี้คือสิ่งที่เขาคิด เขาคิดกับตัวเองว่า ถึงแม้เขาจะไม่ปลอดภัย เขาก็ยังคงสามารถใช้ประโยชน์ของคนทั้งห้านี้เพื่อจัดการกับปัญหาต่างๆได้ตามที่เขาพอใจ แต่หากกลายเป็นว่าพวกเขาร่วมมือกัน เขาก็จะไม่เสี่ยงอยู่กับพวกเขาต่อ
เขารู้ว่า ไชอี้และ บอค และต้องการที่จะใช้เขาเป็นหน่วยกล้าตาย
ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬไม่มีกลิ่นอายธรรมชาติ ดังนั้น ถ้านักรบธรรมดาต้องการฟื้นฟูพลังปราณลึกลับ ก็มีวิธีเดียวคือ ฆ่าสัตว์อสูร
แต่เขานั้นแตกต่างออกไป
เขาทองว่า ไชอี้ และ บอค เป็นเช่นเดียวกับสัตว์อสูร ถ้าพวกเขาะตาย เขาก็สามารถดูดซับกลิ่นอายพลังจากพวกเขาได้และฟื้นคืนความแข็งแรงของเขา ด้วยจิตวิญญานต่อสู้ลึกลับของเขา ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แม้ในหมอกแม่เหล็กพิษทมิฬแห่งนี้ก็ตาม
ตราบใดที่มีคนตาย เขาก็จะได้รับพลังตามเท่าที่ต้องการ
ดังนั้น หากอยู่กับกลุ่มคนทั้งห้าเหล่านี้เขาอาจจะได้ประโยชน์ดีๆ
กลุ่มนี้มีเจตนาไม่ดีต่อเขา แล้วเขาจะต้องสนอะไรอีก ?
" เจ้าพร้อมหรือยัง ? ไปกันเถอะ " อายหยาแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาพร้อมยอมรับด้วยการพยักหน้า นางเอาตารางเข็มทิศจากแหวนกระเป๋าของนาง รูปแบบแปลกๆสลักอยู่บนพื้นผิวของเข็มทิศ ; ทั้งสี่มุม มีผลึกอสูรอยู่ ซึ่งดูเหมือนมันจะใช้ให้พลังงานสำหรับเข็มทิศ
ถือเข็มทิศในมือของนาง นิ้วเล็กชี้ไปยังทิศทางที่ศูนย์กลางเข็มทิศชี้ไป
ไชอี้ ไม่ได้พูดสักคำ ตาของนางจ้องมองเข็มทิศในมือของอายหยา ให้ความสนใจไปยังทิศทางที่อายหยาชี้ไปและรู้สึกได้ถึงความน่ากลัวของอายหยา
ในช่วงกลางของเข็มทิศ , เข็มเงินที่สั่นเล็กน้อยก่อนหน้านี้ก็หยุดและชี้ไปด้านซ้ายของ ฉื่อหยาน . มองทางนั้นสักครู่ อายหาก็เอาเข็มทิศกลับมาใส่แหวน แล้วพูดว่า " เราต้องไปทิศนั้น "
ไชอี้ และคนอื่นๆพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ ที่ปลายเท้าของนางแตะหินบนพื้นเล็กน้อย นางทันทีก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วปานกลาง เมื่อนางต้องใช้พลังปราณลึกลับ นางจะใช้มันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
" ฉื่อหยาน เจ้าไม่มางั้นรึ ? " ไชอี้ รอจนกว่าอายหยาจะจากไป นางก็หันหลังมาเล็กน้อยมองเขาด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า " เจ้าควรทำตามหน้าที่สิ โธ่ เจ้าจ้องไปด้านหน้า ถ้าเกิดมีอะไรผิดปกติ ระวังและอย่าได้ลืมที่จะตะโกนออกมาดัง ๆ ถ้าเจ้าเห็นสัตว์อสูร มิฉะนั้น เรากลัวว่ากว่าเราจะไปถึงที่นั้นได้ เจ้าอาจจะ . . . . . . . "
หน้าฉื่อหยานก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขากุมมือ และตามอายหยาไป
หลังจาก ฉื่อหยานไปแล้ว ไชอี้ สีหน้ายิ้มก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันหายไป กลายเป็นนางขมวดคิ้วแล้วพึมพำว่า " คนๆนี้ระวังตัวมาก ฉันไม่รู้ว่าอายหยาพูดอะไรกับเขา แต่ข้ารู้สึกว่าเขาดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย . อายหยานั้นแข็งแกร่งที่สุด ถ้านางได้รับความช่วยเหลือจากชายคนนี้ นางจะยิ่งอันตราย " .
บอค ต้องการที่จะพูดบางอย่าง แต่เขาก็คิดกับตัวเองว่า เป็นพี่สาวเองไม่ใช่รึที่ชวนเจ้านี่มา เขาจำได้ตอนที่ ไชอี้ ด่าเขาก่อนหน้านี้ และเขาก็ทนฟัง โดยไม่กล้าที่จะถาม จนถึงตอนนี้ เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
พี่น้อง ลั่วหลัน ลั่วหลี่ หัวเราะออกมาในขณะที่สายตาของพวกเขาแสดงบางอย่างลับๆ พวกเขาไม่ได้พูดคุยกับ ไชอี้ แต่บินไปที่ ฉื่อหยาน แทน
ไชอี้ ยิ้มอย่างเย็นชาและพูด " มันไม่ง่ายที่จะเอาเปรียบเจ้าเด็กนั่น เจ้าควรจะระสังไว้ . อย่าให้เขามาอยู่ใกล้ๆ พวกเรา ข้ากลัวแต่ว่าอายหยาจะยั่วยวนเขา และทำให้เขาปกป้องนางอย่างสมัครใจ แม้ว่าข้าจะไม่กลัวนาง แต่มันก็ยังลำบาก ถ้ามีโอกาสอย่าลืมยั่วยุทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขาและอายหยา มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าสามารถทำให้เขาเกลียด อายหยาได้ เข้าใจไหม ? "
บอคก็ตกใจ แต่ก็ฝืนยิ้มเหยเกและพยักหน้า " ข้าจะทำให้ดีที่สุด "
ไชอี้ ไม่ได้พูดอะไรต่อไปอีก นางพลิกมือของนาง ,เกิดเป็นเสียงเบาๆขึ้นและร่างงดงามก็บินไปยังทิศทางเดียวกับฉื่อหยาน
อายหยาเป็นคนนำและฉื่อหยานก็กำลังตามนางไป พี่น้องลั่วหลัน ลั่วหลี่ ก็ตามมาไ และสุดท้ายก็เป็นสองพี่น้อง ไชอี้ และ บอค
ขบวนคนทั้งเห็กต่างก็เว้นระยะห่างกันและกันประมาณ 20 เมตร ; พุ่งไปด้วยความเร็วไม่มากเพราะต้องใช้พลังปราณลึกลับให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ฉื่อหยาน ก็ระวังไปรอบๆเขาสังเกตุทุกการเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
ทุกครั้งที่อายหยาบินมาถึงเขา นางก็หยุดไปพักหนึ่งสั้นๆและเอาเข็มทิศตรวจสอบทิศทาง หลังจากกำหนดได้ว่าไม่มีสิ่งผิดปกติ หล่อนก็เดินหน้าต่อไป
ฉื่อหยาน อย่างห่างด้านหลังนาง 20 เมตร มองร่างของนางอย่างชัดเจนในทะเลหมอก โดยไร้แรงโน้มถ่วง ร่างกายของนางเป็นเหมือนต้นหลิวด้วยเอวเล็กๆของนาง แขนเรียว ขายาว และต้นขาอวบ . เขารู้สึกค่อนข้างพอใจ แต่ไม่กล้าที่จะมีความคิดชั่วร้าย .
พวกเขาได้บินไปชั่วขณะหนึ่ง ; แต่ก็ยังคงเงียบไม่มีใครพูดใดๆ . นางหยิบเข็มทิศเพื่อตรวจสอบทุกครั้ง นางหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้วรีบจากไป ไม่ได้ถามใดๆกับ ฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ไม่กล้าที่จะผ่อนคลายและระวังไปยังพื้นที่รอบๆตลอดเวลา ระวังสองพี่น้องลั่วหลัน ลั่วหลี่ เขาไม่ประมาทและเตรียมรับมือ สองพี่น้องที่จะจู่โจมเขาตลอดวเลา
ทันใดนั้นเองก็หยุดในด้านหน้าของภูเขาอีกลูกหนึ่ง นางหยิบเข็มทิศและสังเกตสภาพแวดล้อมของพวกเขา
หลังจากนั้น อายหยาก็หันไปมอง ฉื่อหยาน และกล่าวว่า , " มีบางสิ่งบางอย่างแปลกๆในช่องว่างระหว่างสองยอดภูเขาทั้งสอง ไปดูสิอะไรอยู่ตรงนั้น "
เคลื่อนไหวไปข้างหน้า ฉื่อหยานก็ พยักหน้าในขณะที่ยังคงระวังตลอดเวลา
อายหยามองเขาที่เข้ามาใกล้
ฉื่อหยานรู้ว่า อายหยากำลังระวังเขาจาด้านหลัง เขาเยาะเย้ยจากภายในหัวใจของเขา แต่ใบหน้าของเขายังคงเป็นธรรมชาติ เขาไม่ได้มองนาง แต่เขากลับสนใจมองไปยังหน้าผาข้างหน้าเขา เขาพินิจสังเกตมันในขณะที่กำลังเริ่มคิดบางสิ่ง
ความระวังของอายหยายังไม่ลดลง นางยังคงมองเขาจนเขาเดินผ่านนางไปด้านหน้า หลังจากนั้นนางจึงผ่อนคลายเล็กน้อย แต่สายตาของนางยังมอง ฉื่อหยานด้วยความระวัง
" มีความเป็นไปได้สูงที่จะสัตว์อสูรซ่อนอยู่บนด้านข้างของภูเขา เจ้าควรจะสังเกตอย่างระมัดระวัง มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าสามารถหาวิธีกำจัดพวกมันทีละมากๆได้ . " หลังจาก ฉื่อหยาน บินผ่านนาง เขาได้ยินเสียงเตือนอันเย็นชาของนาง
" อื่ม " ฉื่อหยาน ตอบอย่างเย็นชา ใบหน้าของเขาก็มืดมัวไป ในขณะที่เขากำลังใช้พลังปราณลึกลับของเขา กระแสพลังก็ค่อยๆไหลไปทั่วเส้นเลือดของเขา
ในขณะที่พลังปราณลึกลับโคจรเล็กน้อย ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ราวกับว่าพลังมหาศาลในร่างกายของเขาอาจจะระเบิดได้ตลอดเวลา
หลังจากการรับรู้ได้ถึงร่างกายที่เปลี่ยนแปลง , ฉื่อหยาน ดวงต่ก็ค่อยๆสงบ
อายหยาไม่ได้พูดอะไร ร่างดงามบอบบางยืนในกลุ่มหมอกเมฆบนอากาศในขณะที่นางมอง ฉื่อหยาน ด้วยใบหน้าที่เย็นชา แล้วอยู่ๆ นางก็หันกลับมามาสองพี่น้อง ลั่วหลัน ลั่วหลี่ ที่กำลังเข้ามาใกล้นาง
เมื่อสองพี่น้องเห็นนาง ก็หยุดเคลื่อนไหว และเผยรอยยิ้มที่สดใส มองไปที่ฉื่อหยานและถามว่า " สถานการณ์เป็นอย่างไร เราทำอะไรได้บ้าง ?
" สัตว์อสูน " นางตอบเพียงแค่คำเดียวอย่างเย็นชาและหันกลับไปมอง ฉื่อหยาน .
สองพี่น้องไม่ได้ถามอะไรต่อไป พวกเขาคนหนึ่งมองที่อายหยา และอีกคนมอง ไชอี้ . พวกเขาให้ความสนใจทั้งด้านหน้าและหลัง
สองภูเขาสูงประมาณห้าร้อยเมตร เป็นยอดภูเขาเป็นสีแดง ต้นไม้บางอย่างเกิดความผิดปกติและพืชเติบโตก็ดูประหลาด
ระหว่างสองยอดภูเขา มี สันเขาที่ กว้างหนาหนึ่งร้อยเมตร , หมอกสีดำทำให้พื้นที่นี้ยิ่งมืดและอึมครึม พืชและต้นไม้หนาทึบปกคลุมภูเขา เพราะหมอกหนา จึงไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนนัก มีเงาดำจางๆ ซึ่งเหมือนก้อนหิน หรือพืชบางชนิดอยู่
ในกรณีที่ไม่สามารถใช้จิตสำนึกวิญญานได้ คนๆนั้นก็ต้องสังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยตัวของเขาเอง การเข้าไปใกล้ๆ เป็นวิธีเดียวที่จะรู้ถึงสถานการณ์ที่แห่งนั้นได้ดีที่สุด
เริ่มเปิดใช้พลังปราณลึกลับ ฉื่อหยาน ก็เข้าไปใกล้กับหน้าผาอีกด้านหนึ่ง ตาของเขาสว่างขึ้นจ้องเงาดำสองเงาที่อยู่ด้านข้างของภูเขา , ต้องการที่จะเห็นพวกมันอย่างชัดเจน
" ฉ่าาา ฉ่าาา "
มันเป็นเสียงของงูที่พุ่งขึ้นมาจากภูเขาด้านข้าง . ฉื่อหยาน มองเห็นเพียงเงาสีดำเคลื่อนไหวไปมา และบินออกมาจากหน้าผา
รูปร่างเช่นนี้ควรเป็น งูหลามทองม่วง
งูหลามทองม่วงเป็นสัตว์อสูรระดับหก อาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม และชอบอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นพลังหยินหนาวเย็น . มีร่างสองร่างที่มีลวดลายเป็นวงกลมสีม่วงเป็นผิวของมัน ร่างกายของมันยาวเจ็ดถึงสิบเมคร มันมีเขี้ยวแหลมคมและสามารถพ่นหมอกพิษออกมาได้ นอกจากนี้ยังสามารถพุ่งออกได้อย่างรวดเร็วในขณะที่มันมีร่างกายที่ใหญ่โตและยาว ร่างกายของพวกมันสามารถพันรอบร่างของนักรบและบดให้ขาดครึ่งได้ทันที
ทันทีที่ งูหลามทองม่วงที่พันอยู่รอบต้นไม้บนภูเขาด้านข้าง เห็นเขา มันก็พุ่งมาด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ในขณะที่ปากพ่นพิษสีม่วงไปที่ ฉื่อหยาน .
ด้วยความรวดเร็ว ฉื่อหยาน ตอนนี้ก็รู้ว่ามีงูทั้งหมดแปดตัวกำลังมาทางเขา ใบหน้าของเขาช่วยไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไป งูหลามทองม่วงแต่ละตัวนั้นมีขนาดยาวแปดถึงเมตร ปากของมันเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมคม ตาเล็กๆของพวกมันประกายไปด้วยพิษสง ที่ทำให้ผู้พบเห็นกลัวจนขยับไม่ได้
โดยไม่ต้องคิด เขาโคจรพลังปราณลึกลับไปที่ขาของเขา ก่อนที่พิษจะมาถึง เขาก็กระโดดถอยหลัง
"มีงูหลามทองม่วงอยู่ แปดตัว " ร่างของ ฉื่อหยานก็ถอยมาอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด แล้วหยุดประมาณหนึ่งร้อยเมตรด้านหน้าอายหยา . เขาหันศีรษะของเขาไปและตะโกน
" ฆ่ามัน " อายหยาดวง ตาก็สดใสขึ้น ใบหน้าเล็ก ๆของนางดูตื่นเต้นเล็กน้อย ร่างกายของนางพุ่งไปยังกลุ่มงูหลามทองม่วงราวกับหอกที่แหลมคม
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ