บทที่ 359 บอกนางว่าข้ายังมีชีวิตอยู่
บทที่ 359 บอกนางว่าข้ายังมีชีวิตอยู่
ลึกเข้าไปในภูเขา
ฉื่อหยาน เดินพเนจรเหมือนผีตามทางในป่า
เขาพุ่งอย่างรวดเร็วผ่านป่า อย่างคกเคี้ยวไปมา
เมื่อเร็วๆ นี้ เขาพยายามใช้ก้าวอัศนีและประกายแสงดาราพร้อมกัน และโชคดีที่เขาได้ค้นพบว่า ทั้งสองวิชานี้อาจจะใช้ร่วมกันได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการบินของเขาอีกขั้นหนึ่ง ทำให้วิถีการบินของเขาได้มากขึ้น
ก้าวอัศนีเป็นการเคลื่อนไหวเส้นตรง จากการใช้แรงระเบิดของพลังปราณลึกลับเป็นแรงผลัก ส่วนประกายแสงดารานั้นเป็นการเคลื่อนไหวเช่นดวงดาวบนท้องฟ้าและทำให้การเคลื่อนไหวของเขาไม่อาจคาดการณ์ได้
ในการต่อสู้พลังของประกายแสงดารานั้นอัศจรรย์มาก สามารถทำให้คนไม่สามารถโจมตีและตามหาจุดที่เขาอยู่ได้ แต่ก็น่าเสียดาย ที่มันเป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาเคลื่อนไหวเท่านั้น
แต่หลังจากที่รวมก้าวอัศนีและประกายแสงดวงดาวเข้าด้วยกัน เขาก็ใช้พลังปราณลึกลับเป็นสิ่งเชื่อมต่อ รวมทั้งกาพุ่งของประกายแสงดาราและการย่างก้าวของอัศนี . โดยการค้นพบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้สูญเสียพลังน้อยลง แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ทันที และสามารถเปลี่ยนไปใช้ประกายแสงดาราได้ในพริบตา
ดังนั้น ถ้าเขาได้เจอกับศัตรูระหว่างทางที่เขากำลังก้าวเดินไปข้างหน้า เขาก็จะอาศัยประกายแสงดาราที่ไม่อาจคาดเดาได้ลอบทำลายและโจมตีศัตรูทั้งหมด
ข่าวมากมายกำลังกระจายไปทั่วทะเลเหิงลั่ว ข่าวการรวมกันเพื่อกำจัดเขาได้กระจายไปทั่วทะเลไม่มีที่สิ้นสุด นักรบมากมายต่างก็ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในช่วงเวลานี้ , ฉื่อหยาน ได้ตามหาเบาะแสของคนจากตระกูลเซี่ยและสืบหาข่าวไปพร้อมกัน
หลังจากที่รูปแบบชีวิตทั้งสามได้แยกออกจากเขา เขาก็ไม่มีอำนาจที่จะเผชิญหน้ากับนักรบระดับพระเจ้า
ในสถานการณ์นี้ เขาต้องเลือกทางอย่างชาญฉลาด นอกจากนี้การกลายพันธุ์ของร่างกายก็ได้สมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอีกต่อไป และนี่จึงทำให้เขาเลือกที่จะทิ้งทะเลเหิงลั่วเพื่อตามหาเซี่ยซินหยาน
ระหว่างทาง เขามักจะระมัดระวัง เมื่อเขาพบกับนักรบที่มีระดับสูงกว่า เขาก็จะหลีกเลี่ยงและป้องกันไม่เปิดเผยที่อยู่ของเขา
ในป่าลอยผ่านไปมาเหมือนหมอกควันที่ปรากฏและหายไปเหมือนผี ค่อย ๆ ลึกเข้าไปในป่า
ตนไม้โบราณสูงที่เขียวชอุ่ม , เขียวขจีกระจาบอยู่ทุกที่ ถึงแม้ว่ากลิ่นอายธรรมชาติในป่สจะไม่หนาแน่น แต่ก็อุดมไปด้วยพืชและต้นไม้ที่เติบโต สัตว์บางตัวยังปรากฏขึ้นบ้างครั้ง อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ที่มีระดับต่ำและดังนั้น เขาจึงไม่ได้สนใจพวกมัน
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างก็ค่อยๆหยุด เขามองไปรอบ ๆ สายตาของคนๆนี้ก็สว่างขึ้นเมื่อมองไปที่ที่คนที่ซ่อนอยู่ " สหาย เจ้ามาจากไหนรึ ? " โจวยู่ สูดลมหายใจลึกและพูดแจ้งเตือนในขณะที่เขาเรวบรวมพลังปราณลึกลับไว้ที่มือทั้งสองข้าง
" แกร๊ก แกรีก"
ฉื่อหยาน ก็ผลักใบหนาแน่นและก้าวออกไป เขามองไปที่นักรบระดับนภาของตระกูลเซี่ยขณะที่ป้องมือถาม " ท่านเป็นคนจากตระกูลเซี่ยใช่หรือไม่ ?
" ทำไมคุณต้องถามเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว ?
โจวยู่ ก็สูดลมหายใจเข้าในขณะที่มือของเขาปลดปล่อยแสงสีม่วงอ่อนไหลพราวออกมาเหมือนกับหมอกพิษลอยไปยังทาง ฉื่อหยาน .
ในแสงควันจุดสีเขียวมากมายแตกชนกันและกัน , ระเบิดออกมาเป็น พลังมหาศาล ขยายครอบคลุมกว้างออกไป แรงกดดันที่ทรงพลังก็ไหลออกมาจากควันสีม่วงและล้อมรอบฉื่อหยานภายในห้าสิบเมตร
ฉื่อหยาน ดูกังวล ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยแสงประหลาด และผิวของเขาทันทีก็กลายเป็นสีม่วง
โจวยู่ ดวงตาสว่างขึ้นในขณะที่เขารู้สึกประหลาดใจ เขาไม่สามารถช่วยได้ที่จะลงมือเพิ่มเติม
คนๆนี้อย่างเห็นได้ชัดว่าอยู่ในระดับรู้แจ้ง แต่กลับสามารถทำลายตาข่ายที่เขาสร้างขึ้นได้ และ ก็มีเพียงนักรบระดับรู้แจ้งไม่กี่คนเท่านั้นที่แข็งแกร่งเช่นนี้
ความจริงที่ว่า นักรบระดับรู้แจ้งสามารถสร้างความกดดันให้กับนักรบระดับนภาเช่น โจวยู่ได้ ก็ทำให้เขารีบเปลี่ยนท่าที เขามองอย่างดูถูกไปทาง ฉื่อหยาน . เขาพยายามทุ่มเทพลังทั้งหมดของเขาเพิ่่อฆ่าเขาในการโจมตีครั้งเดียว . . .
" ข้า ฉื่อหยาน .
ก่อนที่ โจวยู่จะโจมตีอย่างรุนแรง ชายหนุ่มบนต้นไม้ก็พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำและใบหน้าที่เคร่งขรึม
โจวยู่ ผู้ที่รวบรวมพลังอยู่ทันทีก็หยุดลงเมื่อได้ยิน คำพูดของเขา ดวงตาของเขาเปล่งประกาย ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นร่าเริง " ท่านคือนายน้อยหยานรึ ?
ฉื่อหยาน เก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างรอบคอบก่อรสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปบนใบหน้า โจวยู่ . เขารอจนกระทั่งเขาแน่ใจว่า โจวยู่ สงบและไร้ซึ่งจิตสังหาร เมื่อเขารู้สึกมั่นใจได้ จากนั้นเขาก็กระโดดลงมาจากต้นไม้เดินไปด้านหน้า โจวยู่ และกล่าวว่า " ข้าอยากรู้ว่านายหญิงของท่านอยู่ที่ไหน " .
"ข้าเองก็ไม่รู้ "โจวยู่ ส่ายหัว ฝืนยิ้มบางๆ และกล่าวว่า " หลายวันก่อน ในขณะที่เราอยู่ระหว่างทางไปเกาะมังกรเหมัน เราได้รับข่าวจากนายหญิงของเราบอกว่าเราต้องหยุดไปที่เกาะมังกรเหมัน และกลับไป ทะเลเหิงลั่ว หลังจากที่ได้รับข่าวว่า เรารีบเดินกลับไป ตั้งแต่นั้นมา เราก็ไม่เคยได้รับข่าวใดๆ จากนางอีกเลย เราไม่รู้เลยว่านางอยู่ที่ไหน "
ฉื่อหยาน สีหน้าก็มืดมัวไป
" คุณชายหยาน มีข่าวลือเกี่ยวกับนายท่าน . . . . . . . มันจะเป็นจริงหรือไม่"
ร่องรอยของความเศร้าโศกก็ปรากฏในดวงตาของโจวยู่
ข่าวลือว่าชิหยานได้ ฆ่าเซี่ยเสินชวน ได้กระจายออกผ่าน ทะเลเหิงลั่ว อย่างไรก็ตาม โจวยู่ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง เขาก็นึกว่ามันเป็นแค่กลลวงของตระกูลกู่ และ ตระกูลตงฟางเพื่อสร้างความขัดแย้งกับตระกูลเซี่ย .
เมื่อพบ ฉื่อหยาน ตอนนี้ โจวยู่ ก็อดสงสัยที่จะถามไม่ได้
" ข่าวลือเป็นจริง " ฉื่อหยาน พยักหน้าด้วยสายตาเย็นชา“ชิหยานได้ทำลายวิญญานเขาต่อหน้าข้า”
โจวยู่ ทันที ตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง เขา ขบฟันของเขาแน่น ด้วยใบหน้าบึ้งตรึง ไม่พูดซักคำ
" แล้วพวกท่านเป็นไงบ้างตอนนี้ ? "ฉื่อหยาน เงียบมาสักพักแล้ว และถามอีกครั้ง
" ตระกูลเซี่ยได้ถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งนำโดยเซี่ยลุ่ยซิง . หลังจากได้ยินเกี่ยวกับการตายของนายท่าน พวกเขาเลือกที่จะจำนนต่อ นิกายจิตวิยญานศักดิ์สิทธิ์และดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สทิธิ์ของทะเลทมิฒ อีกฝ่ายก็คือพวกเราที่อาศัยอยู่ในทะเลที่สงบรอนายหญิงของเรา แต่นางยังไม่มาเลย เราเป็นกังวลมาก ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับนาง . . . " โจวยู่ กล่าว
" จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับนายหญิงของท่าน บางทีนางอาจจะมาหาท่านเร็วๆนี้ . " ฉื่อหยาน คุยกับ โจวยู่ หลังจากไตร่ตรองสักนิดเขาก็พูดต่อ " อย่าไปบอกใครว่าข้ามาที่นี่ ขณะนี้กองกำลังในทะเลกว้างใหญ่ ต้องการจะฆ่าข้า พวกท่านต้องระวังตัวไว้ ถ้านายหญิงของท่านกลับมาที่นี่ ได้โปรดบอกนางรู้ว่าข้ายังมีชีวิตอยู่ "
" นายน้อยหยาน . . . . . . . " โจวยู่ ก็ตกตะลึง อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็หยุด
" ตกลง ข้าจะทำเช่นนั้น ดูแลตัวเองด้วย ตระกูลเซี่ยจะต้องหลบว่อนอีกไม่นาน ข้าเชื่อว่าตระกูลเซี่ยในเร็วๆนี้จะต้องรุ่งเรืองอีกครั้งแน่ "
ฉื่อหยาน ไม่ได้พูดถึงเซี่ยจิงโหว เขากลัวว่าถ้า โจวยู่รู้เขาจะหวังมากเกินไป ถ้าเซี่ยจิงโหว ไม่ได้ดีขึ้นหลังจากกินเม็ดยาเส้นเลือดจิตวิญญานมันก็จะไร้ประโยชน์ ถึงตอนนั้น โจวยู่ จะรู้สึกผิดหวังมาก
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็โบกมือซ้าย ฉื่อหยานก็จากไปโดยไม่รอ โจวยู่ ถามอะไรต่อไป
โจวยู่ ตาลอยมองดูร่างของฉื่อหยานที่ค่อยๆหายไปพร้อมกับใบหน้าที่ซับซ้อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับ ฉื่อหยาน และเขารู้สึกว่า ฉื่อหยาน ต้องเป็นทายาทที่น่าภาคภูมิใจของจักพรรดิ์หยางเทียนโดยแท้แน่นอน
" โจวยู่ ใครกันที่พึ่งมารึ " ? ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เป็น เป็นเซี่ยเชินมู่ บิที่นมาจากด้านหลังของภูเขาแล้วถามด้วยใบหน้าที่ระมัดระวัง " มันคือคนของเซี่ยลุ่ยซิง ที่มาเกลี้ยกล่อมเราอีกแล้วรึ ? ข้าไม่สนว่าพวกเขาจะออกไปหรือไม่ แต่ข้าเชื่อว่าการที่เราต้องยอมจำนนต่อนิกายจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์และดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าอับอายเกินไป พวกเขาไม่รู้สึกอายบ้างเลยรึ ปีนั้น เมื่อตระกูลเซี่ยบีงทรงอำนาจอยู่ นิกายจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์และดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายใต้อำนาจของเราเสมอ แต่ตอนนี้ เซี่ยลุ่ยซิง และคนของเขากลับยอมให้กับขุมกำลังทั้งสอง พวกเขาช่างหน้าด้านนัก ถ้านายท่านรู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องโกรธแน่ "
" นายท่านตายแล้ว " โจวยู่ ด้วยดวงตาที่กลายเป็สีแดง . เขาก็พึมพำ " ข้าได้รับการยืนยันแล้วว่า มันเป็นความจริงที่ชิหยานฆ่านายท่าน วิญญาณของนายท่านแตกสลายและตายไป "
ร่างของเซี่ยเชินมู่ ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงราวกับเขาโดนระเบิด เขาเซไปด้านหลังสองสามก้าวแล้ว พูดเบาๆ " เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่ความจริง ไม่ใช่ความจริง . . . . . . . "
" คนที่เพิ่งมามะกีเคือ ฉื่อหยาน . " โจวยู่ ออกถอนหายใจ " เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยาง เขาถึงระดับรู้แข้งแล้สและอำนาจของเขาตอนนี้ก็น่ากลัวมาก เขาไม่เพียง ระดับการบ่มเพาะของเขาจะต้องไม่หยุดแค่นี้แน่นอน "
" ดูเหมือนว่าข่าวลือเป็นจริง”
อีกร่างคนของตระกูลเซี่ยก็เดินออกมาพร้อมกับถือจดหมายในมือของเขาและพูดด้วยความกลัว " สายของเราเพิ่งส่งข่าวมาอีก บอกว่า มีคนตายหลายร้อยคนด้วยฝีมือของ ฉื่อหยาน ในขณะที่เขาอยู่ในทะเลเหิงลั่ว นักรบเหล่านั้นมาจากกองกำลังต่าง ๆในทะเลกว้างใหญ่ รวมทั้งเผ่าอสูรด้วย สิ่งที่ไม่น่าเชื่อมากที่สุดคือเขาได้ตัดแขนข้างหนึ่งของปรมจารย์อสูรหมาฉีต้วน และยังสร้างบาดแผลสาหัสกับประมุขของนิกายซากศพ และราชินีนภา ฟานเซียงหยุน ของดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ " .
" อะไรนะ ? " ร่างของเซียเชินมู่และ โจวยู่ ก็สั่นอย่างรุนแรง พวกเขาร้องออกมาดังพน้อมกันในขณะที่สายตาของพวกเขาส่องประกายด้วยความสุขและความหวาดกลัว
บนเรือที่มีแสงไฟเล็กๆ
ฉื่อหยาน นั่งอยู่ตรงบนเรือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ หลีกเลี่ยงความวุ่นวายในทะเลไป ลอยไปทางตะวันออก
ประกายแสงดาวส่องลงมา เขาสัมพัสถึงมันอย่างเงียบๆ เพื่อดูดซับพลังจากดวงดาวของท้องฟ้าและโลก ผ่อนคลายตัวเองในปลดปล่อยจิตสำนึกวิญญาน โคจรรอบดวงดาว และรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของดวงดาว
พลังที่มองไม่เห็นไหลเข้ามาทะลุร่างของเขา เป็นสารอาหารสำหรับจิตวิญญานแห่งดวงดาว
บทเรียนที่เจ็บปวดบนเกาะสุริยันได้สอนเขาว่า ความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะควบคุมทุกสิ่ง มันสามารถทำให้เขาครองโลกนี้และทำในสิ่งที่เขาต้องการได้ ตราบใดที่เขาบรรลุเข้าสู่ระดับใหม่ขึ้นเรื่อยๆเขาก็สามารถทำทุกสิ่งได้ตามอำเภอใจ
เขาไม่ได้ต้องการที่จะเห็นคนที่เขารักกลายเป็นศพอีก ความตายของเสี่ยวฮานยี่ ลินดา และเซี่ย เสินชวน ได้จุดประกายไฟทะเยอทะยานที่แข็งแกร่งภายในหัวใจของเขา
หลังจากออกจากเกาะสุริยัน , ทุกสิ่งที่เขาทำก็คือเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง.
ฆ่าปีศาจและนักรบขอในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดหรือแม้กระทั่งปล้นสะดมผู้อื่น เขาทำทุกอย่างเพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
ทุกๆวัน ทุกๆคืน ทุกชั่วโมง ทุกนาที เขามักจมลึกอยู่ในความคิด เขาคิดเกี่ยวกับถึงความมหัศจรรย์จิตวิญญานต่อสู้ต่างๆ จากประสบการณ์เขานั้นหาจุดแข็งของพวกมัน และพยายามที่จะรับรู้และเข้าใจพวกมันทั้งหมด
เขาจะต้องไม่ประมาทอีกต่อไป
และทำให้ตัวเองเป็นราวกับปีศาจ
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ