ตอนที่แล้วบทที่ 356 มองไปข้างหน้าเพิ่อความก้าวหน้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 358 ความสุขและความเสียใจที่เกิดขึ้นพร้อมกัน

บทที่ 357 ชั่วร้ายยิ่งกว่า


บทที่ 357 ชั่วร้ายยิ่งกว่า

ศพราชันย์และสองศพนภาก็ยกศีรษะมองท้องฟ้ายืนนิ่ง .

หลังจากนั้น ศพพนภาดวงตาก็ส่องประกายแสงประหลาด ราวกับว่าพวกเขาได้รับรู้ถึงบางอย่าง

ศพราชันย์ก็กระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วไปทั่ว หยินไม้โลงศพในภูเขา ถ้ำ ที่เอาศพเทคนิคการควบคุมช่วยให้ศพทาสภายในตื่นขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน หยินไม้โลงศพ , เคลื่อนไหวไปรอบๆโลงศพไม้ในถ้ำภูเขา ดูเหมือนมันกำลังลบเคล็ดวิชาควบคุมที่อยู่ในเหล่าทาสศพเพื่อปลุหให้ตื่นขึ้นมา

ไม่นานหลังจากนั้น โลงศพไม้ก็เปิดขึ้นทีละโลง ด้วยคำสั่งของศพราชันย์พวกมันจึงบินไปทิศตะวันตก

อีกสองศพนภาดูเหมือนจะมีสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนกับศพราชันย์ และยังคงเชื่อมต่อกับศพอื่นๆ เมื่อพวกเขามาถึงที่ด้านตะวันตกของเกาะวายุเหมัน , ก็เห็นศพราชันย์นั่งอยู่บนโลงศพไม้ลอยอยู่ในทะเล

ศพนภาทั้งสองก็บินไปบนโลงศพไม้ของพวกเขา ฝาปิดโลงศพทั้งสองก็เปิดออกและสองศพนภาก็กระโดดเข้าไปและล้มลงนอน

เมื่อพวกเขาเข้าไปในโลงศพของเขา ร่างกายของศพราชันย์ก็ลื่นลง และนอนในโลงศพของเขา .

สิบกว่าโลงศพลอยอยู่ในทะเลอย่างเงียบๆลอยไปทางตะวันตกด้วยความเร็วสูงสุด

ทิศทางของพวกเขามุ่งหน้าไปเป็นทางไปยังนิกายซากศพ

ระหว่างที่พวกเขาลอยไป นักรบที่เห็นฉากแปลกๆนี้ก็หนีไป

ขบวนโลงศพนี้ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของนิกายซากศพ มันเป็นการกระที่เหล่าทาสศพทำด้วยตนเอง ซึ่งนี่ทำให้นักรบเหล่านี้รู้สึกหนาวสั่น พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ศพเหล่านี้ถึงได้เกิดเรื่องแปลกประหลาดนี้ขึ้น

. . .

ที่ตระกูลกู่ ณ ภูเขาพันดาบ

ในตอนนี้ ยอดภูเขาพันดายได้กลายเป็นฐานที่กองกำลังในทะเลเหิงลั่วรวมตัวกันเพื่อจัดการกับเผ่าอสูร

กู่เฉา ยู่ชิง , และหัวหน้าตระกูลตงฟาง - ฟางเจว่ก็ยังอยู่ที่นี่ แม้แต่ฉาวจื่อหลานและหม่านกู่เองก็อยู๋ที่นี่เช่นกัน นักรบระดับสูงทั้งหมดจากกองกำลังของทะเลใหญ่ๆต่างรวมตัวกันและพูดถึงรายละเอียดแผนการจัดการกับเผ่าอสูรทั้งหมด

ทะเลด้านหน้าของภูเขาพันดาบ กลายเป็นพื้นที่ต่อสู้ระหว่างนักรบและปีศา๗ ทั้งสองข้างวางกองกําลังตรึงกำลังไว้ที่แห่งนี้ เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว และนักรบชั้นสูงมากมาย และเผ่าอสูรมากมายก็ได้ตกตายไปในสงครามนี้

ปัจจุบัน กลุ่ม กู่เฉา ยู่ชิง , และตงฟางเจว่ มีความสุขจากชัยชนะเล็ก ๆบางอย่างในสงครามล่าสุด

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หัวหน้าตระกูลฉาว ฉาวเชียวเต้า กับหยางอี้เทียน ได้ตอบมาว่า ; กองกำลังของพวกเขาได้เริ่มต้นออกเดินทางจากทะเลตูต้าแล้วและอยู่ใกล้กับทะเลเหิงลั่ว

ข่าวนี้ทำให้ทุกคนมีความสุขมาก กลุ่มของ กู่เฉา ยู่ชิง  ชัดเจนว่ารู้ถึงพลังของฉาวเชียวเต้า และหยางอี้เทียนดี  การปรากฏของพวกเขา ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปจนแผ่นดินสั่นสะเทือน

การสังหารหมู่นักรบของเผ่าอสูรในทะเลเหิงลั่วดูเหมือนจะกระตุ้นความโกรธของพวกเขาไปยังจุดที่พวกเขาตัดสินใจร่วมมือกันจัดการกับเผ่าอสูร แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยร่วมมือกันเลยตลอดเวลาร้อยๆปีที่ผ่านมา

ไม่อาจรู้ได้เลยว่า เผ่าอสูรได้รับรู้ข่าวอะไรหรือไม่ เพราะการโจมตีของพวกเขาได้ชะลอตัวลงในวันล่าสุด ราวกับว่าพวกเขากำลังรออะไรบางอย่าง

ลมพัดมาอย่างแรง และฝนที่ตกลงมาก็หนักเหมือนพายุใหญ่อยู่บนขอบฟ้า

ทะเลเหิงลั่วเป็นเหมือนงานเลี้ยงใหญ่ที่เหล่านักรบระดับสูงผู้แข็งแกร่งจากทะเลต่างๆมารวมตัวกัน

ใบหน้าของทุกคนตื่นเต้นราวกับว่าพวกเขาเห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะ พวกเขาเริ่มที่จะหารือเกี่ยวกับการโจมตีศัตรูในขั้นต่อไป ในขณะที่ทุกคนต่างดีใจ ชิงหมิง ราชินีนภา และกษัตริย์ปฐพีทั้งหมดก็มีแววตาที่มืดมนราวกับว่าลูกของพวกเขาพึ่งตาย

" ชิงหมิง เจ้าตัวแสบฉื่อหยานตายรึยัง ? " กู่เฉา นั่งเรียบร้อยบนดาบเทพ เผยให้เห็นรอยยิ้มที่หายาก " พวกท่านเคยส่งข้อความมาบอกว่าพวกเจ้าสามารถฆ่าฉื่อหยานได้ . ด้วยความสามัคคีของทั้งสามท่าน และด้วยเคล็ดวิชาภาพลวงตาวิญญานของราชินีนภา มันง่ายมากที่จะกำจัดเขา " .

ยู่ชิง และตงฟางเจว่ มองไปที่ทั้งสามคน ด้วยความรู้สึกตกใจและแปลกใจทันทีเมื่อเห็นสายตาของพวกเขา

ฉาวจื่อหลาน ที่นั่งอยู่ในที่นั่งของตระกูลฉาว และซูหยานซิงที่ยืนอยู่ข้างหลัง ยู่ชิง . พวกนางทั้งสองทันที ดวงตาของก็ขยับมองไปที่พวกเขาทั้งสามคนเมื่อได้ยินคำถามของ กู่เฉา .

หลังจากมาถึงที่นี่ ชิงหมิง ราชินีนภาและกษัตริย์ปฐพีทั้งหมดก็เงียบพร้อมกับดวงตาที่มิดมน ภายใต้ดวงตาที่จ้องมาในขณะที่พวกเขานั่งอยู่ พวกเขาก็พร้อมกันถอนหายใจออกมา

ทุกคนตะลึง ; การแสดงออกของพวกเขาประหลาดเกินไป พวกเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกๆ พวกเขาจึงสนใจไปที่ทั้งสามคนมากขึ้น

"ชิงหมิง พวกท่านไม่สามารถฆ่าเขาได้งั้นรึ ? "กู่เฉา ก็ตกใจ ไม่เชื่อว่าเป็นความจริง จึงถามด้วยความแปลกใจ " แม้พลังของเขาจะเทียบเท่ากับที่นักรบระดับพระเจ้าแต่นั่นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของพลังจากภายนอก เพียงช่วงเวลาสั้น ๆพลังจะต้องหายไปแน่นอน เจ้าตัวน้อยย่อมไม่สามารถหนีจากความสามัคคีของพวกท่านทั้งสามได้ และข้าก็รู้ว่าศพราชันย์ของชิงหมิงเองก็ยังอยู่บนเกาพนั้นด้วยและเราทุกคนก็รู้เรื่องนี้ดี ศพราชันย์เพียงอย่างเดียวไม่พอที่จะฆ่าเด็กนั่นได้เชียวรึ ? หรือ  มีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ?

ทันทีที่ กู่เฉา กล่าวถึงศพราชันย์ฟานเซียงหยุนและกษัตริย์ปฐพี ทันทีก็ตัวสั่นไปด้วยใบหน้าที่แปลกประหลาดราวกับว่าถูกมีดแทง

ชิงหมิง สายตาเต็มไปด้วยความแค้นเหมือนมีใครบางคนไปสัมผัสบาดแผล จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืน มองไปที่ กู่เฉา .

กู่เฉา ก็ประหลาดใจ เขารู้สึกกระอักกระอ่วน เขาถามอย่างเรียบเฉย " มันเป็นยังไง ? "

" ศพราชันย์ได้หลุดออกจากควบคุมของชิงหมิง " กษัตริย์ปฐพีส่ายศีรษะ เผยให้เห็นรอยยิ้ม และพูดว่า " มีเพียงผีเท่านั้นที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนท้าย ไอ้เด็กบ้านี่โจมตีศพราชันย์และสามารถควบคุมศพได้ทันที จากนั้นก็พยายามที่จะฆ่าชิงหมิง และทำให้เราต้องหนี . . . . . . . "

" หนี ? " นักรบที่รอฟังอย่างตื่นเต้นก็งุนงงเมื่อได้ยินเรื่องราวที่ไร้สาระ

ฉาวจื่อหลาน ตัวสั่น แอบกัดฟัน . ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความกลัวและความไม่อยากเชื่อ .

ซูหยานซิงก็อึ้งไป นางดูสับสนเป็นอย่างมาก ขณะที่มองไปยังสีหน้าแปลกๆของกลุ่มชิงหมิงทั้งสามคน นางหยุดนิ่งสักพัก และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากนั้น นักรบหลายคนก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง ' เป็นไปไม่ได้ ' พวกเขารู้สึกว่ากลุ่มของชิงหมิงสามคน เสียสติ และพูดเรื่องไร้สาระ

" อ๊ะ ราชินีนภา เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเจ้า ? ยู่ชิง" ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ก็พบความผิดปกติ จู่ ๆก็ถามว่า " เจ้า เกิดอะไรกัน . . . . . . . ? "

ฟานเซียงหยุนยังสวมกระโปรงสีเขียว แต่เดิมนางมีหน้าอกใหญ่ ซึ่งทำให้ผู้หญิงคนอื่นอิจฉาด้วยความชื่นชมจริงๆ . . . . . . .

ไม่ใช่แค่มันผิดปกติไป แต่มันแบนราบ

เกิดอะไรขึ้น ?

ทำไมราชินีแห่งฟ้าที่มีขนาดใหญ่เช่นนั้นถึงนั้นถึงได้หายไป ?

ในพระราชวัง หลังจากได้ยิน ยู่ชิง พูดแบบนี้ ส่วนใหญ่ของ นักรบทุกคนก็มองไปทางฟานเซียงหยุนด้วยใบหน้าประหลาด ราวกับว่าพวกเขาได้ค้นพบทวีปใหม่ แอบอุทานพูดกันอย่างต่อเนื่อง

เป็นฟานเซียงหยุนใบหน้าที่มีเสน่ห์ก็ซีดราวกับนางเพิ่งถูกวางยา กลายเป็นบิดเบี้ยวมากเปลี่ยนไปอย่างไร้ร่องรอยของเสน่ห์ที่นางเคยมี การเปลี่ยนทันทีนี้ทำให้เสียงของทุกคนหยุดลง

มีนักรบที่มองหน้าอกของนางแล้วรู้สึกแสบในสายตาของพวกเขา นักรบบางคนที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำ ก็ยังจับไปที่หัวตัวเองและกลิ้งลงไปที่พื้น

" ราชินีนภา , เจ้าจะทำอะไร? " ใบหน้าของตงฟางเจว่ ก็เปลี่ยนสี คำถามของเขาเป็นเหมือนเสียงคำรามของสัตว์ป่านับพันทำลายภาพลวงตาในพระราชวัง เขาเห็นกลุ่มของนักรบกระอักเลือดกระฉูดออกมาเต็มปาก , ตระกูลตงฟางก็สะดุ้งยืนด้วยเสียงคำราม

หน้าฟานเซียงหยุนก็บิดเบี้ยว นางขบฟันแน่น ก้มหัวลงด้วยลมหายใจที่รุนแรงพยายามระงับความโกรธของนาง

" หยุดก่อน หยุดเด๋วนี้ อย่าต่อสู้กันเอง. " ยู่ชิง รู้สึกว่าสถานการณ์รุนแรง นางจึงรีบออกมาพูดยุติ แล้วนางก็มองไปทางกลุ่มของชิงหมิงทั้งสามคนและถามอย่างใจเย็น " เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ ? "

กษัตริย์ปฐพีตลอดเวลา ก็ส่ายหัวด้วยสีหน้าแปลกๆ เขามองไปที่ฟานเซียงหยุนที่กำลังจะลงมือสังหารหมู่และจากนั้นก็เหลือบไปมองชิงหมิงที่ต้องการใช้เปลวสวรรค์ของเขา เขาถอนหายใจส่ายหัวแล้วพูดว่า " ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของฉื่อหยาน "

" ฉื่อหยาน " ? ทุกคนลดเสียงของพวกเขาลง พึมพำชื่อของเขาในขณะที่ใบหน้าของเขาจมกับความกลัว และ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้าน

เป็นไปได้ยังไง ? ?

แค่ใช้พลังจากภายนอกกลับมีความแข็งแกร่งเหนือกว่านักรบระดับพระเจ้า นี่เขาพึ่งทำให้เหล่านักรบที่มีชื่อเสียงหนีกลับมาได้และยังทำให้พวกเขาตกอยู่ในความรู้สึกอ้างว้างได้ ?

มันคือความจริง

นักรบภายในวังก็เงียบลงราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกันเสียงทุกคน แม้แต่เสียงเข็มตกก็สามารถได้ยิน

"นี้มัน . . . . . . สามารถเล่ารายละเอียดเพิ่มเติมได้หรือไม่ ?" กู่เฉา ลังเลเล็กน้อย เขาเลือกคำพูดที่จะถามเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความระคายเคือง " เราไม่รู้ว่าเขาใช้วิชาอะไร ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ ข้าเกรงว่าครั้งต่อไปเราก็ยังอาจจะไม่สามารถฆ่าเขาได้ . "

กษัตริย์ปฐพีมองชิงหมิง และราชินีนภา ด้วยสีหน้าอึดอัด เขาเผยรอยยิ้มเหยเก บอกว่า " เจ้าเด็กนี้มีวิชาแปลกประหลาด ดาบของมันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าปีศาจ ไม่มีอะไรที่ดาบนั้นไม่สามารถทำลายได้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ว่าเราไม่รู้ว่าวิธีใดกันที่เขาใช้เพื่อช่วยศพราชันย์หนีออกจากการควบคุมจิตใจของเรา นั้นเป็นเพียงบางส่วน ยังมีศพนภาอีกสองที่หนีออกจากการควบคุมและทำร้ายพวกเรา เคล็ดวิชาภาพลวงตาวิญญาณของราชินีนภาก็ถูกทำลาย และสุดท้ายเราก็ต้องหนี เฮ้อ มันเป็นเช่นนี่้แหละ ถ้าพวกท่านเจอเจ้าเด็กบ้านี้ เจ้าต้องระวังให้มาก เจ้าไม่สามารถใช้สามัญสำนึกทั่วไปรับมือกับเขาได้ "

นักรบทั้งหมดสีหน้าก็เปลี่ยนทันทีเมื่อได้ฟังประโยคท้ายของเขา

" ถ้าเราไม่กำจัดเขา เราจะอยู่กันอย่างไม่สงบแน่ แม้เจ้าจะสามารถขับไล่เผ่าอสูรได้ก็ตาม "หลังจากใคร่ครวญ , ฟานเซียงหยุนนางก็ขบกฟัน และแค้นใจพูด

ชิงหมิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับ , กล่าวว่า , " เราสามารถถ่วงเวลาการต่อสู้กับเผ่าอสูนได้ในตอนนี้ เราต้องทำลายเจ้าเด็กสารเลวนี่ เราไม่สามารถปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ถ้าเขาหนรไปจากทะเลไม่มีสิ้นสุดได้หรือหนีรอดไปจากเราได้ เขาจะต้องกลับมาฆ่าเราทั้งหมด ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ แม้แต่ฉาวเชียวเต้า หรือ หยางอี้เทียน . ตอนนี้ เขามันแย่ยิ่งกว่าจักรพรรดิหยางเทียนเสียอีก”

" ข้าเห็นด้วย " ฟานเซียงหยุน กล่าวด้วยความไม่พอใจ

" ข้าก็เห็นด้วย " กษัตริย์ปฐพีตอบ

ทุกคนก็งงนิ่งเหมือนท่อนไม้

หลังจากนั้นสักพัก กู่เฉา ก็มอง ยู่ชิง และตงฟางเจว่ และพบร่องรอยของความกลัวลึกเข้าไปในดวงตาของพวกเขา พวกเขาเริ่มหวาดกลัว

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด