บทที่ 356 มองไปข้างหน้าเพิ่อความก้าวหน้า
บทที่ 356 มองไปข้างหน้าเพิ่อความก้าวหน้า
ชิงหมิงก็ไม่เคยหวาดกลัวมาก่อน
ศพราชันย์เป็นรากฐานของนิกายซากซพย ดังนั้น ความยิ่งใหญ่ของนิกายซากซพจึงเกี่ยวข้องกับศพราชันย์ ต้องขอบคุณในดำรงอยู่ของมัน ชิงหมิงจึงเป็นหนึ่งในผู้ปกคีองทะเลไม่มีสิ้นสุดได้
อาจกล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีศพราชันย์ ชิงหมิงก็คงไม่มีสถานะเช่นวันนี้ ไม่ว่าตอนนี้ หรือในอนาคต ศพราชันย์จะเป็นสิ่งที่รับประกันความแข็งแกร่งของเขา
ไม่มีศพราชันย์ เขาจะสูญเสียสถานะปัจจุบันของเขา และตำแหน่งของเขาในนิกายซากศพอาจสั่นคลอร การบ่มเพาะเคล็ดวิชาลับของนิกายซากศพต่างก็มีความสัมพันธ์บางอย่างกับศพราชันย์ เมื่อศพราชันย์หลุดออกจากการควบคุมของเขา มันคงยากสำหรับเขาที่จะทำลายเข้าสู่ระดับบ่าเพาะต่อไป และเขาจะไม่มีวันสามารถก้าวหน้าใดๆได้อีกในชีวิตที่เหลือของเขา
ศพราชันย์ที่ผ่านการหลอมและกลั่นมานับหมื่นครั้งหมื่นปี มันยากที่จะเชื่อว่าฉื่อหยานจะจัดการได้ง่ายๆเช่นนี้
เห็นศพราชันย์ค่อยๆฟื้นคืนสติ , ชิงหมิงก็ตกใจ เขากลายเป็นหวาดกลัว
เขารู้สึกสูญเสียทุกอย่าง
" เจ้าเป็นอิสระแล้ว . " กลางพื้นที่ว่างเปล่า ฉื่อหยาน ถือดาบยักษ์ลึกลับ และส่งสติอย่างต่อเนื่อง เข้าไปในจิตสำนึกที่ตื่นขึ้นมาของศพราชันย
ความพยายามของเขาไม่นานก็แสดงผล
ศพราชันย์ไม่ได้กระทำใดๆต่อ ฉื่อหยาน และ จิตสังหารที่อยู่ศพราชันย์ก็หายไป มันกลายว่างเปล่า มันยืนอยู่พื้นที่ว่างเปล่าด้วยจิตวิญญาณของมันที่ดูเหมือนจะค่อย ๆฟื้นความทรงจำเลือนลางกลับมา ราวกับเพิ่งนึกขึ้นถึงเรื่องที่สำคัญมาก
ชิงหมิงก็คำรามไม่หยุดเบื้องล่าง แต่เขาก็ไม่มีทางที่จะควบคุมศพราชันย์ได้อีกต่อไปแล้ว ศพราชันย์ดวงตาที่ว่างเปล่าก็ค่อยๆฟื้นอารมณ์ของมนุษย์ มองออกไปเหมือนกำลังจมลึกในความคิดและค้นหาอะไรบางอย่าง . . . . . . .
ฉื่อหยาน ไม่ได้พูดอะไร หรือฉวยโอกาสที่จะทำอะไร เขาระมัดระวังในขณะที่ส่งเจตนาไปอย่างต่อเนื่อง
ปีนั้น เขาได้ใช้จิตสำนึกสื่อสารกับแกนเพลิง ตอนนี้ เขาใช้วิธีเดียวกันเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับศพราชันย์
มันอาจรู้ได้เลยว่าที่ ฉื่อหยาน ส่งจิตสำนึกเข้าไปอย่างเป็นมิตรนั้น จะมีผลกระทบใดๆต่อศพราชันย์หรือไม่ แต่จู่ๆสายตาที่สับสนก็กลายเป็นยอมรับและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายตอนนี้ไม่ใช่ ฉื่อหยาน , แต่เป็นชิงหมิง .
ประกายแสงห้าธาตุใต้ฝ่าเท้า ฉื่อหยาน ก็ปั่นขึ้น มันดูเหมือนมีขนาดใหญ่ขึ้นและประกายแสงห้าธาตุก็ปกคลุมชิงหมิง
ราชินีนภาและกษัตริย์ปฐพีก็ตกตะลึงและ ด้วยสัญญานชาตญาน พวกเขาก็พุ่งออกไปไกล ด้วยตวามกลัวว่าจะกลายเป็นเป้าหมายของศพราชันย์
ในฐานะที่พวกเขาเป็นนักรบของ ทะเลตูต้า พวกเขารู้อยู่ถึงความน่ากลัวของศพราชันย์ดี ปัจจุนี้ที่ชิงหมิงสามารถได้เปรียบเหนือนักรบคนอื่นก็เป็นเพราะศพราชัรย์
มันสามารถใช้พลังทั้งห้าธาตุได้อย่างสมบูรณ์ ร่างกายของศพราชันย์นั้นสามารถรับการโจมตีได้มากมายไม่ว่าจะเป็น หอก หรือ ดาบ ; มันสามารถควบคุมกลิ่นอายศพและระเบิดพลังออกมาได้
บนเกาะนี้เมื่อศพราชันย์เริ่มไล่ฆ่า แม้แต่ฟานเซียงหยุนก็หวาดกลัว
ร่องรอยของความสิ้นหวังประกายในดวงตาของชิงหมิง
ศพราชันย์จงใจทำร้ายเขาเหมือนดาบที่ฟาดลง ความหวังสุดท้ายของเขาทำให้เขาตระหนักว่า ศพราชันย์ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกต่อไป
เขาเข้าใจความแข็งแกร่งของศพราชันย์มากกว่าใครทั้งนั้น
ทันทีที่กษัตริย์ศพลงมือ ชิงหมิงก็จ้องไปที่ ฉื่อหยาน ด้วยสายตาที่โหดเหี้ยมและคำรามอย่างโกรธเคือง " ฉื่อหยาน , ข้าจะฆ่าเจ้า อีกไม่นาน ข้าจะต้องทำให้เจ้าลิ้มรสความทรมานที่โหดร้ายที่สุดในโลก"
ในขณะตะโกนเสียงดังออกมา เปลวไฟสีเขียวในดวงตาของชิงหมองก็กลายเป็นเป็นรูปไฟแปลกๆ ในเปลวไฟ , เงาคืบคลานของร่างศพมากมายกลายเป็นเป็นกองทัพกลิ่นอายปีศาจที่แข็งแกร่ง
กลิ่นอายเงาสีดำเหมือนหมึกไหลรวมกันอยู่ที่รอบๆตัวชิงหมิง มันไหลอย่างรวดเร็วบดบังแสงว่างและขยายไปทางทิศตะวันตกทันทีจากนั้นก็หายไปในขอบฟ้า
เมื่อศพราชันย์ลงมาจากฟ้า ประกายแสงห้าธาตุที่โจมตี ชิงหมิงก็หายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอย
ราชินีนภาและกษัตริย์ปฐพีก็จ้องมองดู และพวกเขาทั้งคู่เลือกที่จะถอย ร่างกายของพวกเขาพุ่งออกไปพร้อมกัน กลายเป็นแสงเจิดจ้าบิเบือนขึ้นรอบๆพื้นที่ แล้วก็หายไปในอากาศ
นักรบระดับพระเจ้ามีความสามารถในการเคลื่อนย้ายหลายหมื่นไมล์เพียงแค่กระพริบตา โดยการใช้ลับสมบัติหรือระเบิดของความแข็งแกร่งของร่างกาย พวกเขาไม่เพียง แต่เคลื่อนไหวไปได้หลายพันไมล์ แต่ยังสามารถกลบกลิ่นอายวิญญานได้อีกด้วย
ยกเว้นบางคนที่มีความสามารถตรวจจับวิญญาณ หรือคนที่มีพลังเหนือกว่าพวกเขาตามล่า มันเป็นความท้าทายมากที่จะหาพวกเขาได้พบอีกครั้งและขุดรากถอนโคนพวกเขา ถ้าจะทำได้ คนๆนั้นต้องมีพลังมหาศาล รวมทั้งมีฐานการบ่มเพาะที่สูงกว่าศัตรูเพิ่อมตามหาวิญญานของพวกเขา
ฉื่อหยาน แน่ชัดว่าแล้วว่า เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
นั่นคือเหตุผลที่เขาทำเพียงแค่มองดู ราชินีนภาและกษัตริย์ปฐพีหายไป
หลัง ชิงหมิง ฟานเซียงหยุน และกษัตริย์ปฐพีหายไป , ฉื่อหยาน ที่กำลังจะเริ่มไล่ฆ่า ก็พบว่า นักรบที่เหลืออยู่ต่างก็กำหลังหนีและซ่อน บางส่วนของพวกเขาใช้สมบัติลับ บางคนใช้วิชาลับ ,
หน้าฉื่อหยานก็กลายเป็นมืดมัวไป เขานั้นมีระดับการบ่มเพาะที่ระดับรู้แจ้งจึงไม่สามารถตรวจสอบ วิญญานของฝ่ายตรงข้ามได้ ถ้าเขามีระดับการบ่มเพาะที่ระดับนภาและใช้ประโยชน์จากวิญญานหลักของเขา อาจจะสามารถทำให้ตามหานักรบระดับนภาคนหรือสองคนได้ และถ้าเขามีระดับการบ่มเพาะที่ระดับพระเจ้า เขาก็คงไล่ตามหาวิญญาณของ ชิงหมิง , ฟานเซียงหยุน และกษัตริย์ปฐพี
แต่น่าเสียดายที่เขาในตอนนี่อยู่เพียงนภาที่สองในระดับรู้แจ้งเท่านั้น
หลังจากที่นักรบทั้งหมดได้หายไป ก็เหลือเพียงฝูงทาสศพ , สองศพนภา และตัวของเขาเอง
หลังจากที่หยุดหลุมแรงโน้มถ่วง ฉื่อหยาน ก็ยืนอยู่ในความเงียบ , ล้อมรอบด้วยภูเขาคนตายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ดูดซับกลิ่นอายธรรมชาติรอบๆตัวเขา
เขาได้ฆ่านักรบระดับรู้แจ้งไปสิบคน หรือใช้พลังจากดาบยักษ์ลึกลับ ดูดกลิ่นอายพลังในร่างของเหล่านักรบเข้าไปในร่างของเขา พลังเหล่านี้มีค่ามาก มันอาจช่วยในกระบวนการกลายพันธุ์ของเขา ดังนั้น เขาจึงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปแน่นอน
เมื่อศพราชันย์ได้เชื่อมต่อกับเขา มันได้ดูดกลิ่นอายศพที่ฝังอยู่ในขาเขากลับมา ต่อมา เมื่อกลิ่นอายศพเริ่มหายไป ก็เผยให้เห็นถึงขาที่เหนียวเหนอะไปด้วยเลือดของฉื่อหยาน อย่างไรก็ตาม ภายใต้จิตวิญญานอมตะบาดแผลเหล่านั้นก็เริ่มฟื้นตัว
ในระหว่างกระบวนการฟื้นฟูและเชื่อมต่อกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น เขาต้องทนเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม ด้วยผลของจิตวิญญานอมตะแผลของเขาจึงหายอย่างรวดเร็ว
จิตวิญญาณอมตะช่างสมเป็นจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์นัก ยิ่งบาดแผลรุนแรงเท่าใด ความเร็วในการรักษาก็ยังคงเร็วเช่นเดิม ถ้าใครได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยในการต่อสู้ มันก็สมควรจะหายทันที
ยืนอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าและสัมพัสไปที่การฟื้นฟูของจิตวิญญานอมตะ ฉื่อหยาน ก็แสยะยิ้มอย่างผ่อนคลาย
ตอนนี้ ดาบยักษ์ลึกลับก็หลุดลอยไปจากมือของเขา กลายเป็นเลือดไหลเข้าไปในแหวนสายโลหิต จากนั้นก็กลับไปยังมุมหนึ่งของแหวนตั้งตรงเช่นเดิม . เมื่อดาบยักษ์หายไป ฉื่อหยานรู้สึกเหนื่อยมาก แม้แต่การยกแขนหรือขาก็เป็นไปได้ยากสำหรับเขา
นั่นคือผลกระทบของบ้าคลั่งนภาที่สอง
เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่รุนแรงไหลเข้าไปในร่างกายของเขาเช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาราวกับว่าเส้นชีพจรของเขาถูกฉีกขาด ใบหน้าของเขาก็มิดมน จำนวนนักรบที่ตายในมือของเขานั้นค่อนข้างมาก และระดับการบ่มเพาะของพวกเขาก็ลึกซึ้งพอสมควร ดังนั้น ,กลิ่นอายพลังจากศพพวกเขาจึงมีมากกว่าที่ร่าง ฉื่อหยาน อดทนไหว พวมันแทรกซึมเข้าไปในเส้นชีพจร , และกระตุ้นอารมณ์เชิงลบออกมามากมาย ความกลัว ความสิ้นหวัง และความแค้นก็ค่อยๆปกคลุมจิตใจของเขา
ด้วยประสบการณ์ของเขา ทันทีที่ ฉื่อหยาน รู้สึกว่าเขาจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ทันทีเขาก็รีบหาที่ระบาย
จากด้านล่าง ศพราชันย์ก็ยืนอยู่ด้วยกันกับสองศพนภา หนึ่งชายหนึ่งหญิง จ้อง ฉื่อหยาน โดยไม่รู้จะพูดอะไร
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้ว . แม้ว่าเขามีความสามารถในการเชื่อมต่อกับพวกเขา เขาก็ยังมีความรู้สึกไม่มั่นใจ เขาไม่แน่ใจว่าเมื่อเขาจะสูญเสียสติหรือระเบิดออกความบ้าคลั่งออกมาทาสศพทั้งสามยังเชื่อฟังเขาอยู่หรือไม่ เขาไม่มั่นใจว่าพวกมันจะทำอะไรกับเขาหรือไม่เมื่อเขาเสียสติไปแล้ว
ทาสศพทั้งสามนั้นต่างก็มีสติปัญญาเป็นของตัวเอง ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมา , ภูมิปัญญาของศพราชันย์ดูเหมือนจะมีมากขึ้น ฉื่อหยานรู้ว่าถ้าศพราชันย์สามารถฟื้นฟูสติปัญญาและจิตสำนึกของตัวเองได้ จะมีเพียงไม่กี่คนในทะเลไม่มีสิ้นสุดที่สามารถควบคุมมันได้ แม้แต่ชิงหมิงที่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาควบคุมศพมาหลายปี ยังเลือกที่จะหนรไป ดังนั้น ใครกันหละที่จะกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน
บางทีอาจจะมีเขาคนเดียวที่ทำได้ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของเขานั้นพิเศษออกไป เขาจะต้องเชื่อมต่อจิตสำนึกไว้ ถ้าเขาเสียสติ หรือระเบิดความบ้าคลั่งออกมา เขาก็ต้องเวลาที่จะปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ในร่างออกมา
ในขณะเดียวกัน ถ้าสามศพอยู่ข้างเขา เขาเองก็ไม่ได้รู้ว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้น
เขาจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง
ดังนั้น หลังจากที่คิดถึงผลกระทบต่างๆเขาก็ตัดสินใจ
" จากนี้ไปเจ้าเป็นอิสระแล้ว , เจ้าสามารถเลือกเส้นทางของเจ้าเองได้ ข้าจะปลดปล่อยคุณ และไม่อยากผูกมัดให้ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องทำตามที่ข้าบอก มันเป็นทาวที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าที่จะทำให้เจ้าพัฒนาขึ้น ดูแลตัวเองด้วย ข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตใหม่บนโลกนี้ ' ข้าหวังว่าเราจะได้พบกันอีก ถ้าตอนนั้นเจ้าสามารถพูดคุยกับข้าได้ เราก็สามารถเป็นสหายกันได้ " หลังจากส่งจิตำสพนึกของเขาออกไป ที่ทาสศพทั้งสาม ฉื่อหยานก็ไม่รอคำตอบกลับ แต่ทันทีเขาก็เริ่มกลายเป็นแสงดาว กลายเป็นประกายแสงบินจากไป
ทาสศพทั้งสาม ก็ปรากฏร่องรอยของความไม่เต็มใจในสายตาของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขาจะต้องการที่จะตามไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใด
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ