บทที่ 348 การกลายพันธ์อีกครั้ง
บทที่ 348 การกลายพันธ์อีกครั้ง
พื้นที่แนวปะการัง
มองเห็นซากศพมัมมี่นอนอยู่บนเรือที่ของดินแดนสมบัติจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์ที่พัง ใบหน้าของนักรบห้าคนจากดินแดนสมบัติจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ดูแห้งเหี่ยวและมืดมน .
ผู้นำ ซูฮาว ผู้เป็นผู้อาวุโสของดินแดนสมบัติจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์ก็ถอดแหวนบนนิ้วของ เฉินตั้ว ทีละวง
แล้วพึมพำว่า " เฉินตั้ว , เจ้าแม้ไม่กระทั่งจะหลบหนีจากเผ่าอสูรได้เลยรึ ?
เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสดินแดนสมบัติจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์ , ซูฮาว รู้ว่า เฉินตั้ว นั้นมีสมบัติลับมากมาย พวกมันบางชิ้นสามารถช่วยให้ผู้ใช้หนีออกไปจากสนามต่อสู้ไกลนับพันไมล์ได้ทันที เฉินตั้วเป็นคนระมัดระวัง ถ้าเขาไม่เห็นว่าเขาจะชนะ เขาจะใช้สมบัติลับของเขาให้หนีทันที
นอกจากนี้ เขายังเห็นศพตงฟางเห้อ ของตระกูลตงฟางที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม และยังมีสมบัติลับที่สามาถช่วยชีวิตได้ ทั้งสองคนต่างก็มีสิ่งนั้น ซูฮาวจึงตกใจมาก หลังจากมีการตรวจสอบสถานการณ์อย่างรอบคอบ เขาก็รรายงานสถานการณ์ผ่านหินสื่อสาร
ว่าตอนนี้พวกเขาได้ตายไปแล้ว . . . . . . .
ถึงแม้ว่ามันเป็นทะเลไม่มีสิ้นสุดแต่ข่าวการตายของ เฉินตั้ว ก็ได้ส่งไปอย่างรวดเร็วถึงดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่ทะเลทมิฬ หลังจากที่ได้รับข่าว ที่ตำหนักหลักของดินแดนสมบัติจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์, เซียชุนน ทันทีก็ติดต่อ กู่เฉา .
" เป็นฝีมือฉื่อหยาน " บนยอดภูเขาพันดาบตระกูลกู่ เมื่อ กู่เฉา ได้ยิน เซียชุน อธิบายสถานการณ์เขาก็พูดขึ้นทันที ฉาวจื่อหลาน ทันทีก็มีปฏิกิริยาและพูดด้วยความประหลาดใจ " ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเขา ? "
กู่เฉา ลูบดาบยาว 3 บุ ( 1 บุจะเท่ากับ 1.66 เมตร ) และมองกลุ่มเมฆสีขาวบนท้องฟ้า เขาเคลื่อนไหวสองนิ้วเล็กน้อย และ ดาบสีฟ้าทันทีก็พุ่งเข้าไปในดาบอีกเล่ม
ดาบเทพที่ยอดภูเขาหันดาบก็กลายเป็นเหมือนกับมีชีวิต, ระเบิดเสียงแปลกๆออกมา
ประกายแสงดาบแวบขึ้นภายใต้แสงจันทร์ ดาบส่องแสงในท้องฟ้าเหนือภูเขาพันดาบ แต่ละเล่มก็หลอมรวมกัน สร้างเป็นม่านดาบที่แข็งแกร่ง เกิดเป็นกลิ่นอายดาบทีแหลมคม สามารถสั่นสะเทือนแผ่นดินได้
ท่วงทำนองดาบศักดิ์สิทธิ์ !
" เมื่อตอที่เราเข้าไปยังหุบเหวสนามรบ เราก็ได้สู้กับฉื่อหยาน .นักรบที่ตาย ในมือของเขต่างก็กลายเป็นเหี่ยวแห้ง กลิ่นอายพลังในร่างของพวกเขาหายไปกลายเป็นศพแห้งเหี่ยว"
ฉาวจื่อหลาน ค่อยๆถอนหายใจออกมาเบาๆ ดวงตาคู่สวย นางปรากฏความตรึงเครียด แต่ในที่สุดก็พูดขึ้น " นี่อาจเป็นเคล็ดวิชาชั่วร้ายบางอย่าง หรืออาจจะเกิดจากสมบัติลับบางอย่าง เฉินตั้ว และตงฟางเหอก็เคยขัดแย้งกับเขา เมื่อพวกเขาอยุ่บนเกาะสุริยัน ถ้าถังหยวนหนานไม่ห้ามปลามเข้า ฉื่อหยาคงจะลงมืออย่างไร้เมตตาแล้วฆ่าฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว. "
มองรูปแบบที่ปรากฏบนยอดภูเขาพันดาบ กู่เฉา ก็พยักหน้า " ได้ ข้าจะแจ้งข่าวเรื่องฉื่อหยานให้กับขุมพลังอื่นในทะเลไม่มีสิ้นสุดและบอกให้พวกเขารู้ถึงที่อยู่ของเขา ถ้าเกิดมีนักรบระดับพระเจ้าอยู่หละก็ ตราบใดที่เส้นทางของเขาถูกเปิดเผย เขาจะต้องไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้แน่นอน ไม่พูดถึงความจริงที่ว่าเผ่าอสูรเองก็ตามล่าเขาเช่นกัน "
ฉาวจื่อหลาน ทำอะไรไม่ถูก และต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะเงียบ มีเพียงเปลือกตานางที่เริ่มสั่น
มองดูดวงดาวในค่ำคืน นางก็รู้สึกขมขื่นในหัวใจนาง ด้วยคำสั่งของตระกูลนาง , ทำให้นางต้องตระหนักถึงความจริงและเหตุผลกับหน้าที่ในการต่อสู้ ดังนั้น นางจะต้องจัดการอย่างเด็ดขาด
ในนั้นเศษซากหิน
มีหินสีแดงเข้มที่มีรูปร่างแปลกประหลาดกระจายอยู่ทั่ว ภายใต้แสงจันทร์ และ แสงดวงดาว หินพวกนี้เป็นเหมือนกับผีที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของนักรบ
สองร่างหญิงสง่างามนอนบนหินที่แบนเรียบ เสื้อผ้าของพวกนางถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ นางนอนบนหิน ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ . พวกนางตกตะลึงในความแข็งแกร่งและหอบออกมาในขณะที่จ้องมองท้องฟ้าด้วยดวงตาที่มึนเมา
สิบเมตรห่างจากที่นั่น , ฉื่อหยาน นั่งอยู่บนหินสี่เหลี่ยมด้วยร่างกายที่ท่อนบยเปลือยเปล่า เขาค่อยๆ หลับตาลง ในขณะที่บางแสงสีแดงเคลื่อนไหวอยุ่ในร่างของเขา
ระหว่างเขาและหญิงสาวทั้งสองของจากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์มีกองเสื้อผ้าฉีกขาดอยู่
ภายใต้แสงดาว ฉื่อหยาน ดูเคร่งขรึม ในขณะที่เขากำลังจมอยู่ในห้วงสมาธิไม่ได้สนใจสถานการณ์รอบ ๆตัวเขา ไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังควบแน่นพลังทั้งหมดของเขาอยู่
อย่างคลุมเครือ หมอกสีขาวก็ลอยออกมารอบเขา โดยกระจายไปตามสายลม เหมือนเมฆลอย
สักพักต่อมา
สองหญิงสาวสาวกของดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ก็ได้สติและเรี่ยวแรงคืนท่เล็กน้อย , พวกนางนั่งพิงหลังกับหิน มองดูร่อยรอยบาดและรอยขีดข่วนที่อยู่ตรงส่วนหน้าอกและที่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่ได้รู้สึกเขินเลย เพราะนี่เป็นสิ่งปกติ และไม่ใช่เรื่องที่ควรโกรธ
ฉากที่ดุเดือดก่อนหน้านี้แวบผ่านจิตใจของพวกนาง ฉื่อหยานเป็นเหมือนสัตว์ร้ายหื่นกระหาย กระทำพวกนางอย่างรุนแรง ดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดงทำให้พวกนางกลัวเป็นอย่างมาก
พวกเขาสองคนมอง ฉื่อหยานที่นั่งสมาธิจากระยะไกลอย่างเงียบๆ แม้ว่าพวกนางจะไม่ได้พูดอะไร แต่พวกนางก็สามารถสื่อสารกันด้วยตา .
เป็นร่องรอยของความโหดเหี้ยมปรากฏในสายตาของพวกนาง พวกนางรู้สึกว่า นี่เป็นโอกาสเดียวของพวกนาง หนึ่งในพวกนางสังเกตุการเคลื่อนไหวของฉื่อหยาน ขณะที่อีกคนกำลังนั่งรวบรวมพลังปราณลึกลับเพื่อฟื้นคืน คืนความแข็งแรงของแขนขาที่ชาของนาง แล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน
ทันใดนั้น สองสาวdHกระโดดขึ้นบนฟ้า กริชหยกและเข็มกลัดทองเหลืองก็กลายเป็นแสงพุ่งไปที่ ฉื่อหยาน .
เมื่อการโจมตีของพวกนางเกือบจะถึงฉื่อหยาน , แสงดวงดาวก็ปรากฏ ควบแน่นเป็นโล่ดารา จุดดวงดาวนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอย่าลึกลับจากโล่ดารา แล้วมาบรรจบกันเป็นรูปกำปั้น
การโจมที่เฉียบคมของสองสาวก็กลายเป็นจุดแสงเล็กๆ
จุดดวงดาวก็ระเบิดการโจมตีกลับมา เป็นจุดประกายแสงเล็กๆ
กริชและเข็มเจาะร่างกายพวกนางทั้งสอง
" บูม "
ร่างกาบที่บอบบางของทั้งสองสาวจากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ก็สั่นสะท้านเป็นกระดูกของพวกนางที่ระเบิกออกมาเหมือนกับประทัด ทุกอย่างถูกทำลาย แม้แต่อวัยวะภายในแตกกระจาย
พวกนางกลายเป็นหยุดนิ่งร่างกายหล่นลงบนพื้น ความโหดเหี้ยมในสายตาพวกนางก็หายไป ความกลัวจากจิตใจพวกนางกระจายหายไป พร้อมกับกลิ่นอายพลังในร่างกายที่กลายเป็นว่างเปล่า ร่างทั้งสองก็เหี่ยวแห้ง
ฉื่อหยาน ซึ่งนั่งอยู่ตรงบนหินสี่เหลี่ยม จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา แล้วเขาก็เหลือบไปมองศพสองสาว 'และค่อยแสยะยิ้มอย่างดูถูกที่มุมปากของเขา จากนั้นเขาก็ค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง และตั้งสมาธิต่อ
ประกายแสงสีม่วงแดงมากมายบนแขนซ้ายของเขาก็ไหลอยู่ภายในกล้ามเนื้อของเขาทำให้แขนซ้ายหนัก ราวกับว่ามันถูกมัดไว้กับหินหนึ่งพันกิโลกรัม
แสงสว่างสีม่วงแดงบนแขนซ้ายของเขาก็ส่องสว่างมากขึ้นและสวยงามมากขึ้น ฉื่อหยาน ร่างกายก็สั่นสะท้านเล็กน้อย แม้แต่ห้วงจิตสำนึกของเขายังได้รับผลกระทย
ภายในแขนซ้ายของเขาเป็นสีม่วงแดง อย่างแปลกประหลาด พลังลึกลับและพลังปราณลึกลับ ในร่างกายทั้งหมดของเขาก็หลอมรวมเข้าด้วยกันเปลี่ยนแปลงแขนทั้งสองของเขา
จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธุ์
เมื่อมันเริ่มต้นขึ้น มันก็หยุดไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่ามันจะได้ดูดซับพลังลึกลับและพลังปราณลึกลับของเขา มิเช่นนั้นมันก็ยังคงไม่วงบ
พลังลึกลับและพลังปราณลึกลับก็ไหลออกมาจากจุดชีพจรทั้ง720จุดอย่างบ้าคลั่ง แล้วกลายเป็นเส้นสายแสงมากมายเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาดอย่างรวดเร็วหลอมรวมเข้ากับแขนทั้งสองของเขา และการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น
ต้นไม้โบราณพลังปราณลึกลับที่อยู่กลางวงหมุนพลังปราณลึกลับตอนนี้ก็กลายเป็นที่คลุมเครือ และสูญเสียพลังปรารลึกลับไปมากมาย จนมันกลายเป็นโปร่งใสค่อยๆและค่อยๆจางลงจนหายไปในที่สุด
ฉื่อหยาน ยังคงเงียบ และเฝ้าสังเกตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการกลายพันธ์ของจิตวิญญานต่อสู้
. . .
ภายใต้แสงจันทร์ เทพจันทรา โอหยางลู่ซวง ที่เป็นเหมือนเทพธิดาจันทรา แสงจันทร์ก็ปกคลุมร่างกายทั้งหมดของนาง ในขณะที่นางนั่งสมาธิอยู่เงียบ ๆท่ามกลางแสงสว่าง
บนเกาะจันที่ เผ่าอสูรมากมายอยู่บนเกาะด้วยสี่หน้าโหดร้ายกระหายเลือด ดวงตาของพวกมันทุกตนมองขึ้นไปบนฟ้า
สองปรมจารย์อสูร ซินดราและเอริดก็ยืนอยู่บนเรือกระดูก ' วิจิตรเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ ' พวกมันมาจากเกาะสุริยัน
ภายใต้แสงจันทร์ เทพจันที่ดูเหมือนกำลังอยู่ในฉากมหัศจรรย์ และไม่รู้ว่าศัตรูกำลังเข้ามาใกล้ แสงจันทร์แนบร่างกายของนาง นางปล่อยวางราวกับว่าตัวเองเป็นอมตะ
กระดูกสีขาวของวิจิตรเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ส่ายอย่างรุนแรง
ที่ด้านล่างของเรือ ร่างของเสี่ยวฮานยี่ ซึ่งอยู่ในโลกศพผลึกน้ำแข็ง ก็ถูกห่อด้วยกลิ่นอายอสูร วิญญานหลักของราชาอสูร ชิหยาน ได้แทรกเข้ามาในร่างของเสี่ยวฮานยี่และใช้ร่างกายนี้เข้าสู่ทะเลไม่มีที่สิ้นสุด
กระแสของประกายแสงอสูรก็แวบขึ้น โลงศพก็มาหยุดต่อหน้าเทพจันทรา โอหยางลู่ซวง
ชิหยานมองไปที่เทพจันทรา ที่ถูกแช่อยู่ในแสงจันทร์ และไม่ได้พูดอะไร ในขณะที่มือของเขาทั้งสิบนิ้วกดลงไปบนอากาศที่ว่างเปล่า
" ตาข่ายพันธนาการอสูรศักดิ์สิทธิ์ "
พร้อมกับที่ชิหยานตะโกนออกมา นิ้วมือทั้งสิบของเขาก็ขยายออก นิ้วมือสิบกลายเป็นเป็นตาข่ายใหญ่สิบอันซึ่งแต่ละอันดูเหมือนราวกับว่าทอมาจากเส้นเอ็นมังกรอสูร มันส่องแสงสีดำที่ปกคลุมท้องฟ้า ตาข่ายเหล่านี้เป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์สีดำสิบดวงที่ปกคลุมแสงจันทร์ มันมาจากทุกทิศทางล้อมรอบโอหยางลู่ซวง .
พระจันทร์ก็สว่าง แต่แสงที่งดงามเหล่านั้นกลับถูกบดบังโดยตาข่ายทั้งสิบ
บนวิจิตรเทพอสูรศักดิ์สิทธิ์ เมื่อทั้งสองปรมจารย์อสูร เอริกและซินหราเห็นฉากที่เกิดขึ้นของ" ตาข่ายพันธนาการอสูรศักดิ์สิทธิ์ " ของชิหย่น ทันที พวกเขาก็รู้สึกปล่อยวางและคิดว่า เทพจันทราคนใหม่อีกไม่นานต้องถูกกำจัดแน่นอน
แสงจันทร์กลายเป็นเหมือนกัยน้ำสีเงิน โดยทีโอหยางลู่ซวงเป็นศูนย์กลาง มันกระจายรอบๆ ตาข่ายของชิหยาร
แสงสีเงินและประกายแสงอสูรประทะกัน . เกิดประกายแสงงดงามเจิดจ้าในค่ำคืนที่มืดมิด มันเป็นเหมือนดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้นบนฟ้าเหนือเกาะจันทา แสงไฟหลากสีสันก็ระเบิดออกมา
แสงไฟประหลาดส่องทั่วท้องฟ้า สิบตาข่ายของชิหยานก็รวมกันและพยาพันธนาการฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นหนา
หลังจากตาข่ายทั้งสิบปิดกั้นท้องฟ้าอย่างสมบูรณ์ ชิหยานก็ตั้งสมาธิอย่างระมัดระวัง แล้วเปลือกตาของเขาก็สั่นเล็กน้อย
เทพจันทรา โอหยางลู่ซวงก็ได้หลบหนีจากการปิดล้อม และหนีจากตาข่ายพันธนาการอสูรศักดิ์สิทธิ์
" นายท่านชิหยาน ผู้หญิงคนนั้น . . . . . . . " ซินดราก็บินมาจากตาข่ายพันธนาการอสูรศักดิ์สิทธิ์ ยืนอยู่ข้างหลัง ชิหยานและช่วยไม่ได้ที่จะถามออกไป
" นางหนีไปได้ "
ชิหยานก็ ขมวดคิ้วของเขา หันกลับมามองซินดราและพูด " จากนี้ไป ในทะเลกว้างใหญ่ นอกจากทั้งสามคน ฉาวเชียวเต้น หยางอีเทียน และ จักพรรดิ์หยางเทียน ก็ยังมีอีกคนหนึ่งที่อาจเป็นภับคุกคามแผนใหญ่ของเรา จำไว้ว่าถ้าเจ้าเจอนางคราวหน้า ตราบใดที่เจ้ารู้สึกได้ถึงสถานการณ์ไม่ดี เจ้าต้องหลบหนีทันทีอย่าได้ลังเล " ซินดราก็ตกตะลึง .
" สะพานวิญญานเหลือเพียงอีกขั้นตอนเดียวก็จะเสร็จสมบูรณ์ เจ้าต้องใช้ความพยายามทั้งหมดของเจ้าเพื่อที่จะกำจัดตัวปัญหา เจ้าต้องค้นหาร่องรอยของ ฉื่อหยาน และฆ่าเขาเป็นอันดับแรก " ชิหยาน กล่าว
" นายท่าน , ฉื่อหยาน สำคัญด้วยรึ ? " ซินดราที่สับสยก็ถาม " เขาได้อาศัยพลังจากสิ่งอื่น เพื่อทำร้ายหม่าฉีต้วน . ดังนั้น เมื่อไม่มีพลังจากสิ่งนั้นแล้ว เขาก็จะไม่มีอะไรเหลือ และกลายเป็นเด็กธรรมดา มันสำคัญขนาดต้องให้ท่านสนใจเชียวรึ ?
" ดาบอสูรไร้เทียมทานเป็นสุดยอดดาบโบราณหนึ่งในสาม แต่มันกลับถูกทำลายโดยดาบของเจ้าเด็กนั่น ถ้าวันหนึ่งเข้าบรรลุเข้าสู่ระดับพระเจ้าและหลอมรวมเข้ากับดาบได้ ก็คงไม่มีใครในทะเลกว้างใหญ่สามารถหยุดเขาได้ " ชิหยานสูดลมหายใจเข้าและพูด
หลังจากหยุดพูดสั้นๆ ชิหยานก็ กล่าวต่อว่า " แม้แต่ข้าก็ไม่หยุดได้เช่นกัน ."
ซินดราก็ตกใจเขาคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวด้วยความกลัว " ข้าเข้าใจแล้ว "
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ