บทที่ 347 ล่าสังหาร
บทที่ 347 ล่าสังหาร
บนเรือของดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ก็แล่นอยู่ในทะเล กลุ่ม เฉินตั้ว และตงฟางเห้อ ก็กำลังสู้กับเผ่าอสูรเกล็ดดำสิบตย
เผ่าอสูรเกล็ดดำทั้งสิบตนนี้ร่างกายถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำ และระดับการบ่มเพาะของพวกมันก็ไม่ใช่น้อย พวกมันทั้งหมดถืออาวุธที่แหลมของจากดินแดนอสูร ,โจมตีเฉินตั้วและ และตงฟางเห้ออย่างต่อเนื่อง .
ในหมู่เผ่าอสูรเหล่านี้ มีตนหนึ่งที่มีระดับการบ่มเพาะเท่ากันกับ เฉินตั้ว ที่อยู่ในระดับนภา มันถือเขาโค้งอันใหญ่
เขาโค้งนี้เขาเห็นได้ชัดมาจากสัตว์อสูรที่ร้ายกาจ มันมีขนาดยาวสามเมตรและสามารถสร้างเสียงดังที่เสียดหูได้ ทำร้ายสาวกดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก
พวกเขาต้องปิดหูและกรีดร้องออกมาอย่างทรมาน
นิ้ว เฉินตั้ว ที่เต็มไปด้วยแหวนมากมาย เขายืนอยู่บนเรือในขณะที่แหวนของเขาส่องประกายหลากสีสันมากมายขึ้น
จะเห็นดาบเล็กสีเงิน หินสามเหลี่นมสีฟ้า , และลูกไฟสีแดงหนึ่งลูกแขวนอยู่ด้านหน้าอกของเขา ด้านหลังของเขา และบนศีรษะของเขา สั้งสามเหล่านี้เป็นสมบัติแปลกประหลาดราวกับว่ามันมีจิตวิญญาณความสัมพันธ์กับ เฉินตั้ว . และติดตามเขาด้วยใจ
สมบัติเหล่านี้จู่ๆก็เกิดการเปลีย่นแปลงมัน หมุน , และบางครั้งก็ลอยไปที่เผ่าอสูร ที่กำลังปิดล้อมและลุมโจมตีกลุ่มของเขา
หินสามเหลี่ยมสีฟ้าเคลื่อนไหวไปรอบ ๆ ด้านบนหัวและส่องประกายแสงสีฟ้ารอบๆตัวเขา
ลูกไฟสีแดงและดาบสีเงินเล็ก ๆก็ผลัดกันล้อมและโจมตีเผ่าอสูรที่ถือเขาโค้งใหญ่ .
ด้วยเขาโค้งแหลมในมือของมัน มันก็โบกมันอย่างรุนแรงในอากาศ เผ่าอสูรเกร็ดดำก็คำรามออกมา และดูเหมือนจะไม่ได้หวาดกลัวการโจมตีของเฉินตั้วเลย . เขาโค้งของมันดูเหมือนจะค่อนข้างหนักและไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆไม่ว่าจะโจมตีอย่างไร เฉินตั้วต้องร้องทุกครั้ง เมื่อดาบสีเงินเล็กๆของเขาประทะเข้ากับเขาโค้ง
เฉินตั้ว ถ่ายทอดพลังของเขาไปที่สทบัติลับบนร่างกายของเขาโดยมีเป้าหมายเป็นเขาโค้งของเผ่าอสูร เพื่อช่วยเหล่าสาวกของดินแดนจิตวิญญานสมบัตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบตัวเขา เมื่อเขาเห็นพวกเขาได้พบกับอันตราย เขาก็รีบใช้สมบัติลับของเขาเพื่อช่วยให้พวกเขา
เป็นตงฟางเห้อ ที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำกว่า เฉินตั้ว ฝ่ายตรงข้ามของเขามักจะเป็นเผ่าอสูรที่อยู่ในระดับรู้แจ้ง .
ส่วนอีกห้าและหกคนที่เป็นสาวกของดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กับ เฉินตั้ว ก็มีระดับงเพียงแค่ระดับหายนะเท่านั้น . ดังนั้น พวกเขาจึงตกใจมาก เพราะด้วยการพวกเขาะขาดประสบการณ์การต่อสู้ที่โหดร้าย
ปัจจุบัน มี สามศพของเหล่าสาวกดินแดนจิตวิญญานศักดิ์สิทธิ์บนเรือ เลือดเนื้อของพวกเขาไหลรวมกัน ซึ่งดูเหมือนจะถูกฉีกกระชากออกจากันโดยเผ่าอสูร และทำให้ร่างกายของพวกเขาไม่เหมือนเดิม
มีร่างศพของเผ่าอสูรเกล็ดดำสองตนที่ลอยอยู่ในทะเล พวกมันพึ่งตายได้ไม่นานนัก เนื่องจากเลือดของพวกมันยังคงพุ่งออกมา
หญิงสาวสองคนจากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ ที่สวมเสื้อผ้าสวยงามและเปิดเผยเรือนร่างผ่านผ้าบางๆมีใบหน้าของพวกนางก็กลายเป็นสีแดง ดวงตาของพวกนางก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พวกนางนำมือมาปิดปาก และกรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฉื่อหยาน หยุดปีกดาราของเขา และค่อยๆลอยอยู่เหนือหัวการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นด้านล่าง เขายิ้มบางๆในขณะที่ใบหน้าของเขายังคงเย็นชา
เฉินตั้ว รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และไม่สามารถช่วยได้ที่จะยกหัวแหงนมองท้องฟ้า และใจหาย ร้องไห้ออกมาดัง ๆ " ฉื่อหยาน ! "
ใบหน้าของตงฟางเห้อ ก็เปลี่ยนเป็นน่าหลัว จู่ๆ เขาก็ยิ้มจนเห็นฟัน มองเผ่าอสูรในด้านหน้าของเขาและกล่าวว่า " เจ้านั้นคือ ฉื่อหยาน จากตระกูลหยาง ข้าแน่ใจว่า เจ้าคงได้รับคำสั่งมาให้ล้างแค้นแน่นอน " ตงฟางเห้อ ชี้ไปที่ ฉื่อหยาน ที่โฉบอยู่ในท้องฟ้า อย่างเปิดเผย
เมื่อได้ยินดังนั้น สองเผ่าอสูร ผู้นำกำลังสู้กับ เฉินตั้ว และตงฟางเห้อ อยู่ก็หันหน้าขึ้นมอ ฉื่อหยาน ด้วยสัญชาตญานอย่ารวดเร็วและจากนั้นพวกมันก็พูดคุยกัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เผ่าอสูรเกล็ดดำที่อยู่ในระดับนภาก็คำรามอย่างดุร้ายโหดเหี้ยม เลิกสนใจเฉินตั้วและมุ่งไปที่ฉื่อหยาน.
ใบหน้าอ้วนของ เฉินตั้ว ก็สั่นในขณะที่เขากำลังยิ้มเยาะ เขาไม่ลังเลเลย รีบดึงดาบสีเงินเล็ก ๆของเขาและลูกไฟสีแดง พวกมันบินไปในท้องฟ้าด้วยกัน และมีวัตถุประสงค์คือฉื่อหยาน .
นักรบระดับนภาอีกสองคนที่ต่อสู้กับเผ่าอสูร ก็เปลี่ยนแปลงเป้าหมายของพวกเขาหลังจากได้ยินสิ่งที่ตงฟางเห้อ พูด
ตอนแรก ฉื่อหยานตั้งจะเล่น บทบาทเป็นชาวประมง อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาเห็นทั้งสองฝ่ายกำลังลงมือพร้อมกันมาที่เขา เขาก็หัวเราะด้วยสีหน้าเย็นชา " นี่ช่างยอดเยี่ยม "
ประกายแสงดวงดาว!
ทันทีที่เขากระตุ้นมันในความคิด ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด , และ
ทันทีที่ก็ปรากฏตัวขึ้นบนเรือ
ด้วยพลังที่เดือดพล่านจากวงหมุนบนท้องของเขา ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากการรวมตัวกันของจิตวิญญานพระเจ้าศักดิ์สิทธิ์ แกนเพลิง และ เปลวเหมันเยือกแข็งก็ระเบิดออก พลังมหาศาลอย่างรวดเร็ว ก็ไหลไปทั่วแขนซ้ายของเขา
หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ ผิวและเนื้อหนังแขนซ้ายของเขาก็เกิดอาการเจ็บปวด
พลังจากรูปแบบทั้งสามที่หลอมรวมกันในมหาศาลมาก และอยู่ไกลเกินขีด จำกัด ของเขา พลังเหล่านี้ ไหล ไปทั่วแขนซ้ายของเขา ซึ่งทำให้แม้แต่กระดูกของเขายังเกิดเสียงเปราะขึ้นมา และเห็นได้ชัดว่ามันกำลังทำลายอยู่ภายใน
ผนึกแห่งชีวิต !
พลังที่รุนแรงมากนี้ก็อยู่บนฝ่ามือของเขา และแต่ละอันก็มีขนาดเท่ากับฝ่ามือหนึ่ง
ผนึกแห่งชีวิตทั้งเจ็ดดวง แต่ลอันก็มีขนาดใหญ่เท่าภูเขาคริสตัลมันดูสวยงามเปล่งปลั่งซ้อนทับกัน ในขณะเดียวกันพลังมหาศาลก็เพิ่มขึ้นสูงหลายเท่า
ผนึกทั้งเจ็ดดวงก็ผสานกันเป็นหนึ่ง ประกายแสงที่เหมือนกับผนึกขนาดใหญ่บนฝ่ามือก็พุ่งออกไปทึกที่ แผ่นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
ผนึกแหง่ชีวิตที่มีพลังทําลายมหาศาล ก็พุ่งไปที่ เฉินตั้ว ซึ่งทำให้เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก สิบนิ้วของเขาเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง และสมบัติลับที่แตกต่างกันมากมายก็ลอยออกมา , เกิดเป็นรูปแบบป้องกันทั้งสิบเพื่อต่อต้านการโจมตีของผนึกแห่งชีวิตที่หมุนเป็นเกลียว
แต่ผนึกแห่งชีวิตที่ถูกสร้างจากรูปแบบวงหมุน ก็พังทลายรูปแบบป้องกันทั้งหมดเหล่านั้นทันทีเมื่อประทะเข้ากับมัน ผนึกที่ทรงพลังก็ฟาดลงตรงไปที่ร่างอ้วนของ เฉินตั้ว
" บูม "
เฉินตั้ว ร่างอ้วนอ้วนก็กระเด็นออกไปและระเบียงเรือก็ถูกทำลาย เขากลายเป็นเหมือนกับหอยอ้วนพุ่งไปในอากาศพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่วทุกที่
สาวกของดินแดนจิตวิญญานสมบัติมหัศจรรย์บางคงที่ยืนอยู่ข้างๆ เฉินตั้ว ก็ยังไม่สามารถหนีจากผลกระทบนี้ได้ พวกเขาถูกบดขยี้กลายเป็นก้อนเนื้อ ด้วยผนึกแห่งชีวิตและตกตายไปในที่สุด
สองสาวกหญิงของ ดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ที่งามเหมือนดอกไม้ก็ กลัวตาย พวกนางตะโกนเสียงดังขณะที่หลบเลี่ยงแรงระเบิดอย่างรวดเร็ว สองสาวนี้อยู่ค่อนข้างไกลจาก
จาก เฉินตั้ว พวกนางจึงโชคดีพอที่จะหนีจากโจมตีร้ายกาจนี้ได้
ตงฟางเห้อที่ อยู่ตรงข้าม เฉินตั้ว เขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากการโจมตี แต่ใบหน้าของเขากลับซีดเผือด และหัวใจของเขาก็กลายเป็นหยุดเต้น
เพียงการระเบิดครั้งเดียว , ฉื่อหยาน ก็ได้ฆ่า เฉินตั้ว อย่างอนาถ . โดยไม่ต้องรอให้ร่างไขมันของ เฉินตั้ว ตกลงไปในทะเล, ฉื่อหยาน ก็แวบขึ้นทันทีและปรากฏอยู่หลังตงฟางเห้อ .
" เจ้ากล้าลงมือกับข้ารึ ? ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจ " ตงฟางเห้อ กรีดร้องด้วยความกลัว
ฉื่อหยาน ยังคงสงบราวกับว่าเขาไม่ได้ยินคำขู่นี้ เขายกแขนข้างขวาของเขา ง้างออกและสะบัดไปที่หัวของฝ่ายตรงข่สง
" ปัง "
ตงฟางเห้อ หัวก็ระเบิดออกจากกันกลายเป็นเลือดเนื้อกระจ่ายไปทั่วทุกทีและเปื้อนร่างกาย ฉื่อหยาน .
หลังจากตงฟางเห้อ ตาย ฉื่อหยาน เขาก็กลายเป็นประกายแสงดวงดาวพุ่งไปล่าสังหารต่อ
พลังน่ากลัวบนแขนข้างขวาของเขาอย่างรวดเร็วก็ถูกกระตุ้น สิ่งที่แปลกคือที่แขนของเขาเงีบบสงบ ไม่มีประกายแสงใดส่องออกมา ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับแขนซ้ายของเขา และผนึกแห่งชีวิตก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และทันทีที่ครอบคลุม เฉินตั้ว .
ร่างกาย เฉินตั้ว ก็แหลกระเอียด ชิ้นเนื้อกระจุยกระจายไปทั่วทุกที่
ในทันที เฉินตั้วและ ตงฟางเห้อก็ตกตายไปอย่างง่ายดาย
ฉื่อหยานหัวเราะออกมาเล็กน้อย หันไปมองฝูงเผ่าอสูร อย่างไรก็ตาม หลังจากมาที่นี่ เขาก็ตระหนักได้ว่า กลิ่นอายของเผ่าอสูรหลายสิบได้หายไป . พวกมันพึ่งหนีออกไปได้ไม่กี่ไมล์
เผ่าอสูรระดับนภา ที่เคยสู้กับ เฉินตั้ว ก็ฟาดเขาโค้งที่แหลมคมออกมาในขณะที่ร่างกายของมันลอยอยู่ในอากาศ เขาโค้งกลายเป็นประกายแสงอสูร เกิดเป็นแรงกดดันมหาศาลขึ้น อย่างรวดเร็ว พลังของมันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาก
ขมวดคิ้วของเขา , ฉื่อหยาน ก็พร้อมที่จะลงมือ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาโค้งที่เข้ามาใกล้เขาหายไปไหนอย่างลึกลับ
ในเวลาเดียวกัน นักรบเผ่าอสูรระดับนภาก็หายไป
ปล่อยจิตสำนึกวิญญาณของเขาออกไป ฉื่อหยาน ก็พบว่าฝูงเผ่าอสูรก็ปรากฏห่างออกไปเป็นสิบไมล์ พวกมันใช้พลังทั้งหมดของพวกมันเพื่อพยายามหลบหนี
เขาก็กระแอมอย่างเย็นชา ภายในหัวใจของเขา เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะไล่ตามพวกมันไป แต่เขาเก็บศพของ เฉินตั้ว และคนอื่น โยนไปที่มุมเรือ หลังจากนั้น เขายืนเฉยๆมองสองสาวสวยจากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ด้วยสาตาแปลกประหลาด
" อย่า อย่าฆ่าเรานะ พวกเราจะรับใช้เจ้า . " หนึ่งในนั้นเลียริมฝีปากแดงของนางพร้อมกับพูดด้วยเสียงนุ่ม แต่นางก็ไม่ปิดซ่อนความกลัวในตาของนางได้
ร่างกายของอีกคนก็สั่นสะท้านเล็กน้อย นางกัดฟันแน่นในขณะที่ใบหน้าของนางกลายเป็นซีด
ด้วยความโหดเหี้ยมของฉื่อหยานทำให้หญิงสาวทั้งสองสติหลุด พวกนางไม่ได้มีความคิดที่จะหลบหนี พวกนางเพียงใช้ สิ่งที่สวรรค์ประทานมาให้ ร้องขอชีวิต
ฉื่อหยาน ไม่ได้พูดซักคำ สายตาของเขาเย็นชาไร้อารมณ์ใด ๆ เขาก็ดูดซับกลิ่นอายพลังของเฉินตั้วและตงฟางเหออย่างเงียบๆ .
หลังจากตาย กลิ่นอายพลังของพวกเขาก็หายไปในไม่ช้า กลายเป็นพลังธรรมชาติ เขาต้องดูดซับกลิ่นอายนี้ ก่อนที่มันจะหายไป ถ้าเขาพลาดช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาจะไม่ได้อะไรเลย
เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่ได้ไล่ตามเผ่าอสูรไปเมื่อเขาเห็นว่าพวกมันได้หนีไปแล้ว
เฉินตั้ว มีระดับการบ่มเพาะที่ระดับนภา . ตงฟางเห้อ อยู่ในนภาที่สองของระดับรู้แจ้ง และอื่นๆจากดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในระดับหายนะอีก กลิ่นอายพลังของพวกเขาทำให้ฉื่อหยานพอใจเป็นอย่างมาก
กลิ่นอายจากร่างของ เฉินตั้ว นั้นมากมายกว่าคนอื่นหลานเท่า ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด เมื่อ เขาดูดซับกลิ่นอายพลังของเฉินตั้ว เข้าในในเส้นชีพจรของเขาและดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันมากมายเพียงใด
ส่วนกลิ่นอายพลังของตงฟางเห้อและสาวกอื่น ๆที่ถูกดูดซับเข้าไปนั้น เทียบได้เพียง1ใน3ของกลิ่นอายพลัง เฉินตั้ว กลิ่นอายพลังเหล่านี้เข้าไปในร่างฉื่อหยาน .ทำให้ ฉื่อหยาน รู้สึกมีความสุขมาก
หลังจากนั้น เมื่อกลุ่มของ เฉินตั้ว และตงฟางเห้อ กลายเป็นมัมมี่แห้ง , ฉื่อหยาน ก็ถอนหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ
จากนั้นเขาก็เดินไปที่สองสาวจากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ ใช้มือแต่ละข้างจับพวกนางไว้ จากนั้นเขาก็ใช้ปีกดาราบินหายออกไปในชั่วพริบตา
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ