บทที่ 326 มุ่งไปยังยอดเขา
บทที่ 326 มุ่งไปยังยอดเขา
ในตอนเช้าของวันถัดไป นักรบหลายคนได้รวมตัวกันที่ตีนภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์และ มองขึ้นไปบนยอดเขา และชมอย่างเงียบๆ
ลำแสงแรกของแสงแดดที่ส่องมาจากด้านหลังภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่งดงามอย่างมาก เพียงมันส่องมาจากด้านหลังภูเขา เพียงหนึ่งประกายของแสงก็เพียงพอที่จะทำให้ดวงตาของผู้คนพร่ามัว
เส้นแสงสะท้อนส่องประกายออกมามากมายจากภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นแสงแดดจึงบดบังและได้ปกคลุมยอดเขาเพียงระยะเวลาสั้นๆ นักรบมากมายที่ตีนภูเขายกหัวของตนขึ้นมองนแสงสีเหลืองสว่างที่ปกคลุมทั่วภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์
ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ดูราวกับว่ามันเป็นluทองภายใต้แสงดวงดวงอาทิตย์ที่แสนเจิดจ้า
ดวงตะวันค่อยๆลอยขึ้นสูง ประกายแสงนับไม่ถ้วนสาดส่องเปลี่ยนภูเขาเป็นภูเขาสีทองด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ประกายแสงสีเหลืองให้ความรู้สึกถึงความสูงศักดิ์และน่าเคารพ
ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ส่งกลิ่นอายออกมาและล้อมรอบด้วยแสงแดดทำให้ภูเขาดูราวกับว่ามีพระเจ้าสถิตอยู่
มีปราสาทที่สง่างามซึ่งดูราวกับว่ามันกำลังลอยอยู่ท่ามกลางเมฆขาวบนยอดของภูเขา ฉากนี้เป็นเหมือนกับความฝันของแดนสวรรค์ ซึ่งน่าเชยชมเป็นอย่างมาก ,เสียงกระซิบ , ช่วยไม่ได้ที่จะมีเสียงแสดงความเห็นของเหล่านักรบ ที่เอาถามบรรพบุรุษของพวกเขาเพื่อขออนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมบนยอดสูงสุดของภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์
ที่ตีนภูเขา หลี่ฟู่และสาวกคนอื่นๆนับสิบของพรรคสามเทพจ้องมองไปยังเส้นทางสายเล็กที่อาบด้วยแสงสีเหลืองอย่างระวัง
ทั้งภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมด้วยประกายแสงที่เปล่งประกายรัศมีอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว
สาวกของพรรคสามเทพป้องกันอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาภายใน
หลี่ฟู่ ยืนอยู่ที่จุดเริ่มต้นบนเส้นทางเล็กๆด้วยความเงียบ
หลังจากผ่านไปเวลาสั้นๆ สองหัวหน้าผู้นำในทะเลไม่มีสิ้นสุด ยู่ชิงและกู่เฉา ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าหลี่ฟูอย่างเงียบๆ
ผู้ที่ยืนอยู่ที่ตีนเขาต่างก็หวาดหวั่น พวกเขาหลายคนไม่เคยเห็นผู้นำขุมพลังทั้งสองมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงมองไปยังผู้นำทั้งสองอย่างหวาดหวั่น และไม่กล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับกู่หลินหลงและซูหยานซิง พวกเขายืนมองด้วยใบหน้าตื่นเต้นเท่านั้น
ยู่ชิงและกู่เชา ก็เดินไปข้างหน้าช้าๆ แล้วส่งจดหมายสีทองทั้งสองใบให้ลี่ฟู่ หลี่ฟู่โค้งตัวลงและรับจดหมายมาจากนั้นก็นำพวกเขาทั้งสองขึ้นไปบนยอดเขา
กู่เฉาและยู่ชิง ค่อยๆพยักหน้าแล้วเดินไปที่ภูเขา พวกเขาทั้งสองรู้ว่ากฎที่นี่คือห้ามบิน พวกเขาจึงค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่น่าหวาดหวั่น
กู่หลินหลงและซูหยานซิงก็อยากจะตามพวกเขาไป แต่ หลี่ฟู่ได้หยุดพวกนางไว่ " ข้าขออภัย แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ เฉพาะผู้ที่ได้รับบัตรเชิญทองเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป และคราวนี้ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น "
หลี่ฟู่ ยิ้มอย่างเคารพ พร้อมกับยืดแขนเพื่อขวางนางทั้งสองและสั่นศีรษะของเขา
" อืม คราวนี้ ช่างแปลกนัก"
" ใช่แล้ว ดูเหมือนคราวนี้จะเข้มงวดมาก คนที่ไม่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้าไปได้ "
" การประชุมนี้ดูเหมือนจะสำคัญมาก คน ที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีทางเข้าไปได้เลย " .
" ใช่ " .
" . . . . . . . "
ทุกคนพูดคุยกันพร้อมกับมองไปยังยอดเขาด้วยความงุนงง
ในเสียงเซ็งแซ่ กู่หลินหลง และซูหยานซิง สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตาม หากหลี่ฟูขวางพวกนางไว้ พวกรางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ที่ตีนเขาและมองไปเท่านั้น
ฝูงชนโดยรอบก็แยกย้ายกันออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงพูดคุยที่ค่อยๆสงบลง
ฝูงชนรู้สึกสบายและมีความสุขมากในขณะที่แช่อยู่ในแสงแดดที่อบอุ่น
แต่ทันใดนั้น อากาศที่หนาวเย็นก็ไหลเข้าสมา มันพัดผ่านแผ่นหลังของทึกคน บุคคลแปลกประหลาดในเครื่องแบบสีดำและหน้ากากที่น่ากลัวก็เดินมาหาหยินไห่จากที่ไกลอย่างเงียบๆ และสาวกคนอื่น ๆของนิกายซากศพก็เดินอยู่ข้างหลังเขาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง และดวงตาที่ไร้ความรู้สึกเหมือนคนตาย
อากาศที่เป็นเหมือนกับมลพิษไหลออกมาซึ่งทำให้ทุกคนรอบๆรู้สึกหวาดกลัว
ผู้นำที่เดินนำมาของนิกายซากศพมีดวงตาประหลาดซึ่่งมีไฟลุกอยู่ภานใน นักรบทั้งหมด โดยไม่รู้ตัวก็ก้มศีรษะของพวกเขาลงและไม่กล้าที่จะมองเข้าไปในตาของเขา เมื่อใดก็ตามที่ดวงตาของเขามองผ่านพวกเขา บางคนก็ทนไม่ได้ ถึงกับถอยหลังไปไม่กี่ก้าวด้วยความตื่นตระหนก
นิกายซากศพคือนิกายลึกลับที่ชั่วร้ายที่สุดในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด พวกเขาเป็นอยู่กับศพทั้งวัน เห็นได้อย่าชัดว่ามีอากาศหนาวเย็นและกลิ่นอายที่เป็นพิษอยู่รอบๆพวกเขาซึ่งมันทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว
ไม่ว่าสมาชิกนิกายซากศพจะปรากฏที่ใด พวกเขาไม่เคยพบอุปสรรคใด ๆ ในการเดินเลย ผู้คนส่วนมากต่างก็หลีกทางให้กับพวกเขา
แม้ หลี่ฟู่ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ดีเล็กน้อย
ชิงหมิงเดินมาเงียบๆพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกอยู่ในดวงตาแล้วเขาก็ยื่นจดหมายสีทองให้หลี่ฟู่ .
หลี่ฟู่ จับจดหมายและแสดงออกอย่างประหลาด อย่างไรก็ตาม ชิงหมิงก็ไม่ได้รีบเข้าไป เขากลับยืนอยู่ตรงจุดนั้นเฉยๆแทน
ทุกมองเขาด้วยความตกตะลึงและสงสัย โดยไม่รู้ว่าใครกันคือคนที่เขารออยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ฉื่อหยาน พร้อมกับกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็ ปรากฏมาแต่ไกล และกำลังเดินมาที่ตีนเขา
ทันทีที่ ฉื่อหยาน มาถึง ผู้คนมากมายก็ร้องออกมาและชื่นชมเล็กน้อย ตามที่พวกเขาได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเขากับหมานกู่ พวกเขาก็เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของฉื่อหยานทันที ส่วนคนที่ไม่ได้เห็นการต่อสู้ก็ได้ยินเรื่องของฉื่อหยานทันทีจากคนที่พบเห็นด้านข้าง
หัวใจของหญิงสาวงดงามมากมาย ก็เต้นปั่นป่วนหลังจากเห็นฉื่อหยาน ร่างกายของเขาแข็งแกร่งดั่งหินผา เขาดูเยือกเย็นและมั่นคง ดวงตาของพวกนางกลายเป็นระรอกคลิ่นพร้อมกับวิญญานของพวกนางสั่นสะท้านไปมา เกิดเป็นอารมณ์มหัศจรรย์บางอย่างขึ้น
กู่หลินหลง และ ซูหยานซิง ยืนอยู่ระหว่างทาง พวกนางขมวดคิ้วของพวกนางทันทีที่พวกนางเห็นฉื่อหยาน แต่พวกเขาก็พลันรู้สึกท้อใจเมื่อเห็นสายตาชื่นชมของคนรอบๆ
กู่หลินหลง ดวงตาเต็มไปด้วยความแค้นนางขบฟันแน่น กัดริมฝีปากของนางและช่วยไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ซูหยานซิงโอดครวญอยู่ในใจของนางด้วยสายตาที่ซับซ้อน ซึ่งตอนนี้มองไปที่ฉื่อหยานอย่างมั่นคงด้วยความรู้สึกประหลาด, ดวงตาของนางส่องประกาย และไม่มีใครรู้ได้ว่านางคิดอะไรอยู่
ฉื่อหยาน เดินไปที่ด้านหน้าของ หลี่ฟู่ มองอย่างประหลาดใจไปที่ชิงหมิงของนิกายซากศพและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
" ไปด้วยกันไหม ? " ชิงหมิงพูดเชิญเบาๆแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่น่าขนลุกเหมือนกับงูพิษที่แลบลิ้นออกมา ทำให้คนอื่นที่ได้ยินรู้สึกสยอง
" อ๊ะ ! " ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถช่วยได้ที่จะร้องออกมาพร้อมกับ มองฉื่อหยานกับชิงหมิง .
พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมประมุขของนิกายซากถึงได้พูดกับฉื่อหยานด้วยความเคารพเช่นนั้น
ในจิตใจของพวกเขา ชิงหมิงนั้นมีพลังและอำนาจเทียบเท่ากับกู่เฉาและยู่ชิง
ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่า ฉื่อหยาน คือสมาชิกของตระกูลหยาง และเขายังเป็นทายาทของจักรพรรดิหยางเทียน แต่นั่นก็ไม่สมควรเป็นเหตุผลให้ชิงหมิ่น อ่อนน้อมถ่อมตนกับเขา
ทุกคนก็พูดคุยกันอย่างดงัยบๆ แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับเรื่องนี้ได้
" ก็ได้ " ภายใต้ดวงตาประหลาดใจของ คน อื่น ๆ , ฉื่อหยาน ก็เผยรอยยิ้มแล้วหยิบจดหมายสีทองและยื่นให้ หลี่ฟู่ .และนั่นก็ทำให้คนอื่นยิ่งอยากรู้เรื่องฉื่อหยานมากขึ้นทันทีเมื่อพวกเขาเห็นจดหมายสีทอง. พวกเขาสงสัยว่าทำไมถังหยวนหนานถึงได้ส่งจดหมายเชิญให้กับเขา
" คุณชายหยาน เชิฐ " หลี่ฟู่ งอตัวลง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่แสดงออกอย่างยกยอ " คุณชายหยาง ท่านอาจจะไม่ทราบกฏของพรรคสามเทพ งั้นข้าจะบอกท่านเล็กน้อย ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์มีรูปแบบที่ปิดกั้นไม่ให้บินอยู่ นั่นหมายความว่าท่านทำได้เพียงเดินเท่านั้น โปรดทำตามด้วย "
ฉื่อหยาน ก็ยิ้มบางๆและพยักหน้าเบาๆ เขาล่อนลงมาข้างหน้า หลี่ฟู่ และเดินผ่านเขาไปอย่างเรียบเฉยท่ามกลางสายตาประหลาดใจของผู้อื่น
ชิงหมิง ดวงตาก็ส่องประกาย เขาดูเหมือนเหมือนจะสงสัยเล็กน้อย เขาจึงหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าไม่กี่วินาที เงยหน้าไปมองกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนจากระยะไกล
พวกเขาสามคนยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน แต่คนที่อยู่รอบๆก็รีบก้าวห่างออกจากพวกเขาเมื่อสัมพัสได้ถึงกลิ่นอายความเย็นที่รุนแรงจากพวกเขา ฝูงชนไม่มีใครกล้ายืนใกล้ชิดกับพวกเขาในช่วง 10 เมตร ซึ่งเป็นสิ่งแปลกประหลาดอย่างมาก
ภายใต้การพินิจพิของชิงหมิง พวกเขาสามคนก็นั่งลงในขณะที่สายตาของพวกเขากลายเป็นที่มืดและเยือกเย็น พวกเขาก็ปิดตานั่งสมาธิ
ชิงหมิงค่อนข้างจะตกใจ ในขณะที่ความสงสัยขยายใหญ่ขึ้นในหัวใจของเขา เขาส่ายหัวเบาๆ อย่างสงสัยมองไปฉื่อหยานกที่เดินไปก่อน แล้วจากนั้นก็ตามฉื่อหยาน มุ่งหน้าสู่ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์หลังจาก ลังเลเล็กน้อย
ฉื่อหยาน เดินมุ่งหน้าสู่ยอดเขาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์
ฉื่อหยานแขนข้างขวาของเขาหนักประมาณ 15 , 000 กิโลกรัมได้ โดยไร้ซึ่งพลังปราณลึกลับ เขาเหมือนกำลังแบกภูเขาลูกใหญ่เดินไปด้วยตลอดทาง ทำให้เขารู้สึกกดดันและอึดอัด
ความผิดปกติที่แขน ทำให้ ฉื่อหยาน มีความสุขและกังวลในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกมีความสุขเพราะสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแขนของเขา ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นห่วง เพราะแขนที่กลายพันธุ์นี้มีอิทธิพลต่อความสมดุลของร่างกายของเขา
ด้วยแขนข้างขวาที่หนักหน่วงอยู่ด้านขวา เสียงเล็กๆจะดังขึ้นขณะที่ขาขวาของเขาตกถึงพื้น บนเส้นทางสู่ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาสังเกตได้ถึงมันซ้ำไปมา และพยายามหาวิธีเพื่อหลีกเลี่ยงความประหลาดนี้
" แปลกมาก " ชิงหมิงเสียงของเขาก็ดังขึ้นมาเบาๆจากด้านหลังฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วของเขา หันศีรษะมองชิงหมิงแล้วก็กระพริบตา และถามว่า " มีอะไรแปลกรึ ? "
" ข้ารู้สึกแปลกๆว่า พลังปราณลึกลับในร่างของเจ้าทั้งหมดหายไป . ไม่มีอะไรเหลือ " ชิงหมิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชาและน่าขนลุก " แม้ว่าเจ้าจะเหนื่อยหลังจากการต่อสู้กับคนอื่น เจ้าก็สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาสั้นๆจากการดูดซับกลิ่นอายธรรมชาติ แต่สถานการณ์ปัจจุบันของร่างกายเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจอย่างแท้จริง "
" จิตวิญญานต่อสู้ของข้าประสบปัญหาบางอย่าง มันจึงไม่สามารถรวบรวมกลิ่นอายธรรมชาติได้ ไม่ง่ายเลยที่จะแก้ปัญหานี้ "ฉื่อหยานก็ยิ้มอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาส่องประกายแหลมคมจ้องชิงหมิงแล้วถามว่า " เจ้าพอใจกับคำตอบนี้หรือไม่ "
ดวงตาของชิงหมิงส่องประกายด้วยแสงประหลาด และเปลวไฟที่อยู่ภายในพวกมันก็กลายเป็นดุร้ายราวกับมันสามารถพุ่งออกมาได้ตลอดเวลา
" ระวังเค้าให้ดี เปลวไฟนภาภายในร่างกายของเขาตอบสนองอย่างรุนแรง เขาอาจจะมีเจตนาชั่วร้าย " เปลวเหมันเยือกแข็งภายในเแหวนสายโลหิตก็ส่งข้อความออกมา
โดยไม่ใส่ใจ ดวงตาของฉื่อหยานก็กลายเป็นเย็นชา
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ