ตอนที่แล้วบทที่ 322 เข้าใจผู้อื่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 324 แขนขวาที่ทรงพลัง

บทที่ 323 อยู่กับท่าน


บทที่ 323 อยู่กับท่าน

เยว่จางเฟิงและหลินหยาฉี ก็ออกจากคฤหาสน์มุ่งหน้าสู่ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาพูดคุยกับเราะกันอย่างตื่นเระหว่างทาง อารมณ์ของพวกเขาไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยจากการกลายพันธุ์ของฉื่อหยาน

" เยว่น้อย เจ้าพูดออกไปเช่นนั้น ฉื่อหยานจะท้อเอารึ ? เรื่องที่จิตวิญญานต่อสู้ของเขากลายพันธุ์ " หลินหยาฉี ก็ถามด้วในขณะที่ดูพระอาทิตย์ขึ้นแล้วขยับตาของนางไปที่แสงยามเช้าที่ส่องผ่านภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ " เขามีความสามารถที่ไม่เลว มันน่าเสียดายนัก ถ้าเขาจะกลายเป็นนักรบที่จิตวิญญานต่อสู้กลายพันธุ์"

เยว่จางเฟิงหัวเราะออกมาดังๆ อย่างท้อแท้แล้วพูดอย่างเกียจคร้าน " ทำไมเจ้าถึงได้สนใจเข้ากัน มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการเขา แม้ว่าเขาจะไม่ใช้พลังปราณลึกลับก็ตาม”

" เขาจะทำอะไรได้หากไม่มีพลังปราณลึกลับ? " หลินหยาฉี ก็ถามออกมาด้วยความงุนงง " พลังปราณลึกลับขื่อพื้นฐานการฝึกบ่มเพาะของนักรบ ถ้าไม่มีพลังปราณลึกลับก็แปลว่าไร้ซึ่งพลัง ดังนั้น หากไม่มีพลังปราณลึกลับ ไม่ว่าจะเรื่องต่อสู้ หรือ เรื่องใด เขาก็ไม่สามารถทำได้ "

" เขาไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน " เยว่จางเฟิงยังคงมีสีหน้าปกติ เขาดึงรอยยิ้มแปลกๆออกมาจากมุมปากของเขา " แม้ว่าพลังปราณลึกลับในร่างกายของเขาจะได้หายไป แต่ข้ากลับถูกโจมตีในขณะที่ตรวจสอบร่างของเขา ท่านไม่คิดว่ามันแปลกรึ ? "

หลังจากได้ยินสิ่งที่เยว่จางเฟิงบอกหลินหยาฉี ก็ประหลาดใจและก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

เมื่อ ฉื่อหยาน ได้ตกอยู่ในสภาวะแปลกประหลาด เยว่จางเฟิงก็ได้สำรวจร่างกาย ฉื่อหยาน , แต่กลับถูกโจมตีด้วยแสงสีม่วงจากแขนขวาของฉื่อหยาน พุ่งผ่านรูปแบบป้องกันวิญญานสามชั้นและล้มลงที่สวนหน้าคฤหาส

ถ้า ฉื่อหยาน สูญเสียพลังปราณลึกลับของเขาไป แล้วสิ่งที่โจมตีเยว่จางเฟิงหละ ? ยิ่งหลินหยาฉี คิดเท่าใดก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น นางรู้สึกประหลาด , จนช่วยไม่ได้ที่จะถามออกไป " เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับเขา ? "

" เขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย " เยว่จางเฟิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า " เขาจะค่อยๆปรับตัวคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ของร่างกายของเขา ถ้าเขาเข้าใจมันเมื่อใด เขาก็จะเป็นคนที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก แม้ไม่มีพลังปราณลึกลับก็ตาม”

หลินหยาฉี หายใจออกมาหนักหน่วงและ เกือบจะกรีดร้องออกมาดังๆ

เยว่จางเฟิงยิ้มบางๆและไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม เขารีบเดินตรงไปยังภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์

. . .

ในป่าทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุริยัน

ต้นสนที่มีรูปแบบก่อตัวแปลกประหลาดอยู่ซึ่งป้องกันไม่ให้วิญญาณเจาเข้ามาะ . ธงหลายผืนก็ถูกแขวนขึ้นบนต้นสน ธงนั้นมีรูปวาดของแมลงที่มีพิษร้ายแรงจำนวนมาก ราวกับว่าพวกมันสามารถออกมาจากธงได้จริงๆ ทำให้ผู้พบเห็นต้องหวาดกลัว

มีบ้านไม้เรียบง่ายตั้งอยู่ในป่าต้นสน ล้อมรอบด้วยเศษหินและอิฐ ชิ้นส่วนของหินเรียงตัวกันตามรูปแบบที่ลึกลับ

ม่านพลังควันที่หนาวเย็นลอยอยู่รอบๆบ้านไม้ หมอกควันส่งกลิ่นอายแปลกประหลาดออกมาซึ่งสามารถทำให้ผู้สูดดมหรือสัมพัสสมองเป็นอัมพาตและทำให้จิตใจรู้สึกงุนงงได้ ใครก็ตามที่สูดดมกลิ่นอายนี้เข้าไป ทันทีก็จะได้รับผลกระทบ และไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป

" แค่ก แค่ก " เสียงประหลาดก็ดังก้องออกมาจากบ้านไม้

ในบ้าน คนที่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็ปรากฏอยู่ในแสงมืดๆ นั่งอยู่บนเตียงไม้ และสั่นเล็กน้อย . เสียงเตียงโอนเองไปตามการเคลื่อนไหวจนเกิดเป็นเสียงแปลกประหลาดไม่หยุด ในที่สุดมันก็หักลง

เมื่อเตียงไม้หักลง คนๆนั้นก็ล้มลงบนกองขี้เลื่อย แสงสีเทาขุ่นห่อร่างกายของเขา ซึ่งทำให้คนอื่นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาเป็นใคร

" กรึบบ กรึบ "

ทันทีที่เสียงกรอบใบไม้แห้งเกิดขึ้นจากภายนอกบ้าน คนที่เพิ่งจะล่วงเตียง ก็ลุกขึ้นยืน แสงสว่างค่อยๆจางหายไป และลักษณะของคนๆนี้ก็เริ่มเห็นชัดมากขึ้น

เขาคือชายวัยกลางคนในเครื่องแบบสีเทาที่มีดูไม่เป็นมิตร หนวดและข้าสีเทาขาว และจมูกเป็นงุ้มคิ้วเรียวยาว ริมฝีปากบางและดวงตาดูจริงจัง มีผิวสีดำ ให้ความรู้สึกที่น่าหดหู่ .

" ท่านลุง " เสียงของตงฟางเหอ ก็ดังขึ้นมา เขาพูดออกมาเล็กน้อยและยืนอยู่ข้างนอกบ้าน ไม่กล้าเข้าไปข้างใน

คนในบ้านที่ดูเย็นชาและเต็มไปด้วยพิษ ดวงตาก็ค่อยๆเปิดออก เขาก้าวออกมาจากประตู และมองไปข้างหน้าสักพักก่อนจะสูดหายใจเข้าเล็กน้อยและพูดกับตงฟางเหอ " เข้ามา "

ตงฟางเหอ เดินเข้าไปแล้วบอกว่า " ข้าไปที่นั่นมาเมื่อวาน เจ้าเด็กบ้านี่ไม่อยากเจอข้า แม้ทั้งนักรบระดับพระเจ้าทั้งสามคนก็ไม่ต้องการพูดคุยกับข้า ระหว่างทาง ข้าเจอคนอื่นๆที่ไปเยี่ยมพวกเขาเหมือนกัน และพวกเขาก็ถูกปฏิเสธเช่นเดียวกับเรา ไม่มีใครสักคนเลยที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังที่พักของเขา . "

เห็นเตียงหัก ตงฟางเหอ ก็ตกใจมาก แต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาบนหน้าของเขา เค้าค่อยๆเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็ฯ

" ข้าเพิ่งกลับมาจากที่นั้นโดยใช้จิตสำนึกวิญญษน " เสียงและดวงตาของเขาก็ดูเย็นชา "นักรบระดับพระเจ้าทั้งสามคนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก และข้ายังเห็นไอ้เด็กเวร ฉื่อหยานนอนล้มอยู่ ราวกับว่ามันตกอยู่ในสภาวะ ครอบครองโดยปีศาจ ' ข้ากำลังจะเจาะเข้าไปในจิตสำนึกของเขาเพื่อตรวจสอบ แต่ก็ถูกขัดขวางจากการร่วมมือกันของทั้งสาม ซึ่งนั้นทำให้วิญญานของข้าได้รับบาดเจ็บ ถ้าไม่ว่าข้าได้ใช้พลังวิญญานทั้งหมดของข้า ข้าก็อาจจะไม่ได้รับออกจากที่นั่นทั้งๆที่มีชีวิตอยู่แล้ว "

ตงฟางเหอ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป เขาช่วยไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความกลัว " มันเป็นไปได้ยังไง ? "

" หึ "คนๆนั้นก็จ้องมองออกไปอย่างเยือกเย็นในขณะเดียวกันกลิ่นอายที่หนาวไปถึงกระดูกก็ลอยออกมาจากร่างของเขา " ในโลกนี้ มีหลายคนที่มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับวิญญานนับไม่ถ้วน ทั้งสามคนทำให้ข้าประทับใจมากในด้านนี้ ในทะเลไม่มีสิ้นสุด นอกจากหยางอี้เทียนที่ระดับพระเจ้าแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าถึงตัวพวกเขาได้ ทั้งสามคนน่าแปลกเป็นอย่างมาก ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามาจากที่ไหนและทำไมพวกเขาถึงยินดีที่จะสนับสนุนตระกูลหยาง "

" ท่านลุง เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาเป็นคนที่เหลือรอดอยู่ของจักพรรดิ์หยางเทียน ? " ตงฟางเหอ ก็ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะพูด " ถึงแม้ว่าจักพรรดิหยางเทียนจะถูกขังอยู่ในดินแดนอสูร แต่ทุกคนรู้ว่าความสามารถของตระกูลหยางที่ยากจะหยั่งไม่ถึงดี ทั้งสามคนอาจจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับจักพรรดิหยางเทียนก็เป็นได้”

" จักพรรดิหยางเทียน " ชายคนนั้นขบฟันของเขาในขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา และดวงตาของเขากลายเป็นเย็นชาแหลมคมเหมือนกับมีด นาวกับว่าจักพรรดิ์หยางเทียนนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา

" 3 ปีที่ผ่านมา คนของตระกูลตงฟางได้เข้าไปในทะเลเคียร่าและตระหนักว่าไม่มีแม้แต่นักรบระดับสูงหนือใครบนเกาะอมตะของตระกูลหยางเลย พวกเขาทั้งหมดได้หายไป ถึงแม้ว่าเกาะอมตะและทะเลเคียร่าจะถูกของตระกูลหยางจะถูกยึดครองไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้สูญเสียอะไรมากนัก ถ้าจักพรรดิ์หางเทียนสามารถหนีออกมาจากการกักขังได้ ตระกูลหยางจะต้องกลับมารุ่งโรจน์ดั่งเดิมแน่นอน " ตงฟางเหอ พูดด้วยเสียงต่ำ

" พวกเขาไม่ใช่คนของ จักพรรดิ์หยางเทียน " เขาเผยรอยยิ้มเย็นชา สูดลมหายใจเข้าแล้วพูด " ด้วยความโหดเหี้ยมของเขา ถ้าจักพรรดิหยางเทียนมีนักรบระดับพระเจ้าสามคนในมือจริงๆ ทะเลเหิงลั่วและทะเลทมิฬก็คงตกเป็นของเขาและ เขาก็คงจะบังคับกดขี่พวกเราไปตั้งนานแล้ว .

ตงฟางเหอ ก็แปลกใจ เขาคิดอย่างรอบคอบ แล้วพยักหน้า

" การประชุมจะเริ่มพรุ่งนี้ ข้าจะไม่เปิดเผยตัวเองอีกต่อไปแล้ว เพื่อให้พวกเขาทั้งสามไม่สามารถตรวจพบข้า " ชายคนนั้นลังเลก่อนที่จะสั่งตงฟางเหอ " เจ้าไปตรวบสอบเรื่องของทั้งสามคนให้เร็วที่สุด ตรวจสอบให้ละเอียดว่าพวกเขามีความสัมพันธุ์เช่นใดกับตระกูลหยาง พวกเขามีเท่าไหร่และต้องการจะทำอะไร พวกเขาไม่คิดจะเป็นมิตรกับเรา ดังนั้น เราไม่ควรประมาทและควรหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น . "

" ราชวงศ์สงครามศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะไม่ได้ลงมือทำอะไร " ตงฟางเหอ พยักหน้าและตอบ

" หยางอี้เทียนก็คงมีแผนของเขาเองอยู่ เขาถูกเชิญมาที่เกาะสุริยันเหมือนเรา เขาควรจะรู้ถึงสถานการณ์ของเกาะสุริยันเหมือนอยู่บนฝ่ามือของเขา จงหลี่ต้วนอาจจะปรากฏตัวในวันพร้งนี้ . " เขากล่าวนขณะที่ขทวดคิ้ว

" จงหลี่ต้วน " ตงฟางเหอ พึมพำอย่างสงสัย " เจ้าคนที่อยู่อันดับแรกในรายชื่ออันดับนักรบที่แข็งแกร่งสำคัญเช่นนั้นเชียวรึ ? หยางอี้เทียนเชื่อในตัวของเขาขนากนั้นเชียว ? เขายังเด็กอยู่เลย เขามีความสามารถมากพอที่หยางอี้เทียนจะยกทุกเรื่องให้เขาจัดการแล้วหรือ ? "

" เจ้านี่ อันตรายกว่าที่เจ้าคิด " คนๆนั้นก็กระแอมออกมาอย่างเย็นชา และพูดต่อเนื่อง " หยางอี้เทียนได้สอนวิชาต่างๆให้กับเขาโดยตรงตลอดเวลาสิบปี เขาจะต้องเป็นหนึ่งในผู้ปกครองของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดแน่นอน ถ้าหยางอี้เทียนให้เขาจัดการเรื่องนี้ นั่นก็หมายความว่า หยางอี้เทียน เชื่อในความสามารถของเขามาก "

ตงฟางเหอ ประหลาดใจ .

" ว่ากันว่า นักรบระดับนภาทั่วไปก็ไม่ใช่คู่มือของเขา . " เขาพูดอย่างเย็นชา

ใบหน้าของตงฟางเหอ ก็แสดงออกด้วยความกลัว

. . .

ฉื่อหยาน หยิบเอากระดาษออกมาจากแหวนสายโลหิตและยื่นให้อีเทียนโหมวพร้อมกับยิ้ม " ท่านช่วยดูแลสิ่งนี้ชั่วคราวได้หรือไม่ "

แสงแดดแรกทะลุผ่านหน้าต่างและรอยแตกบนผนังหินที่เกิดจากกระประทะกันของจิตสำนึกวิญญานก่อนหน้านี้ ทำให้ห้องทั้งห้องกลายเป็นสว่าง

เป็นกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนที่ไม่ชอบแสงแดด พวกเขาอยู่ที่มุมมืดในขณะที่แสดงสีหน้าเศร้าหมองออกมา

ฉื่อหยานจอให้เซี่ยเสินชวน กับเซี่ยซินหยาน ออกไป ดังนั้นในห้องจึงมีเพียงเขาและกลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคน

" นายท่าน ท่านหมายความว่าเช่นไร ? " แสงส่องเข้ามาในดวงตาของอีเทียนโหมวขณะที่ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างไม่มีความสุข เขาไม่ได้ยกแขนเพื่อรับเอกสาร

หลังจากหัวเราะเบาๆกับตัวเอง ฉื่อหยานก็ยืนกระดาษให้อีเทียนโหมวอีกครั้ง และพูดว่า " นี่คือสัญญานหลักฐานกรรมสิทธิ์ของเกาะใหญ่ในทะเลไม่มีสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม เหล่าขุมพลังใหญ่อาจจะไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ . เมื่อปัญหาเรื่องเผ่าอสูรถูกแก้ไข' ก็ไม่แน่ว่า พวกเขาก็อาจจะผิดคำพูดและทำบางอย่าง อย่างไรก็ตาม เมื่อปัญหาเรื่องเผ่าอสูรยังไม่ถูกแก้ไข พวกเขาก็ยังคงไม่กล้าลงมือ " .

อีเทียนโหมวก็เงียบโดยไม่พูดอะไร .

" ข้ารู้ว่าเผ่าของท่านเพิ่งมาถึงทะเลไม่มีที่สิ้นสุดและคุยังไม่คุ้นเคยกับแผ่นดินรุ่งเรือง ข้ายังรู้อีกว่า ตระกูลเสียงอสูรของท่านต้องการโลหะมีค่าและทรัพยากรบ่มเพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดยาจิตวิญญานและหินหยินเย็น ของเหล่านี้ต่างก็เป็นทรัพยาที่สำคัญาสำหรับการฝึกบ่มเพาะของพวกท่าน " ฉื่อหยานพูดกับพวกเขาอย่างเป็นธรรมชาติ "ท่านสามารถส่งคนของท่านไปยังเกาะเหลานี้และเก็บเกี่ยวสิ่งที่จำเป็นมาได้ เพื่ออนาคตของพวกท่าน "

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนก็ยังคงไม่เปิดปากของเขาในขณะที่ใบหน้าของเขาก็กลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น

" ข้าตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายใหญ่ในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อช่วยให้พวกท่านได้รับทรัพยากรเหล่านี้อย่างเพียงพอ ปัจจุบันจำนวนของหมู่เกาะในมือของข้านั้นมีไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ท่านควรจะรีบรวบรวมเก็บเกี่ยวสิ่งมีค่าบนเกาะเหล่านี้และจากนั้นเตรียมตัวไปกันได้แล้ว "

" ต่อให้วิญญานของท่านแตกสลายและพังพินาศ ท่านก็จะเป็นนายท่านของเราตลอดไ" ป หลังจากเงียบมานาน อีเทียนโหมวก็หยิบกระดาศเหล่านั้นมาและพูดอย่างชัดเจน " แม้พวกเราต้องจากไป เราก็จะไปพร้อมกับท่าน ถ้าท่านไม่ไป พวกข้าก็จะอยู่กับท่าน "

หยาเมิงและ คาป้าก็พยักหน้า

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด