บทที่ 306 โชคลาภที่ไม่คาดฝัน
บทที่ 306 โชคลาภที่ไม่คาดฝัน
ที่ด้านหน้าของหน้าต่าง
หัวของฉื่อหยานยืนพิงอยู่กรอบหน้าต่างและสังเกตไปที่ทะเลสาบสีฟ้าข้างล่าง
ในไอน้ำที่เวิ้งว้าง ร่างที่งดงามปรากฏจางๆและหายไป
นักรบหนุ่มหน้าตาดีกับเสื้อผ้าที่งดงามยังควนั่งติดหน้าต่างอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง พวกเขาพูดและหัวเราะ บางครั้งก็ผิวปาก ; พวกเขาทั้งหมดดูผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ภายในศาลามากมาย บริกรของเทพพรรคสามเทพเดินไปมา , นำผลไม้ฟรีมากมายไปยังโต๊ะที่มีคนนั่งอยู่
เกาะสุริยันไม่ค่อยได้เปิดรับคนภาบนอกบ่อยนัก นักรบหนุ่มที่มายังเกาะสุริยันครั้งนี้ทั้งหมดล้วนตามอาจารย์หรือผู้อาวุโสของพวกเขามา พวกเขามาจากนิกาย พรรค และ ตระกูลที่มีชื่อเสียง ซึึ่งนับได้ว่าเป็นแขกของพรรความเทพ
ดังนั้น เรือนอาบน้ำที่ตีนเขาแสงศักดิ์สิทธิ์จึงเปิดฟนี แม้ร้านสุราบางที่ยังมอบผลไม้ฟรีและอาหารให้แขกของพวกเขา
แน่นอน พรรความเทพคงจะไม่ให้อาหานที่มีค่าและหายากฟรีๆแน่นอน ใครก็ตามที่ต้องการมันจะต้องจ่ายค่าตอบแทน
ฉื่อหยานมองผ่านเมนูอาหารของพรรความเทพ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสนใจมากในพวกมันมากนัก เขารู้สึกว่าผลไม้ฟรีก็เพียงพอแล้ว เขาจะไม่เรียกบริกรมาเพื่อสั่งอาหารเพิ่มแน่นอน
ข้อความวิญญาณยถูกถ่ายทอดในหัวของเขา ผู้ส่งสารคือ อีเทียนโหมว
" นายท่าน แน่นอนว่ามีหลายคนได้เข้ามาทักทายและพูดคุย ในหมู่พวกเขาเป็นนักรบจากดินแดนจิตวิญญานสมบัติมหัศจรรย์ , ตระกูลตงฟาง และ ดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ ตลอดจนคนที่ท่านได้สั่งสอนพวกมันไปก่อนหน้านี้ ท่านต้องการพบพวกเขาหรือไม่ "
แม้ว่าข้อความจิตสำนึกวิญญานของ อีเทียนโหมว จะถูกส่งออกมาไกลนับสิบไมล์ มันก็ยังคงชัดเจนและไม่ลบเลือนไปในหัวของฉื่อหยาน ราวกับว่าอีเทียนโหมวกำลังยืนอยู่ข้างๆเขา
หลังจากคิดสักพัก ฉื่อหยานก็ตอบอีเทียนโหมว " ข้าไม่สนใจใครทั้งนั้น "
" ขอรับ " อีเทียนโหมวค่อยๆดึงถอนจิตสำนึกวิญญานของเขากลับไป ฉื่อหยานก็กลับมาเป็นปกติ
" อ๊ะ ? " ฉื่อหยาน ถอนหายใจออกมาด้วยความตกใจเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้ว เขามองไปยังคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา แล้วถามด้วยเสียงต่ำ " เจ้าเป็นใครรึ ? "
เขาไม่ชำนาญการใช้วิญญานเท่ากับ อีเทียนโหมว เขาต้องใช้สมาธิทั้งหมดเพื่อส่งจิตสำนึกวิญญานสื่อสารกับอีเทียนโหมว ดังนั้น เขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงใด ๆที่เกิดขึ้นใกล้ๆ
หลังจากทีเขาสิ้นสุดการส่งขอความกับอีเทียนโหมว ทันที เขาก็ระวังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา
คนผู้นี้สวมเสื้อผ้าห้าสี . เสื้อโค้ทของเขามีสีสันมากมายและมีรอยปักรูปดอกไม้และนก
แม้ว่าเสื้อผ้าของคนผู้นี้จะดูแปลกประหลาด แต่เขาก็หน้าตาดี . ใบหน้าของเขางดงามราวกับหยก ดวงตาของเขาเป็นเหมือนดวงดาวที่สดใส ลักษณะของเขาดูงดงามมากกว่าผู้หญิงเสียอีก
ภายใต้การพิจราณาของฉื่อหยาน คนๆนี้ก็หัวเราะออกมาอย่างผ่อนคล่ย ในขณะที่ขาข้างหนึ่งของเค้าวางไว้ที่บนโต๊ะข้างๆเขา เขาหยิบองุ่นขึ้นมาอย่างจงใจและกล่าวด้วยรอยยิ้ม " ข้าเดินทางไปทั่วทะเลไม่มีสิ้นสุดเพื่อหาสถานที่เที่ยวชม ชื่อของข้าคนนี้คือ เย่จางเฟิ่ง . แต่เดิมข้าเป็นสมาชิกจากดินแดนจิตวิญญานสมบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่ถูกขับไล่ออกมาแล้ว ตอนนี้ ข้าไม่ได้อยู่รวมกับกองกำลังใด. "
ในขณะที่ยิ้ม เขาก็ยกมือซ้ายที่ละเอียดอ่อนกว่าหญิงสาวขึ้นมา เพื่อเรียกบริกรที่อยู่ใกล้พวกเขาและพูดว่า " นำ' เปลวสุริยัน ' สี่ขมวดมา สุรานี่น่าจดจำและยากจะลืมเลือน "
" คึก " .
ถุงหนักที่เต็มไปด้วยเหรียฐคริสคัลก็ถูกปล่อยจากฝ่ามือของเขา และแน่นอนว่ามันก็ตกอยู่ในมือของบริกรพรรคสามเทพ
" เราทั้งคู่ต่างก็ชอบดื่มและชมสาวงามในเวลาเดียวกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าสนใจหญิงงามเป็นอย่างมาก เราสามารถพูดคุยกันได้อย่างผ่อนคลาย . "
คนๆนี้ไม่ได้แสดงออกอย่างมีเลศนัยอะไรเลย เขาหนิบเอาแอปเปิ้ล และกัดกินลงไป พร้อมกับอมยิ้มและชี้ไปยังกู่หลินหลง และ ซูหยานซิง , เขาลดเสียงลงและพูดว่า " หญิงงามทั้งสองนับว่าเป็นอาหารอันโอชะ หนึ่งในนั้นเป็นบุตรสาวตระกูลกู่ ; และอีกคนเป็นเทพธิดาของดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ พวกนางไม่เพียง แต่มีลักษณะที่โดดเด่น แต่ยังเป็นนักรบที่มีระดับการบ่มเพาะโดดเด่นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาวบริสุทธิ์จากดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นสามารถทำให้ผู้คนจดจำทั้งวันทั้งคืน . . . . . . . "
สีหน้าของเย่จางเฟิ่งดูตื่นเต้นเป็นอบ่าฝมากมาก เขาเลีบลิมฝีปากและหลี่ตาลง เผยรอยยิ้มใหญ่ .
ขณะที่เขากำลังพูด บริกรของพรรคสามเทพก็ได้น้ำ ' เปลวสุริยัน ' สี่ขวดมาวาง
เขาลุกขึ้นยืนอย่างขี้เกียจ และ คว้าขวด 'เปลวสุริยัน ' ยกหัวของเขาและกระเดือกสุราไม่กี่อึกจากนั้นก็เช็ดปากของเขา " สุรานี่ช่างน่าตื่นตาตื่นใจนัก . "
ฉื่อหยาน เอนหลังพิงกับเก้าอี้ หลี่ตามองไปที่เย่จางเฟิ่งเล็กน้อยด้วยท่าทีเฉยเมย และไม่พูดอะไรเลย
" เจ้าจะลองดื่มบ้างหรือไม่ ? " เย่จางเฟิ่งพูดพร้อมกับยื่นขวด ' เปลวสุริยัน ' ไปที่ฉื่อหยาน และกล่าวอย่างจริงจัง " มีเพียงพรรคสามเทพเท่านั้นที่มีสุรานี้ มันถูกสร้างขึ้นเทพสุริยัน . เจ้าจะรู้สึกว่าท้องของเจ้าลุกเป็นไฟหลังจากดื่มมัน มีทั้งความอ่อนโยนและร้อนรุ่ม เป็นุสราชั้นยอดเหมาะกับบุรุษเช่นพวกเรา " .
ฉื่อหยาน ไตร่ตรอง และไม่พูดอะไรเลยสักคำ เขาหนิบเอาขวด ' เปลวสุริยัน ' ที่วางอยู่ข้างหน้าเขาขึ้นและดื่มมันไปครึ่งขวด ในหนึ่งลมหายใจ จากนั้นเขาก็มองเย่จางเฟิ่งอย่างเรียบเฉยและกล่าวว่า , “บอกมา ทำไมเจ้าถึงมาหาข้า ?”
หน้าเย่จางเฟิ่งdHแข็งตึง . เขาลูบแก้มของเขา และกล่าวด้วยรอยยิ้มอาย " แล้วเจ้าคิดว่าไง "
" เจ้ามีเปลวแก่นแท้ไฟโลกันต์ที่เป็นอันดับ 4 ในกลุ่มเปลวไฟนภา นอกจากนี้เจ้ายังได้หลอมรวมกับเปลวแก่นแท้ไฟโลกันต์อย่างแท้จริง ความรู้ความเข้าใจของเจ้าเกี่ยวกับเปลวไฟนภามีไม่น้อยกว่าประมุขของนิกายซากศพ เหอชิงมิงเลย เจ้าเองก็คงรู้จักเปลวไฟประคบศพ ในขณะที่เจ้าอยู๋เพียงระดับปฐพี และเจ้าก็คงเคยพบชิงหมิงมาก่อนหน้านี้แล้วด้วย " ฉื่อหยานพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา " เปลวไฟนภาสามารถรับรู้และตสัมพัสถึงกันและกันได้ ในขณะที่เจ้ากำลังนั่งอยู่ด้านหน้าข้า ข้าก็สัมพัสได้ถึงเปลวไฟนภาในร่างของเจ้าได้อย่างชัดเจน ข้าเพียงอยากรู้ว่าจริงๆแล้ว เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่"
เปลวไฟนภานั้นสามารถดูดซับและสนับสนุนกันและกันได้ ถ้าใช้เปลวไฟนภาอีกดวงดูดซับเปลวไฟอีกดวง เปลวไฟดวงนั้นจะพัฒนาและเกิดผลอันยิ่งใหญ่ขึ้น
ครึ่งชั่วโมงก่อน ฉื่อหยานและนิกายซากศพได้เผชิญหน้า เขาก็รู้ว่าชิงหมิงนั้นโลภและต้องการที่จะได้เปลวไฟนภาของเขา
ถ้ากลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามคนไม่ได้อยู่ที่นั่น หรือ ถังหยวนหนาน ไม่ปรากฏออกมาเตือน ชิงหมิงหละก็ชิงหมิงคงจะใช้ทุกวิธีทางเพื่อดูดซับเปลวไฟของเขา
ถ้าชิงหมิงดูดซับแกนเพลิงของเขาได้ ระดับพระเจ้าของเขาก็จะก้าวเข้าสู่ขั้นใหม่ และพลังของเขาก็จะเหนือกว่าทุกคน
เย่จางเฟิ่งครอบครองเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ ฉื่อหยานต้องระวังเขาไว้เป็นอย่างมาก
" เปลวไฟแก่นแท้โลกันต์นั้นมาจากนรกโลกันต์ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ซึ่งเป็นเปลวไฟนภาอันดับ 4 ในหมู่เปลวไฟนภา เปลวไฟแก่นแท้โลกันต์สามารถละลายโลหะและแร่ทั้งหมดได้ ดังนั้น เปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ไม่เพียงแต่ใช้ต่อสู้ได้ แต่ยังใช้หลอมสมบัติลับและเม็ดยาได้อีกด้วย บุคคลที่มีเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ยังสามารถกลายเป็นนักกลั่นสกัดและนักหลอมอาวุธได้อีกด้วย ในแง่ความโดนเด่นทั้งสองด้าน เขาจะอยู่เหนือกว่าคนทั่วไปอย่างสมบูรณ์ . . . . . . . "
เปลวเหมันเยือกแข็งส่งข้อความออกมาจากแหวนสายโลหิตเพื่ออธิบายถึงความสามารถของเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์
" อย่าพึ่งเข้าใจผิด " เย่จางเฟิ่งหัวเราะออกมาในขณะที่โบกมือไปมาเพื่อแสดงออกมาว่า เขาไม่ได้มีเจตนาร้าย . ในขณะที่เขาไม่ได้สังเกตุถึงการแสดงออกที่ผิดปกติของฉื่อหยาน เขาก็กลับมามีท่าทางเช่นเดิม เขาหัวเราะและกล่าวว่า " ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบเจ้าที่นี่ ข้ามาที่นี่เพื่อดื่มเหล้าเท่านั้นไม่คิดเลยว่าจะสัมพัสได้ถึงเปลวไฟนภาจากเจ้า "
" ก็ดี " ฉื่อหยานพยักหน้าด้วยแววตาสงบ เขากินผลไม้และดื่มสุราชั้นยอดของเย่จางเฟิ่งอย่างใจเย็น จ้องมองไปที่ทะเลสาปน้ำร้อนโดยไม่สนใจผู้อื่น
" ความจริงแล้ว . . . . . . . " เย่จางเฟิ่งต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็หยุด
ฉื่อหยาน แกล้งทำเป็นไม่มองเขา เขาทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดและมองไปที่ทะเลสาปดั่งเดิม
" ข้ามีข้อเสนอมายื่นให้กับเจ้า ข้าไม่รู้ว่าเปลวไฟนภาของเจ้าคืออะไร แต่ข้าคิดว่า เจ้าสามารถช่วยข้าหลอทสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ได้”
เย่จางเฟิ่งกล่าวด้วยเปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานและดวงตาที่ลุกโชน " แม้ว่าข้าจะมีเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ , แต่ระดับการบ่มเพาะของข้านั้นต่ำเกินไป ซึ่งนั่นทำให้ข้าไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดของเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ได้ ในขณะเดียวกัน การหลอมสมบัติระดับลึกลับขึ้นไปต้องใช้เปลวไฟที่ร้อนแรงเป็นเวลานาน นั่นคือเหตุผลที่ข้าไม่สามารถทำมันได้ "
" ข้าไม่สน " ฉื่อหยาน ส่ายหน้าและปฏิเสธเขาตรงๆ
" เจ้าไม่ใช้โอกาศนี้เพื้อยึดครองเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ในร่างของเขาหละ " เปลวเหมันเยือกแข็งก็ส่งข้อความออกมา " แม้ว่าระดับการบ่มเพาะของเจ้าตัวแสบนี่จะคล้ายกับเจ้า แต่การฆ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเจ้าใช้ความสามารถที่แท้จริง หลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว เจ้าก็จะสามารถดุดซับเปลวไฟแก่นแท้โลกันต์ได้ เจ้าคิดว่าไง ? "
" เขามีระดับการบ่มเพาะแค่ระดับปฐพี แต่เขากลับหลอมรวมเข้ากับมันได้ด้วยตัวเอง เจ้าคิดว่ามันง่ายนักรึ ? " ฉื่อหยาน ยิ้มออกมาบางๆ " ตามที่ข้ารู้ ดูเหมือนว่า มีเพียงนักรบระดับพระเจ้าแท้จริงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะหลอมรวมเปลวไฟนภาเข้ากับร่างของเขา เมื่อข้าได้พบกับชิงหมิง ข้ารู้สึกว่าการหลอมรวมของเขามีน้อยกว่าเจ้าคนนี้เสียอีก ข้าคิดว่าเราไม่ควรทำอะไรอย่างประมาท "
" ตามความคิดของข้า ข้าว่าเจ้าเด็กนี่แปลกประหลาดเล็กน้อย . " เปลวเหมันเยือกแข็งเห็นด้วยกับ ฉื่อหยาน
" บอกตามตรง ข้ายังสนใจเปลวไฟนภาของชิงหมิงมากกว่าเสียอีก . . . . . . . "
" อ๊ะ เจ้าบ้าไปแล้วรึ ? ชิงหมิงเป็นนักรบระดับะรัเจ้า เปลวไฟประคบซพของเขานั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก แม้ว่าการหลอมรวมของเขากับเปลวไฟประคบศพจะไม่เท่ากับเจ้านี่ แต่ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่สูงกว่ามาก ซึ่งนั่นทำให้เขาใช้พลังของเปลวไฟประคบศพได้อย่างมาก เจ้าบ้าไปแล้วรึ ? "
" ก็อาจจะ . . . าข้าจะสนใจชิงหมิง คนอื่นๆก็เช่นกัน เราจะดูสถานการณ์ไปก่อน และหาเวลาที่เหมาะสมที่จะลงมือ . "
" . . . . . . . " ( เงียบ )
เมื่อเปลวเหมันเยือกแข็ง และเขาได้แอบติดต่อกัน เย่จางเฟิ่งก็ลูบไปที่ใบหน้าของตัวเองอย่างกังวล
หลังจากนั้น เย่จางเฟิ่งก็ขบฟันแน่นและพูดออกมาอย่างขมขืาน " หากเจ้าช่วยข้า , สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์นั่นจะเป็นของเจ้า ถ้ามันสามารถหลอมขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ "
ฉื่อหยานดวงตาก็สดใสขึ้น เขาหันศีรษะของเขาไปมองเย่จางเฟิ่งราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ " เจ้าจะบ้ารึ "
" ข้าพูดจริง " เจ้าเย่จางเฟิ่งหัวเราะแปลกๆ " เจ้าก็รู้ค่าของสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ดี ในทะเลกว้างใหญ่ สมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์แต่ละชิ้นจะถูกป้องโดยขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ ข้ายินดีมอบให้เจ้า เพียงแค่เจ้าช่วยข้าเท่านั้น "
" แล้วเจ้าจะได้อะไร ? " ฉื่อหยาน ก็ตกใจ เขาถามออกไปด้วยความงุนงง
" เคล็ดวิชาบ่มเพาะของข้านั้นเฉพาะเจาะจงเล็กน้อย มันจะทะล่วงเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ก็ต่อเมื่อหลอมสมบัติลับได้ ถ้าข้าหลอมสมบัติลับระดับศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ข้าจะบรรลุเจ้าสู่ระดับรู้แจ้งจากระดับปฐพี หรืออาจจะบรรลุเข้าสู่ระดับนภาก็เป็นได้" เย่จางเฟิ่งคิดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดด้วยดวงตาที่ลุกโชน
ร่างของฉื่อหยาน ก็ปั่นป่วน เขาพูดด้วยเสียงต่ำ " ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็ได้รับประโยชน์มากมายเลยสินะ "
" ถ้าข้าไม่ได้อะไรตอบแทน เหตุใดข้าต้องให้อะไรเจ้ามากมายด้วย ? " เย่จางเฟิ่งฝืนยิ้มและต่อ " ถ้าข้าต้องการที่จะหลอมสมบัติ ข้าจะหาคนที่มีเปลวไฟนภาและขอให้เขาช่วย เหตุนี้ . . . . . . . ถึงแม้ข้าจะรู้ว่าประมุขนิกายซากศพจะมีเปลวไฟนภา ข้าก็ไม่กล้าที่จะร่วมมือกับเขา อย่างที่เจ้ารู้ เปลวไฟนภาแต่ละดวงสามารถดูดซับกันได้ ระดับการบ่มเพาะของข้าน้อยกว่าเขา และข้าได้สูญเสียการสนับสนุนจากดินแดนจิตวิญญานสมบัติแล้ว ดังนั้น ข้าจึงไม่กล้า . . . . . . . "
ฉื่อหยาน ก็เงียบ คิ้วของเขาที่ขมวดคิดอย่างรอบคอบ เขาคิดถึงข้อดีและข้อเสียอยู๋ ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกว่านี่คือของขวัญที่ตกมาจากสวรรค์ หลังจากใช้เปลวไฟนภาเพื่อช่วยเจ้าคนประหลาดนี่ เขาก็จะได้รับสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ นี่มันคือโชคลาภที่คาดคิด ? !
" เจ้าประหลาด เจ้าแน่ใจเรื่องนี้นะ? " หลังจากคิดสักพัก ฉื่อหยาน ก็นึกถึงเรื่องนี้แล้วถามออกไป " อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่มั่นใจและต้องการทดสอบข้า แล้วเจ้าก็จพทำอย่างนั้นไม่จบสิ้น ข้าขอเตือนเจ้า ข้ายุ่งมาก ข้าไม่มีเวลาที่จะมาล้อเล่นกับเจ้าหลอกนะ . "
" ไม่ต้องกังวล ก่อนหน้านี้ข้าได้พยายามมาหลายครั้งแล้ว " เย่จางเฟิ่ง หัวเราะ และก็บอกว่า " ถ้าเจ้ายอมช่วยข้า ข้ารับประกันว่าเจ้าจะต้องได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์แน่นอน "
" ก็ได้ ข้าเชื่อเจ้า" ตอนนี้เอง ฉื่อหยาน ก็ยิ้มออกมาที่มุมปากของเขา แล้วกล่าวว่า " ข้าตกลง "
" เยี่ยม งั้นเรามาพูดคุยรายละเอียดกันเถอะ . " เย่จางเฟิ่งยื่นหน้าไปข้างหน้าและลดเสียงของเขาลง " ข้าได้เตรียมวัสดุไว้เพีบงพอแล้ว เพียงแค่ขาดวัสดุสิ้นหนึ่งที่เฉาะเจาะจงมันเป็นสมบัติระดับลึกลับ มันคือ . . . . . . . "
" แต๊กก แต๊กก ”
ตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าเร่งรีบมาก็ดังมาจากบันได เสียงข้อต่อก็ดังขึ้นมาเบาๆ" เย่จางเฟิ่ง ออกมา "
เย่จางเฟิ่ง ก็ตกตะลึงด้วยใบหน้าอึดอีด เขารีบหันหลังไปทางประตู ทำเป็นเหมือนกับว่าเขากำลังจ้องไปที่ทะเลสาปน้ำร้อน
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก็กลายเป็นบิดเบี้ยว ; กระดูกของเขาเปลี่ยนไป ผิวหน้าของเขาก็ถูกดึงเข้าด้วยกัน . . . . . . .
เพียงสามลมหายใจ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป จากใบหน้าที่ขาวใสกลายเป็ฯ ใบหน้าชายหนุ่มหน้าเหลืองและหยาบแห้งพร้อมกับดวงตาเศร้าหมอง ลักษณะเทพบุตรหนุ่มผู้ชอบท่องเที่ยวได้หายไป
" การเดินทางทั่วล่าบนโลกใบนี้ สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือเคล็ดวิชาปกป้องตัวเอง ฮิฮิ. "
เยวาจางเฟิง ก็ผ่อนคลายร่างกายของเขาและยกขาของเขาขึ้นและดื่มสุราโดยไร้กังวล
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ