ตอนที่แล้วบทที่ 304 เสียงคำรามของศพราชันย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 306 โชคลาภที่ไม่คาดฝัน

บทที่ 305 เป็นเจ้าของเช่นกัน..


บทที่ 305 เป็นเจ้าของเช่นกัน..

ฉื่อหยานและถังหยวนหนาน อยู่ห่างกัน 5 เมตร ร่างกายของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นพร้อมกัน ในตอนนี้ มันค่อยๆปรากฏการเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญานต่อสู้ระหว่างพวกเขา

มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกัน แม้จะไม่เคยพบค่าหน้าตามาก่อน แต่จิตวิญญานต่อสู้ของเขากับสั่นสะท้าน

ฉื่อหยานสั่นเล็กน้อย เขาจับหน้าอกตัวเอง กัดฟันและสาปแช่งภายใต้ลมหายใจของเขา

เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับจิตวิญญานแห่งดวงดาวเลย โดยเดิมแล้วเขายังไม่สามารถควบคุมพลังเหล่านี้ได้

หัวใจของฉื่อหยานเต้นอย่างรุนแรง จนกลายเป็นปั่นป่วน ,พลังภายในร่างกายของเขา กำลังประทะกันเองจนทำให้เขาเจ็บปวด

ถังหยวนหนาน ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ หน้าตาของเขายังคงเดิม ท่าทางของเขาแสดงออกอย่างเรียบเฉย แต่ร่างกายของเขาเปล่งแสงเป็นวงกลมออกมามากมาย ,ทีละวง วงกลมแสงเหล่านั้นก็เคลื่อนไหวไปปกคลุมฉื่อหยาน

" บัดซบ ! " ฉื่อหยานสาปแช่งออกมาด้วยใบหน้าดุร้าย อามรมณ์เชิงลบที่นับไม่ถ้วนในเส้นชีพจรของเขาก็ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง เหมือนกับภูเขาไฟ

ทันที ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาก็ค่อยๆ เหี่ยวลง ในขณะที่พลังงานเชิงลบที่แข็งแกร่งทะลักออกมาจากเส้นชีพจรของเขา

พลังงานเชิงลบน่าเกรงขามและเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง มันกดดันไปยังพลังอื่นที่ปั่นป่วนอยู่ในจิตใจของเขาและช่วยให้เขากลับมาอยู่ในสภาพปกติ

หลังจากหอบไม่กี่ครั้งและถอยไปไม่กี่ก้าว ร่างของเขาเปล่งแสงออกมาเหมือนกับดวงดาวและค่อยๆฟื้นฟูเขาอย่างช้า

" โอ้ " ถังหยวนหนาน ก็พูดขึ้นเล็กน้อยและหันศีรษะของเขามองมาที่ฉื่อหยานด้วยความตกตะลึง ดวงตาของเขาเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ขนาดเล็กที่ส่องแสงเฉิดฉายออกมาซึ่งทำให้ผู้พบคนตกอยู่ในความหวาดกลัว

ภายใต้ดวงตาที่ทรงพลังนี้ ฉื่อหยานรู้สึกเจ็บปวด และไม่กล้าที่จะมองไปยังพวกมัน

จนกระทั่ง เปลวเหมันเยือกแข็งได้ปลดปล่อยพลังความเย็นไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาและค่อยๆรวมกันที่ดวงตาของเขา เขาเริ่มปรับตัวเข้ากับแสงดวงอาทิตย์จากตาของถังหยวนหนานได้ จากนั้นเขาจึงมองไปที่ถังหยวนหนานอย่างสงบและพูด " ประมุขท่านผู้ยิ่งใหญ่ ! "

" พวกเราล้วนแต่มาจากพรรคเดียวกัน ไม่ต้องมากพิธี " ถังหยวนหนาน เผยรอยยิ้ม แสงแดดบนร่างกายของเขาจางหายไปทีละน้อย เขาไม่ได้ตั้งใจจะทดสอบความสามารถของฉื่อหยานมากนัก

ฉื่อหยาน ผ่อนคลายร่างกายทุกส่วนลง จิตวิญญานแห่งดวงดาวก็สงยลง ราวกับว่ามันไม่ได้เจอคู่ปรับอีกต่อไป ดังนั้นมันจึงหมดความสนใจและหยุดกระตุ้นและปั่นป่วน

" พรรคเดียวกัน . . . . . . . " ฉื่อหยานก็พึมพัม เขาพลางยิ้มและส่ายหัวเล็กน้อย และไม่กล้าจะพูดอะไรอีก

ประมุข นิกายซากศพขิงหมิงก็สงบลง แล้วกวาดสายตาสงสัยของไปที่ฉื่อหยาน จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มเย็นออกมาและพูด " ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะสัมพันธ์กับพรรคสามเทพ ไม่สงสัยเลยว่าทำไม พี่ถังถึงได้มาเร็วเช่นนี้ ดูเหมือนว่าท่านจะมาเพื่อปกป้องเด็กคนนี้นะ "

" ปกป้องเด็กคนนี้ " ถังหยวนหนาน ก็ยิ้ม เขาหันไปมองชิงหมิง แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ " ถ้าข้าไม่เข้ามายุ่ง ท่านจะทำอะไรเขาได้กัน ? พี่ชิงหมิง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า กองกำลังของฉื่อหยานนั้นแข็งแกร่งกว่าท่านตอนนี้มากนัก ท่านลองมองด้วยตัวท่านเองเถอะ  "

ชิงหมิง ' ดวงตาก็ส่องประกายออกมา เขาเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังฉื่อหยาน

" ข้ามาที่นี่เพื่อบอกพี่ชิงหมิง ว่า ท่านไม่ควรใช้ศพราชันย์ " ถังหยวนหนาน พูดด้วยสีหน้าเฉยเมย ราวกับกำลังแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน " เกาะของข้าจะไม่สามารถทนได้หากได้รับแรงกดดันมากๆ ข้าหวังว่า พี่ชิงหมิงจะเห็นแก่หน้าข้าบ้าง . "

ถังหยวนหนาน หันหัวไปมองฉื่อหยาน , เผยยิ้มอย่างมีความหมาย " เจ้าเด็กน้อย เจ้าเองก็ทำตัวดีๆบ้าง ตั้งแต่เจ้ามายังเกาะสุริยันเพียงสองชั่วโมง ห้านักรบระดับปฐพีก็ได้ตกตายไป สามกองกำลังก็อคติเจ้ากับข้า และตอนนี้เจ้าก็กำลังต่อสู้กับประมุขชิงหมิง เจ้าต้องการจะทำอะไรกัน ? "

ฉื่อหยาน ก็แปลกใจ

" ก่อนการประชุมเริ่มขึ้น เจ้าห้ามสร้างปัญหาไปมากกว่านี้ . " ถังหยวนหนาน ถอนหายใจยาว และพูดว่า " ถือเสียว่ารักษาหน้าของข้า ตกลงหรือไม่ ? "

" ท่านพบอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้นหรือไม่ ? " ฉื่อหยาน ก็ตกใจสักพัก ก่อนที่เขาจะถามออกไปพร้อมกับขมวดคิ้ว

" รอจนกว่าการประชุมตะเริ่ม ตอนนั้นค่อยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเร็วเกินไปที่จะบอกตอนนี้" ถังหยวนหนาน สีหน้าก็ซับซ้อน เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า " เมื่อจบการประชุม เจ้าต้องไปที่เกาะจันทรากับข้า ข้ามีบางอย่างจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัว”

ฉื่อหยานพยักหน้า เพื่อแสดงออกว่าเข้าใจ

" หากมีปัญหาอะไร ก็บอกข้า เข้าใจมั้ย ? " ถังหยวนหนาน ลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดเพิ่มพร้อมกับขมวดคิ้ว " จริงๆแล้วเจ้าเองก็เป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้เช่นกัน . . . "

ใบหน้าของ หยินไห่ และกลุ่มผู้อาวุโสของนิกายซากศพทันทีก็เปลี่ยนไปและแสดงออกอย่างหวาดกลัวหลังจากได้ยินสิ่งที่ถังหยวนหนานพูด

ชิงหมิงแววตาก็แปลกไป

" เป็นเจ้าของเช่นกัน . . . . . . . " ฉื่อหยาน ก็พูดติดตลก " เอาล่ะ ข้าจะประพฤติตัวดีๆ และจะสร้างปัญหาให้น้อยลง อย่างไรก็ตาม ท่านทำให้ข้ารู้สึกแย่ ข้าไม่สนใจ" เป็นเจ้าของเช่นกัน " อย่างไรก็ตาม เลือดส่วนหนึ่งในร่างกายของข้าก็ยังเป็นของตระกูลหยาง "

" นับเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าเข้าใจ . " ถังหยวนหนาน พยักหน้าและบอกว่า ไม่มีอะไรแล้ว จากนั้น แสงก็แว้บขึ้นมา แล้วเขาก็หายไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง

" ความสัมพันธ์ของเจ้ากับพรรคสามเทพเป็นเช่นไรกันแน่ ? " ชิงหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก " ในฐานะที่ข้ารู้จัก ตระกูลหยาง และพรรคสามเทพและขุมพลังอื่นๆมาหลายร้อยปี ถึงแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้เข้าร่วมสงครามใหญ่เมื่อสิบปีก่อน แต่ข้าก็เคยได้ยินว่าตระกูลหยาง และพรรคสามเทพนั้นขัดแย้งกัน "

ฉื่อหยานก็กระแอมเสียงเย็นชา และไม่แม้แต่จะตอบกลับ

จากลึกภายในหัวใจของเขา เขารู้ได้เลยว่าถังหยวนหนาน นั้นไม่กลัว ชิงหมิง นั่นคือเหตุผลที่ถังหยวนหนาน พูดว่าเขาเองก็เป็นเจ้าของเกาะสุริยันเช่นกัน ในความเป็นจริง , ถังหยวนหนาน แค่อยากจะเรียกร้องความสจใจจากเขาเท่านั้น

โดยใช้นิกายซากศพ ถังหยวนหนานบางอาจจะต้องการกระจายออกข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขา และ พรรคสามเทพ ไปให้กับนักรบทั้งหมดในทะเลไม่มีสิ้นสุดรู้ ว่า นอกจากจะเขาจะเป็นสมาชิกตระกูลหยางแล้ว ฉื่อหยานเองก็เป็นผู้สืบทอดจิตวิญญานต่อสู้ของพรรคสามเทพ

ด้วยจิตวิญญานแห่งดวงดาว เขาอาจจะเป็นผู้ปกครองเกาะดวงดาวในอนาคต ดังนั้น เขาจึงต้องการให้ฉื่อหยานกลายเป็นผู้สืบทอดพรรคสามเทพอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากตระกูลหยางได้เข้าไปหลบภัยอยู่ที่ดินแดนอสูร อำนาจของพวกเขาลดลงเป็นอย่างมาก และจักพรรดิ์หยางชิงตี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก

ฉื่อหยานเข้าใจเหตุผลที่ถังหยวนหนาน แสดงออกในวันนี้ เขาแสดงออกด้วยเจตนาดีเพราะต้องการจะเป็นสหายของเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก นี่คืออีกเหตุผลที่เขาแสดงออกเช่นนั้น นอกจากเรื่องที่ฉื่อหยานได้รับสืบทอดจิตวิญญานดวงดาว

ความสามัคคัของเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกนั้นมีไม่น้อยกว่าขุมพลังอื่นเลย ความจริงก็คือ หากถังหยวนหยานพูดกล่อมฉื่อหยานได้ก็เท่ากับเขากล่อมเผ่าปีกและเผ่าเสียงอสูรได้ แผนการของคนๆนี้ช่างชาญฉลาดนัก

" นิกายซากศพเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเจ้าเช่นกัน " หลังจากนั้นไม่นาน ชิงหมิง ก็ยอมรับในความผิดพลาดของเขา " ถ้าเจ้ามีความสนใจในศพนภาทั้งสอง ข้าก็จะมอบมันให้เจ้า เพื่อเป็นการไถ่โทษของพวกเขาที่ได้กระทำไปเมื่อตอนที่อยู่หลุมฝังศพ 93 เหตุผลที่ข้าจะนำเจ้ามาเป็นทาสศพในปีนั้นเป็นเพราะการค้าขายกับดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ นอกเหนือจากนั้น เรากับพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆต่อกัน เจ้าคิดอย่างไร ? "

กลุ่มผู้อาวุโสและหยินไห่ก็ตกใจกับดวงตาและปากของพวกเขาก็เปิดกว้าง

" ด้วยศพนภาทั้งสอง ความบาดหมางระหว่างเจ้าและนิกายซากศพที่ว่าจบสิ้นกัน เจ้าคิดว่าไง ? " ชิงหมิงพูดด้วยเสียงต่ำ

" ท่านประมุข ! " หยินไห่ก็ตกใจ เพราะศพนภาทั้งสองนี้เป็นของเขา

" หุบปาก ! ! ! " ชิงหมิงตะโกนออกมาเสียงดัง

หยินไห่ก็เงียบลงทันที

" ศพนภาทั้งสอง. . . . . . . " ฉื่อหยาน ขมวดคิ้วเข้าหากัน ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะพูด " เช่นนั้นก็ตกลง แต่เจ้าต้องเอาเคล็ดวิชาที่ปิดกั้นอยู่ในทั้งศพนภาทั้งสองออกให้หมด รวมถึงรูปแบบที่เชื่อมต่ออยู่กับหยินไห่ด้วย "

" แน่นอน " ชิงหมิงทันทีก็ตอบตกลง

" การกำจัดรูปแบบและเคล็ดวิชาทั้งหมดในศพนภาทั้งสอง ต้องใช้เวลา 3 วัน หลังจากนี้ 3 วัน ข้าจะส่งหยินไห่พาให้นำศพนภาทั้งสองไปให้เจ้า เจ้าว่าเช่นไร ? "

" ตามที่ท่านสะดวก " ฉื่อหยานก็ยิ้มออกมาที่มุมปากของเขา เขาป้องมือขึ้นแสดงออกต่อชิงหมิงอย่างเคารพ

" ประมุขชิงหมิงใจกว้างนัก ข้าได้เรียนรู้มากมายเลยในวันนี้ แล้วพบกันที่งานชุมนุม " หลังจากเสร็จสิ้น ฉื่อหยานก็หันไปรอบ ๆและจากไป

กลุ่มของอีเทียนโหมวทั้งสามตยก็เขาไปอย่างรวดเร็ว ทิ้ง โดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ .

" ท่านประมุข " หยินไห่ก้มศีรษะคารวะ " เหตุใดกัน ? "

" เจ้าไม่ต้องรู้หรอก " ดวงตาสีเขียวของชิงหมิงทันทีก็สว่างขึ้น และกลายเป็นรูปแบบที่น่าอัศจรรย์ ภายในรูปแบบเล็กๆนี้ เปลวไฟสีเขียวอ่อนก็ค่อยๆจางลงและเปลี่ยนเป็นใบหน้าสีน้ำเงินเล็ก

" ยังมีเปลวไฟนภาอื่นอีกในร่างของเขา . " จิตสำนึกประหลาดปรากฏในหัวของชิงหมิง ,มันปรากฏขึ้นในห้วงจิตสำนึกของเขา

" ต้องมีบางสิ่งที่พิเศษในตัวเขาแน่ ไม่งั้นอีกเปลวไฟนภาทั้งสองคงไม่ยอมรับเขาเช่นนี้ เราไม่ควรเผชิญหน้ากับคนๆนี้ เราควรจับตาดูเขาไปก่อน "

ชิงหมิงค่อยๆพยักหน้า ไฟสีเขียวในดวงตาของเขาค่อยๆหรี่ลง ; ใบหน้าสีน้ำเงินก็หายไปเช่นกัน

. . .

" นายท่าน " อีเทียนโหมวก็หันมาชี้ไปที่เหนือศีรษะและพูดด้วยเสียงเล็ก ๆ " มีนักรบระดับพระเจ้าเฝ้ามองเราอยู่ " .

ฉื่อหยานยกศีรษะของเขามองขึ้นไปบนฟ้า แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ ไม่ต้องสนพวกเขา พวกเขาหยิงยโสนัก พวกเขามีผู้ติดตามอยู่หลายคน พวกเขาจะไม่แสดงตัวตน เพราะนักรบระดับปฐพีเช่นข้าหลอก ข้าคิดว่าเขาจะเข้ามาคุยกับข้า หลังจากประชุมเสร็จ ตอนนี้คงยังไม่เหมาะ "

" ดังนั้น เราจะกลับกันเลยหรือไม่ ? " อีเทียนโหมวยังคงถาม

ฉื่อหยาน ก็สับสน คิดสักพักแล้วตอบว่า " เจ้าสามคนกลับไปก่อน ข้าจะไปที่ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ถ้าข้ากลับตอนนี้ ก็คงมีคนมาหาข้า นั่นช่างน่ารำคาญ และถ้าเจ้าไปกับข้า มันก็จะดึงดูดสายตาของผู้คน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าเองก็อยากจะพักผ่อนสักหน่อย "

" มันจะอันตรายนะนายท่าน " คาป้าพูดด้วยความกังวง " ให้อีเทียนโหมว ไปกับท่านดีหรือไม่ ส่วนข้าทั้งสองจะกลับไปก่อน "

" ไม่ต้อง " ฉื่อหยานส่ายหน้า " พวกท่านทั้งหมดกลับไปเถอะ นักรบบนเกาะนี้ยังจับตามองพวกท่านอยู่ ในสายตาของพวกเขา ข้าเป็นเพียงเด็กส่งสารเท่านั้น พวกท่านกังวลมากเกินไปแล้ว ข้ารู้ว่าพวกท่านสามารถใช้จิตสำนึกส่งข้อความมาหาข้าได้ตลอด ดังนั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะส่งหาข้อความถึงท่าน ถึงแม้เกาะนี้จะไม่เล็ก แต่ก็ไม่ใหญ่เกินไปสำหรับพวกท่าน มันคงใช้เวลาไม่นานนักที่พวกท่านจะบินมาหาข้า”

" ก็ได้ งั้นพวกเราขอตัวก่อน " อีเทียนโหมวพยักหน้า , พวกเขาก้มอย่างมีมารยามก่อนที่จะจากไป

… … … … …

ฉื่อหยานก็ตรงไปที่ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งเขาก็พบบางคนระหว่างทาง กลุ่มนักรบหนุ่มที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยกำลังเดินอยู่ข้างหน้าพวกเขารวมกลุ่มกัน 3-5 คน พูดคุยและยิ้มกันอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการบุกรุกของเผ่าอสูร ' ; ตรงกันข้าม ปรากฏว่าพวกเขากำลังเพลิดเพลินและสนุกสนาน ไปกับบรรยากาศที่สวยงามของที่นี่

ฉื่อหยาน ได้ฆ่านักรบระดับปฐพีไปห้าคน เพียงหลังจากมาที่นี่ได้ไม่นาน แต่น้อยคนนักที่เห็นเหตุการณ์นั้น

ดังนั้นนักรบส่วนใหญ่จากขุมพลังที่แตกต่างกันจึงไม่รู้จักเขา ในขณะที่เขาเดินไปตามทางของเขา พวกเขาก็หัวเราะและพูดกันและกันและไม่มองมาที่เขา

ภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นภูเขาที่อยู่บนเกาะ มันมีความสูงนับหมื่นจาง เหมือนกับต้นเสาที่ค้ำจุนแทงทะลุเหนือท้องฟ้า

พระราชวังสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของเกาะสุริยันอยู่บนยอดสูงสุดของภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ซ่อนตัวอยู่ในเมฆหมอกพร่ามัว ประกอบกับแสงแดดในช่วงฤดูร้อนที่ส่องเรืองรองลงมาทุกวัน

ว่ากันว่า พระราชวังสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างมาจากหินแร่ธาตุที่หายากมากมันสามารถดูดซับแสงแดดและส่งผลปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน

มีน้ำพุร้อนหลายแห่งบนภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้มีการกล่าวกันว่าน้ำพุร้อนเหล่านี้มีความลึกลับมากมายที่ช่วยทำให้ผิวขาว , เงาและเรียบหรือฟื้นคืนกำลังได้ หากแช่มันอย่างสงบ น้ำอุ่นๆจะช่วยทำให้กลับมารู้สึกสดชื่นอีกครั้ง

ที่ตีนภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ นอกจากบ่อน้ำร้อนแล้ว ยังมีการซื้อขายและแลกเปลี่ยนทรัพยากรกัน มีกระทั่งจัดหาสุราชั้นเลิศและหญิงสาว หรือห้องสำหรับฝึกบ่มเพาะที่มีไว้สำหรับนักรบ

นั่นคือเหตุผลที่ตีนภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์สามารถดึงดูดนักรบที่โดดเด่นจากทุกที่

นักรบหนุ่มมากมายติดตามอาจารย์ หรือ ผู้อาวุโสของพวกเขามาด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน พวกเขารวมตัวกันเป็นกลุ่ม ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหวัง พวกเขาหวังว่าจะโชคดีพอที่จะพบสมบัติในฝันสักชิ้น

. . . . . . .

ที่เรือนอาบน้ำ นภาคราม ไอน้ำอุ่นลอยอยู่ และครอบคลุมรอบๆบ่อน้ำพุร้อน พื้นที่อาบน้ำแบ่งออกเป็นพื้นที่แยกจากกันด้วยผนังกำมะหยี ในช่วงกลางของพื้นที่น้ำพุร้อน มีทะเลสาบเป็นวงรีที่มีขนาดใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลอยู่

นักรบกำลังอาบน้ำและพักผ่อนอยู่ในทะเลสาป

หญิงสาวในเสื้อบางร่างผอมของนางแช่อยู่ในแม่น้ำเนื่องจากไอน้ำที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกือบจะปกคลุมผิวน้ำทั้งหมด ทำให้ร่างกายของนางดูคลุมเครือ แม้ใบหน้าของนางก็ไม่อาจเห็นได้อย่างชัดเจน ร่างที่โดดเด่นของนางที่ซ่อนอยู่ใต้น้ำร้อนท่ามกลางหน้าร้อนในฤดูใบไม้ผลิ

มีศาลาหลายแห่งอยู่รอบๆพื้นที่อาบน้ำ นักรบนั่งพิงอยู่กับราวบันไดภายในศาลานั้น และต้องมองมาที่น้ำพุร้อน ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัดเจน พวกเขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และกระตือรือร้น

ฉื่อหยานเดินมายังเรือนอาบน้ำ และเหลือบมองไปมาอย่างรวดเร็ว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะหญิงสาวปรากฏตัวภายใต้หมอกที่หนาแน่นนี้ ท่ามกลางน้ำที่อบอุ่น ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่เขาสามารถเชยชมร่างกายที่เย้ายวนได้

ขณะที่เขาเดินไปในศาลาอย่างหมดอารมณ์ เขาได้ยินเสียงการสนทนาลอยมาจากนักรบบางคนพร้อมกับกลิ่นสุรา ทันทีที่เขารู้ว่านี้เป็นทั้งโรงเตี๊ยมและสถานที่อาบน้ำ , และมีิอาหารอร่อยอยู่มากมาย

ในขณะที่ยิ้มออกมาบางๆ ฉื่อหยานรู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลายเล็กน้อย ขณะที่กำลังผ่อนคลาย เขาจ้องมองไปที่ร้านสุราสักพักก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน

" แม่นางกู่ ลองนี้ นี้คือเนื้อปูจันทร์เสี้ยว ซึ่งสามารถพบได้ที่เกาะจันที่ของพรรคสามเทพ เนื้อนุ่มเป็นธรรมชาติ มันอร่อยเป็นอย่างมาก "

" แม่นางซู ลองลำธารเมฆาไหลลินดูสักเล็กน้อย ว่ากันว่า สุรานี้ถูกสร้างขึ้นในฤดูใบไม้ผลิศักดิ์สิทธิ์ภายในภูเขาแสงศักดิ์สิทธิ์ สุราศักดิ์สิทธิ์นี้ทำให้ผู้คนต่างก็ลุ่มหลง"

" . . . . . . . " ( เสียงพูดจำนวนมาก )

ชายหนุ่มห้าถึงหกคน ที่หน้าตาดีแต่งตัวในชุดเสื้อผ้าเรียบร้อยและสวยงามกำลังยิ้มออกมาอย่างแจ่มใสให้กับหญิงสาวสองคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะถัดจากหน้าต่าง

หญิงสาวที่อยู่ตรงนั้นคือกู่หลินหลงและซูหยานซิง แม้ว่ากู่หลินหลงจะสวมหน้ากากแปลกๆ กลื่นอายพิเศษก็ยังลอยออกมาจากร่างของนาง ราวกับว่าไม่ว่านางจะปรากฏตัวที่ไหนทุกคนต่างก็จะรู้ว่าเป็นนาง ชายหนุ่มหลายคนต่างก็หลงใหลในความงามของนาง

ทันทีที่ฉื่อหยานก้าวเข้ามา และก่อนที่เขาจะหาที่นั่งสำหรับตัวเอง เขาก็ได้ยินเสียงนั้นขึ้นมา และช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขัน

เขาส่ายหัวเล็กน้อย โดยไม่พูดอะไรเลย เขานั่งลงที่โต๊ะใกล้ๆกับหน้าต่างแล้ว มองไปยังบ่อน้ำพุร้อนที่ไอหนาแน่นอย่างร้อนรน พยายามที่จะหาร่างที่มีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดเขาได้

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด