บทที่ 297 เกาะสุริยัน
บทที่ 297 เกาะสุริยัน
พรรคสามเทพเป็นพรรคที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด
นานนับปี พรรคสามเทพได้ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ เทพเจ้าแห่งสุริยัน จันทรา และดวงดาว พวกเขาต่างก็ครอบครองจิตวิญญานดวงตะวัน จิตวิญญานจันทรา และ จิตวิญญานแห่งดวงดาว จิตวิญญานต่อสู้ทั้งสามชนิดล้วนเป็นจิตวิญญานต่อสู้ระดับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีความสามารถมหัศจรรย์ที่สามารถดูดซับพลังจาก สุริยัน จันทรา และ ดวงดาวได้
อย่างไรก็ตาม หลายปีมาแล้ว เมื่อเทพทั้งสาม เทพ สุริยัน จันทรา และดวงดาวของพรรคสามเทพได้ต่อสู้กับเผ่าทมิฬจากดินแดนใต้พิภพเจ็ดชั้น พวกเขาก็ถูกทำร้ายโดย เอวี่ราชาทมิฬ และได้รับบาดเจ็บสาหัส ตั้งแต่นั้นมาเทพทั้งสาม ทั้ง สุริยัน จันทรา และดวงดาวก็ไม่เคยปรากฏตัวอีกเลย
หลังจากการต่อสู้ เทพเจ้าแห่งจันทรา และเทพพระเจ้าของดวงดาวก็ได้หายไปและไม่เคยปรากฏขึ้นในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดนับตั้งแต่นั้นมา มีเพียงแต่เทพแห่งสุริยันที่กลับมายังพรรคสามเทพและปกครองพรรคสามเทพ แต่สามปีต่อมาเขาก็ได้จากไปอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้น อำนาจของพรรคสามเทพก็ค่อยๆได้ลดลงจากเมื่อก่อนที่เคยเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งเป็นอันหนึ่งหรือสองในทะเลไม่มีสิ้นสุด
แต่อย่างไรก็ตามพรรคสามเทพใน ทะเลเหิงลั่วยังคงอยู่เหนือกว่าตระกูลกู่และตระกูลตงฟางอยู่เรื่อยมา
จนถึงตอนนี้ ภายใต้การปกครองของประมุขถังหยวนหนาน ความสามารถพรรคสามเทพก็ได้เริ่มฟื้นตัว กลับมาแข็งแกร่งอันดับต้นๆในทะเลไม่มีสิ้นสุดอีกครั้ง พวกเขาได้กลายเป็นหนึ่งในขุมพลังที่ไม่มีใครกล้าสบประมาท
พรรคสามเทพสาขาหลักได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 เกาะ ได้แก่ เกาะสุริยัน เกาะจันทรา และเกาะดวงดารา รูปแบบที่ตั้งของทั้งสามเกาะเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมและอยู่ห่างกันประมาณสิบไมล์
เกาะสุริยัน เกาะจันทรา และเกาะดวงดาวเป็นที่ฝึกบ่มเพาะของเทพ สุริยัน จันทรา และ ดวงดาวทั้งสาม พวกเขามักจะอยู่ที่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของพรรคสามเทพนี้ เฉพาะสาวกที่มีคุณสัมบัติเพียงพอเท่านั้นที่จะได้ฝึกฝนอยู่บนเกาะเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เทพจันทราและเทพดวงดาวไม่เคยปรากฏตัวออกมาเลยเป็นเวลานาน ตำแหน่งของเกาะจันทราและเกาะดวงดาวก็ค่อยๆเสื่อมโทรมลงเมื่อ เทียบกับเกาะสุริยัน . ดังนั้น ขุมกำลังหลักปัจจุบันจึงตั้งอยู่ที่เกาะสุริยัน ส่วน เกาะจันทราและเกาะดวงดาวไก็ด้กลายเป็นเขตหวงห้าม และผู้คนที่ไม่ได้รับอนุญาต ก็ไม่สามารถเข้าไปได้
จนเมื่อปีที่แล้ว เกาะจันทราก็ค่อยๆกลับมาสําคัญอีกครั้ง แสงจันทร์สาดส่องบนเกาะทั้งเกาะ มีสาวกไม่กี่คนของพรรคสามเทพที่ครอบครองจิตวิญญานจันทราและได้รับอนุญาตให้เดินทางไปยังเกาะจันทรา
มีข่าวลือว่าเทพจันทรา หนึ่งในเทพของพรรคสามเทพได้กลับไปยังเกาะจันทรา หลักจากละทิ้งหายไปอย่างเนิ่นนาน
ข่าวลือก็เป็นแค่ข่าวลือ แม้แต่สาวกของพรรคสามเทพ เองก็ไม่เคยได้เห็นการกลับมาของเทพในตำนานนี้เลย . ดังนั้น ไม่มีทางที่คนจากขุมพลังอื่นจะรู้ได้แน่นอน
ตอนนี้เอง ยูนิคอร์นอัคคีที่เต็มไปด้วยเปลวไฟที่รุนแรงก็มาถึงและลงยืนบนเกาะจันทรา
เกาะจันทราเต็มไปด้วยสายลมที่รุนแรงในคืนนี้ ดังนั้น เปลวไฟจากยูนิคอร์นอัคคึจึงลุกโหมเด่นเห็นได้ชัด ผู้ชายที่ส่องแสงเหมือนกับดวงอาทิตย์ในชุดสีฟ้าก็คอยๆควบยินิคอร์นลงมาและลงมาพร้อมกับยูริคอร์นช้าๆ
ทะเลสาบจันทราส่องสว่างบนเกาะจันทรา
น้ำที่ดูใสในทะเลสาบก็ส่งกลิ่นอายหนาแน่นเหมือนหมอกลอยอยู่รอบๆ มีบ้านเล็ก ๆที่ทำจากหยกลอยอยู่ตรงกลางของทะเลสาบ เมื่อยูนิคอร์นอัคคีลงมา ชายในเสื้อสีน้ำเงินก็ก้มเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่เคารพและเรียก " เทพจันทรา ! "
กลิ่นไอชีวิตที่เป็นเหมือนกับหมอกก็ปกคลุมบ้านหยก หมอกที่คลุมเครือและแสงจันทร์ที่ส่องแสงสวยหรู เกิดเป็นฉากที่ดูเศร้าหมองขึ้น ทำให้พื้นที่ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะถูกแช่อยู่ในแสงจันทร์ที่สดใส
ร่างที่สวยสง่าและงดงาม ซึ่งครอบคลุมไปด้วยแสงจันทร์ในชุดสีขาว ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่าทำจากผ้าไหมหรือผ้าอะไรแต่มันดูคล้ายกับก้อนเมฆสีขาวที่อยู่บนท้องฟ้า ร่างนั้นดูคลุมเครือด้วยหมอกที่หนาแน่น ทำให้นางราวกับเป็นเทพธิดา ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกประหลาดใจ และยืนหวาดหวั่นต่อหน้าความงามที่แท้จริง
แสงจันทร์ที่เหมือนกับหยกส่องปกคลุมชุดสีขาวที่เหมือนก้อนเมฆ จุดแสงเล็กๆและผลึกฝนน้ำค้างก็ลอยลงมากลางบ้านเกิดเป็นเสียงแปลกๆดังขึ้น
" เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ? " เสียงที่เยือกเย็นและน่ารื่นรมย์ก็ค่อยๆดังขึ้น มันดูราวกับว่าเจ้าของเสียงจะรำคาญเล็กน้อย" ข้าไม่ได้บอกเจ้าหลอกรึ ถ้าไม่มีอะไรพิเศษ อย่าได้มากวนข้า "
" มีอยู่ . . . . . . . " เทพสุริยันถังหยวนหนาน ของพรรคสามเทพก็ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า " หัวหน้าของขุมพลังต่างๆในทะเลไม่มีสิ้นสุดจะมาประชุมกันที่เกาะสุริยันเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการใหญ่ที่จะจัดการกับเผ่าอสูร . ผู้นำขุมพลังบางส่วนเองก็อยากได้ยินเกี่ยวกับการกลับมาของเทพจันที่ด้วย พวกเขาต้องการที่จะพบเจ้า เจ้าคิดเช่นไรกับเรื่องนี้ ? "
" ข้าจะไม่พบพวกเขา " หญิงสาวคนนั้นตอบอย่างไม่ใยดี " ข้าอยู่ในช่วงสำคัญที่จะบรรลุผ่านระดับนภา อีกเพียงก้าวเดียวข้าก็จะบรรลุเข้าสู่ระดับพระเจ้า ก่อนที่เผ่าอสูรจะบุกมา ข้าต้องใช้เวลาที่เหลือเพื่อพัฒนา ดังนั้น ข้าจึงไม่อยากเสียเวลากับคนเหล่านั้นนัก ."
" เทพจันทรา เมื่อยูนิคอร์นอัคคีได้กลับมาหาข้า มันบอกได้ว่ามีเด็กจากตระกูลหยางคนหนึ่งได้ครอบครองจิตวิญญานแห่งดวงดาว เด็กน้อยคนนั้นจะมาถึงเกาะสุริยันเร็วๆนี้ เจ้าอยากจะ . . . . . . . ? " ถังหยวนหนาน ลังเลสักพักก่อนจะพูดต่อเนื่อง " จิตวิญญานแห่งดวงดาวเป็นของโอหยางจื่อ"
หญิงสาวคนนั้นก็แสดงความประหลาดใจเล็กน้อย ใบหน้าสับสรชั่วขณะ ก่อนที่จะค่อยๆพยักหน้า " เมื่อเขามาถึง และถ้าเจ้าแน่ใจว่าในร่างของเขามีจิตวิญญานแห่งดวงดาวอยู่ เจ้าก็พาเขามาที่เกาะจันทราของข้า นอกจากนั้น ข้าก็ไม่อยากพบใคร "
" ได้ " .
ถังหยวนหนาน พยักหน้า จากนั้นเขาก็ปรึกษานางถึงเรื่องเคล็ดรูปแบบโบราณของพรรคสามเทพก่อนที่จะไป
ร่างที่แตกต่างกันมากมายก็ปรากฏ ด้วยรูปแบบมากมายเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งทำมาจากหินและถูกสลักอยู่บนปราสาทหินสีดำแดง ด้วยเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันเห็นได้ชัดว่าพวกเขามาจากคนละที่
แสงแดดบนเกาะนั้นสาดส่องสว่างจ้า โดยไม่ทราบสาเหตุ ดูเหมือนว่าเกาะนี้อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์เป็นอย่างมากหากเทียบกับเกาะอื่นในในทะเลไม่มีที่สิ้นสุด และเกาะนี่ก็เต็มไปด้วยความร้อน เกาะนี้เป็นเหมือนกับป่าเขตร้อน เต็มไปด้วยพืชพรรณและต้นไม้เขียวขจีไปหมด
นักรบมากมายจากทะเลต่าง ๆ ต้่งก็รู้สึกอึดอัดมากเมื่อมาถึงที่นี่ ทุกคนถอดเสื้อผ้าของพวกเขาและปลดเข็มขัดของพวกเขา ถอดเสื้อผ้าหนาๆออกเพื่อรับมือกับความร้อนบนเกาะ
หญิงงามหลายคนของ ดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ต่างก็สวมผ้าไหมบางๆ แขนซ้าย เอว และขาของพวกนางเปลือยเปล่า , เปิดเผยให้เห็นถึงร่างโค้งที่มีเสน่ห์ ส่วนใหญ่หญิงสาวเหล่านี้มาจากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ ด้วยเคล็ดวิชาบ่มเพาะของพวกนางมันดึงดูดสายตาเป็นอย่างมาก ทำให้นักรบชายอื่น ๆบนเกาะ กลายเป็นร้อนรุ่มและเต็มไปด้วยไฟราคะอยู่ภายใน
แม้ว่าเกาะจะร้อนเพียงใดก็ยังคงมีบางคนที่สวมชุดหนา ภายใต้แสงแดดที่แผดเผา พวกเขามีสีหน้าเศร้าหทอง ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความหนักใจ
คนเหล่านี้ล้วนมาจากนิกายซากศพ
สาวกของนิกายซากศพที่ควบคุมศพต่างก็ลงไปอยู่ใต้เกาะสุริยัน และพื้นที่ที่มืดมิด พวกเขาไม่ได้มาใกล้บริเวณนี้ แต่นักรบอื่น ๆก็รู้สึกได้ถึงพลังความเย็นที่ไหลอยู่ และจึงช่วยไม่ได้ที่ร่างกายของพวกเขาจะสั่น
ภายในห้องสีแดงสดใส หยินไห่ ผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายซากศพ ด้วยดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ด้วยผิวที่ขาวซีด เขาก็ถือโลงศพไม้ที่หนาวเย็นไว้กับแขนที่ผอมแห้งของเขา ใบหน้าของเขาดูกังวลเป็นอย่างมาก
มีโลงศพไม้ที่คล้ายกันสองโลงตั้งอยู่ในห้อง โลงทั้งสองนี้ถูกปิดผนึกอย่างหนาแน่น แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายความตายไหลออกมาจากภายใน แขนที่ผอมแห้งของหยินไห่ก็ดูดกลิ่นอายความตายเข้าไปในเสื้อของเขาโดยไม่ทิ้งร่องรอย
" แคว๊กกกกกกก แคว๊กกกกกกกกกกก " .
เสียงดังสองสายดังออกมาจากโลงศพไม้ทั้งสอง หยินไห่ก็สั่นเล็กน้อยขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไป
ศพทั้งสองเหล่านี้เป็นศพนภา ซึ่งเขาได้ฝังมันไว้ที่เกาะ 93 หลังจากที่ผ่านกันบ่มเพาะและการกลั่นมาศพนภาทั้งสองที่ก่อนหน้านี้ผิดปกติ ก็กลับมาเป็นปกติและทำตามคำสั่งของเคล็ดวิชาควบคุมศพดังเดิม
อย่างไรก็ตาม เขาจะไม่ลืม ในตอนที่ศพนภาทั้งสองผิดปกติแน่นอนเขาใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะควบคุมศพเหล่านี้ หลังจากที่ห้าปีก่อนหน้านี้สองศพนภาได้ทรยศเขา
เมื่อห้าปีก่อน ศพนภาที่งสองนี้ได้แสดงอาการผิดปกติไป มันหนีไปจากหลุมฝังศพของพวกมัน และพวกมันก็ทำตามคำสั่งของผู้คนและฆ่าสาวกของนิกายซากศพทั้งหมดที่อยู่เกาะหลุมฝังศพที่ 93 ก่อนหน้านี้ศพนภาทั้งสองก็ยังไม่เชื่อฟังเขาดีนัก พวกมันพยายามที่จะหลบหนีจากการควบคุมของเขา และปล่อยพลังวิญญานต่อต้านเขาเสมอ
ถ้าเขาไม่ได้มีเคล็ดวิชาของนิกายซากศพหรือวางรูปแบบควบคุมไว้หนาแน่น เขาก็คงไม่สามารถควบคุมศพนภาทั้งสองได้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม หลังจากถูกควบคุมและผ่านการกลั่นมาถึงปัจจุศพนภาทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติโดยไม่มีอารมณ์ผิดปกติใดๆ
เมื่อห้าปีก่อน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับศพนภาทั้งสองยังคงเป็นปริศนาที่ยังไม่ถูกแก้
แม้แต่หยินไห่เองก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นไปได้อย่างไร
แต่จากสถานการณ์ในตอนนั้น ศพนภาทั้งสองกลายเป็นมีสติปัญญาขึ้นเล็กน้อยและค่อยๆพัฒนาเป็นศพราชันย์
แต่ก็น่าเสียดาย วิวัฒนาการนี้ได้ก็ได้หยุดลงและพังตั้งแต่ต้น
ด้วยทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนก่อน หลังจากที่เขาใช้วิธีปกติที่จะควบคุมศพนภาทั้งสอง เขาก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนอีกครั้ง
จนถึงตอนนี้ แรงสั่นจากความรู้สึกของศพนภาทั้งสองก็ชัดเจนมากขึ้น และสติของพวกมันแต่ละตนก็แข็งแกร่งและแข็งแกร่งมากขึ้น
" แคว๊กกกกกก แคว๊กกกกกกกก " .
สองเสียงแปลกประหลาดก็ดังออกมาจากโลงศพไม้อีกครั้ง
หน้าหยินไห่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาจับที่หน้าอกของเขา หายใจลึก ๆ นะ เขาพยายามต้านทานแรงขัดขืนของศพนภาที่งสองและค่อยๆพึมพำด้วยสีหน้ามืดมน " เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เพียงใช้เวลา 2355 ปี ไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนเป็นศพราชันย์ได้ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ . . . . . . . "
" ผู้อาวุโสใหญ่ "
ตอนนั้นเอง ก็มีเสียงเนียกดังเข้ามาจากข้างนอก พร้อมกับชายหนุ่มที่ดูเรียบร้อยเดินเข้ามาพร้อมกับก้มลงต่ำ
หยินไห่ ก็ขมวดคิ้ว กระดูกแขนของเขาทุบไปที่โลงศพทั้งสอง หลายร้อยเส้นสายกลิ่นอายไหลออกมาจากภายในของโลงศพถูกดึงดูดเข้าไปในแขนเสื้อของเขาและจากนั้นทันทีมันก็ไหลกลับไปยังโลงศพทั้งสอง
โลงศพไม้ทั้งสองที่ส่งเสียงกรีดร้องดังก็เริ่มเงียบสงบ
" เจ้าจะพูดอะไร ? " หยินไห่หดแขนกลับเงียบๆมองไปที่ชายหนุ่มคนนั้นด้วยสีหน้ามืดมน
ชายหนุ่มส่ายหัวแสดงออกอย่างหวาดกลัว แล้วกล่าวว่า " นายท่านใหญ่ได้ไปขอให้สองผู้พิทักษ์ หลี่จวง และ ซุยเยว่ลู่ จากดินแดนหยินหยางมหัศจรรย์ พวกเขาบอกว่าพวกเขารู้จักเด็กคนหนึ่งที่เข้าไปในเกาะหลุมฝังศพ 93 อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าหญิงสาวที่อยู่ที่นั่นมาจากตระกูลเซี่ย เซี่ยซินหยาน ”
" ตระกูลเซี่ย . . . " หยินไห่พึมพำกับตัวเอง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาหลังจากคิดสักพัก " ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ห้ามบอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด . "
" ข้าเข้าใจแล้ว " ชายหนุ่มขยับถอยหลังไปเพราะความกลัว
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ