บทที่ 290 เผ่าเขามังกร - หม่าฉีเจี่ย
บทที่ 290 เผ่าเขามังกร - หม่าฉีเจี่ย
เกล็ดหิมะกำลังโปรยปราย สายลมหนาวเย็นไปถึงกระดูก หิมะปกคลุมยอดภูเขาสูง มีแท่งน้ำแข็งโปรงใสส่องประกายภายใต้แสงแดด พวกมันดูสวยงามและแหลมคม
ที่ตีนเขา , บ้านเรือนถูกปกคลุมด้วยชั้นหนาของน้ำแข็ง บนกันสาดของบ้านเองก็มีแท่งน้ำแข็งยาวยื่นออกมา
ในบ้านสี่ชั้น เหอซิงเหมินสวมเสื้อขนจิ้งจอกหิมะอยู่ นางค่อยๆลูบฝ่ามือและเป่าลมอุ่นออกมา นางพึมพำ " ทำไมอากาศหนาวถึงหนาวขึ้นมา โดยไม่มีการแจ้งเตือนใด ๆนะ ? "
มีเพียงสามคนที่เหลืออยู่ในบ้านตอนนี้ คือ พานโจว เหอซิงเหมินและฉาวจื่อหลาน คนอื่นๆนั้นได้จากไปพร้อมกับกู่เฉาและยู่ชิงตามคำสั่งของฉื่อหยานแล้ว
พานโจวในเสื้อโค้ทขนหนา มองไปที่ยอดเขาที่สูงเสียดฟ้า เขาพูดในขณะที่คิ้วของเขาขมวดกันแน่น " ตั้งแต่เมื่อคืน อุณหภูมิ บนเกาะก็เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ มันประหลาดนัก "
ใบหน้าของฉาวจื่อหลาน ที่อยู่ตรงข้ามก็สงบนิ่งเป็นอย่างมาก นางเผยยิ้มอ่อนๆ " มันต้องเกี่ยวข้องกับฉื่อหยานแน่นอน ที่อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็วตามธรรมชาตินี้ ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเขาทำอะไรกัน เกาะถึงได้กลายเป็นประหลาดเช่นนี้
" แม่นางฉาว เจ้านั้นบอกว่า ฉื่อหยาน นั้นโดดเด่นกว่าคนอื่น ๆที่เจ้าเคยเจอมาก่อน " เหอซิงเหมินหดคอของนางในเสื้อคุมขนจิ้งจอกหิมะ สายตาของนางมองฉาวจื่อหลาน อย่างมีพิรุธ " งั้นเจ้าก็คงรู้สินะว่าตระกูลหยางมีศัตรูมากมายเพียงใด”
พานโจวมองฉาวจื่อหลานอย่างสับสนและคลุมเคลือ . เขาพยายามที่จะฟังบทการสนทนา
" แน่นอน " ฉาวจื่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม นางไม่ได้พยายามที่จะปิดบังสิ่งที่นางรู้สุกกับ ฉื่อหยาน ดวงตาของนางส่องประกายแปลกประหลาดออกมา" เมื่อตอนที่เขาอยู่ในระดับหายนะ เขาสามารถรับมือการโจมตีด้วยดาบทั้งเจ็ดของกู่เสี่ยวเหมยได้ ( เสี่ยวเหมยใช้เรียกผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า ) และไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ในตอนนั้นพลังของเขากับนางนั้นแตกต่างกันมาก แต่หลังจาก 2 ปี เขาก็ได้บรรลุเข้าสู่ระดับปฐพี และตอนนี้เขาก็อยู่ที่จุดสูงสุดของระดับปฐพี นี่เป็นการพัฒนาที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของเขากับเผ่าเสียงอสูร และเผ่าปีกเองก็อยู่เหนือกว่าที่เราคิดไว้มาก ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เจ้าก็คงไม่เชื่อสินะว่าเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกจะเชื่อฟังคำสั่งของเขา "
คำพูดของฉาวจื่อหลาน เหล่านี้นางพูดขึ้นอยู่ลึกภายในจิตใจของนางและไม่พูดออกมาให้ใครได้ยืน
ฉาวจื่อหลาน นั้นมีความช่างสังเกตมากกว่าผู้อื่น ในดินแดนรกร้าง เพียงแค่ไม่นานนางก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่อีเทียนโหมว และยู่โหลวแสดงออกต่อฉื่อหยาน มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ก่อนที่จะออกมาจากดินแดนแห่งนั้น นางพบว่า ตี่ฉาน และ ยู่โหลวดูเหมือนจะปฏิบัติตามคำสั่งของ ฉื่อหยาน
มันเป็นการค้บพบที่น่าตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างฉื่อหยาน , ตี่ฉาน และ ยู่โหลว แต่นางก็แน่ใจว่าฉื่อหยานได้ครอบครองทั้งสองเผ่าไว้ในกำมือแล้ว
เผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีกรวมแล้วมีนักรบระดับพระเจ้าด้วยกัน5คน พร้อมกับนักรบนะดับนภาและรู้แจ้งอีกมากมาย ด้วยอำนาจเช่นนี้ มันสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดได้เลยทีเดียว
จากสถานการณ์ที่เผ่าอสูรบุกรุกไปทุกสถานที่ ด้วยอำนาจและความแข็งแกร่งนี้สามารถส่งผลต่อการต่อสู้ในทะเลไม่มีสิ้นสุดทั้งหมดได้
เพียงแค่มองจุดนี้ ฉาวจื่อหลาน วันนั้นก็ได้เสนอที่จะแต่งงานกับฉื่อหยาน โดยไม่ต้องอายแล้ว นางต้องการใช้ความงามของนางเองและขุมพลังเบื้องหลังของนางมัดผูกมัดฉื่อหยานไว้กับนางและ สร้างรากฐานเพื่ออนาคตของตระกูลฉาว
แต่น่าเสียดาย ที่แผนของนางต้องจมลงกลับไปในทะเล
เหมือนกับว่าฉาวจื่อหลาน เพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก นางแอบยิ้มและส่ายหน้า ดวงตาที่สวยงามของนางเต็มไปด้วย ความอ่อนโยน. " มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสนใจนักและน่าสนใจจริงๆ คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เขาขุกเข่าใต้กระโปรงของข้าให้ได้ . " ฉาวจื่อหลาน คิดกับตัวเองและขดริมฝีปากของนางด้วยความมั่นใจ " เขาต้องทำอะไรยางอย่างแน่ มันแปลกนักที่อุณหภูมิจะลดลงได้เร็วขนาดนี้ "
หน้าหยาเมิงก็เย็นชา เขาเริ่มโจมตีอย่างรุนแรงไปที่ยอดของเสาน้ำแข็งยักษ์ ที่อยู่บนยอดเขาน้ำแข็ง เสาน้ำแข็งนี่ที่ดูเหมือนกับว่ากำลังค้ำจุนท้องฟ้าไว้ ก็ค่อยๆกลายเป็นเศษหินร่วงหล่นลงมา
" ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป , พืชทั้งหมดบนเกาะนี้คงจะแข็งตาย แม้แต่นักรบระดับรู้แจ้งบางคนก็คงทนไม่ไหว พวกเขาต้องสวมเสื้อผ้ามากขึ้น คนที่อยู่ต่ำกว่าระดับรู้แจ้งจำเป็นต้องอพยพไปพื้นที่อื่น ถ้าเกาะมันเริ่มเย็นมากกว่านี้ เราก็สมควรอพยพเช่นกัน " อีเทียนโหมวหน้าตาก็เศร้าหมอง คิ้วของเขาขมวดแน่นๆ จิตวิญญาณของเขายังคงค้นหาภายใต้ภูเขามังกรหิมะ แต่ก็ไม่พบอะไร
ตี่ฉานและยู่โหลวใบหน้าก็แสดงออกถึงความกังวล การบ่มเพาะวิญญานของพวกเขานั้นมีขีดจำกัด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถสัมพัสถึงอะไรได้แน่นอน
ฉื่อหยาน ยืนอยู่ท่ามกลาง 5 ผู้นำ เขาพูดด้วยเสียงต่ำ " เราต้องแก้ปัญหาได้แน่นอน การประชุมที่พรรคสามเทพ ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าสถานการณ์ที่ผิดปกติบนเกาะนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ ข้าก็จะรู้สึกไม่สบายใจ”
" มันเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก มันสามารถหลบซ่อนจิตสำนึกวิญญานของข้าได้ ข้าไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะหามันพบ " อีเทียนโหมวส่ายหัวและไม่รู้จะทำยังไง
" มันดูเหมือนว่าเราต้องลองใช้เคล็ดวิชาคัมภีร์ลับสินะ . " คาป้า ครุ่นคิดสักพักก่อนพูด
หยาเมิง และ อีเทียนโหมวดวงตาก็สว่างขึ้น
" เคล็ดวิชาคัมภีร์ลับอะไรรึ ? " ฉื่อหยาน ก็ทึ่งและถามด้วยความแปลกใจ " ท่านมีเคล็ดวิชาคัมภีร์ที่สามารถทำได้จริงรึ ? "
คาป้า พยักหน้าด้วยความเคารพว่า " เราสามคนฝึกฝนเคล็ดวิชาวิญญานจากคัมภีร์ที่แตกต่างกัน อีเทียนโหมวมุ่งไปทางด้านควบคุมจิตใจ และหยาเมิงมุ่งไปที่การโจมตีทางวิญญาน ในขณะที่ข้าเชี่ยวชาญเรื่องการตรวจจับ . ข้าฝึกฝนคัมภีร์ลับที่ชื่อว่าสัมพัสวิญญานพระเจ้า การใช้พระคัมภีร์นี้สามารถเชื่อมต่อจิตใจกับวิญญานสิ่งอื่นได้ และทำให้พลังในการสัมพัสมากขึ้น ถ้าหยาเมิง อีเทียนโหมว และถ้วเราร่วมจิตสำนึกวิญญานของเราเป็นหนึ่งเดียว จิตสำนึกวิญญานของเราสามารถครอบคลุมไปทั่วทะเลเหิงลั่วทั้งหมด ถ้าเราตั้งสมาธิให้ดี เราจะสามารถสัมพัสได้แม้แต่เศษเสี่ยววิญญานเล็กๆ "
" คัมภีร์ลับนี้มีผลข้างเคียงใด ๆหรือไม่ ? " ฉื่อหยาน ถามออกไปด้วยสัญชาตญาณ คาป้านั้นมีคัมภีร์ลับ แต่ไม่เคยใช้มันมาก่อน มันคงไม่ง่ายดายเหมือนที่เขาพูดนักหากเขาใช้มัน
" การหลอมจิตสำนึกวิญญานร่วมกันนั้น อันตรายมาก ถ้าประมาทแม้แต่นิดเดียว วิญญาณของก็จะกระจายออกไป . " คาป้า พยักหน้าพร้อมกับฝืนยิ้ม " พลังวิญญานของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไม่มากนัก แต่กลิ่นอายของเรานั้นมีความแตกต่างกันมากเกินไป เมื่อเราทำตามคัมภีร์ เราคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ อีกนัยก็คือ วิญญานของเราสามคนอาจจะกลายเป็นวุ่นวายและสลับกัน . "
" วิญญาณสลับกันงั้นรึ ? " ฉื่อหยาน ตะโกน
" ใช่แล้ว มันอาจจะเป็นไปได้ที่วิญญาณของข้าจะเข้าไปอยู่ในร่างของหยาเมิง แล้ววิญญานของหยาเมิงก็อาจมาอยู่ในร่างของข้า เมื่อวิญญาณของเราสลับกัน ถ้าเราไม่สามารถเปลี่ยนมันกลับไปที่ร่างกายของตัวเองได้ภายในเจ็ดวัน เราก็ต้องยอมรับความเป็นจริงที่น่าเศร้า " คาป้า พูดอย่างจรีงจัง
" นายท่าน ท่านให้คนของเราเฝ้าอยู่รอบๆ ถ้าไม่เกิดสิ่งที่รุนแรงขึ้น หรือ ไม่มีวิญญาณใดๆเข้ามา ก็ไม่เป็นอันตรายมากนัก . " อีเทียนโหมวไม่ได้กังวลเกินไป " พวกเราจะต้องลงมือหลอมรวมวิญญานกันอย่างรวดเร็ว เมื่อวิญญาณหลักของเราสามารถเชื่อมต่อกันและกันได้ มันก็ไม่ยากที่จะหาสิ่งมีชีวิตใดๆ ท่านจะต้องระมัดระวังมากในขณะที่พวกเรากำลังลงมือ อย่าให้เกิดปัญหาใดขึ้นเด็ดขาด . "
" แล้วนี่ " ฉื่อหยานพยักหน้าแล้วมองไปที่ ตี่ฉาน และ ยู่โหลว และกล่าวด้วยรอยยิ้ม " พวกท่านคิดว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ ? "
" ไม่ ไม่มีแน่นอน" ตี่ฉานและยู่โหลวพยักหน้าพร้อมกัน
ใบหน้าของคาป้าก็ ตื่นเต้น เขาพูดอย่างหนักแน่น " เริ่ม ! "
หลังจากนั้นคาป้า ก็นั่งลงอย่างเรียบร้อยก่อน หยาเมิง อีเทียนโหมว เองก็เริ่มนั่งลงตามมา พวกเขาทั้งสามนั่งเป็นรูปสามเหลี่ยม ; ฝ่ามือของพวกเขาประกบซึ่งกันและกันไว้ พวกเขาเริ่มที่จะใช้คัมภีร์ลับของเผ่าเสียงอสูร
กระแสวิญญานลึกลับที่ผันผวนของก็ออกมาจากร่างของพวกเขา ความผันผวนเหล่านี้รุนแรงมากขึ้นและเกิดเป็นคลื่นที่มองเห็นได้กลางอากาศ คลื่นเหล่านี้เป็นเหมือนกับคลื่นน้ำที่ค่อยๆกระจายออกไปด้านนอก
สีหน้าฉื่อหยานก็กลายเป็นสับสน .
ห้วงจิตสำนึกของเขาเหมือนกับจมลงไปในมหาสมุทรและกลายเป็นจุดเล็กๆที่ลอยอยู่บนผิวน้ำอย่างโดดเดี่ยว วิญญานหลักของเขาและห้าปีศาจที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกก็กระสับกระส่าย พวกมันได้รับผลกระทบจากความผันผวนของวิญญานจากอีเทียนโหมว คาป้า และ หยาเมิง เขารู้สึกว่าวิญญานของเขาไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา
ในทางตรงกันข้าม ตี่ฉาน กับยู่โหลวกลับไม่รู้สึกใดๆ
ยู่โหลวก็สังเกตเห็นฉื่อหยาน ที่ผิดปกติ นางดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่าง นางค่อยๆเหวี่ยงแขนของนางและแสงสีขาวเจิดจ้าก็ครอบคลุมร่างกายทั้งหมดของเขา
หลังจากที่ แสงได้ปกคลุมร่างกายของเขา ห้วงจิตสำนึกและวิญญาณหลักของเขาก็หยุดปั่นป่วน ทุกอย่างกลับไปเป็นปกติ
" เพียงเศษเสี้ยววิญญาณของพวกเขา ก็ยังสามารถส่งผลกระทบต่อห้วงจิตสำนึกและวิญญานของข้าได้เช่นนี้ พลังของพวกเขาทั้งสามคนช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆ ฉื่อหยาน ก็ยิ้มและกล่าวว่า " ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อวิญญาณมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นโลกจะต้องออกมาแน่ "
ตี่ฉานและยู่โหลวก็พยักหน้าพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาระมัดระวังมากขึ้น มองออกในทุกทิศทาง พวกเขากลัวว่าจะมีใครมาเข้าใกล้ในเวลาขับขันเช่นนี้
…… ………….. ……………...
ที่จุดเหนือสุดของทะเลเคียร่า บนเกาะที่แห้งแล้งและรกร้าง แสงแดดเจิดจ้าถูกบดบังด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายที่หนาแน่นเป็นเหมือนกับเมฆสีดำ
ภายในถ้ำบนเกาะนี้ เหล่านักรบเผ่าอสูรอาศัยอยู่ ซึ้งมันมีขนาดสูงสามเมตร ผิวสีน้ำเงินเข้ม มีเขาหนึ่งเขาอยู่บนหัว พร้อมกับอาวุธพิเศษที่ทำจากกระดูกสีขาวอยู่ในมือพวกเขา
บนแท่นที่สร้างขึ้นจากกองกระดูกที่เปรอะเลือด ร่างสูงสามเมตรครึ่ง ที่มีเขาเท่ากับขนาดเขาควายบนหัวนั่งอยู่บนนั้น
ท่อนบนของเขาเปลือยเปล่า เส้นเลือดที่มีขนาดเท่ากับนิ้วสีเขียวปูดโปนออกมาอย่างหนาแน่นเหมือนกับหนอนที่ค่อยๆคลานอยู่ทั่วร่างของเขา
พื้นดินสั่นสะเทือนด้วยกลิ่นอายจิตสังหาร มันเป็นเหมือนกับกลุ่มควันที่เกาะกลุ่มกันอยู่รอบๆตัวเขา
เขาเต็มไปด้วยแผลเป็นมากมาย จากการต่อสู้ ซึ่งดูเหมือนกับรอยฝ่ามือของมนุษย์
อย่างรวดเร็ว เขาดูเหมือนกับปีศาจที่คลานท่จากนรกเก้าชั้นที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย . ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ดุร้ายป่าเถือนพุ่งพล่านออกมา
" ท่านประมุข ทุกคนในเผ่ามังกรเขาเดียวของเราได้รวมตัวกันแล้วขอรับ พวกเขากำลังรอคำสั่งของท่าน . " ด้านล่างแท่นกระดูก , ร่างๆหนึ่งของเผ่ามังกรเขาเดียวก็พูดรายงาน ; ใบหน้ากระหายเลือดของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
บนแท่นกระดูก ประมุขของเผ่ามังกรเขาเดียว หนึ่งในปรมจารย์อสูรของดินแดนสี่อสูร - หม่าฉีเจี่ย , กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขา ราวกับว่าพวกมันก้าวผ่านแม่น้ำและภูเขานับพัน มันมุ่งไปยังเกาะมังกรเหมัน
" หลอมรวมจิตวิญญาน ! " หม่าฉีเจี่ยก็ตะโกน ดวงตาของเขาแสดงความกลัวออกมาสุดขีด " เผ่าเสียงอสูรที่หายไปเนินนาน พวกเขาเป็นหนึ่งในสี่ขุมพลังที่ยิ่งใหญ่ของเผ่าทมิฬ แล้วพวกเขามาปรากฏตัวที่ทะเลไม่มีสิ้นสุดอย่างกระทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร? "
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ