บทที่ 281 ฟังการเคลื่อนไหวของโลก
บทที่ 281 ฟังการเคลื่อนไหวของโลก
เกาะมังกรเหมัน หิมะปกคลุมภูเขาเป็นชั้นๆ บรรยากาศถูกปกคลุมด้วยพายุหิมะ เหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีขาว
เกล็ดหิมะลอยไปทั่วทุกที่ กลางเนินเขาหิมะ , ฉื่อหยาน ยืนเปลือยเท้าอยู่บนก้อนหิน ดวงตาของเขาปิดแน่น ราวกับว่ากำลังฟังเสียงที่เกิดขึ้นรอบๆ .
การฝึกบ่มเพาะในระดับปฐพีนั้นสาหัสนัก แค่ฝึกพลังปราณลึกลับอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
หลังจากฝึกบ่มเพาะอย่างยากลำบากมาหลายวันด้วยรอยสักดอกบัวทมิฬที่อยู่บนหน้าอกของเขา เขาจึงสามารถดูดซับและกลั่นพลังปราณลึกลับได้เร็วกว่าคนธรรมดา
ระดับพลังปราณลึกลับที่กลั่นอยู่ในร่างกายของเขาได้มาถึงจุดที่จวนเจีย เขารู้สึกว่าเพียงอีกก้าวเล็กๆเขาก็จะก้าวเข้าสู่นภาที่สาม
หลังจากถามความคิดเห็นจาก อีเทียนโหมวและ ตี่ฉาน เขาก็ตระหนักได้ว่าเพื่อที่จะก้าวผ่านระดับปฐพี เขาจำเป็นจะต้องเชื่อมต่อกับโลก
โลกที่เขายืนอยูาภายใต้เท้าของเขานั้นมีอายุอยู่มาหลายร้อยพันปี ลึกเข้าไปในพื้นดินมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่มากมายและการเคลื่อนไหวของสิ่งมหัศจรรย์ขเหล่านั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่คนธรรมดาจะสัมพัส หรือค้นพบได้
อย่างไรก็ตาม ถ้านักรบระดับปฐพีตั้งสมาธิ เมื่อสภาวะจิตของพวกเขาถูกส่งลงไปในโลกในขณะที่พวกเขาปลดปล่อยพลังวิญญาณของพวกเขาออกไป พวกเขาก็จะสัมพัสได้ถึงกลิ่นอายธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่อยู่ใต้พื้นดิน และทำให้จิตสำนึกความรู้สึกของเขาผ่อนคลาย พวกเขาจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของพื้นดิน
ตาม ที่ตี่ฉานและอีเทียนโหมวพูด มีการสั่นสะทือนที่ยิ่งใหญ่หลายชนิดภายใต้พื้นโลก การสั่นแต่ละชนิดขึ้นอยู่กับช่วงเวลา และขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกสล หากนักรบสามารถสัมพัสได้ถึงการสั่นสะเทือนเหล่านี้อย่างชัดเจนรวมถึงหากสามารถเชื่อมต่อกับพวกมันได้อย่างสมบูรณ์ ความรู้ความเข้าใจของคนๆนั้นก็จะก้าวเข้าสู่อีกดินแดนหนึ่ง
เพื่อที่จะก้าวผ่านระดับปฐพีอย่างรวดเร็ว นอกจากการฝึกบ่มเพาะพลังปราณลึกลับ จิตวิญญาณ และร่างกาย แล้วก็เชื่อมต่อกับโลกเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ในเวลานี่เมื่อผู้นำของดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ และตระกูลกู่ยังคงมาไม่ถึง และ ตี่ฉานกับอีเทียนโหมวเองก็ ยังยุ่งกับการปฏิรูปเกาะมังกรเหมัน ฉื่อหยาน ก็ใช้ทุกความพยายามของเขาเพื่อก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ เขาใช้สมาธิและความสามารถทั้งหมดของเขา โดยหวังว่าเขาจะก้าวเข้าสู่นภาที่สามของระดับปฐพีและบรรลุสู่ระดับรู้แจ้งได้โดยเร็ว
แต่เมื่อเขาเข้าสู่ระดับรู้แจ้ง เขามีความหวังว่าเขาจะสามารถคุยกับกระสวยแยกนภาได้ สมบัติแปลกประหลาดนี้มาจากดินแดนรกร้างและมันก็พูดคุยกับเขาด้วยความหยิ่งยโส ซึ่งทำให้ฉื่อหยานอย่างหงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ภายใต้อากาศหนาวเย็น , ฉื่อหยาน ได้ยืนอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 3 วัน 2 คืนแล้ว
ในคืนที่สาม ดวงดาวยังคลุมเครืออยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด และพระจันทร์กส่องแสงสว่าอย่างเย็นชาและสายลมที่หนาวเย็นก็ส่งเสียงหวีดหวิว เหมือนเสียงของปีศาจ ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดเป็นกลิ่นอายพลังหยินไปทั่วพื้นแผ่นดิน
สีหน้าของฉื่อหยานก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ
หิมะกำลังตกอย่างไม่หยุดยั้งและหนาขึ้นทีละชั้น เกล็ดหิมะนับล้านค่อยๆ ลอยผ่านรอบๆตัวเขา ก่อนที่เขาจะรู้ตัว เขาก็กลายเป็นรูปปั้นหิมะเรียบร้อย
ห้วงจิตสำนึกของเขาก็สงบ ห้าปีศาจเองก็ยังคงสงบอยู่ เส้นสายจิตสำนึกวิญญานของเขาไหลลงสู่พื้นดิน ทะลุ ลึกลงไปใต้พื้นดินพันจ้างจนไม่สามารถลงไปได้อีก
หลังจากทะลุลงไปใต้พื้นดินพันจ้างมันก็แพร่กระจายออกไป จิตสำนึกวิญญานของเขาสัมพัสได้ถึงรูปแบบสิ่งมีชีวิตอย่างบางเบา ที่ความลึกนี้ ยังคงมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆอาศัยอยู่ การค้นพบนี้ทำให้ฉื่อหยานตกตะลึงและรับรู้ได้ถึงบางอย่างที่สำคัญ
ด้วยเท้าเปล่าบนพื้น ฉื่อหยานใช้สมาธิของเขาทั้งหมด ส่งจิตสำนึกวิญญานลงไป และสัมพัสไปยังความรู้สึกเล็กๆที่เปลี่ยนแปลงไปมาใต้เท้าของเขา
แต่น่าเสียดาย หลังจากสัมพัสด้วยสมาธิทั้งหมดตลอดเวลาสามวันสองคืน เขาก็ยังไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่นัก เขาแทบจะไม่สัมพัสได้ถึงเสียงของโลกที่ตี่ฉานและอีเทียนโหมวกล่าวถึงเลย
ตามที่ตี่ฉานและอีเทียนโหมวพูด เสียงเหล่านั้นจะเกิดขึ้นทุกๆวินาทีที่ผ่านไป เขาเพียงแค่กระตุ้นสัมพัสของจิตสำนึกวิญญาน และเข้าใจถึงแก่นแท้ของมัน จากนั้นเขาก็จะสามารถใช้จิตสำนึกวิญญานสัมพัสถึงพวกมันได้
อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ทันที
ห่วงภูเขาเป็นเหมือนกับโซ่ไม่มีสิ้นสุดล้อมอยู่รอบๆเขา เป็นประจายอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็ง
จักพรรดิ์นีของตระกูลปีกขาวยู่โหลว ยืนเคียงอยู่ข้างๆกับตี่ฉานด้วยใบหน้าเยือกเย็น จากระยะไกลพวกเขาทั้งสองมองฉื่อหยานที่ยืนอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศหิมะตกหนัก เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
แสงจันทร์สาดส่องลงมายังพื้นดินที่เป็นน้ำแข็ง ทำให้พื้นที่รอบๆภูเขาสว่างขึ้น
" นี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้ว และเมื่อผ่านคืนนี้ไปจะเป็นคืนที่ 3 นายท่านมีความอดทนที่ยอดเยี่ยมนัก " ยู่โหลวผาย มือขาวบอบบางขาวราวหิมะของนางทั้ง 2 มือออกไปรับแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา เกล็ดหิมะที่เย็นยะเยือกค่อยๆตกลงบนมือขาวนวลทั้งสองของนาย
" งดงามยิ่งนัก ที่ดินแดนแห่งนั้น ไม่มีแม้เพียงหิมะเดียว . . . . . . . " ยู่โหลวค่อยๆยกมือที่บอบบางของนางขึ้น , ก้อนหิมะโปร่งใสในมือของนางหล่นลงมาในอากาศ ,เป็นเหมือนกับแสงสีขาวจางๆ
" ข้าใช้เวลาสามปีเพื่อก้าวเข้าสู่นภาสามจากนภาที่สองของระดับปฐพี ข้าพยายามอยู่ตลอดเวลา เพื่อจิตสำนึกวิญญานของข้าสัมพัสได้ถึงเสียงของพื้นโลก”
ตี่ฉาน เอามือไพร่หลังของเขา มองท้องฟ้าราวกับว่าเขายังอยู่ในความทรงจำเก่าๆ
" ส่วนข้านั้นใช้เวลาสองปีครึ่ง ถึงแม้ว่าพื้นโลกจะส่งเสียงออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ต้องจิตสำนึกวิญญานที่สงบนิ่งมากถึงจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวและเสียงของพื้นโลก บางครั้ง ใครบางคนก็ยังต้องพึ่งโชคชะตาเพื่อที่จะสัมพัสถึงมัน
ยู่โหลวยิ้มและพยักหน้า " ใช่แล้ว โชคคือสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้ แต่มันมีอยู่จริง ๆ ผู้ที่โชคดีจะอยู่เหนือกว่าผู้อื่นขั้นหนึ่ง โชคชะตาเองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พระเจ้ากำหนด ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพียงแค่โชคดรครั้งเดียวประกอบกับมีความหมั่นเพียรอยู่แล้วคนๆนั้นก็จะทำสิ่งต่างๆสำเร็จได้เร็วกว่าผู้อื่น ที่ไร้ซึ่งโชค”
" เรายังไม่ได้บอกเค้าว่ามันจะดีที่สุดหากเขาสัมพัสเสียงของพื้นโลกในขณะที่เกิดแผ่นดินไหว . เสียงการเคลื่อนไหวของโลกจะชัดเจนมากขึ้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว . ถ้าเขาสามารถจับจังหวะเสียงของการเคลื่อนไหวของพื้นโลกได้ แล้วปรับความถี่ของการสั่นสะเทือนนั่นให้เขากับร่างกายของเขา เขาก็จะสามารถสัมพัสได้ถึงเสียงของพื้นโลก ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เขายังจะสามารถสัมพัสได้ถึงแก่นแท้ของระดับปฐพีอีกด้วย
ตี่ฉานมองฉื่อหยานจากระยะไกล และพูดอย่างเย็นชา " ตรวจจับเสียงความเคลื่อนไหวของพื้นโลก ต่อให้มีแผ่นดินไหวมันก็ยังเป็นวิธีที่ไม่แน่นอน ข้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นผลดีหากเขาใช้มัน ข้าเชื่อว่า การสัมพัสถึงมันได้ด้วยตนเองนั้นดีที่สุด "
" นั่นก็ถูก ข้าเชื่อว่าเขาจะสามารถทำมันได้ บางทีเขาอาจจะสามารถเข้าสู่จุดสูงสุดของระดับปฐพีได้อีกไม่นาน" ยู่โหลวพูดยิ้ม ๆ
ตี่ฉานค่อยๆส่ายหัว ราวกับนางไม่เห็นด้วย แล้วกล่าวว่า " มันไม่ง่ายอย่างนั้นหลอก เหตุผลที่ระดับของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้น ก็ต้องขอบคุณสมุนไพรและสมบัติมากมายของเราที่อยู่ภายในของร่างกายของเขา แน่นอน ข้ารู้ว่าความสามารถของเขาเองก็พิเศษ อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งเข้าสู่นภาที่สองของระดับปฐพีได้ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่การที่จะสามารถสัมพัสได้ถึงเสียงของพื้นโลกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก จำไว้ว่าเจ้าและข้าเองก็ใช้เวลาเกือบสามปีถึงจะทำได้"
" แต่ข้าคิดว่า ความสามารถพื้นฐานของนายท่านนั้นอยู่สูงกว่าเรามาก " มุมปากยู่โหลวก็ยิ้มออกมา“เจ้าไม่เห็นการแสดงออกของอีเทียนโหมวที่มีต่อนายท่านหลอกรึ การแสดงของเขาเปลี่ยนไปหลังจากที่ได้อยู่กับนายท่านช่วงเวลาหนึ่ง ที่แรก แม้ว่า อีเทียนโหมวจะได้สาบานที่ยกให้เขาเป็นนายท่าน แต่เขาก็ไม่ได้ทำด้วยความจริงใจ . เขาทำเพราะเปลวไฟนภาทั้งสามที่อยู่ในร่างของนายท่าน เค้ากลัวว่าตระกูลของเขาจะตาย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเต็มใจยอมรับ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ เขาเปลี่ยนไปแล้ว ข้าสัมพัสได้ว่าสายตาของอี้เทียนโหมวที่มองไปยังนายท่านนั้นเต็มไปด้วยความเคารพ”
ตี่ฉานไตร่ตรองมานาน แล้วพยักหน้ารับด้วยสีหน้าสงสัย " นั่นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงรู้สึกแปลกๆสินะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไม อีเทียนโหมวถึงเริ่มเชื่อฟังและเคารพนายท่าน หลังจากไปกับนายท่านเพียงห้าวัน .
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่เรียกว่าพลังในการดึงดูด ยังมีความลับอีกมากมายเกี่ยวกับนายท่านที่เรายังไม่รู้ ระหว่างผู้นำทั้งสามของเผ่าเสียงอสูร อีเทียนโหมวคือคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุด และฉลาดเป็นหรด แต่เขาก็เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้น คาป้า และ หยาเมิงเอง การที่จะเคารพนายท่านด้วยใจจริงนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น . " ยู่โหลวยิ้มออกมา และพึมพำกับตัวเอง " ใครบางคนก็เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ "
ตี่ฉานก็ประหลาดใจ
--------------------------------------
เกาะวายุเมฆา
ภายในเนินเขาที่ว่างเปล่าและแห้งแล้ง ร่างกายที่ทรงเสน่ห์ทันทีก็ปรากฏขึ้นและหายไปทันที ร่างนั้นเป็นเหมือนกับภูติแห่งป่า ทั้งสวยงามน่าหลงใหลและลึกลับเหมือนกับสายลม
" บูม "
ร่างนี้เดินอยู่บนภูเขาหิน แล้วค่อย ๆมุ่งไปทางถ้ำบนภูเขาไม่ไกลจากที่นั่น หลังจากที่นางได้บินไปหนึ่งร้อยเมตร , ภูเขาหินก็ระเบิดทันทีเมื่อนางก้าวเหยียบลงไป
" ในระดับนี้ยังไม่มั่นคงนัก ไม่ง่ายเลยที่จะควบคุมพลังนี่ . . . . . . . " เซี่ยซินหยาน คิดกับตัวเอง แล้วนางก็พุ่งออกไปปรากฏที่ถ้ำบนภูเขา เหมือนกับสายลมที่บางเบา ซึ่งเห็นแค่เพียงพริบตาเท่านั้น
ถ้ำบนภูเขาไม่ใหญ่นักและห้องภายในก็บอบบาง ห้องที่ดูบอบบางนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ ภายในห้องมีกลิ่นอายธรรมชาติไม่หนาแน่นนัก ซึ่งไม่เหมาะแก่การฝึกบ่มเพาะของนักรบ .
รอบๆถ้ำบนภูเขามีนักรบจากตระกูลเซี่ยประมาณสิบคนยืนอยู่ นอกจากนี้ ยังมีนักรบสิบคนจากดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์และตระกูลกู่อยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีแท่นถูกสร้างขึ้นภายในถ้ำ
ระหว่างนักรบจากดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์และตระกูลกู่ สองหนุ่มหล่อ ที่ดูฉลาด และดูสูงส่งโดดเด่นอยู่่
กู่ยู่ของตระกูลกู่ได้นำดาบพระเจ้าสามเล่มมากับเขาด้วย เขาอยู่นั้นอยู่ในนภาที่สองของระดับปฐพี ใบหน้าของเขาสดใสและละเอียดอ่อนเหมือนกับหยกและการแสดงออกของเขาก็ดูมีมารยาท
ฟงไห่ ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์เองก็อยู่ในนภาที่สองของระดับปฐพีเช่นกัน เขาได้ครอบครองจิตวิญญานต่อสู้วารีทมิฬ ร่างกายของเขามีความยืดหยุ่น และดูละเอียดอ่อน เป็นสง่างามและน่าสนใจ ลักษณะ ของเขางดงามยิ่งกว่าหญิงสาว ในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น หญิงสาวจากตระกูลเซี่ยหลายคนก็มองไปที่เขาด้วยดวงตาสดใส และยั่วยวน . พวกนางสำรวจเขาและกระซิบกระซาบกัน
กู่ยู่และฟงไห่คือผู้นำรุ่นเยาว์ของตระกูลกู่ และดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างจากกู่หลิงหลงและซูหยานซิงหายไป ชายหนุ่มทั้งสองต่างก็มีลักษณะภายนอกที่โดดเด่น ไม่เพียงเท่านั้นระดับการบ่มเพาะของพวกเขาเองก็โดดเด่นเช่นกัน พวกเขาเป็นบุคคลสำคัญที่ตระกูลกู่และดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ ได้ส่งมาเพื่อแต่งง่านกับซูหยานซิง . วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการแต่งงานนี้คือการควบคุมตระกูลเซี่ยผ่านการแต่งงาน
สงครามกับเผ่าอสูรนั้นใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ ถ้าพวกเขาสามารถควบคุมตระกูลเซี่ยได้และบังคับให้ไปต่อสู้ก่อน นั่นก็ถือว่าเป็นโชคดีของตระกูลกู่และดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์
เซี่ยซินหยาน ที่เป็นเหมือนกับภูติป่าก็ก้าวเข้ามาอย่างมีมารยาท นางดูสง่างามและดูสูงส่ง นางงดงามและดูระเอียดอ่อน นางยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้พูดอะไร แต่นางก็ยังเป็นเหมือนดวงจันทร์ที่สดใสอยู่บนท้องฟ้าที่ดึงดูดสายตาของผู้ชายทุกคน
กู่ยู่และฟงไห่ต่างก็มองไปยังคนจากตระกูลเซี่ยด้วยสายตาดูถูกและหยิ่งพยอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เซี่ยซินหยาน ได้ก้าวเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มทั้งสอง ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย ร่างกายโอนเอนเล็กน้อย ซึ่งทำให้พวกเขาต้องจดจำไม่มีวันลืม รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาที่แต่เดิมดูเย็นชาและหยิ่งยโขณะที่พวกเขาจ้องมองไปที่เซี่ยซินหยาน .
" เซี่ยซินหยาน ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จัก คุณชายคนนี้คือ กู่ยู่ จากตระกูลกู่ ทางนี้คือคุณชาย ฟงไห่จากดินแดนทะสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในทะเลเหิงลั่ว พวกเขา . . . . . . . " เซี่ยเหวยชิง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาหัวเราะออกมาในขณะที่แนะนำกู่ยู่และฟงไห่กับเซี่ยซินหยาน . ทุกอย่างที่เขาพูดเกี่ยวกับสองคนนี้ล้วนเป็นคำชม
เซี่ยเหวยชิงเป็นหัวหน้าของตระกูลสาขาของตระกูลเซี่ย . ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับรู้แจ้ง เขามีตำแหน่งสูงในตระกูลเซี่ย บางครั้งเขาก็ดูหมิ่นคนที่สืบเชิ้อสายตระกูลเซี่ยโดยตรง . เขามีฐานะ เป็นลุงของเซี่ยซินหยาน
" ไม่ต้องพูดแล้ว " เซี่ยซินหยาน ก็ขมวดคิ้วแน่นในขณะที่ขัดจังหวะการพูดน้ำไหลไฟดับของเซี่ยเหวยชิงอย่างเย็นชาและกล่าวว่า " ข้ารู้จุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่ ข้ามาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้ ใครก็ตามที่สามารถชนะข้าได้ ข้าก็ทำตามความต้องการของพวกเขา ถ้าพวกเขาแพ้ พวกเขาจะต้องออกไปจากที่นี่ และห้ามมายุ่งกับข้าอีก "
การแสดงออกของทุกคนที่อยู่ภายในถ้ำก็เปลี่ยนไป
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ