บทที่ 278 ตัวตนที่ยิ่งใหญ่
บทที่ 278 ตัวตนที่ยิ่งใหญ่
เกาะมังกรเหมัน , ตระกูลเคอเล่อ
ในห้องโถงผู้นำของเกาะมังกรเหมันนับสิบคนกลายเป็นเชื่อฟัง ไม่มีใครกล้าทำอะไรบ้าบิ่นภายใต้การกระทำของอีเทียนโหมว พวกเขาจ้องมองออกไปด้วยสายตาเศร้า ๆ พวกเขากลัวว่าหากอีเทียนโหมวเกิดรำคาญขึ้นมา จะมีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น
หลังจากที่อี๋เอิ่นและอู๋เค่อรู้สึกได้ถึงพลังวิญญานที่น่าหวาดหวั่นของอีเทียนโหมว พวกเขาทั้งสองมองลินดา ด้วยใบหน้าที่มืดมนและ ถามนางถึงตัวตนที่แท้จริงของฉื่อหยาน ทั้งอี๋เอิ่นและอู่เค่อ พวกเขาทั้งสองนั้นผ่านประสบการณ์มามากมาย ดังนั้น พวกเขาจึงรู้ว่า อีเทียนโหมวกำลังทำตามคำสั่งของฉื่อหยาน ความจริงนี้ทำเขาตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาเดาได้โดยสัญชาตญารว่าตัวตนของฉื่อหยานต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
แม้ว่า ลินดา และ ฉื่อหยานจะได้รู้จักกันก่อนหน้านี้แต่นางก็ไม่รู้จักตัวตนของฉื่อหยาน แต่ตอนนี้ เมื่อนางได้เห็นการแสดงออกของอีเทียนโหมวที่ทำตามคำสั่งขอฉื่อหยาน นางก็รู้แล้วว่าฉื่อหยาน ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน จึงช่วยไม่ได้ที่นางจะถามเขาออกไป
ฉื่อหยาน ก็ยืนอยู่กลางห้องโถง รอจนกว่า อีเทียนโหมวจะควบคุมสถานการณืได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆคุยกับลินดาด้วยรอยยิ้ม " ข้าเป็นคนจากตระกูลหยาง "
" ตระกูลหยาง ! " ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก
ลินดารูม่านตาก็หดลง " นางพยักหน้าอย่างเศร้าๆ ข้าควรจะรู้ตั้งแต่แรก ตั้งแต่ที่เราจากกัน ข้าจะคิดออกได้แล้ว ข้าเห็นเจ้าและราชาชูร่าโม่ต้วนหุนขี่ค้างคาวโลหิตครามออกไป ตอนนั้นข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นเจ้า แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ."
หลังจากฉื่อหยานบอกถึงตัวตนของเขา ทั้งอี๋เอิ่นและอู๋เค่อก็ดูกังวลเป็นอย่างมาก พวกเขาตอบสนองอย่างแปลกประหลาด
ตระกูลหยางในทะเลไม่มีที่สิ้นสุดนั้นมีชื่อเสียงด้านความโหดร้ายและเย่อหยื่ง . ส่วนทะเลเคียร่าและทะเหิงลั่วนั้นอยู่ไม่ไกลจากกันมาก ก่อนหน้านี้ พรรคสามเทพและตระกูลหยางมักจะประทะกันบ่อยๆ พวกเขาเป็นศัตรูกันมานาน และเกาะมังกรเหมันก็เป็นขุมพลังนอกของพรรคสามเทพ ทุกตระกูลที่อยู่บนเกาะนี้ล้วนแต่ศัตรูของตระกูลหยาง พวกเขารู้ดีว่าตระกูลหยางเป็นเช่นไร
" เจ้า แล้วเจ้ามาทำอะไรที่เกาะมังกรเหมัน ? " อี๋เอิ่นนั่งลงบนเก้าอี้ แกล้งทำเป็นเฉยๆ ยกถ้วยน้ำ จิบแล้ว พูดอย่างไร้กังวล " เมื่อสองปีก่อน มีกองกำลังบุกไปที่ทะเลเคียร่าและต่อสู้กับตระกูลหยาง อย่างไรก็ตาม พรรคสามเทพไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ถ้าเจ้าต้องการแก้แค้น ก็อย่าได้มาลงที่เรา"
หลังจากที่อี๋เอิ่น พูดเสร็จ คนอื่นที่อยู่ในห้องโถงก็รีบพยักหน้า พวกเขากล่าวว่าพรรคสามเทพและตระกูลหยางนั้นเมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน และพวกเขาก็เป็นเพียงขุมพลังภายนอกของพรรคสามเทพเท่านั้น พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวของทั้งสองฝ่าย .
หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดพูดพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง พวกเขาก็หวังว่า ฉื่อหยานจะไม่ทำอะไรพวกเขา
" ฉื่อหยาน ที่เจ้ามาที่เกาะมังกรเหมันเพราะเจ้าต้องการ. . . . . . . ? " ลินดากำหมัดไว้แน่น นางกัดฟัน และด้วยความโกรธขณะที่มองไปที่ฉื่อหยาน
" ถ้าเจ้าต้องการที่จะจัดการเรา ข้าตะเป็ฯคนแบกรับความเกลียดชังที่เจ้ามีต่อพวกเขาทั้งหมดเอง "
ฉื่อหยาน ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . เขาส่ายหน้าและกล่าวขึ้น " เจ้าคิดอะไรกัน ? ขณะที่ข้ากำลังเดินทางตามปกติ ข้าได้ตัดสินจะมาหาเจ้า โดยไม่มีเจตนาอื่น เมื่อพบเจ้าแล้วข้าก็จะจากไป เจ้าอย่าได้คิดกังวลไปเองนักเลย .
คนอื่น ๆในหอก็ถอนหายใจโล่งอกมา
" โดยไม่ต้องพูดถึงพรรคสามเทพที่เป็นศัตรูกับตระกูลหยางมายาวนาน แม้ว่าพรรคสามเทพจะคิดเช่นนั้น , แต่ข้าและตระกูลเคอเล่อไม่คิดจะทำเช่นนั้น "
เพื่อป้องกันไม่ให้ลินดาคิดมากเกินไป ฉื่อหยานจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม " ข้ามาที่นี่ก็เพื่อ . . . . . . . เจ้า ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง ."
ใบหน้าของลินดา ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ ดูเหมือนนางจะรู้สึกบางอย่าง
อี๋เอิ่น ก็มองหน้าฉื่อหยานอย่างแปลกใจ เขากวาดสายตาไปมาระหว่างลินดากับฉื่อหยาน ดูเหมือนเขาจะสัมพัสได้ถึงบางสิ่งและดวงตาของเขาก็ค่อยๆสว่างขึ้น
จริงๆ แล้ว ในช่วงเวลานี้ ตระกูลเคอเล่อกำลังพบกับปัญญาที่ยากที่จะคลี่คลาย อี๋เอิ่น รู้สึกมืดมน และเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้ในตอนนี้ แต่เมื่อเขาพบว่าลูกสาวของเขาดูเหมือนจะจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉื่อหยาน จึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดบางอย่าง . . . . . .
อี๋เอิ่นไตร่ตรองอย่างระวัง สักพักเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา . ร่างอวบของเขาก็ขยับออกจากเก้าอี้ของเขาพร้อมกับยกแก้วสุราในมือและกล่าวด้วยใบหน้าสีชมพู " ฉื่อหยาน ถ้านางไม่กวนใจใด ๆเจ้าจะช่วยดื่มสุราสักแก้วได้หรือไม่ ? "
ฉื่อหยาน สับสน เขาต้องการที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อฉื่อหยานหันไปเห็นสายตาที่คาดหวังของลินดา ราวกับว่านางขอร้องให้เขายอมรับคำเชิญ
หลังจากลักเลเล็กน้อย ฉื่อหยานก็พยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับยิ้มให้อี๋เอิ่น " ตกลง ! "
" นั่งลง นั่งลงเถอะ อี๋เอิ่นรีบเคลื่อนไหวไปข้างหน้าเพื่อต้อนรับ ฉื่อหยาน เขาจัดที่นั่งให้ฉื่อหยานด้วยตัวเอง การกระทำของเขาเป็นเหมือนกับบ่าวรับใช้ที่ทำเพื่อเอาใจฉื่อหยาน
ขณะที่ ลินดา เห็นพ่อของนางกระตือรือร้นและแสดงออกเช่นคนรับใช้ ด้วยสัญชาตญาณนางจึงรู้ว่าพ่อของนางกำลังคิดอะไรอยู่ นางตั้งใจจะเตือนเขาให้หยุดทำ แต่เมื่อนางคิดถึงเรื่องซับซ้อนและปัญหาที่พวกเขาเผชิญในวันนี้ นางก็แอบถอนหายใจและโยนความตั้งใจนั้นทิ้งไป นางแค่รู้สึกระอายใจเล็กน้อยเมื่อมองฉื่อหยาน ราวกับว่านางอยากจะอะไรบางอย่างและไม่อยากให้เขาคิดกับนางในแง่ลบ ฉื่อหยานพยักหน้าให้กับนางเบาๆและพยายามแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดอะไร เขาไม่พูดอะไรหลังจากนั่งลงด้วยกันกับอีเทียนโหมว ฉื่อหยาน เลือกผลไม้ที่เหมือนงูสีเขียวขึ้นมาและไม่พูดอะไรเลย จากนั้นเขาก็กัดและเคี้ยวจากนั้นก็พึมพัมออกมา " ไม่อร่อยสักนิด "
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า " อี๋เอิ่น เอาแต่หัวเราะเรื่อยเปื่อย เขาไม่ได้รีบพูด เขาโบกมือให้ ลินดา ส่งสัญญาณให้นางนั่งลงข้างๆ ฉื่อหยาน เขารอจนกระทั่งลินดานั่งลงข้างซ้ายฉื่อหยาน แล้วเขาก็แกล้งถามโดยไม่เจตนา " ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้ามาจากไหน ? ตอนนี้สถานการณ์ในทะเลเคียร่ากำลังอยู่ในช่วงซับว้อน เจ้าพอจะรู้หรือไม่เกิดอะไรขึ้น ? "
นี้คือสิ่งที่ฉื่อหยาน กังวลที่สุด
ฉื่อหยานส่ายหัวขณะเดียวกันสีหน้าของเขาก็กลายเป็นจริงจัง เขากล่าวว่า " บอกตามตรง ข้าไม่ได้มาจากทะเลเคียร่า ข้าออกจากที่นั่นมานานแล้วและพึ่งจะกลับมาเมื่อไม่นานนี้ ข้าขอถามเกี่ยวกับสถานการณ์ตอนนี้ได้่หรือไม่ ? "
อี๋เอิ่นเมื่อรู้ว่าฉื่อหยานไม่ได้มาจากทะเลเคียร่า เขาก็ไม่รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด เขาครางด้วยเสียงเศร้า " เคียร่าทะเลล่มสลายแล้ว. . . . . . . "
ฉื่อหยานดวงตาก็หดลงเล็กน้อย
" เมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากตอนนั้นไม่นานตระกูลหยางก็หายตัวไป พวกเผ่าอสูรที่อยู่ในดินแดนสี่อสูรก็บุกมาที่ทะเลเคียร่า เวลาเพียงหนึ่งปี พวมันก็ได้ปกคลองทะเลเคียร่าทั้งหมด ตอนนี้ ทะเลเคียร่ากลายเป็นของเผ่าอสูรจากดินแดนสี่อสูรไปแล้ว "
อี๋เอิ่นส่ายหัวด้วยท่าทางทุกข์ทรมานราวกับเผ่าอสูรเหล่านั้นได้ , ครอบงำและทำลายตระกูลเขา
" ข้ารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องเกิดขึ้น " ฉื่อหยานกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา " . ตั้งแต่แรก ขุมพลังในทะเลไม่มีสิ้นสุดได้รวมตัวกัน หลังจากรู้ว่าสองราชาอสูรได้กักขังหัวหน้าตระกูลหยางไว้ และร่วมมือกับเผ่าอสูรเพื่อจัดการตระกูลหยาง ซึ่งทำให้พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากหลบหนีไปที่อื่น ผลที่ได้ก็คือ ประตูแห่งสวรรค์ที่เชื่อมโยงกับดินแดนสี่อสูรกลายเป็นไร้คนเฝ้าระวัง นอกจากนี้ พวกเขายังโง่งมและคิดว่าจะติดต่อกับเผ่าอสูรได้ด้วยดี . ตอนนี้ เผ่าอสูรได้บุกรุกเข้ามาและขยายอำนาจออกไปเรื่อยๆ พวกมันพยายามที่จะกลื่นกินทะเลไม่มีสิ้นสุดทีละน้อย และนี่ก็คือผลที่มาจากการกระทำของพวกโง่เง่า ที่ช่วยเหลือพวกเผ่าอสูร “มือขวาของอี๋เอิ่น สั่นด้วยความอาย จากนั้นเขาก็เช็ดเหงื่อของเขาพร้อมกับฝืนยิ้มและกล่าววาา ,”ทะเลเหิงลั่ว ของเราอยู่ถัดมาจากทะเลเคียร่า เกาะมังกรเหมันอยู่ไม่ไกลจากทะเลเคียร่านัก เมื่อเร็ว ๆนี้ ข้าได้ยินว่า เผ่าอสูรดินแดนสี่อสูรเลือกที่จะบุกรุกมามายังทะเลเหิงลั่วแห่งนี้ . . . . . . . "
ฉื่อหยาน เหลือบมองเขา ด้วยความรู้สึกแปลกๆ " เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของพรรคสามเทพ ดังนั้นพรรคสามเทพก็คงหาทางแก้ปัญหานี้ได้ บางทีตระกูลกู่และดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ อาจจะเริ่มหารือกับพรรคสามเทพแล้วก็เป็นได้ ? ยังไงก็ตาม พวกมันเองก็ยังไม่ได้บุกมา เหตุใดท่านถึงร้อนรนนัก ? "
" มันก็เพราะว่าพวกมันยังไม่บุกรุกมา แต่เมื่อพวกมันมาที่นี่ มันก็อาจจะสายไปแล้ว " อู๋เค่อ ฝืนยิ้ม สั่นศีรษะของเขา เขาไม่ได้หยิ่งอีกต่อไป
ลินดานั่งอยู่ข้างๆ ฉื่อหยาน , ก็ก้มหัวลง โดยไม่พูดอะไรเลย นางฟังเงียบๆในขณะที่มือของนางไกำไว้แน่น . ดูเหมือนนางจะรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
" ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า , เด็กดี ข้าได้รับแจ้งมาว่า ในอีกเดือนหนึ่ง เผ่าอสูรจะเริ่มบุกรุกเข้ามาในทะเลเหิงลั่วจากเคียร่าทะเล และในอีกไม่เกินสองเดือน เผ่าอสูรก็คงจะมาถึงเกาะมังกรเหมัน " อี๋เอิ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดต่อเนื่องด้วยใบหน้ามืดมน " นั่นหมายความว่าเกาะมังกรเหมันเหลือเวลาอีกเพียงสองเดือนเท่านั้น . . . . . . . "
ฉื่อหยาน ก็ตกตะลึง และพูดขึ้นทันที " ดังนั้น ท่านควรหนีไปที่อื่นเสีย หากท่านต้องการที่จะปกป้องเกาะมังกรเหมันก็เท่ากับว่าแสวงหาความตาย อีกอย่างพวกท่านเองก็เป็นเพียงขุมพลังภายนอกของพรรคสามเทพเท่านั้น ท่านลองคิดดู ว่าพวกเขาจะละทิ้งท่านหรือไม่ ?
" มันเป็นเช่นนั่น . . . . . . . " อี๋เอิ่น อับอายเล็กน้อย เขาพึมพำเบาๆ และวิตกกับสิ่งที่ต้องเผชิญ
หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ ได้รู้กันว่า เผ่าอสูรที่เคียร่าทะเลมีเจตนาบุกรุก ทะเลเหิงลั่ว อี๋เอิ่นและอู๋เค่อท่านที่ก็ได้ไปขอความเห็นจากพรรคสามเทพ แล้วพรรคสามเทพเองก็ได้แนะว่าพวกเขาควรออกจากเกาะ และหลบหนีไปยังเกาะที่อยู่ใกล้กับพรรคสามเทพ พวกเขานั้นได้เตรียมกองทัพและเตรียมพลังทั้งหมดเพื่อรับมือกับเผ่าอสูรแล้ว
มีกองกำลังของทะเลอื่น ๆ ที่ส่งนักรบระดับสูงมาเพื่อช่วยเหลือพรรคสามเทพ ตระกูลกู่ และดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะรวมมือกันเพื่อต่อสู้กับเผ่าอสูรที่บุกรุกเข้ามา
หลังจากพรรคสามเทพได้ให้คำสั่งแก่อี๋เอิ่น เขาและคนของเขาก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่
ณ . จุดนี้ ทะเลคือในแวกนี้เต็มไปด้วย ทั้งลมพายุ และสึนามิที่น่ากลัวที่สุดในทะเลเหิงลั่ว หากแล่นเรือภายใต้สภาพอากาศเช่นนี้หละก็ พวกเขาจะต้องถูกบดละเอียดเป็นชิ้นแน่นอน และใครกันหละที่จะสนใจคนตาย
หากต้องออกเดินทางจากเกาะมังกรเหมันสู่เกาะที่กองทัพพรรคสามเทพอยู่ พวกเขาจะต้องแล่นเรือในทะเลที่เต็มไปด้วยลมทะไลไต้ฝุ่นและคลื่นสึนามิที่แสนน่ากลัวในช่วงเวลานี้ของฤดูกาล
สามตระกูลใหญ่บนเกาะมังกรเหมันมีขีดจำกัดอยู่ พวกเขาสามารถใช้ได้เพียงเรือเพื่อเดินทางเท่านั้น ดังนั้น การข้ามทะเลไป จะต้องเผชิญหน้ากับลมพายุที่บ้าคลั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตระกูลใหญ่ทั้งสามมีนักรบระดับรู้แจ้งอยู่ประมาณสิบคนด้วยจำนวนนักรบระดับสูงน้อยนิดเท่านี้ ทำให้พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถปกป้องเรือทั้งหมดข้ามทะเลที่ปั่นป่วนนี้ได้ ดังนั้น พวกเขาจึงยังไม่กล้าที่จะทำอะไร
จากสิ่งที่อี๋เอิ่น ได้กล่าวมา นั่นหมายความว่าถ้ามีนักรบระดับนภาคอยช่วยพร้อมกับนักรบระดับรู้แจ้งที่พวกเขามี พวกเขามั่นใจว่า เรือของพวกเขาจะสามารถแล่นผ่านทะเลที่ปั่นป่วนได้อย่างปลอดภัย
พวกเขาได้แจ้งให้พรรสามเทพรู้ถึงสถานการณ์ของพวกเขา และได้รับคำตอบว่าพวกเขาจะส่งนักรบระดับนภามา แต่ถ้านักรบเหล่านั้นไม่สามารถมาได้ทันเวลา พวกเขาก็ต้องรับความเสี่ยงในการข้ามทะเลที่เต็มไปด้วยพายุปั่นป่วน
พรรคสามเทพมีขุมพลังภายนอกอยู่มากมาย อย่างน้อยก็สมควรมีรอยเกาะคล้ายกับเกาะมังกรเหมัน ดังนั้น แม้ว่าพรรคสามเทพจะส่งนักรบระดับนภามาช่วย มันก็ไม่แน่ว่านักรบเหล่านั้นจะสนใจมายังเกาะมังกรเหมัน เพราะพวกเขาเองก็ไม่ใช่ขุมพลังที่มากมายนัก
ถ้าพวกเขารอเหล่านักรบระดับสูงมา เวลาในการออกเดินทางของพวกเขาก็จะล่าช้าลงด้วย ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่พวกเขาอาจจะตกอยู่ในมือของเผ่าปีศาจและอาจต้องเผชิญกับหายนะที่รุนแรง
พรรคสามเทพมีเส้นตายในการส่งนักรบของพวกเขาออกมาอยู่ ถึงแม้ว่าเส้นตายกำลังจะถึงในอีกไม่กี่วันแล้ว ก็ยังไม่มีนักรยระดับนภาคนใดปรากฏตัวมาช่วยเหลือเลย ดังนั้น อี๋เอิ่นจึงกังวลและหงุดหงิดเป็นอย่างมาก พวกเขาทันทีก็ได้เริ่มที่จะหารือกันเกี่ยวกับความเสี่ยงในการแล่นผ่านทะเลที่ปั่นป่วน
บนเกาะมังกรเหมัน นอกจากสามตระกูลใหญ่ ยังมีกองกำลังขนาดเล็กอื่น ๆอีก เต็มไปด้วยนักรบนับร้อยที่มีระดับต่างกันรวมทั้งยังมีประชาชนคนธรรมดาอีกนับหมื่นอีก หากไม่ได้รับการปกป้องจากนักรบระดับนภา " ก็ไม่มีใครบอกได้เลยว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไรขณะที่กำลังแล่นผ่านทะเลที่ปีานป่วน
นี่เป็นปมที่อี๋เอิ่นและคนอื่นๆบนเกาะมังกรเหมันกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
หลังจากนักรบบนเกาะนี้รวมถึงอี๋เอิ่น ได้ทุกหยุดโดยอีเทียนโหมวด้วยพลังวิญญาณของเขา ทันทีพวกเขาก็ได้รู้ว่า อีเทียนโหมวนั้นต้องเป็นนักรบระดับนภาแน่นอน ดังนั้น พวกเขาจึงมีความหวังว่า อีเทียนโหมวอาจจะช่วยปกป้องพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน ก็มาจากตระกูลหยาง ตระกูลหยาง และพรรคสามเทพนั้นขัดแย้งกันมายาวนาน อย่างไรก็ตาม คนเหล่านี้ยังคงมีความหวีงในการขอให้ฉื่อหยานช่วยเหลือ ถึงแม้ว่าพวกเขารู้ว่าความหวังนั้นจะริบหรี่ก็ตาม เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันเร่งด่วนและอันตรายเป็นอย่างมาก เวลาเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าพวกเขายังรอต่อไป สถานการณ์ก็จะกลายเป็นอันตรายมากขึ้น นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจที่จะถามฉื่อหยานโดยตรง
ฉื่อหยาน นั่งเงียบๆ ขณะที่กำลังดื่มชา สายตาของเขาก็กวาดมองไปที่อี๋เอิ่นและคนของเขาด้วยใบหน้าสงบ
หลังจากที่อี๋เอิ่น ได้บอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ฉื่อหยาน ก็เข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างชัดเจน พวกเขาทั้งหมดแสดงออกอย่างจริงจัง ในขณะที่รอการตัดสินใจฉื่อหยาน
ตอนนี้เอง มือเล็กๆก็ถูกวางไว้บนต้นขาของเขา มือนั่นค่อย ๆลูบกอดต้นขาของเขาและค่อยๆย้ายไปยังพื้นที่ส่วนตัวของเขา . . . . . . .
ฉื่อหยานก็สั่นคลอน ความรู้สึกก็ประกายขึ้นมตอนนี้เขารู้สึกเพลินเป็นอย่างมาก เขาช่วยไม่ได้ที่จะก้มศีรษะเล็กน้อยและเอ่ยเสียงออกมา จากนั้นเขาก็หันไปรอบ ๆเขาหันไปมองลินดาที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
ลินดา ก็นั่งก้มหัวอยู่ด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำของนาง นางไม่กล้ามองฉื่อหยาน แต่มือเล็กๆของนางยังคงไม่หยุด มันยังคงลูบอันนั้นของเขาอย่างหลงใหล
อี๋เอิ่น , อู๋เค่อ และทุก ๆคน ที่อยู่ต่อหน้าเขา ๆก็มองเขาด้วยใบหน้าอ้อนวอน .
เขาไม่คิดเลยว่าว่าลินดากล้าลูบน้องชายของเขาต่อหน้าคนอื่น อย่างไรก็ตาม , นี้ทำให้เขารู้สึกที่ดีและพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ภายใต้การจ้องมองจากสายตาอื่นๆ ฉื่อหยานก็ตาปิดตาลงครึ่งหนึ่งราวกับว่าเขากำลังขมวดคิ้วบางอย่าง แต่ในความเป็นจริง เขากำลังรู้สึกกับบางอย่าง อย่างเงียบๆ . . . . . . .
ผู้หญิงคนนี้ . . . . . . . ช่างกล้าจริงๆ
รอยยิ้มปรากฏออกมาจากมุมปากของเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย เขารู้เจตนาของลินดาดี แต่เขาก็ไม่รีบที่จะตัดสินใจ เขากลับเพลิดเพลินและสนุกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่แทน
" นี่ . . . . . . . " อี๋เอิ่น นั้นไม่รู้ว่าลูกสาวของเขากำลังทำบางอย่าง เขารออยู่อย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น เมื่อเห็นว่าฉื่อหยานไม่ได้พูดอะไร เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป และต้องการจะถามฉื่อหยานออกไปอีกครั้ง
มือเล็กของลินดาบีบแน่นไปที่น่องชายของฉื่อหยาน .
" อ๊ะ ! " เขารู้สึกปวดเล็กน้อย และช่วยไม่ได้ที่จะร้องออกมา เขาแอบโทษนางว่ารุนแรงเกินไป
เขารู้ว่าลินดากำลังหงุดหงิดและกังวล ฉื่อหยานจึงแสร้งทำเป็นว่าเขากำลังคิดเล็กน้อยๆ จากนั้นเขาก็ไอออกมาเบาและพูดด้วยรอยยิ้ม " นี้เป็นเรื่องง่ายมาก ข้าจะหาคนมาช่วยเจ้าแก้ปัญหานี้เอง เมื่อเจ้าต้องการที่จะออกจากเกาะมังกรเหมัน ข้าจะช่วยจัดการกับมันสักระยะหนึ่ง
อี๋เอิ่นดวงตาสว่าง
อู๋เค่อนั้นตั้งแต่แรกที่แสดงออกไม่เป็นมิตรกับฉื่อหยาน ตอนนี้ เขาก็ตื่นเต้น พลันลุกขึ้นยืนอมยิ้มกล่าวว่า " เจ้าจะช่วยพวกเราจริงๆรึ ?
" เรื่องเล็ก " ฉื่อหยานยิ้มอย่างชั่วร้ายไปที่ลินดา เพื่อจะสื่อว่าที่เขาทำไปก็เพื่อลืนดา นางสีหน้าปูดแดง ถอนหายใจหนักหน่วง และไม่กล้าที่จะยกหัวของนางขึ้นมองเขา แต่มือของนางยังคงเคลื่อนไหว , มือของนางลูบมันมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนกับว่านางต้องการจะตอบแทนสิ่งที่เขาทำเพื่อพวกเขา
" อ๊ะ ทะเลเคียร่า ได้ถูกรุกรานแล้ว แล้วดินแดนปีศาจมหัศจรรย์และตระกูลเซี่ยหละ ? "ฉื่อหยานที่กำลังมีความสุขก็ถามออกไป
" หลังจากตระกูลหยางหายตัวไป ตระกูลเซี่ยก็ถูกโจมตีโดยดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ เมื่อตระกูลหยางหายไป ตระกูลเซี่ยก็ไม่มีอีกต่อไป มีหลายเกาะของพวกเขาที่ถูกบุกรุก อดีตหัวหน้าตระกูลของตระกูลเซี่ยกลายเป็นคนโรคประสาทและไม่ปรากฏตัวออกมา ดังนั้น ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์จึงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขามีเจตนาที่จะขับไล่ตระกูลเซี่ยออกจากทะเลเคียร่า”
ตอนนี้เอง อู๋เค่อก็ลุกขึ้นยืนอมยิ้มอธิบายให้ฉื่อหยานฟังถึงสิ่ง เกิดอะไรขึ้นที่นั่น ดูเหมือนเขาจะเข้าใจในสถานการณ์ที่เคียร่าทะเลเป็นอย่างมาก
ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ได้ตั้งใจที่จะใช้ประโยชน์จากการแต่งงานระหว่าง เซี่ยกุย และเซี่ยซินหยาน ควบคุมตระกูลเซี่ย ในระหว่างเกิดเรื่องนี้ขึ้น เซี่ยซินหยาน ยังคงไม่ออกจากมาจากปิดด่านฝึกตน ซึ่งนั่นเป็นข้ออ้างเพื่อที่ตระกูลเซี่ยจะชะลองานแต่ง แต่ในที่สุด ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ก็เริ่มร้อนรนอย่างต่อเนื่องและโกรธเคืองตระกูลเซี่ย .
ก่อนที่เผ่าอสูรจะบุกรุกมา ,ขุมพลังของตระกูลเซี่ยนั่นได้ลดลงไปเป็นอย่างมาก พวกเขาอ่อแอนเกินกว่าจะรับมือกับพวกเผ่าอสูรได้
หลังจากเผ่าอสูรบุกมา ตระกูลเซียรู้ว่าพวกเขานั้นไม่สามารถรับมือกับเผ่าอสูรได้แน่นอน . ตระกูบเซี่ยนั่นสูญเสียอำนาจมากเกินไป ดังนั้น ตระกูลเซี่ยจึงหลบหนีทันทีเมื่อรู้ว่าเผ่าอสูรกำลังจะบุกมา
ก่อนที่นักรบจากเผ่าอสูรจะมาถึง ตระกูลเซีย ก็ทิ้งทุกอย่างที่เคียร่าทะเลและก้าวเข้าสู่ทะเลเหิงลั่ว ที่หลบภัยชั่วครามของพวกเขาอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่าง ตระกูลกู่และดินแดนปีศาจมหัศจรร์
ต้องขอบคุณความฉลาดของตระกูลเซี่ย ประชาชนจึงสามารถหลีกเลี่ยงภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงได้ และยังป้องกันการสูญเสียและจำนวนนักรบของพวกเขาได้อีกด้วย มีเพียงขุมพลังนอกที่ไม่เป็นที่สนใจเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ในทะเลเคียร่า
ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์นั้นต่างออกไป
หลังจากตระกูลหยางหายไป และตระกูลเซี่ยตกต้ำลง กองกำลังของพวกเขาก็ขยายอำนาจมากขึ้น จากนั้นพวกเขากลายเป็นกลุ่มแรกที่ปกครองทะเลเคียร่า อำนวจและเกาะที่พวกเขาครอบครองมีจำนวนมากกว่าที่ตระกูลหยางเคยมีเสียอีก
แม้ว่าเผ่าอสูรจะมา เขาก็ไม่อยากทิ้งทรัพย์สินของพวกเขาที่เคียร่าทะเลไว้ ซึ่งพวกเขาได้ต่อสู้อย่างหนักเพื้อปกป้องมัน
ดังนั้น การต่อสู้จึงเกิดขึ้น
ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์รู้ได้อย่างรวดเร็วว่าพลังของเผ่าอสูรนั้นน่าหวาดกลัวเพียงใด ใช้เวลาแค่ประมาณ 3 เดือน นักรบจากเผ่าอสูรก็ฆ่าสังหารคนจากดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ไปมากกว่าครึ่งหนค่ง
เมื่อปรมจารย์ปีศาจภายใต้อำนาจของโปวชุนบุกไปยังดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ด้วยกัน มันหมายถึง การล่มสลายของดินแดนปีศาจมหัศจรรย์
ด้วยการบังคับและการกดดันจากปรมจารย์อสูร หัวหน้าของดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ก็ได้ตัดสินใจที่ทำให้ขุมพลังทั้งหมดในทะเลไม่มีสิ้นสุดหมดศรัทธา
ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ได้ยอมจำนน
หลังจากนั้น ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในกองกำลังของเผ่าอสูร กลับกลายเป็นสุนัขของพวก,มันอย่างเปิดเผยและยังบอกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับขุมพลังในทะเลไม่มีสิ้นสุดรวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดตั้งแต่อดีต
เมื่อมีดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ในมือของตนเอง พวกมันก็ได้รับรู้ความรู้เกี่ยวกับทะเลไม่มีสิ้นสุด , เผ่าอสูรที่อยู่ทะเลเคียร่าตามล่าเก็บเกี่ยวความทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์และไม่สามารถพบได้ทั่วไป ดังนั้นพลังของพวกมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายตนจากเผ่าอสูรจึงแข็งแกร่งและมีระดับสูงขึ้น ความสามารถของพวกมันเพิ่มขึ้นทุกๆวัน
" ดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ช่างน่ารังเกียจนัก . " หน้าฉื่อหยาน ก็รุนแรง ประกายแสงเย็นชาปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา . " คนไม่ซื่อสัตย์เหล่านี้นับได้ว่าเป็นพวกทรยศ พวกมันเป็นพวกที่ทรยศต่อทุกคนในทะเลไม่มีสิ้น ! "
หลังจากทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันขอทะเลเคียร่าจากอู่เค่อ ฉื่อหยาน ก็รู้สึกพอใจ
" ตระกูลทั้งสามของท่านเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อคุณพร้อม ข้าจะส่งคนมาช่วย " หลังจากคิดสักพัก ฉื่อหยานก็ขมวดคิ้ววของเขามองอี๋เอิ่นและอู๋เค่อ“ข้าจะทำตามคำพูด แต่อย่าได้ลืมนำชาวบ้านธรรมดาที่อยู่บนเกาะมังกรเหมันไปด้วย”
" เข้าใจแล้ว " อี๋เอิ่นและอู๋เค่อ พยักหน้า
" พวกท่านไปเตรียมตัวเถอะ " ฉื่อหยานโบกมือด้วยสีหน้าหงุดหงิดของเขา
ลินดายังคงนั่งอยู่และยังไม่ย้ายมือของนางไปไหนใบหน้าของนางที่กลายเป็นสีแดงนั้น ซึ่งดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
เป็นอี๋เอิ่นและอู๋เค่อ เมื่อเห็น ฉื่อหยานพูดสัญญา , สีหน้าก็ผ่อนคลายลง ทัศนคติที่มีต่อฉื่อหยาน ก็กลายเป็นเคารพและนับถือมากขึ้น พวกเขาทั้งหมดยืนขึ้นและออกจากห้องโถง หลังจากฉื่อหยานรับปาก
ก่อนที่อี๋เอิ่นจะจากไป เขาหันไปมอง ลินดาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าเขาต้องการที่จะรู้เรื่องความสัมพันธุ์ของนางและฉื่อหยานเพิ่มเติม
จากใบหน้าที่กลายเป็นสีแดงของลินดา อี๋เอิ่นดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้ด่าว่านางแต่อย่างใด เขากลับรู้สึกร่าเริงและพอใจเป็นอย่างมากแทน
อีเทียนโหมว รอจนกระทั่งทุกคนออกจากห้องไปแล้ว เขาจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนและพูดกับฉื่อหยานด้วยเสียงที่อ่อนโยน " ข้าจะออกไปเดินเล่น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น สามารถเรียกข้าได้เลย "
อีเทียนโหมวนั้นรู้ความลับของฉื่อหยานและลินดา ดังนั้น เขาจึงจะออกไปโดยใช้ข้ออ้างว่าเดินเล่น ฉื่อหยานก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“ตกลง ข้ารบกวนเจ้าแล้ว”
" นั่นคือสิ่งที่ข้าควรทำ " อีเทียนโมหันหลังจากไป , และหายไปในพริบตา
ฉื่อหยานได้เตือนอีเทียนโหมว ว่าไม่ให้เรียกเขาว่านายท่านต่อหน้าคนอื่น อีเทียนโหมวรู้ว่าหากเขาเรียกฉื่อหยานว่านายท่าน จะทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว ดังนั้น เขาจึงทำตามคำสั่งของ ฉื่อหยาน
" เป็นคนที่แปลกนัก กลิ่นอายจากร่างกายของเขาแตกต่างจากพวกเราเล็กน้อย . " ลินดาพูดขึ้น หลังจากที่ อีเทียนโหมวออกจากห้องโถงใหญ่ไป นาก็งถามด้วยใบหน้าที่กลายเป็นสีแดง " เขาเห็นสิ่งที่ข้าทำแต่แรกแล้วรึ ? "
" ไม่รู้สิ " ฉื่อหยาน ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที เขากอดลินดาและนำมือไปวางไว้บนต้นขาของนาง และค่อย ๆลูบไล้ " เจ้ายั่วข้ามานาน ตอนนี้เป็นตาของข้าหละ " .
" หึหึ ข้าไม่กลัวเจ้าหลอก " ลินดาทั้งอารมณ์และร่างกายของนางก็กลายเป็นตื่นเต้น ดวงตาสดใสของนางเต็มไปด้วยราคะ
ฉื่อหยานอยู่ที่ตระกูลเคอเล่อชั่วคราว เขารอให้คนส่วนใหญ่ออกไปก่อนแล้วจึงค่อยฟังเรื่องราวต่างๆจากลินดา ตลอดสองปีครึ่ง เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดคือการรุกรานของเผ่าอสูร '
เมื่อเผ่าอสูรได้บุกรุกเข้ามาในเคียร่าทะเล ก็ทำให้ขุมพลังต่างๆในทะเลไม่มีสิ้นสุด ตระหนักได้ว่า การเห็นตระกูลหยางเป็นเป้าหมายนั้น เป็นเรื่องที่โง่ง่มเป็นอย่างมาก
ความโหดร้ายของเผ่าอสูรมันเกินกว่าที่พวกเขาจะจินตนาการได้ หลังจากทะเลเคียร่าตกอยู่ในมือของเผ่าอสูรขุมพลังที่อยู่ในทะเลไม่มีสิ้นสุดต่างก็รู้สึกไม่ปลอดภัย พวกเขากลัวว่าเผ่าอสูรที่อยู่ในทะเลเคียร่าจะมาหาพวกเขาวันใดวันหนึ่ง .
เพราะความกลัวที่มาจากศัตรูคนเดียวกัน พวกเขาจึงรีบเริ่มรวมตัวกัน
ผู้นำจากทุกขุมพลังตลอดเวลาได้พบและหารือกันเพื่อหาวิธีที่จะจัดการกับเผ่าอสูร .
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งมักจะอยู่ในหมู่นักรบเหล่านี้ บางส่วนของพวกเขาอยู่ค่อนข้างห่างไกลจากทะเลเคียร่า พวกเขาจึงหวาดกลัวน้อยกว่าขุมพลังอื่น และเจตนาของพวกเขาก็ต่างออกไป พวกเขาเห็นขุมพลังเหล่านั้นเป็นกันชนสำหรับพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดในการเอาชนะศัตรู
ตอนแรกเริ่มก็ดี , แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริง มันเปิดเผยความขัดแย้งมากมายระหว่างพวกเขา
แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเผ่าอสูรต้องรุกราน ขุมพลังเหล่านี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงความเห็นแก่ตัวของตัวเอง พวกเขามักจะมีความคิดที่ว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องไปแนวหน้า ; และเลือกที่จะรักษาความแข็งแกร่งของขุมพลังตัวเองไว้ พวกเขาจะไม่หลั่งน้ำตาหากไม่เห็นโลงศพ ว่ากันว่า ผู้นำของกองกำลังเหล่านี้มักจะเถียงและทะเลาะกันเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาไม่พบเจอกับหนทางแก้ปัญญาที่สมบูรณ์
ขณะที่พวกเขายังไม่ลงมือทำอะไร เผ่าอสูรกลับลงมือทำไปแล้ว
เรือนของตระกูลเคอเล่อ
ฉื่อหยานนั่งอยู่ตรงด้านบนของชั้นที่สูงสุดของที่ชั้น 3 เขาจะค่อยๆ ผ่อนคลาย จิตใจและจิตสำนึกลงด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
เขากำลังเรียนเคล็ดวิชาวิญญานจากคัมภีร์ของเผ่าเสียงอสูร
ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เขาพักอยู่กับตระกูลเคอเล่อ ส่วนอีเทียนโหมว ทำหน้าที่ในการปกป้องเขา คนจากตระกูลใหญ่ทั้งสามมักจะยุ่งอยู่เสมอ พวกเขาเก็บรวบรวมสมบัติทุกชิ้นของตัวเอง แจกแจงหน้าที่ให้กับนักรบระดับสูง และจัดระเบียบเหล่าคนธรรมดา
หลังจากได้ร่วมรักไปหลายครั้ง ความสุขและความปรารถนาในใจของเขาก็ได้รับการเติมเต็ม จากนั้นฉื่อหยานและลินดาก็เริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง
มี อีเทียนโหมว อยู่ข้างๆ ฉื่อหยานจึงมีโอกาสที่จะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของเคล็ดวิชาต่างๆของเผ่าเสียงอสูรที่เขาไม่เข้าใจ
ตั้งแต่เหตุการณ์ในป่า เมื่อ อีเทียนโหมวได้เห็นฉื่อหยานลงมืออย่างโหดเหี้ยม , ทัศนคติของเขาต่อฉื่อหยานก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาดูเหมือนจะเคารพฉื่อหยานเป็นอย่างมากและมักจะเป็นช่วยเขาเท่าที่เขาจะช่วยได้ ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม
ดังนั้น ความรู้ความเข้าใจในคัมภีร์ของเผ่าเสียงอสูรของฉื่อหยานก็ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
ห้วงจิตสำนึกเกิดเป็นระลอกคลื่นออกไปหลายรอบ ซึ่งมันเป็นเหมือนกับเส้นใยไหม แล้วค่อยๆรวมตัวกันในวิญญานของเขา วิญญานถูกห่อหุ้มด้วยจิตสำนึกวิญญานมากขึ้น . ความรู้สึกของฉื่อหยานก็ขยายออกไป
ในห้วงจิตสำนึก ห้าปีศาจยังคงสงบอยู่ หลังจากวิญญานหลักเข้ามา และฉื่อหยานไม่ได้พบกับอารมณ์เชิงลบใดๆเลย ห้าปีศาจดูเหมือนจะถูกกดขี่โดยวิญญานหลัก และดังนั้น พวกมันจึงไม่กล้าที่จะเสี่ยง ทำอะไร
ณ ตอนนี้ จิตวำนึกวิญญานของฉื่อหยาก็เริ่มหลอมรวมอย่างต่อเนื่องและไหลรวมเข้าไปที่วิญญานหลัก . เขารู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่า เขาสามารถควบคุมห้าปีศาจได้ จู่ๆความคิดนี่ก็ผุดขึ้นมา
จิตสำนึกของเขาเริ่มที่จะเข้าไปยังวิญญานหลักที่อยู่ในห้วงจิตสำนึก โดยมีห้าปีศาจอยู่ด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน ลมแรงและคลื่นทะเลขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาภายในจิตใจของเขา . ห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึก กลายเป็นห้าเส้นแสงสีดำบินออกมาจากห้วงจิตสำนึก
เส้นสายความชั่วร้ายมหาศาล , ก้าวร้าว , และกลิ่นอายความสิ้นหวังก็ทะลักออกมาจากเรือน
ห้าปีศาจดุร้ายสูงสิบจ้างลอยอยู่รอบบนท้องฟ้าเหนือเรือน ร่างกายของพวกมันปรากฏขึ้น ขณะที่มันปลดปล่อยกลิ่นอายวิญญานที่สามารถทำให้คนเป็นทุกข์นิรันด์ได้ออกมา
ร่างของฉื่อหยานก็แห้งเหี่ยว พลังงานเชิงลบไหลทะลักออกมาจากเส้นชีพจรของเขาอย่าง รุนแรง และไหลต่อเข้าไปยังปีศาจทั้งห้า
ถึงแม้ว่าร่างกายปีศาจทั้งห้า ' จะปรากฏขึ้นอย่างไม่ชัดเจน แต่ตอนนี้สสารค่อยๆบีบอัดเข้าหากันและปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา
" นายท่าน ระวัง ! " สีหน้าจองอีเทียนโหมวเปลี่ยนไปเพราะความกลัว เขามองดูห้าปีศาจลอยออกมาในอากาศด้วยใบหน้ามึนงงและร้องออกมาอย่างน่ากลัว "เคล็ดวิชาวิญญานนี้คืออะไรกัน ! กลิ่นอายของมันน่ากลัวยิ่งนัก นี่ . . . . . . . นี่คือพลังวิญญานที่กลั่นตัวเป็นรูปร่าง "
ฉื่อหยานลืมตาขึ้นมา เขาต้องมองไปที่ห้าปีศาจที่ลอยอยู่ในท้องฟ้าอย่างเย็นชา เขายกแขนขึ้นและตะโกน , " กลับมา ! "
ห้าปีศาจก็กลายเป็นขัดขืนและดูเหมือนว่ามันไม่อยากจะกลับไป อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยานก็กระแอมเสียงเย็นชาออกมา และปล่อยเปลวไฟนภาออกมาจากฝ่ามือของเขา
ห้าปีศาจที่หนีออกมาจากห้วงจิตสำนึกของเขาก็รู้สึกกลัวแล้วไม่กล้าขัดขืนฉื่อหยานอีกต่อไป ลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเข้าไป
เพียงระยะเวลาอันสั้นๆ ห้าปีศาจอีกครั้งก็กลายเป็นเส้นสายสีดำที่แตกต่างกันและหายไปในร่างของฉื่อหยาน
ฉื่อหยานก็หายใจเข้าลึกๆ ดวงตาที่หนาวเย็นไปถึงกระดูกของเขาก็ค่อย ๆกลับคืนสู่สภาพปกติ เขาถอนหายใจออกมา หลังจากนั้น สักพักเขาก็กล่าวว่า" ข้ารู้ว่าเจ้าเปลวไฟนภา”
อีเทียนโหมวอยู่ห่างจากเขา เพราะเขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อฉื่อหยานเรียกเปลวไฟนภาออกมา เปลวไฟนภาคือสิ่งที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติของฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ดึงเปลวไฟนภาในมือของเขากลับไปแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม " นี่เป็นเพียงแค่เปลวไฟของแกนเพลิงเท่านั้น แม้ว่ามันจะสามารถเผาผลาญทุกสิ่งให้เป็นจุลได้ แต่ถ้ามันเป็นเปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานหละก็ ห้าปีศาจเหล่านั้นคงจะหวาดกลัวมากกว่านี้ น่าเศร้าที่ข้ายังไม่สามารถควบคุมเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ ."
" นายท่าน ห้ารูปแบบวิญญานนั่นเกิดขึ้นจากพลังวิญญานของท่านงั้นรึ ?" อีเทียนโหมวถามด้วยความกลัว " "นายท่าน ท่านอยู่เพียงระดับปฐพี แม้จะมีความรู้เกี่ยวกับคัมภีร์เผ่าเสียงอสูรบ้าง มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะทำมันได้เช่นนี้ มันไม่ง่ายเลย ที่กลั่นหลอมรวมพลังวิญญานและส่งชีวิตเข้าไปที่มัน ? "อีเทียนโหมว ยังไม่อยากจะเชื่อ ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาก็อยากรู้ความจริง
ปล่อยวิญญานออกมาและกลั่นหลอมรวมกันจากนั้นก็ใส่พลังชีวิตเข้าไป เคล็ดวิชาที่อัศจรรย์เช่นนี้ได้จารึกไว้ในคัมภีร์วิญญานของเผ่าเสียงอสูร เพื่อที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ นอกจากต้องใช้พรสวรรค์ด้านวิญญานสูงแล้ว ระดับการบ่มเพาะจะต้องถึงระดับพระเจ้าด้วยเช่นกัน มิฉะนั้น ก็ไม่มีทางเลยที่จะทำเช่นนั้นได้
แม้แต่อีเทียนโหมว ที่อยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้าและมีพรสวรรค์ด้านวิญญานที่โดดเด่นยังไม่สามารถทำได้
ด้วยเพียงระดับปฐพี และเข้าใจเกี่วกับคัมภีร์วิญญานของเผ่าเสียงอสูรเพียงบางส่วน ฉื่อหยานกลับสามารถบีบอัดพลังชีวิตเข้าไปในวิญญานได้ คำว่า ' อัจฉริยะ ' ก็ไม่เพียงพอที่จะอธิบายได้
" ห้าปีศาจพวกนี้หนะรึ " ? ฉื่อหยาน ก็ตกใจ แต่ก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม " มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาของเผ่าเสียงอสูรเลย ก่อนที่ข้าจะได้เรียนรู้คัมภีร์วิญญานของเผ่าเสียงอสูร ในห่วงจิตสำนึกของข้าก็มีปีศาจทั้งห้าอยู่ภายในแล้ว "
อีเทียนโหมวตกใจดวงตาและปากของเขาเปิดกว้าง เขามองฉื่อหยาน ราวกับว่าเขากำลังมองสัปประหลาด
หลังจากนั้น อีเทียนโหมวก็ถอนหายใจออกมาและพูดอย่างสุภาพว่า " โชคดีที่ข้าตัดสินใจถูก ถ้าเราฆ่าท่านในตอนแรก ข้าคิดว่า เผ่าเสียงอสูรของเราคงจะจบสิ้นไปแล้ว "
อีเทียนโหมวรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ฉื่อหยานยืนขึ้นในขณะที่โบกมือ เพื่อจะสื่อ ว่าเขาไม่สนใจมัน หลังจากที่เขารู้สึกว่าห้าปีศ่าจไม่ได้ขัดขืนอีกแล้ว เขาก็เดินไปที่หน้าต่าง มองลงไปที่อี๋เอิ่น และคนของตระกูลเคอเล่อที่รวมกันอยู่และเขาก็รีบพูเขึ้น " ข้าขอโทาด้วยจริงๆ มันคือสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นขณะที่ข้ากำลังฝึกบ่มเพาะ ตอนนี้ ทุกอย่างปกติดีแล้ว พวกเจ้าอย่าได้กังวล "
คนจากตระกูลเคอเล่อพวกดูซีดเซียวและหวาดกลัว
คนเหล่านี้ รู้เพียงการฝึกบ่มเพาะเท่านั้นพวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับวิญญานมากนัก เมื่อเกิดบางสิ่งที่น่ากลัวขึ้น ด้วยสัญชาตญานของพวกเขาในทันทีพวกเขาก็มารวมตัวกันอยู่ที่เรือนฉื่อหยาน พวกเขาคิดว่ามีสัตว์อสูรบุกมา . ถ้าห้าปีศาจไม่ได้หายไปก่อ่หน้านี้ พวกเขาคงไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเข้าใกล้เรือนแห่งนี้
อี๋เอิ่นที่ยืนอยู่ห่างๆ หลังจากได้ยินคำพูดของฉื่อหยาน เขาเช็ดเหงื่อของเขาไปทันที เขาป้องมือไปที่ฉื่อหยาน และบอกว่า " ไม่เป็นไร เช่นนั้น ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว "
หลังจากเขาพูดจบ อี๋เอิ่นก็ส่งสัญญาณให้คนของเขาไป จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทันที
" นายท่าน อยากจะขอคําแนะนําจากท่านเกี่ยวกับเคล็ดลับในการกลั่นหลอมวิญญาน . " เมื่อทุกคนจากไป อีเทียนโหมวก็คิดสักพักก่อนที่จะถามด้วยความเขินอายเล็กน้อย " ข้านั้นได้ฝึกฝนอย่างหนัก แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีการพัฒนาขึ้นเลย ผมสงสัยมาก ห้าปีศาจของท่านถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร? "
" จากอารมณ์เชิงลบที่แตกต่างกันในร่างของข้า . . . " ฉื่อหยาน ขมวดคิ้ว และไม่ได้ปิดบังอะไร
อารมณ์เชิงลบ ? อีเทียนโหมวก็ประหลาดใจ " ความรู้สึกเชิงลบเหล่านี้สามารถทำได้งั้นรึ ? ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน นายท่าน ท่านต้องถ่ายทอดอารมณ์เชิงลบเหล่านั้นเข้าไปในวิญญานอย่างต่อเนื่องหรือไม่ และ ห้าปีศาจนั้นสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่ ?
" ในทางทฤษฎี มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น " ฉื่อหยานพยักหน้า
อีเทียนโหมว ดวงตาสว่างขึ้นด้วยความประหลาดใจ ใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจัง
" อะไร ? " ฉื่อหยานรู้สึกแปลกๆกับการแสดงออกของอีเทียนโหมว“มันแปลกรึที่ทำเช่นนั้น ข้านึกว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องทำเสียอีก”
อีเทียนโหมว หายใจเข้าลึกๆ เขาพูดขึ้นถอนหายใจออกมา" นายท่าน จริงๆ . . . . . . . ท่านอยู่เหนือกว่าอัจฉริยะสินะ ข้าเคารพท่านนัก แม้ว่าข้าจะคิดไม่ออก แต่ด้วยความสามารถเช่นนั้นคนธรรมดาอย่างเราไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ "
" มันคืออะไรรึ ? "
" นักรบระดับพระเจ้าแท้จริงเท่านั้นที่สามารถกลั่นหลอมวิญญานได้อย่างต่อเนื่องและสามารถใส่ชีวิตของตัวเองเข้าไปได้ " อีเทียนโหมวจ้องฉื่อหยาน ดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างประหลาด และพูดคำออกมาอย่างชัดเจน
ฉื่อหยาน ดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาจากที่มุมปากของเขา เขาลูบหัวของเขาเองนขณะที่พูด " ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นก็แปลว่าความสามารถของข้าก็นับว่าไม่เลวสินะ . "
จนถึงตอนนี้ เขาก็ได้เข้าใจด้านที่น่ากลัวของเคล็ดวิชาปีศาจทั้งห้าในจิตใจ แน่นอนก็นี่คือเคล็ดวิชาวิญญานที่มาจากแหวนสายโลหิตไม่แปลกที่จะทำให้ผู้อื่นตกตะลึง
อีเทียนโหมวดูเหมือนจะอยากอธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่จู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วหลับตา
คลื่นวิญญานที่บางเบาก็กระจายออกมาจากอีเทียนโหมว การไหลของวิญญานที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆไหลเข้ามา รอบๆร่างของอีเทียนโหมว และสื่อสารกับเขาอย่างเงียบๆ
หลับตาลง อีเทียนโหมวรู้สึกสักพัก จากนั้นก็พูดว่า " คาป้า และคนอื่น ๆ พบปัญหาบางอย่าง มีนักรบหลานคนปรากฏขึ้นที่พวกเขา พวกเขาได้พบกับคาป้า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้จักมนุษย์ผู้หญิง คาป้าถามว่าจะให้ฆ่าพวกเขาเลยหรือไม่ "
" พวกเขารู้จักพวกนางรึ ? " ฉื่อหยาน ก็สะดุ้ง จิตใจของเขาริบหรี่ลงทันที เขามั่นใจว่าคนเหล่านั้นl,ควรเป็นนักรบจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุด หลังจากใคร่ครวญเล็กน้อย ฉื่อหยานก็สั่งโดยตรง " ไม่ว่ามันจะเป็นใคร จับมันไว้ก่อน ลักษณะของคนเผ่าปีกนั้นแตกต่างจากเรามาก ถ้ามันกระจายข่าวลือออกไป อาจเกิดปัญหาขึ้นได้ .
" ข้าเข้าใจแล้ว " อีเทียนโหมวพยักหน้า หลับตาลง และส่งข้อความออกไป
ในเวลานี้ อี๋เอิ่น ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขายืนอยู่ห่างสิบเมตรจากฉื่อหยาน และกล่าวว่า " ข้าเพิ่งได้รับแจ้งมาว่า มีคนมาช่วยเรา พวกเขาเป็นคนจากตระกูลกู่และดินแดนทะเลสาปเทวสศักดิ์สิทธิ์ ขณะมราพวกเขากำลังไปยังกองทัพของพรรคสามเทพเพื่อหารือเรื่องสำคัญบางอย่าง พวกเขาก็ได้แวะมาช่วยเหลือเรา
" ตระกูลกู่ ดินแดนทะเลสาปเทวาศักดิ์สิทธิ์ ?“หน้าฉื่อหยาน ก็แปลกไป” พวกเขาจะมาถึงเมื่อใด ?
" ข้าได้ยินว่าพวกเขาจะมาถึงวันนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขอบคุณสำหรับความตั้งใจดีของเจ้า เด็กดี แต่ข้าคิดว่าเราไม่ต้องรบกวนเจ้าแล้ว " อี๋เอิ่น พูดกระทันหัน
" ไม่ต้องรบกวนข้า ? " ฉื่อหยาน ก็ยิ้มอย่างสนุกสนาน ". มันไม่ดีกว่ารึที่จะรอให้พวกเขามาช่วยท่านก่อน ข้าจะได้ไม่ต้องกังวล"
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ