บทที่ 275 ฟันเฟืองวิญญานในกระสวยแยกนภา
บทที่ 275 ฟันเฟืองวิญญานในกระสวยแยกนภา
บนแนวปะการัง ฉื่อหยาน ก็ฟังคำอธิบายของฉาวจื่อหลายนเงียบๆ " เกาะมังกรเหมันเป็นเกาะที่อยู่ในทะเลเหิงลั่ว มีแนวปะการังหนาแน่นรอบๆเกาะนี้ ในตำนาน แนวปะการังเหล่านัเดูเหมือนจะเป็นรูปแบบโบราณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ตระกูบฉาวเคยส่งยอดฝีมือมาที่นี่ เขาก้มลงมองมาที่แนวปะการังจากท้องฟ้าและกล่าวว่าแนวปะการังเหล่านี้เป็นเหมือนกับรูปแบบเคลื่อนย้ายโบราณ "
" อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่การคาดเดา ถึงแม้ว่าเขาจะเคยพูดเมื่อนานมาแล้ว เขาก็ยังไม่สามารถหาเบาะแสใด ๆได้ . แต่ในตำนาน หลายร้อยปีมาแล้ว มีเรือของแล่นผ่านแนวประการังและหายตัวไป"
"ยังไม่แน่ชัดเท่าใดนัก จากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แนวปะการังรอบเกาะต้องมีความลับบางอย่างแน่นอน "
ฉาวจื่อหลานค่อยๆ อธิบาย ให้ฉื่อหยานฟังถึง สถานการณ์รอบๆเกาะมังกรเหมัน นางดูเหมือนจะคุ้นเคยกับความลับของทะเลไม่มีสิ้นสุดดี ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ที่แปลกประหลาด เกาะเล็กๆ ก็ไม่อาจหลีกพ้นจิตวิญญานพระเจ้าของนางได้
หลังจากฟัง ฉื่อหยานก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ
มันชัดเจนว่า คำพูดและการสำรวจจากยอดฝีมือตระกูลฉาวนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง บริเวณนี้เคยมีรูปแบบโบราณอยู่ ; มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่สามารถมาโผล่ที่นี่ได้โดยตรงจากดินแดนรกร้างที่แตกต่างกันเช่นนั้น
" ข้าเข้าใจแล้ว " .
ฉื่อหยานคิดสักพักแล้วพยักหน้าให้ ยู่โหลว ยู่โหลวเผยรอยยิ้มบางๆพร้อมกับคว้าไปที่ฉาวจื่อหลานและพานางออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน ยู่โหลวก็กลับมายืนอยู่ข้างๆฉื่อหยานอีกครั้ง " นายท่าน เรามุ่งหน้าไปยังเกาะมังกรเหมันกันเถอะ "
" อื้ม " ฉื่อหยานพยักหน้าแล้วพูดกับยู่โหลวและตี่ฉานด้วยรอยยิ้มอ่อน " เผ่าของเจ้าจงนำคนจากเผ่าเสียงอสูรที่ไม่สามารถบินได้ไปด้วย เราจะไปเกาะมังกรเหมันเพื่อหาที่พักกัน รอจนกว่าข้าจะเข้าใจสถานการณ์ของทะเลไม่มีที่สิ้นสุดตอนนี้เสียก่อน แล้วข้าจะพิจารณาต่อเองว่าควรทำเช่นไร "
" ขอรับ " ตี่ฉานและยู่โหลวพูดขึ้นพร้อมกัน หลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มพูดคุยกับ อีเทียนโหมว หยาเมิง และ คาป้า
ยู่โหลวอย่างรวดเร็วก็เดินไปที่ ฉื่อหยาน แล้วคว้าตัวเขาและกล่าวว่า " ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราปลายทางที่ชัดเจน เราจะไปเดี๋ยวนี้ ให้ข้าพาท่านไปเถอะ "
" อื้ม " .
ยู่โหลวก้าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม นางยื่นแขนที่ขาวนวลของนางจับไปที่ฉื่อหยาน และขยายปีกของนางอย่างกว้างขวาง และบินสูงขึ้น .
คนจากเผ่าปักหลายคนรู้สึกไม่ดรเล็กน้อย เมื่อพวกเขาถูกสั่งให้นำคนของเผ่าเสียงอสูรไปด้วย เหล่าคนจากเผ่าปีกทุกคนนั้นมีปีกและสามารถบินได้ ความสามารถของพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้เรือหรือภาหนะใดๆเพื่อเดินทาง ต่อมา คนเผ่าเสียงอสูรนับพัน และเผ่าปีก ก็เริ่มบินไปที่เกาะมังกรเหมัน
" จะทำเช่นไรกับตระกูลปีกเทาดี ? " ฉื่อหยาน ขมวดคิ้ว และกล่าวว่า " ตั่วหลงก็ตายแล้ว ฮันหลงเองก็ตายด้วยมือของข้า บางทีหลายคนจากตระกูลปีกสีเทาตอนนี้คงจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนฆ่าเขา หากตระกูลปีกเทาไม่มีผู้นำหละก็ จะเกิดอะไรขึ้น ? "
ยู่โหลวหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า " ไม่ต้องเป็นห่วง แม้ว่าตั่วหลงจะตาย ตี่ฉาน และข้าก็ได้แต่งตั้งผู้นำคนใหม่ของตระกูลปีกเทาแล้ว เขาชื่อว่า ตั่วมู่ เขาเป็นญาติของตั่วหลง เขายังมีระดับการบ่มเพาะในนภาที่สองของระดับนภา . ตั่วหลง ตั่วมู่ มักจะมีความขัดแย้งกันในตระกูลปีกสีเทา ตั่วหลงมักจะกดขี่ตั่วมู่อยู่เสมอ . ถ้าเป็นตั่วหลงตอนนี้ที่ตายไปแล้วหละก็ บวกกับข้าและตี่ฉานที่เห็นด้วย ก็เป็นเรื่องง่ายที่ตั่วมู่จะกลายเป็นประมุขของตระกูลปีกเทา ส่วนเรื่องเกี่ยวกับท่าน เราจะหาเวลาที่เหมาะสมบอกเขา ข้ารับประกันได้ว่าจะต้องไม่มีปัญหาใดๆ "
" ขอบคุณ " ฉื่อหยานยิ้มเล็กน้อย " ข้ารู้ หากไม่มีพวกเจ้าคอยช่วยหละก็ ตี่ฉานคงจะไม่ยอมทำตามข้าแน่ และอีกสามคนเองก็เช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่มีเจ้า เมื่อตอนที่อยู่บนภูเขา ข้าอาจจะถูกฆ่าโดย อีเทียนโหมวไปแล้ว "
" หึหึหึ " เจ้าเเม่ของปีกขาวตระกูลค่อย ๆหัวเราะ " ท่านช่วยเผ่าพันธุ์ทั้งสองของเราไว้ เพื่ออนาคตของทั้งเผ่าพันธุ์ ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่าข้าเลือกถูกต้อง ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน สองเผ่าพันธุ์ของเราคงจะไม่ได้กลับมายังแผ่นดินหลักและไม่ได้เห็นดวงดาวที่งดงามเช่นนี้ "
ยู่โหลวยกหัวนางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว . ใบหน้าที่สวยงามของนางเต็มไปด้วยความปรารถนา " ราตรีประดับดาวนี้ปรากฏอยู่ในความฝันมาก่อน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าทั้งชีวิตจะได้มาเห็นมัน . . . "
" ทำไมเจ้าถึงพยายามช่วยเหลือข้านักนะ " ฉื่อหยานเหยียดมือของเขาค่อยๆจับมือขาวนวลของยู่โหลวสีขาว เขาลูบมือที่บอบบางนั้นเบาๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย และพูดกับนางด้วยรอยยิ้ม " เจ้าตกหลุมรักข้าแล้วใช่หรือไม่ ?"
ใบหน้าที่สวยงามของยู่โหลวก็กลายเป็นสีแดง นางชายตามอง ฉื่อหยาน อย่างอ่อนโยน ยิ้มและกล่าวว่า " เจ้าไม่ได้ทำอะไรเลยกับหญิงสาวเหล่านั้นเลย แล้วตอนนี้เจ้ากำลังพยายามจะทำอะไรกับข้ากันรึ ? "
ฉื่อหยานก็ประหลาดใจทันทีเขาก็ยิ้มออกมาแห้งๆ " โอกาศนั้นยังไม่มาถึง ข้าก็เลยเก็บไว้ก่อน ข้าจะไม่ทำมันถ้ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะกลืนกินพวกนางทั้งหมดพร้อมๆกันเลย แต่กับเจ้านั้นต่างออกไป . . . . . . . "
ยู่โหลวระเบิดหัวเราะออกมา นางพูดเบาๆ " ถึงข้าจะยกท่านเป็นนายเหนือหัว แต่ท่านก็ยังมิแข็งแกร่งพอ ข้าไม่ค่อยพอใจกับมันนัก ถ้าต้องการให้ข้าถวายตัวให้หละก็ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ท่านยังคงอยู่อีกห่างไกล . . . . . . . "
" ข้าจะพยายาม "
ฉื่อหยาน รู้สึกดี เขารู้สึกร่าเริงและรู้สึกเพลิดเพลินเมื่อได้พูดคุยกับหญิงสาวผู้งดงามคนนี้
ในตอนเช้าตรู่
คนเผ่านับพันธุ์อย่างเงียบๆก็ปรากฏอยู่ในป่าทางตอนใต้ของเกาะมังกรเหมันที่นี่มีไม่ค่อยปรากฏร่องรอยของมนุษย์นัก ก่อนที่จะมาถึง อีเทียนโหมวได้ส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไปเพื่อตรวจสอบรอบๆ แล้วเขาก็ได้รู้ว่ารอบๆนี้ไม่มีมนุษย์อยู่นอกจากสัตว์อสูรระดับต่ำ
หลังจากมาถึง คนเผ่าเหล่านี้ไม่ได้รีบร้อนแยกออกไป พวกเขากลับรอคำสั่งจากผู้นำของพวกเขาแทน
ในส่วนลึกข้างในป่าภายใต้ต้นไม้โบราณสูง 10 เมตร , ฉื่อหยาน กระสวยแนกยภาออกจากแหวนสายโลหิตและ ลูบไล้มันด้วยความรัก และแอบส่งจิตสำนึกลงไป
พลังปราณลึกลับที่หนาแน่นก็ไหลลงไป แต่มันเหมือนกับก้อนหินที่จมลงสู่ก้นทะเลซึ้งไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองกลับมา และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น
ฉื่อหยานอุทานออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนที่จะส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง เวลานี้จิตสำนึกวิญญานของเขาที่ถูกส่งเข้าไปรู้สึกราวกับว่าอยู่ในหุบเหวที่ว่างเปล่า ไม่สามารถสัมพัสได้ถึงสิ่งใด
ในตำนาน กระสวยแยกนภามีพลังที่สามารถทำลายผนึกได้ทุกรูปแบบ แต่ถ้าหากไม่รู้วิธีใช้งานมัน มันก็ไม่ต่างอะไรจากสิ่งของที่ไร้ประโยชน์
เป็น พลังปราณลึกลับ และจิตสำนึกวิญญานของเขาที่ไม่สามารถทำอะไรได้ ฉื่อหยานเมื่อเห็นว่ามันไร้ประโยชน์ เขาก็เรียกห้าผู้มาและหันไปพูดกับตี่ฉาน และพูดว่า " เจ้าช่วยมานี่และตรวจสอบดูสิว่ามันมีสิ่งใดพิเศษ "
ตี่ฉานขมวดคิ้วและหยิบกระสวยแยกนภาไป เขาได้ถ่ายทอดจิตสำนึกของเขาลงไป ก่อนที่จะสั่นศีรษะของเขาและกล่าวว่า " เผ่าปีกของเราไม่มีความสามารถที่จะรับรู้เกี่ยวกับสมบัติล้ำค่า ข้าไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้ " .
หลังจากพูด ตี่ฉานก็ส่งกระสวยไปให้อีเทียนโหมว " เจ้าตรวจสอบที ข้าได้ยินว่าเจ้ารู้เรื่องเกี่ยวกับพวกมันมาบ้าง บางทีเจ้าอาจจะค้นพบบางอย่าง . "
อีเทียนโหมวจับกระสวยแยกนภา และค่อยๆกลับตาลง จากนั้นก็ส่งพลังจิตสำนึกวิญญานเข้าไปในกระสวย
สีหน้าของ อีเทียนโหมวก็เปลี่ยนไปมากขึ้นเรื่อยๆ เขาดูเหมือนจะพบอะไรบางอย่าง เขาถ่ายทอดพลังวิญญานของเขาเข้าไปมากขึ้น
ฉื่อหยาน ดวงตาก็สดใส ด้วยความหวัง
หลังจากนั้น อีเทียนโหมวก็ค่อยๆดึงจิตสำนึกวิญญานของเขากลับมาทีละน้อย ให้หายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า กับฉื่อหยาน " นายท่าน มันมีฟันเฟืองวิญญานซ่อนลึกอยู่ภายใน แต่มันไม่อยากสื่อสารกับข้า ถึงแม้ว่าข้าจะส่งจิตสำนึกไปที่ฟันเฟืองวิญญาน มันก็ทำลายจิตำสนึกวิญญานข้าทันที "
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ เขาหยิบกระสวยแนกนภามา ปั้นหน้ายิ้มและพึมพำ " นี่ไม่ดีเลย ข้าไม่รู้วิธีใช้มัน ไม่ดีเลยจริงๆ . . . . . . . "
" นายท่าน " ตี่ฉานก็ตะโกนด้วยเสียงเบาๆ ตาของเขาสว่างขึ้นเล็กน้อยราวกับเขาเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
" ว่าไง ? " ฉื่อหยานยกศีรษะของเขา
" โลหิตอมตะ ของลูกหลานผู้สอบทอดอาจจะมีอิทธิพลพิเศษกับวัตถุบางอย่าง เจ้าของสมบัตินี่ได้ตายไปแล้ว มันได้กลายเป็นไร้เจ้านาย . ถ้าท่านหยดเลือดของท่านลงไป บางทีท่านอาจจะค้นพบบางอย่าง อย่างไรก็ตาม เลือดของท่านแตกต่างจากคนทั่วไป " ตี่ฉานพูดด้วยเสียงต่ำ
ฉื่อหยาน ก็ตะลึง แต่แล้วดวงตาของเขาค่อยๆสว่างขึ้น
เขาได้ยินเรื่องนี้จากเปลวเหมันเยือกแข็งเช่นกัน โลหิตอมตะนั้นมีความพิเศษ และสามารถฟื้นฟูสมบัติได้ แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถทำให้เลือดของเขากลายเป็นโลหิตอมตะที่สมบูรณ์ได้ แต่เลือดของเขาก็ยังค่อนข้างพิเศษ บางทีเขาอาจจะทำให้กระสวยแยกนภานี้เปลี่ยนไปก็ได้
" ข้าจะลองดู " .
ฉื่อหยานคิดเล็กน้อยแล้วก็หัวเราะแสยะยิ้มออกมา เขากัดนิ้วจนเลือดออก และหยดเลือดที่ละหยดลงบนกระสวยแนกนภา
โดยไม่คาดคิด เลือดแต่ละหยดที่หยดลงไปก็ถูกดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับว่ากระสวยเป็นฟองน้ำ
หลังจากดูดซับเลือดทั้งหมดของฉื่อหยานเข้าไป มันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงและส่งแสงสีเหลืองออกมาทีละนิด
สีหน้าฉื่อหยานก็หวั่นไหว เขากัดปลายนิ้วของเขาอีกครั้ง ก่อนที่แผลจะสมาน เขาก็หยดเลือดลงไปมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่กระสวยแยกนภาดูดซับเลือดของฉื่อหยานอย่างตะกละตะกลาม , มันก็เริ่มส่องสว่างมากขึ้น หลังจากเลือดนับสิบหยดถูกดูดซับเข้าไป ฉื่อหยานก็หดแขนของเขาและมองไปที่บาดแผลบนนิ้ว ซึ่งมันกำลังค่อยๆรักษาตัวเอง หลังจากนั้น เขาก็ยืดมือของเขาออกมาอีกครั้ง สัมผัสกับกระสวยแยกนภา และถ่ายทอดพลังปราณลึกลับลงไป
กระสวยแยกนภาก็ส่องแสงสีเหลืองพราวออกมา . ในแสงที่ส่องเจิดจ้าออกมามีพลังที่ทรงพลังไหลเวียนอยู่ซึ่งส่งผลให้พื้นที่รอบๆมันกลายเป็นบิดเบี้ยว
ฉื่อหยานรีบถอนพลังปราณลึกลับของเขากลับมาด้วยความกลัวและความประหลาดใจ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และส่งจิตสำนึกวิญญานเข้าไปในกระสวย
" ระดับการบ่มเพาะของเจ้าต้ำเกินไป ดังนั้น ตอนนี้เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ รอจนกว่าจะถึงระดับรู้แจ้งเสีนก่อน จากนั้นท่านค่อยมาคุยกับข้า " กระแสของจิตสำนึกที่อ่อนแอก็ออกมาจากกระสวยแยกนภา " จิตสำนึกของข้ายังอ่อนแอ มันต้องใช้เวลาในการฟื้นคืน ข้าต้องพักผ่อน เมื่อเจ้าถึงระดับรู้แจ้งเมื่อใดค่อยมาปลุกข้า ลาก่อน . "
การสื่อสารก็จบลง
ฉื่อหยาน ก็ประหลาดใจ เขาส่งจิตสำนึกเข้าไปอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากนั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ดึงจิตสำนึกของเขากลับมา เขายิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหัว " เป็นฟันเฟืองวิญญานที่ประหลาดนัก . . . . . . . "
" เกิดอะไรขึ้นรึ ? " ยู่โหลวถามเบา ๆ
" เจ้าอุปกรณ์นี่บอกว่า ระดับการบ่มเพาะของข้าต่ำเกินไป และอย่าได้ปลุกมัน หากข้ายังไม่สามารถเข้าสู่ระดับรู้แจ้ง”
" อ๊ะ นี่พิสูจน์ได้อย่างหนึ่ง อย่างน้อยฟันเฟืองวิญญานนี่ก็ยอมรับท่าน เมื่อท่านบรรลุเข้าสู่ระดับรู้แจ้ง และมีพลังที่แข็งแกร่ง ,ท่านจะต้องสามารถใช้สมบัตินี่ได้อย่างแน่นอน มันเป็นเรื่องปกติ ที่หากระดับการบ่มเพาะไม่มากพอ ก็จะไม่สามารถใช้สมบัติบางอย่างได้ " ยู่โหลวพูดยิ้ม ๆ
" ระดับรู้แจ้ง . . . . . . . " ฉื่อหยานพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงต่ำ " คงจะใช้เวลาอีกไม่นอน ตอนนี้ ข้าคงต้องปล่อยมันไว้ก่อน .
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ