บทที่ 271 กำหราบมัน !
บทที่ 271 กำหราบมัน !
ทันทีที่ดาบยักษ์เหวี่ยงขึ้น ม่านพลังก็ถูกฉีกออกในพริบตาทันที
ที่ศูนย์กลางของแท่นหิน ใบหน้าบัณฑิตของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานที่อยู่ภายในผลึกก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ตี่ฉานและยู่โหลวแต่เดิมที่สิ้นหวัง และไม่เชื่อใน ฉื่อหยาน อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อดาบยักษ์ฟันลงมา ความหวังของพวกเขาก็กลับท่
พวกเขาสองคนตกใจเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มองไปยังดาบยักษ์ด้วยความตื่นเต้น พวกเขากำลังรอเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งที่ดาบยักษ์จะทำ
ฉื่อหยานกดริมฝีปากของเขายิ้มอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างตื่นเต้นในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าแหวนสายโลหิตนั้นน่าอัศจรรย์เกินกว่าจะคาดการณ์นัก
เพียงฟันแค่ครั้งเดียวของดาบยักษ์ก็สามารถฉีกกระฉากม่านพลังออกจากกันได้ หลังจากที่มันฟาดฟันลงมากลิ่นอายโลหิตก็กระจายไปทั่วร้อยเมตรมันลอยออกมาจากรอยฟัน
การฟาดฟันนี้เป็นเหมือนกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ ความแข็งแกร่งและความกราดเกรี้ยวของมันแสดงออกอย่างชัดเจน ตัวดาบได้ปล่อยจิตสังหารขนาดใหญ่ออกมาซึ่งดูเหมือนมันจะสามารถทำลายทุกอย่างให้เป็นเถ่าถ่านได้
" ฉีก " .
ผลึกสีขาวมหัศจรรย์ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมายเหมือนกับเต้าหู้อ่อนและปลดปล่อยเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานออกมา
" ตูม ตูม ตูม "
เสียงระเบิดที่เหมือนกับสายฟ้าฟาดก็ดังออกมาจากส่วนลึกภายในภูเขาเสียงอสูร การระเบิดนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าภูเขาเสียงอสูรจะใหญ่โต แต่หลังจากที่ถูกสั่นสะเทือนด้วยการระเบิดที่รุนแรง มันก็กลายเป็นสั่นสะท้านและถล่มลงมา สูงไปหลายร้อยเมตร หินขนาดใหญ่ยาวก็ตกลงมาเป็นจำนวนมาก
นักรบหลายคนจากเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก ที่ตั้งใจมาใกล้กับภูเขา ก็กลัวตายพวกเขาจึงวิ่งออกห่างจากภูเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
นักรบระดับสูงคนอื่นๆที่ลอยอยู่ในอากาศและมองไปข้างหน้า พวกเขาก็เห็นโลกทั้งใบกำลังแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงและเถ้าถ่านและภูเขาเสียงอสูรก็กำลังถล่มลงมา ความสงบดั่งเดิมหายไปและกลับมาสู่ความวุ่นวายเฉกเช่นตอนกำเนิดจักรวาล พวกเขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง กังวล และหวาดกลัว
ฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลง ซูหยานซิง เหอซิงเหมิน และนักรบอื่น ๆจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุดก็ยังคงถูกกักขังอยู่ในกรง พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย และอาการตกใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
ฉื่อหยานนั้นได้ปลดผนึกวิญญานที่อยู่ในวิญญานของฉาวจื่อหลานออก ในเวลาแบบนี้ นางจะไม่รออีกต่อไป และทันทีนางก็ใช้จิตวิญญานสัมพัสพระเจ้าของนางเพื่อตรวจสอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างนอก จิตสำนึกของนางเอื้อมไปสู่ทิศทางภูเขาเสียงอสูร
" ไม่ดีแล้ว มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมาก และมันก็ปรากฏตัวอยู่บนภูเขาเสียงอสูร . " หลังจากการตรวจสอบสักพัก สีหน้าของฉาวจื่อหลสยก็ เปลี่ยนไปทันที เวลาที่พูดกับอีกสามคน " ภายในภูเขา มีรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ซ้ำกันเลย ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน "
ทุกคนก็ตกใจ
" พวกมันกำลังถูกทำลาย . . . . . . . " ฉาวจื่อหลานพึมพำกับตัวเอง ความต้องการที่จะหลบหนีก็แล่นเข้ามาในใจของนาง เมื่อนางมองดูนักรบจากตระกูลฉาวที่อยู่กับนาง
" ภูเขาเสียงอสูรกำลังถล่มลงมา "
" ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแน่นอน "
" ไปดูกันเถอะ ? "
ตั่วหลง คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมว อยู่อีกมุมภายในภูเขา พวกเขาคุยกันด้วยใบหน้าจริงจัง พวกเขาดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของกันและกันผ่านตาของพวกเขา
" เมื่อภูเขาเสีนงอสูรถล่ม ตามคำพูดของบรรบุรุษ ดินแดนแห่งนี้ก็จะล่มสลายทันที เมื่อสถานที่นี้กลับสู่ความว่างเปล่า เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตามใดๆได้ หากเรายังนิ่งเฉยเช่นนี้ " อีเทียนโหมวพูดด้วยดวงตาที่เย็นชา“ถ้าเป็นอย่างนี้ เราน่าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้น บางทีเราอาจจะสามารถหาวิธีที่จะอยู่รอดได้”
" ใช่แล้ว ถ้ามีวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ มันก็น่าจะอยู่ที่เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน . เราอาจจะออกไปจากที่นี่ได้หากทำอะไรสักอย่าง แต่หากอยู่ที่นี่เราจะทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเรามันก็เหมือนกับว่ารอความตายอยู่เฉยๆเท่านั้น " ตั่วหลงพูดเห็นด้วย เขาเป็นคนแรกที่มุ่งไปยักลุ่มของฉื่อหยานโดยไม่ลังเล
อีกสามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรทันทีก็ตามหลังเขาไปหลังจากลังเลเล็กน้อย
" เจ้ามนุษย์ เจ้าเพิ่งช่วยข้าออกมาจากผนึก "
หลังจากผลึกสีขาวได้แตกออก เปลวไฟสีเงินของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็ถูกปลดปล่อยและลอยออกมาอยู่ใจกลางแท่นหิน
รูปหน้าที่ดูดุร้ายไม่คลุมเครือของมัน ทำให้คนอื่นรู้สึกสับสนและดูเหมือนมันไม่มีตัวตน แต่กลิ่นอายวิญญานของมันกลับรุนแรงเป็นอย่างมาก ใครที่มีจิตสํานึกวิญญานจะรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ออกมาจากมันได้อย่างชัดเจน มันเพียงพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งตั่วสั่นด้วยความกลัว
ดาบยักษ์ลึกลับได้ฟันออกไปเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกได้ทำลายม่านแสงที่ป้องกันอยู่ ; ครั้งที่สองมันได้ทำลายก้อนผลึกสีขาวที่ผนึกเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน , ทำให้มันถูกปลดปล่อยออกมาจากผลึก
หลังจากเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานลอยออกมา ดาบยักษ์ก็ม่ขยับราวกับว่ามันรู้ว่าต่อให้มันโจมตีออกไปอีกครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไร กลิ่นอายโลหิตและจิตสังหารที่ออกมาจากดาบยักษ์รอบๆในอากาศก็ค่อยๆหายกลับเข้าไปในแหวนสายโลหิต
" วูวู”
เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานไม่ได้สังเกตเห็นเล่มนี้ ทันทีที่มันออกมา มันก็พุ่งไปที่ฉื่อหยาน , ตี่ฉาน และยู่โหลวเร็วปานสายฟ้าแลบ
" หวือหวือหวือ " .
ม่านแสงสีฟ้าอ่อนก็ประทะเข้ากับเปลวไฟ ทุกครั้งที่ปีะทะกัน คริสตัลสีฟ้าในมือของตี่ฉานก็หดตัวอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของตี่ฉานก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกนไปที่ฉื่อหยานในขณะเดียวกันเขาก็มองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด " ข้าจะรับมือกับมันไม่ไว้แล้ว เจ้าช่วยทำอะไรสักอย่างที "
เพียงแค่ในเวลาสั้น , ผลึกดาวสีครามในมือของตี่ฉานก็หดตัวเหลือขนาดเท่ากำปั้น . ด้วยขนาดของผลึกดาวสีครามที่หดลงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่อีกไม่กี่นาที พลังของมันคงจะหมดสิ้นไป
ผลึกดาวสีครามส่องแสงที่แข็งแกร่งออกมาซึ่งมันสามารถป้องกันการเปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ ที่ตี่ฉานตัดสินใจเข้ามาที่นี่ก็เพราะเขานั้นมีผลึกดาวสีคราม เมื่อผลึกดาวสีครามพลังของมันหมดสิ้นไป ม่านแสงสีปกป้องอยู่ก็จะหายไป เมื่อถึงตอนนั้น เปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็จะเผาวิญญานของพวกเขาให้เป็นจุล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉื่อหยาน เขานั้นอยู่เพียงระดับปฐพี แม้ว่าเขามีห้วงจิตสำนึก เขาก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีทางวิญญานจากเปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ เขาจะถูกเผาตายในพริบตา
" อย่าได้รีบร้อนไป " ขณะที่ ตี่ฉาน และยู่โหลวกำลังกังวล ฉื่อหยาน ก็นิ่งสงบ เค้าค่อยๆพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ " รอและดู มันคงจะโจมตีได้อีกไม่นาน "
ตี่ฉานและยู่โหลวก็อุทนออกมา . ด้วยความสงสัย เขาสงสัยว่าอะไรกันที่ทำให้ฉื่อหยานมั่นใจเช่นนั้น
" ตี่ฉาน พวกเจ้ากำลังทำอะไรหนะ ? "
ตอนนั้นเองเสียงก็ดังมาจากระยะไกล เป็นร่างของตั่วหลงที่หยุดสักครู่และมุ่งมาด้านหน้า
ทันทีที่เขาเห็นเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่กราดเกรี้ยวจากมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นมันออกจาก ตี่ฉาน และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เขา
ตั่วหลงก็ตะโกนด้วยความกลัว เขาหันไปรอบ ๆและวิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมกับเริ่มเสียใจที่ตัดสินใจเข้ามาที่นี่
สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรถูกปกคลุมด้วยเสียงร้องของตั่วหลง ด้วยร่างกายของพวกเขาที่อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อพวกเขาที่กำลังเดินทางมา เห็นตั่วหลงกำลังหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขาทันทีก็ไร้ซึ่งความลังเล และหันหลังวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว
ตั่วหลงกรีดร้องออกมา เขาหวังว่าตี่ฉานจะช่วยเขาออกไปจากสถานการณ์ที่ร้ายแรงนี้ได้
แต่ตี่ฉานกลับไม่สนใจเขา
ยู่โหลวดสวงตาที่สวยงามก็สว่างขึ้นด้วยประกายเย็นชา นางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง " เขาคงต้องการที่จะได้รับสมบัตส่วนหนึ่ง แต่น่าเสียดาย ที่เขามาที่นี่ผิดเวลา มันจะดีกว่าหากเขาตาย ถ้าเขาตาย เราก็จะสงบมากขึ้น ไม่มีตั่วหลง สามผู้นำของตระกูลเสียงปีศาจก็มิอาจทำอะได้ ใช่หรือไม่ตี่ฉาน ?”
ตี่ฉานตอบกลับด้วยสายตาเย็น " เขาเป็นเห็นด้วยกับผู้นำทั้งสามของเผ่าเสียงอสูรที่ต้องการจะฆ่า ฉื่อหยาน นั่นก็หมายความว่า เขาได้ยืนหยัดอยู่คนละฝ่ายกับเรา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำตามความต้องการเสียแล้ว"
ฉื่อหยาน ก็ประหลาดใจ
" ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าตั่วหลงตาย อย่างน้อยข้าก็มั่นใจว่า เจ้าจะต้องไม่ได้รับอันตรายใดๆแน่นอน " ยู่โหลวยิ้มเบาๆ และบอกว่า " อีกสามผู้นำไม่อาจต่อกรกับข้าและตี่ฉานได้ ตอนนี้เจ้าสบายใจได้ "
ขณะที่ ตี่ฉาน และ ยู่โหลวคุยกัน เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็ยังคงไล่จู่โจมไปที่ตั่วหลง ใบหน้าบัณฑิตที่ชั่วร้ายของมันอย่างรวดเร็วก็เข้าไปในร่างกายและหัวของตั่วหลง
ตั่วหลงก็เอามือจับไปที่หัวของตัวเองและร้องออกมาอย่างน่าสังเวช เสียงกรีดร้องของมันน่า สลดเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นหมายถึงว่า เขากำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และกำลังทุกข์ทรมาน
" ถึงคราวเคราะห์ของตั่วหลงแล้วสินะ . . . . . . . " ตี่ฉานส่ายหัว . จู่ๆ เขาก็มองฉื่อหยาน และกล่าวว่า " หากเจ้าไม่รีบเข้าหละก็ อีกไม่นานผลึกดาวสีครามก็คงสูญสลายไป "
ฉื่อหยานยกคิ้วของเขา , โน้มศีรษะของเขา และก็มองผลึกดาวสีครามในมือของตี่ฉานซึ่งตอนนี้มีขนาดเท่ากับสบู่ .
" เอ่อ . . . ข้ารู้ว่ามันถึงเวลาแล้ว " ฉื่อหยานพูดอย่างเฉยเมย แต่ที่จริง เขารู้สึกเป็นทุกข์อยู่ข้างในขณะที่เขามองไปยังแหวนสายโลหิตที่ตกอยู่บนพื้ร หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาเดินไปที่แหวนสายโลหิต
" หวู…. "
ขณะที่เขาก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว แหวนสายโลหิตทันทีก็ลอยขึ้นและกลายเป็นแสงสีแดงพุ่งมาที่เขา
ฉื่อหยานที่สับสรก็ทรงมือขึ้นจับไปที่แหวนสายโลหิต อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขากางนิ้วทั้งห้าออก เขาก็พบว่าแหวนสายโลหิตได้เข้าไปสวมนิ้วหนึ่งของเขา
ในเวลาเดียวกัน , ดาบยักษ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ ก็หดตัวและพุ่งเข้ามาที่แหวนสายโลหิตพร้อมกับจิตสังหารที่รุนแรง
ตี่ฉานและยู่โหลวรูม่านตาหดตัวทันที แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสองนั้นเป็นนักรบระดับพระเจ้าที่สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ แต่พลังจากดาบยักษ์ ที่พุ่งพล่านออกมาเล็กน้อยกลับทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขาแน่ใจว่ายังมีความลับอีกมากมาย ที่ซ่อนอยู่ในดาบนั่นและมันก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาได้
ในที่สุด ดาบก็หายเข้าไปในแหวนสายโลหิตที่อยู่บนนิ้วของฉื่อหยาน โดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ
ตี่ฉานและยู่โหลวก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย. ทั้งสองหันมามองหน้ากันและกัน , ราวกับพวกเขารู้ความคิดซึ่งกันและกันและได้รู้ความลับอีกอย่างของฉื่อหยาน
ฉื่อหยานไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าพวกเขาเลย หลังจากนำแหวนสายโลหิตกลับมา ฉื่อหยานทันทีก็ปล่อยจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไป เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายในแหวนสายโลหิต
ภายในแหวนสายโลหิต นอกจากเปลวเหมันเยือกแข็ง และแกนเพิลงแล้ว พื้นที่ของดาบยักษ์ลึกลับก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ในพื้นที่ว่างแห่งนั้นมีแสงสีขาวคลุบทที่ 271 กำหราบมัน !
ทันทีที่ดาบยักษ์เหวี่ยงขึ้น ม่านพลังก็ถูกฉีกออกในพริบตาทันที
ที่ศูนย์กลางของแท่นหิน ใบหน้าบัณฑิตของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานที่อยู่ภายในผลึกก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ตี่ฉานและยู่โหลวแต่เดิมที่สิ้นหวัง และไม่เชื่อใน ฉื่อหยาน อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อดาบยักษ์ฟันลงมา ความหวังของพวกเขาก็กลับท่
พวกเขาสองคนตกใจเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มองไปยังดาบยักษ์ด้วยความตื่นเต้น พวกเขากำลังรอเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งที่ดาบยักษ์จะทำ
ฉื่อหยานกดริมฝีปากของเขายิ้มอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างตื่นเต้นในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าแหวนสายโลหิตนั้นน่าอัศจรรย์เกินกว่าจะคาดการณ์นัก
เพียงฟันแค่ครั้งเดียวของดาบยักษ์ก็สามารถฉีกกระฉากม่านพลังออกจากกันได้ หลังจากที่มันฟาดฟันลงมากลิ่นอายโลหิตก็กระจายไปทั่วร้อยเมตรมันลอยออกมาจากรอยฟัน
การฟาดฟันนี้เป็นเหมือนกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกได้ ความแข็งแกร่งและความกราดเกรี้ยวของมันแสดงออกอย่างชัดเจน ตัวดาบได้ปล่อยจิตสังหารขนาดใหญ่ออกมาซึ่งดูเหมือนมันจะสามารถทำลายทุกอย่างให้เป็นเถ่าถ่านได้
" ฉีก " .
ผลึกสีขาวมหัศจรรย์ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมายเหมือนกับเต้าหู้อ่อนและปลดปล่อยเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานออกมา
" ตูม ตูม ตูม "
เสียงระเบิดที่เหมือนกับสายฟ้าฟาดก็ดังออกมาจากส่วนลึกภายในภูเขาเสียงอสูร การระเบิดนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าภูเขาเสียงอสูรจะใหญ่โต แต่หลังจากที่ถูกสั่นสะเทือนด้วยการระเบิดที่รุนแรง มันก็กลายเป็นสั่นสะท้านและถล่มลงมา สูงไปหลายร้อยเมตร หินขนาดใหญ่ยาวก็ตกลงมาเป็นจำนวนมาก
นักรบหลายคนจากเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก ที่ตั้งใจมาใกล้กับภูเขา ก็กลัวตายพวกเขาจึงวิ่งออกห่างจากภูเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
นักรบระดับสูงคนอื่นๆที่ลอยอยู่ในอากาศและมองไปข้างหน้า พวกเขาก็เห็นโลกทั้งใบกำลังแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงและเถ้าถ่านและภูเขาเสียงอสูรก็กำลังถล่มลงมา ความสงบดั่งเดิมหายไปและกลับมาสู่ความวุ่นวายเฉกเช่นตอนกำเนิดจักรวาล พวกเขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง กังวล และหวาดกลัว
ฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลง ซูหยานซิง เหอซิงเหมิน และนักรบอื่น ๆจากทะเลไม่มีที่สิ้นสุดก็ยังคงถูกกักขังอยู่ในกรง พวกเขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย และอาการตกใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
ฉื่อหยานนั้นได้ปลดผนึกวิญญานที่อยู่ในวิญญานของฉาวจื่อหลานออก ในเวลาแบบนี้ นางจะไม่รออีกต่อไป และทันทีนางก็ใช้จิตวิญญานสัมพัสพระเจ้าของนางเพื่อตรวจสอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ข้างนอก จิตสำนึกของนางเอื้อมไปสู่ทิศทางภูเขาเสียงอสูร
" ไม่ดีแล้ว มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมาก และมันก็ปรากฏตัวอยู่บนภูเขาเสียงอสูร . " หลังจากการตรวจสอบสักพัก สีหน้าของฉาวจื่อหลสยก็ เปลี่ยนไปทันที เวลาที่พูดกับอีกสามคน " ภายในภูเขา มีรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ซ้ำกันเลย ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน "
ทุกคนก็ตกใจ
" พวกมันกำลังถูกทำลาย . . . . . . . " ฉาวจื่อหลานพึมพำกับตัวเอง ความต้องการที่จะหลบหนีก็แล่นเข้ามาในใจของนาง เมื่อนางมองดูนักรบจากตระกูลฉาวที่อยู่กับนาง
" ภูเขาเสียงอสูรกำลังถล่มลงมา "
" ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างแน่นอน "
" ไปดูกันเถอะ ? "
ตั่วหลง คาป้า หยาเมิง อีเทียนโหมว อยู่อีกมุมภายในภูเขา พวกเขาคุยกันด้วยใบหน้าจริงจัง พวกเขาดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของกันและกันผ่านตาของพวกเขา
" เมื่อภูเขาเสีนงอสูรถล่ม ตามคำพูดของบรรบุรุษ ดินแดนแห่งนี้ก็จะล่มสลายทันที เมื่อสถานที่นี้กลับสู่ความว่างเปล่า เราก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตามใดๆได้ หากเรายังนิ่งเฉยเช่นนี้ " อีเทียนโหมวพูดด้วยดวงตาที่เย็นชา“ถ้าเป็นอย่างนี้ เราน่าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้น บางทีเราอาจจะสามารถหาวิธีที่จะอยู่รอดได้”
" ใช่แล้ว ถ้ามีวิธีที่จะออกไปจากที่นี่ มันก็น่าจะอยู่ที่เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน . เราอาจจะออกไปจากที่นี่ได้หากทำอะไรสักอย่าง แต่หากอยู่ที่นี่เราจะทำอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้พวกเรามันก็เหมือนกับว่ารอความตายอยู่เฉยๆเท่านั้น " ตั่วหลงพูดเห็นด้วย เขาเป็นคนแรกที่มุ่งไปยักลุ่มของฉื่อหยานโดยไม่ลังเล
อีกสามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรทันทีก็ตามหลังเขาไปหลังจากลังเลเล็กน้อย
" เจ้ามนุษย์ เจ้าเพิ่งช่วยข้าออกมาจากผนึก "
หลังจากผลึกสีขาวได้แตกออก เปลวไฟสีเงินของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็ถูกปลดปล่อยและลอยออกมาอยู่ใจกลางแท่นหิน
รูปหน้าที่ดูดุร้ายไม่คลุมเครือของมัน ทำให้คนอื่นรู้สึกสับสนและดูเหมือนมันไม่มีตัวตน แต่กลิ่นอายวิญญานของมันกลับรุนแรงเป็นอย่างมาก ใครที่มีจิตสํานึกวิญญานจะรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ออกมาจากมันได้อย่างชัดเจน มันเพียงพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งตั่วสั่นด้วยความกลัว
ดาบยักษ์ลึกลับได้ฟันออกไปเพียงสองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกได้ทำลายม่านแสงที่ป้องกันอยู่ ; ครั้งที่สองมันได้ทำลายก้อนผลึกสีขาวที่ผนึกเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน , ทำให้มันถูกปลดปล่อยออกมาจากผลึก
หลังจากเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานลอยออกมา ดาบยักษ์ก็ม่ขยับราวกับว่ามันรู้ว่าต่อให้มันโจมตีออกไปอีกครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไร กลิ่นอายโลหิตและจิตสังหารที่ออกมาจากดาบยักษ์รอบๆในอากาศก็ค่อยๆหายกลับเข้าไปในแหวนสายโลหิต
" วูวู”
เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานไม่ได้สังเกตเห็นเล่มนี้ ทันทีที่มันออกมา มันก็พุ่งไปที่ฉื่อหยาน , ตี่ฉาน และยู่โหลวเร็วปานสายฟ้าแลบ
" หวือหวือหวือ " .
ม่านแสงสีฟ้าอ่อนก็ประทะเข้ากับเปลวไฟ ทุกครั้งที่ปีะทะกัน คริสตัลสีฟ้าในมือของตี่ฉานก็หดตัวอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของตี่ฉานก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกนไปที่ฉื่อหยานในขณะเดียวกันเขาก็มองไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด " ข้าจะรับมือกับมันไม่ไว้แล้ว เจ้าช่วยทำอะไรสักอย่างที "
เพียงแค่ในเวลาสั้น , ผลึกดาวสีครามในมือของตี่ฉานก็หดตัวเหลือขนาดเท่ากำปั้น . ด้วยขนาดของผลึกดาวสีครามที่หดลงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่อีกไม่กี่นาที พลังของมันคงจะหมดสิ้นไป
ผลึกดาวสีครามส่องแสงที่แข็งแกร่งออกมาซึ่งมันสามารถป้องกันการเปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ ที่ตี่ฉานตัดสินใจเข้ามาที่นี่ก็เพราะเขานั้นมีผลึกดาวสีคราม เมื่อผลึกดาวสีครามพลังของมันหมดสิ้นไป ม่านแสงสีปกป้องอยู่ก็จะหายไป เมื่อถึงตอนนั้น เปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็จะเผาวิญญานของพวกเขาให้เป็นจุล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉื่อหยาน เขานั้นอยู่เพียงระดับปฐพี แม้ว่าเขามีห้วงจิตสำนึก เขาก็ไม่อาจป้องกันการโจมตีทางวิญญานจากเปลวไฟของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ เขาจะถูกเผาตายในพริบตา
" อย่าได้รีบร้อนไป " ขณะที่ ตี่ฉาน และยู่โหลวกำลังกังวล ฉื่อหยาน ก็นิ่งสงบ เค้าค่อยๆพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ " รอและดู มันคงจะโจมตีได้อีกไม่นาน "
ตี่ฉานและยู่โหลวก็อุทนออกมา . ด้วยความสงสัย เขาสงสัยว่าอะไรกันที่ทำให้ฉื่อหยานมั่นใจเช่นนั้น
" ตี่ฉาน พวกเจ้ากำลังทำอะไรหนะ ? "
ตอนนั้นเองเสียงก็ดังมาจากระยะไกล เป็นร่างของตั่วหลงที่หยุดสักครู่และมุ่งมาด้านหน้า
ทันทีที่เขาเห็นเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่กราดเกรี้ยวจากมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นมันออกจาก ตี่ฉาน และกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เขา
ตั่วหลงก็ตะโกนด้วยความกลัว เขาหันไปรอบ ๆและวิ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้พร้อมกับเริ่มเสียใจที่ตัดสินใจเข้ามาที่นี่
สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรถูกปกคลุมด้วยเสียงร้องของตั่วหลง ด้วยร่างกายของพวกเขาที่อ่อนแออยู่แล้ว เมื่อพวกเขาที่กำลังเดินทางมา เห็นตั่วหลงกำลังหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขาทันทีก็ไร้ซึ่งความลังเล และหันหลังวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว
ตั่วหลงกรีดร้องออกมา เขาหวังว่าตี่ฉานจะช่วยเขาออกไปจากสถานการณ์ที่ร้ายแรงนี้ได้
แต่ตี่ฉานกลับไม่สนใจเขา
ยู่โหลวดสวงตาที่สวยงามก็สว่างขึ้นด้วยประกายเย็นชา นางกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง " เขาคงต้องการที่จะได้รับสมบัตส่วนหนึ่ง แต่น่าเสียดาย ที่เขามาที่นี่ผิดเวลา มันจะดีกว่าหากเขาตาย ถ้าเขาตาย เราก็จะสงบมากขึ้น ไม่มีตั่วหลง สามผู้นำของตระกูลเสียงปีศาจก็มิอาจทำอะได้ ใช่หรือไม่ตี่ฉาน ?”
ตี่ฉานตอบกลับด้วยสายตาเย็น " เขาเป็นเห็นด้วยกับผู้นำทั้งสามของเผ่าเสียงอสูรที่ต้องการจะฆ่า ฉื่อหยาน นั่นก็หมายความว่า เขาได้ยืนหยัดอยู่คนละฝ่ายกับเรา ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ทำตามความต้องการเสียแล้ว"
ฉื่อหยาน ก็ประหลาดใจ
" ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าตั่วหลงตาย อย่างน้อยข้าก็มั่นใจว่า เจ้าจะต้องไม่ได้รับอันตรายใดๆแน่นอน " ยู่โหลวยิ้มเบาๆ และบอกว่า " อีกสามผู้นำไม่อาจต่อกรกับข้าและตี่ฉานได้ ตอนนี้เจ้าสบายใจได้ "
ขณะที่ ตี่ฉาน และ ยู่โหลวคุยกัน เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานก็ยังคงไล่จู่โจมไปที่ตั่วหลง ใบหน้าบัณฑิตที่ชั่วร้ายของมันอย่างรวดเร็วก็เข้าไปในร่างกายและหัวของตั่วหลง
ตั่วหลงก็เอามือจับไปที่หัวของตัวเองและร้องออกมาอย่างน่าสังเวช เสียงกรีดร้องของมันน่า สลดเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นหมายถึงว่า เขากำลังได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง และกำลังทุกข์ทรมาน
" ถึงคราวเคราะห์ของตั่วหลงแล้วสินะ . . . . . . . " ตี่ฉานส่ายหัว . จู่ๆ เขาก็มองฉื่อหยาน และกล่าวว่า " หากเจ้าไม่รีบเข้าหละก็ อีกไม่นานผลึกดาวสีครามก็คงสูญสลายไป "
ฉื่อหยานยกคิ้วของเขา , โน้มศีรษะของเขา และก็มองผลึกดาวสีครามในมือของตี่ฉานซึ่งตอนนี้มีขนาดเท่ากับสบู่ .
" เอ่อ . . . ข้ารู้ว่ามันถึงเวลาแล้ว " ฉื่อหยานพูดอย่างเฉยเมย แต่ที่จริง เขารู้สึกเป็นทุกข์อยู่ข้างในขณะที่เขามองไปยังแหวนสายโลหิตที่ตกอยู่บนพื้ร หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาเดินไปที่แหวนสายโลหิต
" หวู…. "
ขณะที่เขาก้าวออกไปเพียงก้าวเดียว แหวนสายโลหิตทันทีก็ลอยขึ้นและกลายเป็นแสงสีแดงพุ่งมาที่เขา
ฉื่อหยานที่สับสรก็ทรงมือขึ้นจับไปที่แหวนสายโลหิต อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขากางนิ้วทั้งห้าออก เขาก็พบว่าแหวนสายโลหิตได้เข้าไปสวมนิ้วหนึ่งของเขา
ในเวลาเดียวกัน , ดาบยักษ์ที่ลอยอยู่ในอากาศ ก็หดตัวและพุ่งเข้ามาที่แหวนสายโลหิตพร้อมกับจิตสังหารที่รุนแรง
ตี่ฉานและยู่โหลวรูม่านตาหดตัวทันที แสดงให้เห็นว่าพวกเขารู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย
พวกเขาทั้งสองนั้นเป็นนักรบระดับพระเจ้าที่สามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ แต่พลังจากดาบยักษ์ ที่พุ่งพล่านออกมาเล็กน้อยกลับทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขาแน่ใจว่ายังมีความลับอีกมากมาย ที่ซ่อนอยู่ในดาบนั่นและมันก็เพียงพอที่จะสังหารพวกเขาได้
ในที่สุด ดาบก็หายเข้าไปในแหวนสายโลหิตที่อยู่บนนิ้วของฉื่อหยาน โดยไม่เหลือร่องรอยใด ๆ
ตี่ฉานและยู่โหลวก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย. ทั้งสองหันมามองหน้ากันและกัน , ราวกับพวกเขารู้ความคิดซึ่งกันและกันและได้รู้ความลับอีกอย่างของฉื่อหยาน
ฉื่อหยานไม่ได้สังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าพวกเขาเลย หลังจากนำแหวนสายโลหิตกลับมา ฉื่อหยานทันทีก็ปล่อยจิตสำนึกวิญญานของเขาออกไป เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ภายในแหวนสายโลหิต
ภายในแหวนสายโลหิต นอกจากเปลวเหมันเยือกแข็ง และแกนเพิลงแล้ว พื้นที่ของดาบยักษ์ลึกลับก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ในพื้นที่ว่างแห่งนั้นมีแสงสีขาวคลุมเครือ มีก้อนหินขนาดใหญ่รูปแปดเหลี่ยมอยู่พร้อมกับมีผลึกสีขาวสวยงามอยู่ตรวกลาง , เหมือนภูเขาที่กลวงโบ๋ . . . . . . .
หลังจากดูสิ่งที่ปรากฏอย่างระมัดระวัง และตรวจตรวจสอบไปทั่วแหวนสายโลหิต สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาก็เกิดประกายแสงออกมาขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
4 พื้นที่ภายในแหวนสายโลหิตมันเหมือนกันกับสถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้
สถานที่ปที่รากฏขึ้นอยู่ในตอนนี้มี ด้านล่างเป็นภูเขาลาวา มี ก้อนหิน ก้อนผลึก แม้แต่ม่านพลังที่ป้องกันแท่นหินเองก็ถูกสร้างขึ้นเช่นเดียวกันในแหวนสายโลหิต เท่าที่เขาสังเกตุดูภาพที่เกิดขึ้นภายในแหวนและภายนอกนั้นไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว
แหวนสายโลหิตได้เตรียมทุกอย่างไว้เพื่อผนึกเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน
" จัดการมัน ! " ฉื่อหยานตะโกนออกไปในขณะที่เขายกแหวนสายโลหิตไปที่เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน
เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานซึ่งกำลังทำลายร่างกายของตั่วหลง จู่ๆก็ตะโกนออกมาเสียงดัง " มันคืออะไร ? เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อหลอกว่ามันจะสามารถดูดกลืนข้าได้ !"
มเครือ มีก้อนหินขนาดใหญ่รูปแปดเหลี่ยมอยู่พร้อมกับมีผลึกสีขาวสวยงามอยู่ตรวกลาง , เหมือนภูเขาที่กลวงโบ๋ . . . . . . .
หลังจากดูสิ่งที่ปรากฏอย่างระมัดระวัง และตรวจตรวจสอบไปทั่วแหวนสายโลหิต สีหน้าของฉื่อหยานก็เปลี่ยนไป ดวงตาของเขาก็เกิดประกายแสงออกมาขณะที่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น
4 พื้นที่ภายในแหวนสายโลหิตมันเหมือนกันกับสถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้
สถานที่ปที่รากฏขึ้นอยู่ในตอนนี้มี ด้านล่างเป็นภูเขาลาวา มี ก้อนหิน ก้อนผลึก แม้แต่ม่านพลังที่ป้องกันแท่นหินเองก็ถูกสร้างขึ้นเช่นเดียวกันในแหวนสายโลหิต เท่าที่เขาสังเกตุดูภาพที่เกิดขึ้นภายในแหวนและภายนอกนั้นไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว
แหวนสายโลหิตได้เตรียมทุกอย่างไว้เพื่อผนึกเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน
" จัดการมัน ! " ฉื่อหยานตะโกนออกไปในขณะที่เขายกแหวนสายโลหิตไปที่เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน
เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานซึ่งกำลังทำลายร่างกายของตั่วหลง จู่ๆก็ตะโกนออกมาเสียงดัง " มันคืออะไร ? เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อหลอกว่ามันจะสามารถดูดกลืนข้าได้ !"
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ