บทที่ 268 สมบัติล้ำค่าปรากฏ
บทที่ 268 สมบัติล้ำค่าปรากฏ
สัตว์อสูรซอมบี้ทั้งเจ็ดตัวพวกมันดูราวกับว่าถูกหล่อขึ้นจากเหล็ก ที่แข็งแกร่งและแข็งแรง
พวกมันไม่มีกระทั่งกลิ่นอายของชีวิต อย่างไรก็ตาม พวกมันนั้นรวดเร็วและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อพวกมันกระโดดขึ้น พวกมันสามารถดูดซับกลิ่นอายพลังหยินที่อยู่รอบๆพวกมันไปด้วย ทำให้ความแข็งแกร่งและของพวกมันเพิ่มขึ้น
เจ็ดสัตว์อสูรซอมบี้ดูเหมือนกำลังปกป้องบางอย่างอยู่ด้านหลัง มันดูมืดมนและน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ขณะเดียวพื้นที่ตรงนั้นก็มีกลิ่นอายพลังหยินลอยออกมา มันเป็นเหมือนกับเส้นสายวิญญานจำนวนมากลอยและกระจายอยู่รอบๆ สามารถกดดันจิตใจและร่างกายของผู้อื่นได้ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดเกรง
ในบรรดาผู้นำทั้งหกของทั้งสองเผ่าพันธุ์ อีเทียนโหมว คาป้า และ หยาเหมิง มีวิญญานที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะอ่อนแอ แต่ความแข็งแกร่งวิญญาณของพวกเขาก็มากพอที่จะจัดการกับสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ได้ด้วยความกล้าหาญ
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรซอมบี้ สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรที่มีพลังวิญญาณมหาศาลก็ไม่สามารถทำอะไรได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือการล้อม 7 สัตว์อสูรซอมบี้ด้วยร่างกายที่อ่อนแอของพวกเขา
ผลที่ตามมาอาจจะสามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดาย
ด้วยการเสียเปรียบเป็นอย่างมาก ประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอ สามผู้นำของเผ่าเสียงอสูรตกอยู่ในความยากลำบาก เมื่อสู้กับสัตว์อสูรเหล่านั้น หากพวกมันโจมตีมา พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำได้เพียงหลบเท่านั้น และไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับพวกมันโดยตรง
เป็นผลทำให้ความกดดันทั้งหมดจากสัตว์อสูรซอมบี้ทั้ง7 ชัดลงไปที่สามผู้น้ำของเผ่าปีก ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสาม ตี่ฉาน ยู่โหลว และตั่วหลง แต่พวกเขาก็ยังดีกว่าผู้นำอีกสามของเผ่าเสียงอสูรที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่มีวิญญาณแต่อย่างใดอีกทั้งยังมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าสัตว์อสูรทั้งเจ็ดนี้มีร่างกายเทียบได้กับสัตว์อสูรเสียงระดับเจ็ดที่มีการฝึกบ่มเพาะมาเป็นเวลานับพันๆปี ต้องขอบคุณในความจริงข้อนี้ ด้วยร่างกายของพวกมันที่แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า พวกมันจึงไม่เกรงกลัวอาวุธหรือการโจมตีใดๆ
ในกลุ่มผู้นำทั้งสามของเผ่าปีก ตั่วหลง อยู่ในนภาที่สามของระดับนภา อีกเพียงครึ่งก้าวก็จะเข้าสู่ระดับพระเจ้า ด้วยความแข็งแกร่งและความโหดเหี้ยมของเขา นอกภูเขา เขานับได้ว่าเป็นนักรบชั้นหนึ่ง
อีกสองคน ตี่ฉาน และยู่โหลวนั้นแข็งแกร่งกว่าตั่วหลง พวกเขาทั้งคู่อยู่ในนภาแรกของระดับพระเจ้า
พวกเขาพยายามต่อสู้กับสัตว์อสูรเหล่านั้นด้วยความสามัคคีของพวกเขา
พวกเขโจมตีสูตว์อสูรซอมบี้เหล่านั้นออกเป็นชิ้นๆ แต่ถ้าสัตว์อสูรเหล่านั้นไม่ได้ถูกบดละเอียดเป็นขี้เถ้า , พวกมันก็สามารถกลับมาใหม่ได้ ด้วยการสนับสนุนของกลิ่นอายพลังหยินที่อยู่เบื้องหลังพวกมัน พวกมันสามารถรับพลังเหล่านั้นมาได้อย่างไม่มีสิ้นสุด
ตราบใดที่กลื่นอายพลังหยินยังมีอยู่ ร่างของสัตว์อสูรซอมบี้ก็จะไม่ถูกทำลาย พลังของพวกมันไม่มีวันหมด และพวกมันก็สามารถโจมตีมาได้อย่างต่อเนื่อง
สัตว์อสูรซอมบี้ทั้งเจ็ดรวกเร็วเหมือนกับสายฟ้า ความเร็วของพวกเร็วกว่าผู้นำทั้งสามของเผ่าปีกและ พลังของพวกมันเองก็รุนแรงเช่นกัน
ฉื่อหยาน นั่งสมาธิ และใช้จิตสำนึกของเขาสังเกตสถานการณ์อย่างระมัดระวัง เขาตระหนักได้ว่าสัตว์อสูรซอมบี้ทั้งเจ็ดตัวสามารถข้ามภูเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายดาย ; การเคลื่อนไหวของพวกมันเป็นเหมือนกับสายฟ้าฟาด ทุกครั้งที่พวกเคลื่อนไหวไปข้างหน้าร่างใหญ่ยักษ์ของพวกมันก็จะปรากฏไกลไปสิบเมตรผ่านกำหินลาวาที่อยู่ในภูเขา หินเหล่านี้มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถผ่านไปได้ยาก และแข็งแรงเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้เอง เขาก็เข้าใจ เพราะสัตว์อสูรซอมบี้เหล่านี้มีพลังที่รุนแรงและมหาศาลพวกมันจึงพุ่งผ่านทะลุหินเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
สัตว์อสูรซอมบี้ล้อมลอบ และไล่ล่าหกผู้นำอยู่ภายในถ้ำ ภายใต้การโจมตีของสัตว์อสูรเหล่านี้ มันเป็นเหมือนกับว่าพวกเขากำลังรับมือกับคู่แข่งตัวฉกาจ ใบหน้าของเขาจริจังเป็นอย่างมาก ในขณะที่พวกเขาพยายามใช้ทุกอย่างเพื่อฆ่าสัตว์อสูรเหล่านี้
ตี่ฉานและยู่โหลวโจมตีไปที่สัตว์อสูรเหล่านี้จนร่างของพวกมันกระแทกกับผนังด้วยแรงสามแสนกิโลกรัม สัตว์อสูรเหล่านั้นพุ่งไกลออกไปกว่าหนึ่งร้อยเมตร ร่างกายของพวกมันฉีกออกเป็นชิ้นๆ แต่ก็ไม่สามารถทำลายมันได้
เนื่องจากไม่สามารถโจมตีวิญญานของพวกมันได้ 3 ของผู้นำของเผ่าเสียงอสูรจึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ร่างกายที่อ่อนแอของพวกเขาไม่สามารถรับมือกับการโจมตีของสัตว์อสูรซอมบี้ได้' หากพวกเขาไม่คล่องแคลวและหลบหลีกได้ดี พวกเขาคงจะตกตายด้วยเวลาเพียงสั้นๆแล้ว
" หวือหวือหวือ , , "
ทันใดนั้น กลุ่มก้อนที่หนาแน่นซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังหยินก็ลอยออกมาจากสัตว์อสูรซอมบี้ พื้นที่ก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่แปลกประหลาด
สัตว์อสูรเสียงบางส่วน ที่ซ่อนอยู่ไกลออกไปทั้งหมดก็กระจัดกระจายกันออกไปทันทีที่พวกมันเห็นการเปลี่ยนแปลงของพลังหยิน
สัตว์อสูรเสียงนับสิบตัวไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และถูกห่อหุ้มอย่างสมบูรณ์โดยกลิ่นอายพลังหยินแปลกประหลาดเหล่านี้
พวกมันตกอยู่ในความทุกข์ทรมาณ วิญญานของพวกมันกลายเป็นปั่นป่วนอย่างแปลกประหลาด กลิ่นอายแห่งชีวิตของพวกมันก็หายไปและแทนที่ด้วยกลิ่นอายแห่งความตายจากนั้นวิญญานของมันก็หายไปทีละน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน สัตว์อสูรเสียงนับสิบตัวที่ตกอยู่ภาจใต้กลิ่นอายแปลกประหลาดก็เริ่มบ้าคลั่ง ดูเหมือนพวกมันจะถูกเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรซอมบี้และเริ่มที่จะโจมตีผู้นำทั้งหก สัตว์อสูรเสียงซอมบี้เหล่านี้ ซึ่งเคยเป็นสัตว์อสูรเสียงมาก่อน เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับสัตว์อสูรซอมบี้เจ็ดตัวก่อนหน้านี้ ร่างกายของพวกมันไม่แข็งแกร่งและความแข็งแกร่งของมันก็ห่างไกลจากทั้งเจ็ดตัวเป็นอย่างมาก ' นั่นคือเหตุผลที่ทำให้สัตว์อสูรเกิดใหม่เหล่านี้กลายเป็นกองเลือด เมื่อต่อสู้กับผู้นำทั้งหก
แต่ในไม่ช้าหลังจากนั้น สัตว์อสูรซอมบี้ทั้งเจ็ดตัวก็กระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเรื่อยๆกลิ่นอายพลังหยินก็ลอยออกมารอบๆร่างของพวกมัน
สัตว์อสูรเสียงนับร้อยวิ่งหนีออกจากถ้ำด้วยความกลัว อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกมันจะหนีไปได้ พวกมันก็ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายพลังหยินที่แปลกประหลาด
สัตว์อสูรเสียงทุกตัวที่อยู่บนภูเขาก็ได้กลายเป็นสัตว์อสูรซอมบี้หลังจากนั้นไม่นาน พวกมันก็เริ่มโจมตีผู้นำทั้งหกด้วยความอุกอาจและไม่กลัวตาย
ทันทีเปลวไฟที่เผาไหม้ของเปลวไฟนภาก็พุ่งออกมาจากร่างของฉื่อหยาน ใบหน้าของเขาแสดงออกอย่างเป็นทุกข์
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า เหตุใดสัตว์อสูรเสียงถึงพยายามหนีออกจากภูเขา เพราะพวกมันนั้นหวาดกลัวสัตว์อสูรซอมบี้ที่อยู่ในภูเขา จะพูดให้ถูกก็คือ พวกมันเกรงกลัวเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานที่จะเปลี่ยนพวกมันให้เป็นสัตว์อสูรซอมบี้
มันเป็นเพราะ เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานได้ทำลายชีวิตของพวกมันและเปลี่ยนพวกมันให้เป็นสัตว์อสูรซอมบี้
สัตว์อสูรเสียงเหล่านี้รู้ถึงพลังของพลังของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานเป็นอย่างดี หลังจากผนึกในภูเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง พวกมันรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติและตระหนักได้ว่า เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น พวกมัาจึงวิ่งออกมาจากภูเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรซอมบี้จากฝีมือของเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน
ถ้าเผ่าเสียงอสูรและเผ่าปีก ' ไม่ล้อมอยู่รอบๆภูเขา , สัตว์อสูรเสียงเหล่านี้คงจะไม่หลบอยู่ภูเขาเช่นนี้แน่นอน ปัจจุบัน ภายในภูเขาสัตว์อสูรหลายร้อยตัวที่อยู่ใกล้กับเปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญานไม่สามารถหลีกเลี่ยงการจู่โจมทางวิญญานได้ วิญญานของพวกมันถูกทำลายและพวกมันก็กลายเป็นสัตว์อสูรซอมบี้
ในเวลาอันสั้น วิญญานของสัตว์อสูรก็ถูกดูดเข้ามาในถ้ภ หลังวิญญานของสัตว์อสูรเสียงถูกทำลายแล้ว พวกมันก็ไร้ซึ่งความรู้สึกกลัว พวกมันไม่เกรงกลัวเปลวไฟนภาที่ออกมาจากตัวฉื่อหยานและพวกมันทั้งหมดก็พุ่งมาที่เขา
" ไปกันเถอะ ! " เปลวเหมันเยือกแข็งส่งข้อความออกมา
" ข้าจะช่วยเจ้าเอง . " แกนเพลิงเองก็ส่งข้อความออกมาจากแหวนสายโลหิตเช่นกัน
" บูม "
เปลวไฟโหมกระหน่ำกระจายไปรอบๆโดยมีฉื่อหยานเป็นศูนย์กลาง
จู่ๆ แกนเพลิงบินออกมาจากแหวนสายโลหิตและ ปลดปล่อยพลังไฟของมันออกมา เมื่อมันเห็นว่ามีสัตว์อสูรนับสิบตัวกำลังเข้ามาใกล้
อุณหภูมิในภูเขาทันทีก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าด้วยเปลวไฟที่ลุกโหม
ทุกครั้งที่สัตว์อสูรซอมบี้เข้ามา พวกมันก็ถูกกลืนโดยเปลวไฟของแกนเพลิงในพริบตา เมื่อสัตว์เหล่านี้ตกอยู่ในกองเพลิง พวกมันก็ไร้ซึ่งการต่อต้านและกลายเป็นละอองเลือด จากนั้นพวกมันทั้งหมดกก็ตกตายสลายไป
เปลวไฟนภายังคงกระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง
เปลวไฟนภากลืนกินสัตว์อสูรซอมบี้มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกเผาโดยเปลวไฟของแกนเพลิง สัตว์อสูรซอมบี้ก็ไม่สามารถต้านทานได้
ทุกที่ที่เปลวไฟนภาผ่านไป สัตว์อสูรซอมบี้ก็จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไม่เหลือหลอ
แม้แต่สัตว์อสูรซอมบี้ทั้งเจ็ดตัวก็ไม่อาจต้านทานการกลืนกินของเปลวไฟไฟได้ จึงช่วยไม่ได้ที่พวกมมันสามตัวจะถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟนภาและกลายเป็นเถ้าถ่านสีแดงเข้ม และด้วยพลังความร้อนมันก็ระเหยกลายเป็นหมอกควัน
ในขณะที่สัตซ์อสูรซอมบี้สามตัวตายไป อีกสี่ตัวก็สัมพัสได้ถึงอันตราย ก่อนที่เปลวไฟนภาจะเข้ามาใกล้พวกมัน พวกมันก็ได้กลับเข้าไปซ่อนลึกอยู่ภายในความมืดโดยไร้ร่องรอย
" หยุด ! " จากส่วนลึกในวิญญานของฉื่อหยาน แรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้น วิญญานของเขาก็เกิดการปั่นป่วนและรู้สึกปวดอย่างรุนแรง
ในเวลาเดียวกัน เขาก็เห็นวิญญานแปลกประหลาดสองสายลอยเข้ามาใกล้แกนเพลิง ทันทีแกนเพลิงก็กลับเข้าไปในแหวนสายโลหิต เมื่อรู้ว่ากำลังมีอันตรายมาถึง
เปลวไฟนภาก็หายกลับเข้าไปในแหวนสายโลหิตหลังจากที่แกนเพลิงได้กลับเข้าไป
สองกระแสวิญญาณเป็นของคาป้า และ หยาเมิง หลังจากพยายามที่จะเข้าไปยังแหวนหวน พวกเขาก็ได้รู้ว่ามันไม่ง่ายนักที่จะลุกล้ำเข้าไปในแหวน และพวกเขาก็ถอนวิญญานกลับไป
ฉื่อหยานกระแอมอย่างเฉยเมยมองไปที่อีเทียนโหมวที่ยืนอยู่ห่างจากเขาร้อยเมคร
" พลังของเปลวไฟนภาช่างน่ากลัว หากมันสามารถใช้จัดการกับสัตว์อสูรซอมบี้เหล่านี้ได้ เราสามคนเห็นทีก็คงไม่สามารถทนได้เช่นกัน ถ้าเจ้าปล่อยมันขยายมากกว่านี้ เราทั้งสามก็จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน " อีเทียนโหมวพูด
ฉื่อหยานดวงตาก็กลายเป็นไร้ปราณี
" เจ้าชั่วตัวน้อย เจ้าคงจะไม่ได้ต้องการฆ่าพวกเราหลอกนะ ? ถ้าเปลวไฟนภาของเจ้าไม่สามารถกำจัดสัตว์อสูรเหล่านี้ได้หละก็ ข้าคงจะทำลายวิญญานของเจ้าไปแล้ว " หยาเมิงก็เช็ดเหงื่อของเขาออก เขาเป็นคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับ ฉื่อหยาน เมื่อเปลวไฟนภาลุกโชรมาทางเขา เขาก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว พลังของเขาถูกปิดกั้นไปครึ่งหนึ่งทั้งๆทีเปลวไฟนภายังไม่ได้เข้ามาใกล้เข้า นั่นคือเหตุผล ที่เขาโกรธฉื่อหยานเป็นอย่างมาก
" ฟ่อฟ่อฟ่อฟ่อ .
สัตว์อสูรซอมบี้สี่ตัวที่ซ่อนอยู่ในที่มืดออกส่งเสียวหวีดแปลกประหลาดออกมา
กระสวยที่ส่องประกายแสงก็ปรากฏขึ้นภายในที่มืดมิด มันดูเหมือนอยากจะออกมา แต่ก็ถูกคุมขังด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น . มันพยายามดิ้นรนเป็นอย่างมากที่จะออกมา
วิญญานร้ายที่ไหลเวียนอยู่ก็ออกมาพื้นที่มืดมิดที่สัตว์อสูรซอมบี้ทั้งสี่ตัวซ่อนอยู่
" มันคือ เปลวไฟกลืนกินเก้าวิญญาน มันดูเหมือนจะถูกผนึกอยู่ แต่ตอนนี้ พลังของมันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผนึกคงจะอ่อนแอลงเมื่อเร็วๆนี้ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ! เมื่อมันตื่นขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดมันได้ "เปลวเหมันเยือกแข็งรีบพูดเตือนฉื่อหยาน
ฉื่อหยาน ยังคงนิ่งเฉย ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เปลวเหมันเยือกแข็งพูด เขาเอาแต่มองไปข้างหน้า และดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่าง
ดวงตาของเขาสว่างขึ้น เขามองไปที่กระสวยที่ลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ดูเหมือนเขาจะคิดบางสิ่งบางอบ่างได้
5 วินาทีต่อมา ฉื่อหยานสั่นสะท้านด้วยความยินดี ร่างกายทั้งหมดของเขาสั่น ช่วยไม่ได้ที่เขาจะตะโกนออกมาว่า " กระสวยแยกนภา !
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ