ตอนที่แล้วบทที่ 261 ความเมตตา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 263 โหดเหี้ยม

บทที่ 262 คิดเสียว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์


บทที่ 262 คิดเสียว่าพวกมันไม่ใช่มนุษย์

ในห้องโถงหินนักรบจากทะเลไม่มีสิ้นสุดผู้โชคดีที่รอดชีวิตมาได้ปรากฏร่องรอยของการยินดีบนใบหน้าของพวกเขา พวกเขามองไปที่ฉื่อหยานด้วยความกตัญญูตา

หลังจากกู่หลินหลงและซูหยานซิงได้รู้ว่าฉื่อหยานได้ช่วยนักรบเหล่านั้นจากมือของหยาจี่ ความคิดของพวกนางเกี่ยวกับฉื่อหยานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ฉื่อหยาน ดวงตายังคงไร้อารมณ์ หลังจากบอกอีฉู่ปี่ให้นำอาหารมามากขึ้นในครั้งถัดไป เขาก็หันไปรอบ ๆและพูดคุยกับนักรบในกรง " ข้าได้ช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ แต่เมื่ออยู่ในมือของข้าพวกเจ้าจะเจ็บปวดลงเล็กน้อย แต่ผลที่ได้ก็เป็นเช่นเดิม "

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ใบหน้าของนักรบเหล่านั้นในกรง ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

"เจ้าต้องการจะทำอะไร ?" กู่หลินหลงค่อยๆขบฟันของนางแน่น . " พวกเขาอยู่ในอันตราย เหมือนกับเรา แล้วเจ้ายังจะต้องการฆ่าพวกเขาอีกงั้นรึ ?

" การฝึกบ่มเพาะของข้า ต้องใช้ชีวิตคนจำนวนหนึ่ง พวกเขาเป็นเพียงทรัพยากรบ่มเพาะของข้าเท่านั้น ในสายตาของฉัน พวกเขาล้วนแต่ได้ตายไปแล้ว " ฉื่อหยานพูดด้วยเสียงเย็นชาก็ จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขานั่งลง และไม่สนใจสายตาอาฆาตจากคนอื่นๆ

จิตสำนึกวิญญานของเขาพุ่งออกไปเล็กน้อย . ฉื่อหยานก็จ้องไปที่หนึ่งในนักรบผอมจากตระกูลกู่ที่อยู่ในกรง

เมื่อสัมพัสได้ถึงจิตสำนึกวิญญาน ร่างของนักรบก็สั่นสะท้านและเขาก็จับไปที่หัวของเขาพร้อมกับกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด " เจ้าทำอะไรกับข้า?

ฉื่อหยาน ก็นิ่ง และยังคงจิตสำนึกวิญญานออกไป จิตสำนึกวิญญานได้บุกรุกเข้าไปที่สมองของนักรบคนนั้นและเคลื่อนไหวต่อไปภายในร่างกายเพื่อค้นหา ผนึกวิญญานที่หยาจี่ได้ใช้กับนักรบเหล่านี้ไว้

" ฉื่อหยาน เจ้าจะทำอะไรหนะ ? " เหอซิงเหมินยืนขึ้นและตะโกนออกมา " พวกเราทุกคนอยู่บนเรือลำเดียวกันแล้วนะ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของชนเผ่าป่าเถื่อนเหล่านั้น เราน่าจะรวมตัวกันเพื่อจัดการกับพวกเขา เจ้าช่วยลืมความแค้นเก่าไปได้หรือไม่ ?

ซูหยานซิงและกู่หลินหลงทั้งสองคนก็พูดต่อว่าเขาอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ฉื่อหยานจะไม่ได้ยินพวกนาง เขาตั้งสมาธิส่งจิตสำนึกวิญญานของเขาไปที่สมองของนักรบและควบคุมมันไปรอบๆเพื่อค้นหาตำแหน่งและวิญญานหลักของเขา พยายามค้นหาผนึกวิญญานที่หยาจี่ใช้กับพวกเขาไว้

ในตอนนี้ , ต้องขอบคุณคัมภีร์ลับทั้งเจ็ดเล่มของเผ่าเสียงอสูร ฉื่อหยานจึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับวิญญาณ มากขึ้น ซึ่งช่วยให้เขาลบล้างผนึกวิญญานที่อีเทียนโหมวได้ปลูกในวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้วิญญานของเขาหลุดรอดออกมาจากเงื้อมมือของอีเทียนโหมว

หลังจากฉื่อหยานได้ฆ่าตั่วหลงและกลับมายังเมืองโบราณ อีเทียนโหมวก็ได้สำรวจเข้ามาที่วิญญานของเขา อีเทียนโหมวนั้นบรรลุด้านวิญญานขั้นสูง เขาแอบส่งเมล็ดผลึกวิญญานเข้ามาในวิญญานของฉื่อหยานโดยที่ฉื่อหยานไม่รู้ตัว

อีเทียนโหมวได้ไว้ชีวิตเขา เพราะเขาเชื่อว่า เขาจะสามารถควบคุม ฉื่อหยาน ได้ตามที่ต้องการผ่านเมล็ดผลึกวิญญาน

ในความเป็นจริง ฉื่อหยานได้สันนิษฐานไว้แล้วว่า อีเทียนโหมว ได้ทำอะไรกับเขาบางอย่างแน่นอน แต่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาได้รับคัมภีร์เกี่ยวกับวิญญานทั้งเจ็ดเล่มของเผ่าเสียงอสูร เขาก็ได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับประเภทของวิญญานและเทคนิคการใช้วิญญานต่างๆของเผ่าเสียงอสูร หลังจากได้ใช้เวลาเรียนรู้ทั้งเจ้าจดเย็น จนถึงก่อนหน้านี้ เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาจะต้องถูกอีเทียนโหมวฆ่าแน่นอน

เพื่อป้องกันตัวเองจากการเป็นหุ่นเชิดของคนอื่น ในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ เขายังคงศึกษาแก่นแท้ของคัมภีร์ความลับเกี่บวกับวิญญานทั้งเจ็ดเล่มของเผ่าเสียงอสูร

ในที่สุด หลังจากที่เขาได้ส่งวิญญานหลักเข้าไปในห้วงจิตสำนึกและเปลี่ยนแปลงจิตวิญญานสำนึกของเขาใหม่ เขาก็ได้พบกับเมล็ดผนึกวิญญานสีดำ จากนั้นเขาก็ใช้พลังที่หลอมรวมกันของจิตสำนึกวิญญาน และพลังไฟของเปลวไฟนภาเผ่าผลายเมล็ดวิญญานนั่น

หลังจากรอดพ้นจากอันตรายจากเมล็ดวิญญานที่อีเทียนโหมวใส่เข้ามา ฉื่อหยานก็รู้สึกได้ถึงความมหัศจรรย์ของเผ่าเสียงอสูร พวกเขาช่างประหลาดและน่าหวาดหวั่นนัก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เขาต้องเรียนรู้คัมภีร์พวกนั้นอย่างลึกซึ้ง และนั่นก็คือเหตุผลที่เขาต้องการจะศึกษาพวกมันให้มากกว่านี้

ถ้าเขาต้องการเข้าในแก่นแท้ของคัมภีร์เหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง เห็นได้ชัดว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองอาจจะไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม ความรู้ของเขาเกี่ยวกับคัมภีร์เหล่านั้นก็ยังไม่ชัดเจนนัก มีหลายเรื่องที่เขายังไม่เข้าใจอย่างละเอียด และถ้าเขาใช้ตัวเองในการทดลอง วิญญานของเขาอาจจะหายไปได้

แต่ถ้า ใช้วิญญาณของผู้อื่น ในการทดลองพวกนี้ มันก็จะช่วยให้หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นกับวิญญานของเขาได้ นั่นคือเหตุผลที่เขาต้องการนักรบคนอื่นรวมถึงพานโจว

เป็นจิตสำนึกวิญญานของเขาที่เข้าไปที่หัวของนักรบ , ฉื่อหยานกระตุ้นจิตสำนึกของเขาเล็กน้อย และจิตสำนึกวิญญานของเขาก็ถูกแบ่งออกเป็นสิบร้อยล้านเส้นสายไหลอย่างรวดเร็วไปทั่วสมองของนักรบคนนั้นและเจาะลึกเข้าไปยังส่วนลึกของสมอง

หลังจากที่ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าไหร่ จิตสำนึกวิญญานของฉื่อหยานที่อยู่ในหัวของนักรบคนนั้นก็ค่อยๆเจาะลึกลงไป เมื่อจิตสำนึกวิญญานของเขาเกือบจะถึงวิญญานหลักของนักรบคนนั้น วิญญานของนักรบคนนั้นก็กลายเป็นคดเขี้ยวเหมือนเกลียวคลื่น และระเบิดออกมา

" ตูม ! "

ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงเสียงระเบิดที่รุนแรงดังออกมาจากนักรบ

ทันทีที่เสียงระเบิดดังก้อง , ฉื่อหยาน ก็รีบถอนจิตสำนึกวิญญานของเขาอยู่ออกมาด้วยความกลัว

" กู่เค้อ !" กู่หลินหลงก็ร้องลั่นออกมา

ฉื่อหยานจ้องไปที่ดวงตาของเขา นักรบคนนั้นดวงตาเปิดกว้าง ที่ดวงตาและจมูกของนักรบคนนั้นต่างก็มีเลือดไหลออกมา ด้วยสีหน้าที่เขาแสดงออกมาแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว ตาดำของเขาหายไป นั่นแสดงว่าเขาได้ตกตายไปแล้วอย่างแน่นอน

" ฉื่อหยาน เจ้ากล้าดียังไง ! " กู่หลินหลงก็กลายเป็นเหมือนกับแม่เสือน้อยที่แยกเขี้ยวเล็บออกมาและ กระโดดไปฉื่อหยาน " เจ้าต้องชดใช้วิญญานของเขาด้วยวิญญานของเจ้า คนสารเลวเช่นเจ้าจะต้องถูกหั่นเป็นพันๆชิ้น . เจ้าจะไม่ได้ตายดีแน่นอน " .

" อย่ามาขวางทางข้า ! . " ฉื่อหยานก็สะบัดแขนออกไปด้วยความโกรธครั้งหนึ่ง

ร่างกายที่บอบบางของกู่หลินหลงก็ถูกซัดกลับไปด้วยพลังที่มองไม่เห็น นางเอาแต่กลิ้งไปบนพื้นจนชนมุมผนังของโถงหิน เมื่อนางยืนขึ้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยฝุ่นพร้อมกับใบหน้ากลายเป็นสีแดงจากการถูกทุบตี . นางสูญเสียความหยิ่งพยองที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ทันที

" ฉื่อหยาน สิ่งที่เจ้าทำนั้นโหดร้ายเป็นอย่างมาก " ฉาวจื่อหลาน ถอนหายใจยาว สั่นศีรษะ และกล่าวว่า " เจ้าควรจะฆ่าเขาตรงๆ ทำไมเจ้าต้องทรมานเขาด้วย ใช้พวกเขาเป็นทรัพยากรบ่มเพาะ เจ้านี่มัน . . . . . . . "

" ข้าไม่ได้ฆ่าเขา . " ฉื่อหยานหัวเราะอย่างเย็นชา " เผ่าเสียงอสูรได้ใช้เคล็ดวิชาบางอย่างผนึกวิญญานของเขา จิตสำนึกวิญญานของข้าได้เข้าไปในหัวสมองของเขา แต่ไม่ได้เข้าไปที่วิญญานของเขาเลย แต่แล้วเคล็ดวิชาผนึกที่อยู่ในวิญญานของเขาก็ระเบิดออกมา คนที่ฆ่าเขาคือคนจากเผ่าเสียงอสูรที่ฝังเคล็ดวิชาผนึกวิญญานนี้ลงในวิญญานของเขา

ฉาวจื่อหลาน ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก นางลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะบอกว่า " ถ้าเจ้าไม่ส่งจิตสำนึกวิญญานของเจ้าเข้าไปในสมองของเขา เคล็ดวิชาวิญญานนั่นก็คงไม่เกิดการระเบิดขึ้น และเขาก็คงไม่ต้องตาย " .

" ยังไงผลมันก็เป็นเช่นเดิม ถ้าเคล็กวิชาผนึกวิญญานนี้ยังอยู่ในหัวของเขาและคนที่ฝังมันต้องการให้เขาตาน เขาก็ต้องตายอยู่ดี ข้าใช้เขาเป็นทรัพยาเพื่อศึกษาเกี่ยวกับผนึกเหล่านั้น บางทีข้าอาจจะหาวิธีที่ทำลายเคล็ดวิชาวิญญานพวกนั้นได้ ถึงแม้ว่าจะมีบางคนที่ต้องตาย ข้าเชื่อว่าตราบใดที่ข้าเข้าใจเกี่ยวกับพวกมันมากกว่านี้ ข้าก็จะสามารถทำลายเคล็ดวิชาวิญญานเหล่านั้นได้ " ฉื่อหยาน กระแอม แล้วพูดต่อว่า " ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาต้องตายอยู่ดี หากตายเร็วกว่านี้จะเป็นการเสียประโยชน์มาก มันเป็นเรื่องที่โชคดีมากที่ข้านำพวกเขามาก่อน ข้านั้นไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาเป็นมนุษย์ ถ้าเจ้าคิดเช่นเดียวกันกับข้า เจ้าก็ไม่ต้องเจ็บปวดอีก "

หลังจากพูดคุย ฉื่อหยานก็เรียนรู้ต่อโดยไม่สนใจฉาวจื่อหลานอีก

สี่นักรบแห่งของตระกูลกู่กลายเป็นทรัพยากรในการฝึกฝนเกี่ยวกับวิญญานของฉื่อหยาน ภายในสองวัน วิญญาณของพวกเขาก็ระเบิดออกทีละคน

กู่หลินหลงยังต้องการเสี่ยงแลกชีวิตกับฉื่อหยาน แต่ฉาวจื่อหลาน ได้ห้ามปรามนางไว้

ใบหน้าที่น่ารักของกู่หลินหลงก็กลายเป็นดุร้าย นางเอาแต่กรีดร้องและสาปแช่งฉื่อหยานให้ไม่ได้ตายดี นางขู่ว่าถ้านางกลับไปยังทะเลไม่มีที่สิ้นสุดได้เมื่อไหร่ นางจะใช้ทุกวิธีที่โหดร้ายและทารุณทรมานเขา ทุกครั้งที่ฉื่อหยานหงุดหงิดกับคำพูดของนาง เขาก็จะโกรธฉีกเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างของนางออกเป็นชิ้นๆเพื่อสั่งสอน

จนกว่าผิวขาวจั๊วะของนางค่อย ๆเปิดเผยรวมถึงหน้าอกที่อวบอิ่มของนาง ในที่สุดกู่หลินหลงก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว แต่นางก็ยังคงโกรธอยู่ นางยื่นอยู่อย่างเงียบๆด้านข้างและมองไปที่ฉื่อหยานอย่างดุร้าย ด้วยความแค้นที่รุนแรง ดูเหมือนนางต้องการที่จะกลืนกินเขาทั้งตัว

ฉื่อหยานยังคงเรียนรู้และทำความเขาใจวิญญานอยู่

จิตสำนึกวิญญานของเขาอีกครั้งก็ไหลเข้าไปในสมองของนักรบจากตระกูลกู่อีกคนหนึ่ง คราวนี้ เขาแบ่งจิตสำนึกวิญญานของเขาออกเป็นสามสายและยังเพิ่มจิตสำนึกของเขาลงไปในพวกมันทั้งสามสาย จิตสำนึกวิญญานทั้งสามสายเกิดจากรูปแบบวิญญานเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในวิญญานพระเจ้าและไหลไปยังวิญญานที่อยู่ในสมองของนักรบคนนั้น

รูปแบบวิญญานที่ซ่อนอยู่ในวิญญานะรัเจ้าเป็นวิชาวิญญานเฉาพของเผ่าเสียงอสูร ซึ่งใช้เส้นสายของจิตสำนึกวิญญานในการสร้างรูปแบบวิญญานที่อัศจรรย์ขึ้นมา รูปแบบวิญญานที่สร้างขึ้นมานี้สามารถสามารถลบกลิ่นอายวิญญานของเขาได้ ทำให้วิญญานอื่นไม่สามารถตรวจพบได้

มันเป็นวิธีที่ฉื่อหยานพึ่งคิดออกในเวลาครึ่งวัน ด้วยการใช้ประโยชน์จากวิชาวิญญานของเผ่าเสียงอสูรที่พิเศษนี้ เส้นสายจิตสำนึกวิญญานก็เข้าไปที่วิญญานของนักรบอย่างเงียบๆ .

ไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

ก่อนหน้านี้ เมื่อจิตสำนึกวิญญานของฉื่อหยานเข้ามาในวิญญาน , ผนึกที่ถูกฝังอยู่ในวิญญานของนักรบเหล่านั้นก็จะกระจายตัวออกมาอย่างรวดเร็วและระเบิดวิญญานของนักรบคนนั้นออกเป็นเสี่ยงๆ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ จิตสำนึกวิญญานกำลังอยู่ในวิญญาน เห็นได้ชัดว่าผนึกวิญญานไม่สามารถตรวจพบจิตสำนึกวิญญานของฉื่อหยานได้ แต่มันยังคงซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกวิญญานของนักรบคนนั้นโดนไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆขึ้น.

ฉื่อหยานยังคงใช้จิตสำนึกของเขาเพื่อควบคุมการไหลของจิตสำนึกวิญญานทั้งสามสายลึกลงไปในวิญญานของนักรบคนนั้น .เป็นรูปแบบทรงสามเหลี่ยมที่ซ่อนอยู่ลึกอยู่ภายในจิตใจ ค่อย ๆปรากฎออกมา

ผนึกวิญญานที่ถูกฝังอยู่ในวิญญานมีรูปทรงสามเหลี่ยม ; พื้นผิวของมันเต็มไปด้วยสายใยวิญญาณหนาแน่นเหมือนกับเส้นใยไหมบางๆ เส้นสายเหล่านั้นพันเกี่ยวกันเกิดเป็นผนึกที่น่าหวาดหวั่น  และเส้นสายเหล่านั้นก็เคลื่อนไหวไปมาเพื่อตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่่เกิดขึ้นในวิญญานของนักรบคนนั้น

ฉื่อหยานไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับวิชาวิญญานของเผ่าเสียงอสูรเท่าไหร่นัก . เขารู้ว่าคนที่ฝังผนึกวิญญานนี้เอาไว้ อาจยังสามารถเปิดใช้งานได้อย่างง่ายดายเพื่อทำให้วิญญานของใครคนหนึ่งระเบิดออกหรือควบคุมชีวิตของคนนั้นได้

เส้นสายจิตสำนึกวิญญานทั้งสามก็กระจายเข้าไปห่อหุ่มผนึกวิญญานอย่างอุกอาจ และพลังไฟที่ผสมอยู่ในจิตสำนึกวิญญานก็ประทุขึ้น

" ปุ ! "

ฉื่อหยาน ก็ใช้พลังทั้งหมดเผาผนึกวิญญานที่หยาจี่ฝังเอาไว้ในวิญญานของนักรบ

หลังจากนั้นไม่นาน ฉื่อหยานก็จ้องไปที่นักรบตระกูลกู่คนนั้นที่อยู่ในกรง และพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น " ผนึกวิญญานที่ฝังอยู่ในร่างของเจ้าถูกทำลายแล้ว "

ทุกคนในห้องโถงหินก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าของพวกเขาประกายออกมาด้วยความสุข

" มีเพียงการใช้วิญญานของคนที่ยังมีชีวิตเท่านั้น ที่สามารถทำให้เรียนรู้ได้อย่างแท้จริง " ฉื่อหยานพึมพำขึ้นเบาๆ

ในขณะที่คนอื่นๆกำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขากลับแสดงออกอย่างเฉยเมยและ กล่าวว่า " จริงๆ แล้วข้าได้ฝังผนึกวิญญานของข้าเข้าไปในสมองของเขาแทนที่ของหยาจี่ ตอนนี้เขาอยู่ในการควบคุมของข้าแล้ว"

" เจ้า.. เจ้าคนสารเลว !" กู่หลินหลงก็ก่นด่าออกมา

สีหน้าของฉื่อหยานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขาพูดอย่างเย็นชา " ตอนนี้ ข้าต้องทำลายผนึกวิญญานเหล่านั้นทั้งหมด และจากนั้นข้สก็จะแทนที่ด้วยผนึกวิญญานของข้า หลังจากข้าทำทั้งหมดแล้ว ข้าก็จะมั่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ขัดขื่นในขณะที่ข้าใช้วิญญานของพวกเขาเพื่อเรียนรู้อะไรบางอย่าง ถ้าพวกเขาไม่ตายหลังจากถูกใช้สำหรับการบ่มเพาะวิญญานของข้า บางทีข้าอาจจะไว้ชีวิตผู้โชคดีเหล่านั้นก็ได้ . "

เมื่อคำพูดของเขาดังขึ้น นักรบที่ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังตอนนี้ก็กลายเป็นผิดหวัง

" เจ้ามันปีศาจ !

กู่หลินหลง ซูหยานซิง และแม้แต่ฉาวจื่อหลาน ช่วยไม่ได้ที่จะยืรขึ้นและก่นด่าด้วยความโกรธ พวกนางตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง ร่างบอบบางของพวกนางสั่นไปด้วยความไม่พอใจ

_______________________________________

ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ

ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา  >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด