บทที่ 250 มีสิ่งใดต้องกลัว ?
บทที่ 250 มีสิ่งใดต้องกลัว ?
ในป่าหนา ยู่โหลว ด้วยร่างกายที่อ่อนนุ่มและยืดหยุ่นของนาง นางเคลื่อนไหวดั่งสายฟ้าฟาดผ่านอากาศ ปีกสีขาวนวลกระพือเบาๆ ดวงตานางส่องประกายออกมาและหายไป
" เจ้าชั่วตัวน้อย . . . . . . . " ยู่โหลวโค้งหัวของนางมองฉื่อหยาน ด้วยแววตาแปลกประหลาด นางส่ายหน้าอย่างไม่เต็มใจ และเร่งความเร็ว .
ในขณะที่ถูกลากโดยยู่โหลว ฉื่อหยานก็หายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงก่ำเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน เหมือนสัตว์ร้ายกระหายเลือด ด้วยท่าทีดุร้าย ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นตกอยู่ในความหวาดกลัว
ยู่โหลวเป็นหัวหน้าและบุคคลสำคัญของตระกูลปีกขาว ถึงแม้ว่าการบ่มเพาะวิญญานของนางจะไม่สูงส่งแต่ก็นางก็มีความรู้มากมาย ความรู้ของนางเกี่ยวกับพลังพิเศษต่างๆนั้นมีมากกว่าผู้นำของเผ่าเสียงอสูรเสียอีก
นางปล่อยกระแสพลังปราณลึกลับออกไปเงียบๆเพื่อที่จะสํารวจเส้นประสาทและเส้นเลือดภายในร่างกายของ ฉื่อหยาน สีหน้าของนางก็สั่นสะท้าน ดวงตาสว่างขึ้น และส่องประกายประหลาดออกมา
" เป็นไปไม่ได้ . . . . . . . " ยู่โหลวก็ตกใจ นางพึมพำอะไรบางอย่าง อีกครั้ง นางก็ปล่อยกระแสพลังปราณลึกลับออกไป ,นางรวบรวมจิตสำนึกของนางทั้งหมดไว้ด้วยกันเพื่อสังเกตุสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างของฉื่อหยาน
เส้นสายพลังปราณลึกลับกำลังตรวจสอบบางอย่าง ซึ่งมันเป็นเหมือนเส้นใยบางๆไหลอยู่ในเส้นเลือดของฉื่อหยาน พวกมันเข้าไปสำรวจเส้นประสาทของเขาอย่างระเอียด มันเข้าไปทุกที่ไม่ว่าจะเป็น เส้นเลือด กระดูก และส่วนต่างๆในร่างกายของ จากนั้นพวกมันก็ยู่โหลวสัมพัสได้ถึงสิ่งตาสงๆ นางเห็นทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในร่างกายของฉื่อหยาน
หลังจากนั้นไม่นาน ดวงตาของนางผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าตระกูลปีกขาวก็ส่องประกายอีกครั้ง นางมองฉื่อหยานอย่างเหม่อลอย
" เจ้าชั่วตัวน้อย เจ้าเป็นนักรบมนุษย์จริงๆรึ " ยู่โหลวก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง หลังจากคิดสักพัก เสียงของนางก็เหมือนกับสายฟ้าที่เจาะเข้าไปในหัวฉื่อหยานอย่างรุนแรงและทำให้สติของเขาที่กลายเป็นชัดเจน .
ในห้วงจิตสำนึกของเขา ห้าปีศาจยังคงบ้าคลั่งอยู่ อารมณ์เชิงลบมากมายแผ่ออกมาจากภายในร่างกายของปีศาจทั้งห้า ' แล้วไหลท่วมไปทั่วห้วงจิตสำนึก ห้วงจิตสำนึกของฉื่อหยานค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆ และสงผลกระต่อจิตสำนึกของเขาอย่างช้าๆ
เมื่อสติของเขากลายเป็นที่ชัดเจนขึ้น ฉื่อหยาน ก็ยกศีรษะ มองหญิงสาวผู้งดงามจากตระกูลปีกขาวด้วยกลิ่นหอมจากตัวของนาง ทำให้เขาตกอยู่ในความลุ่มหลง , นั่นจึงช่วยไม่ได้ ที่เขาจะหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง
" ทำไมท่านถึงถามข้าเช่นนี้รึ " ฉื่อหยานสูดลมหายใจเข้าหลายครั้งเพื่อที่จะควบคุมความรู้สึกของเขา เขาขมวดคิ้วและถามออกไป
" ร่างกายมนุษย์ทั่วไปไม่สามารถทนได้แน่นอน ; เส้นประสาทและเส้นเลือดของเจ้ากว้างและใหญ่เป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเจ้าได้ฝึกบ่มเพาะมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีสิ่งเจือปนในร่างกายของเจ้าเลย เซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายของเจ้าต่างก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่น่ากลัว เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณลึกลับ ด้วยพลังในร่างกายของเจ้าเฉยๆก็เทียบได้กับนักรบระดับหายนะแล้ว นี่เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆรึ " สีหน้าของยู่โหลวก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางนิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อว่า " เท่าที่ข้ารู้จากความรู้ที่ข้ามี แม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งของนักรบเผ่าอสูรที่อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าก็มิอาจเทียบกับเจ้าได้ ด้วยร่างกายระดับหายนะเช่นนี้ แม้แต่นักรบที่โดดเด่นของเผ่าปีกก็ยังมิได้เช่นเจ้า เจ้าทำเช่นไรถึงได้มีสภาพเช่นนี้กัน ? ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งของเจ้าโดยไม่ใช้พลังปราณลึกลับใดๆเทียบได้กับนักรบระดับหายนะ และยังมีห้วงจิตสำนึกอีก การที่เจ้าฝึกบ่มเพาะวิญญานได้เช่นนี้มันไม่ธรรมดาเลย เจ้าทำได้เช่นไรกัน. . . . . . . "
ยู่โหลวรู้สึกหวาดหวั่น ขณะที่การสำรวจร่างของฉื่อหยาน นางพบว่าวิญญานของเขานั้นพิเศษเป็นอย่างมากและร่างกายของเขายังแข็งแกร่งเป้นอย่างมากอีกด้วย หากคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้เติบโตขึ้นกว่านี้หละก็ จินตนาการไม่ออกเลยว่าในอนาคตเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด
นางเริ่มที่จะรู้สึกเสียใจที่ตกลงว่าจะไว้ชีวิตเขา หลังจากที่พบว่าเขามีพรสวรรค์เช่นนี้
" ต้องทุกข์ทรมานเป็นอย่างมากถึงจะมีการบ่มเพาะเช่นนี้ และ ผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายหลายครั้ง และประสบกับการเฉียดตาย หากท่านผ่านเหตุการณ์เช่นนี้บ่อยๆท่านก็จะเป็นเช่นข้าได้ " ฉื่อหยานพยายามควบคุมอารมณ์ต่างที่อยู่ในห้วงจิตสำนึกของเขา เขาขบฟันเล็กน้อยพร้อมกับหายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง " อย่าได้เสียเวลาไปมากกว่านี้เลย รีบพาข้ากลับไปยังเมืองหินยักษ์โบราณเร็วเข้าเถิด ข้าเกรงว่าข้าจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป "
" เจ้าเด็กบ้า เจ้านี่ช่างมักมายเสียตริง "
ยู่โหลวหัวเราะลั่น นางส่ายหน้าและพูดขึ้น " ช่างเถอะ รอจนกว่าเราจะรับมือกับการโต้ตอบนั่นได้เสีนก่อน จากนั้นข้าค่อยถามเจ้าอีกที "
เมื่อนางพูดเสร็จ ยู่โหลวทันทีก็กระตุ้นพลังจากร่างกายของนาง พาฉื่อหยาน กลับไปเมือหินยักษ์โบราณของเผ่าเสียงอสูรอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ณเวลานี้ การไหลเวียนของจิตสำนึกวิญญานที่แข็งแกร่งไหลออกมาจากร่างกายฉื่อหยาน มันทะลักออกมาอย่างรุนแรง มันกระจายไปทั่วร่างของเขาในพริบตาและจู่โจมยู่โหลวอย่างกระทันหัน
5 อารมณ์ ความสิ้นหวัง ความกลัว ความกระหายเลือด ความโลภและความแค้นกลายเป็นกลุ่มก้อนจิตสำนึกวิญญาณที่ชั่วร้าย ปกคลุมไปทั่วร่างของยู่โหลวหัวหน้าตระกูลปีกขาวเพียงเวลาสั้นๆ
ห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกเป็นเคล็ดวิชาแปลกประที่มาจากแหวนสายโหลิต มันถูกสร้างขึ้นโดยการรวมกันของอารมณ์เชิงลบที่กระจายออกมาจากเส้นชีพจรของฉื่อหยานและฝังลึกเข้าไปในห้วงจิตสำนึกของเขา มันไม่เพียงเป็นส่วนหนึ่งของจิตสำนึกของเขา แต่ยังเต็มไปด้วยพลังจำนวนมาก ขณะที่ฉื่อหยานคุยกับยู่โหลวอยู่ จิตสังหารที่บ้าคลั่งพวยพุ่งออกมาจากในจิตใจของเขาไปยังยู่โหลว
ความคิดเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในห้วงจิตสำนึกเป็นผลจากการกระทำของห้าปีศาจในห้วงจิตสำนึกของเขา ปีศาจทั้งห้าในห้วงจิตสำนึกอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา พวกมันกลายเป็นบ้าคลั่ง และเห็นว่ายู่โหลวเป็นเป้าหมายและโจมตีไปที่นาง
" การโจมตีทางวิญญาน . . . . . . . " ยู่โหลวก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างใจเย็นและส่ายหน้า " เป็นเรื่องโง่เง่ามากที่คิดจะโจมตีวิญญานพวกเราเผ่าปีก "
5 อารมณ์ ความสิ้นหวัง ความกลัว ความกระหายเลือด ความโลภและความแค้นกลายเป็นลำแสงลึกลับและพุ่งเข้าไปที่วิญญานของยู่โหลวอย่างรวดเร็ว โดยที่พวกมันต้องการจะเข้าไปยังจิตสำนึกของนาง และทำให้นางตกอยู่ภายใต้การควบคุมของอารมณ์เหล่านี้จากนั้นพวกมันก็จะทำให้นางกลายเป็นหุ่นเชิด
" ยังอ่อนหัด . . . . . . . " ยู่โหลวยืนนิ่งในขณะที่ห้าอารมณ์เข้าไปในหัวของนาง . นางเค้นเสียงขึ้นมาเบาๆทันที
เสียงนกหวีดที่ไพเราะดังไปทั่วป่า มันเป็นเหมือนกับคมดาบที่ตัดเส้นสายวิญญานทีปีศาจทั้งห้าปล่อยออกมา
อย่างรวดเร็ว การโจมตีทางวิญญานที่ออกมาจากปีศาจทั้งห้า ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยเสียงนกหวีด
ทันทีแววตาของฉื่อหยานก็ชัดเจนขึ้นเล็กน้อยและ เขาก็ตะโกน " ปล่อยข้าก่อน ! "
" ทำไมรึ ? " ยู่โหลวยิ้มบางๆ " ตอนนี้ไม่ต้องรีบไปหาสาวๆแล้วรึ "
" ปล่อยข้า ปล่อยข้าลงก่อน เพราะท่านได้ตัดวิญญาณพวกนั้นไป ข้าจึงสามารถหลีกเลี่ยงจากอารมณ์เหล่านี้ที่บ้าคลั่งอยู่ในห้วงจิตสำนึกได้เรียบร้อยแล้ว ขอเวลาเพียงครู่หนึ่ง ข้าก็จะสามารถฟื้นฟูได้เ็นดั่งเดิม "
" ตามใจเจ้า " ยู่โหลวยิ้มเล็กน้อยและปล่อยเขาลง
ร่างของฉื่อหยานล่วงลงมาจากอากาศ สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากระตุ้นพลังปราณลึกลับของเขาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขามองไปรอบๆเพื่อหาจุดที่เขาสามารถยืนได้
ยู่โหลวบินอยู่เหนือท้องฟ้าหนึ่งร้อยเมตร นางปล่อยฉื่อหยาน ลงมาตามที่เขาต้องการ โดยไม่กังวลว่าเขาจะตกลงมาตายหรือไม่เลยสักนิด
" เจ้ากล้าที่จะใช้จิตสำนึกวิญญานโจมตีข้า เจ้ากล้ามาก . . . . . . . " ยู่โหลวอยู่ในอากาศพร้อมกับปีกสีขาวนวลกระพือไปมา ประกายแสงเย็นชาปรากฏอยู่ในแววตาของนาง
" แกร๊กก แกร๊กก ! ซึบ ซึบ ! "
หลังจากที่ตกลงมากระแทกกับกิ้งไม้นับสิบที่มีขนาดใหญ่เท่าแขน ฉื่อหยานก็รู้สึกเจ็บปวดร่างกายเป็นอย่างมากและเริ่มเสียสมดุลทีละน้อย เขาตกลงมากลางพุ่มใบไม้ที่อยู่ด้านบน เขายกศีรษะของเขาขึ้น มองหญิงสาวผู้งดงามที่อยู่บนท้องฟ้า จากนั้นเขาก็ตะโกนด้วยความโกรธ " ท่านต้องการให้ข้าตกลงมาตายรึ "
" ป่าว "
นางหยุดกระพือปีกที่อยู่ด้านหลังลงเล็กน้อย นางเหยียดขาตรง ก่อนจะลงมาอย่างช้าๆ พร้อมกับหัวเราะและกล่าวว่า " เจ้าไม่พอใจรึ ? "
แปลกประหลาด ขณะที่นางกระพือปีกค่อยๆลงมาก็มีแสงส่องออกมาเล็กน้อย
" แกร๊กก แกร๊กก แกร๊กก "
กิ่งไม้ที่ฉื่อหยานยืนอยู่ก็หักลง เขาตกลงไปทันที เขาพยายามรักษาเสถียรภาพของตัวเองจากค่อยๆหลนลง ร่างกายทั้งหมดของเขาสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด
" โอ้ เหตุใดเจ้าจึงตกไปเช่นนั้นอีกหละ " ยู่โหลวค่อยๆลงยืนพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย " ไม่เลวเลย เจ้าตกลงมาจากข้างบนแต่กลับไม่ตาย เจ้าชั่วตัวน้อย ร่างกายของเจ้านั้นแข็งแกร่งจริงๆ ไม่เลว ไม่เลว ข้าชอบผู้ชายที่มีร่างกายแข็งแกร่ง "
" ดังนั้น ท่านก็เลยทดสอบร่างกายของข้าเช่นนี้สินะ จริงๆแล้วข้าเก่งทุกเรื่อง ข้ารับประกันเลยว่าท่านจะต้องพอใจถึงจุดสุดยอดแน่ๆ " ฉื่อหยานกล่าวพร้อมกับขบฟัน
ยู่โหลว ดวงตาสีสดใสส่องประกายเย็นชา นางกล่าวอย่างใจเย็น " ข้าเองก็อยากเห็นเช่นกัน ว่าเจ้าทำได้จริงหรือป่าว เจ้ากล้าหรือไม่ ? "
นางนั้นเป็นหัวหน้าของตระกูลปีกขาว นางนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ความแข็งแกร่งของนางนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าความงามของนางเลย จนถึงตอนนี้ ไม่มีใครกล้าหยอกล้อและเล่นกับนางเช่นนี้มาก่อน นางจึงเคืองเล็กน้อย แต่นางก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด ความรู้สึกเหล่านี้ปรากฏขึ้นพร้อมๆกัน
" มีอะไรที่ทำให้ข้าไม่กล้ารึ ? " ฉื่อหยานถามด้วยใบหน้าที่เย็นชา เขาลุกขึ้นยืนลูบก้นของเขาจากนั้นก็เดินตรงไปยังยู่โหลว
ยู่โหลวปีกที่อยู่ด้านหลังของนางหดลงช้าๆ ตอนนี้ นางผู้เป็นถึงผู้นำตระกูลปีกขาวกำลังรู้สึกประหม่า ตาของนางเปล่งประกายแสงแปลก ๆจ้องไปที่ฉื่อหยานที่กำลังเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายของนางทันทีก็ปรากฏพลังที่รุนแรงออกมา ซึ่งสามารถพบได้เพียงนักรบระสูงเท่านั้น ร่างกายของนางเต็มไปด้วยพลังมหาศาล ซึ่งเพียงพอที่จะตอบโต้และฆ่า ฉื่อหยานได้ พลังค่อยๆ กระจายออกมา และครอบคลุมร่างกายทั้งหมดของนาง
ก่อนหน้านี้ เมื่อนางปลดปล่อยพลังที่รุนแรงและความก้าวร้าวออกมา นักรบชายต่างก็ต้องสำรวมและน้อมนอบต่อหน้านาง พวกเขาไม่กล้ามองไปที่นางและแสดงความปรารถต่อหน้านางเลยแม้แต่คนเดียว
แม้แต่ตั่วหลงผู้เต็มไปด้วยปรารถก็ต้องปฏิบัติต่อนางอย่างมีมารยาท เขาไม่เคยกล้าที่จะเปิดเผยความปรารถนาของเขาต่อหน้านางโดยตรง
นางคิดว่าฉื่อหยานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว ใบหน้าของฉื่อหยานเรียบเฉย เหมือนกับว่าเขาไม่ได้รู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาเอาแต่เดินเข้าไปภายใต้คลื่นพลังที่รุนแรงของนางโดยไม่ลังเลใดๆ
ในขณะที่ยู่โหลวไม่ได้คิดอะไร ความวิตกกังวลก็เริ่มปรากฏขึ้นในสายตาของนาง นางจ้องไปที่เขาด้วยดวงตาที่เบิกโตขึ้น ชายที่แข็งแกร่งกำลังเดินเข้ามาหานาง นั่นทำให้นางรู้สึกประหลาดใจ
แต่ ณเวลานี้ รอยยิ้มเสียสีก็ปรากฏที่มุมปากของฉื่อหยาน เขาหยุดห่างจากยู่โหลวประมาณสิบเมตร เขามองไปที่นางด้วยสายตาจริงจังและกล่าวว่า " ท่านกลัวหรือ "
" ข้าหนะรึกลัว ? " ยู่โหลวรู้สึกอายเล็กน้อย นางหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา หน้าอกของนางกระเพื่อมไปมาพร้อมกับกล่าว " ข้ายืนอยู่นี่ ถ้าเจ้ากล้า ก็เข้ามาเลย "
พลังมหาศาลสั่นไปมาเหมือนกับพายุหมุนโผล่ออกมาข้างหลังนาง พลังนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก มันดูดุร้ายและอันตรายเป็นอย่างมาก
นี่คือสิ่งที่นางกลัว.. ฉื่อหยาน !
" ข้าไม่รู้ว่าข้าต้องกลัวอะไร . "
ฉื่อหยานระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง และกระตุ้นใช้ก้าวอัศนีไปปรากฏอยู่ข้างหน้ายู่โหลวในพริบตา มือใหญ่ของเขาเหยียดออกไปและวางที่หน้าอกคู่ใหญ่ของนาง โดยไม่เกรงกลัวใดๆ
หลังจากที่คลำและถูหน้าอกของนางไปมา เขาก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้ " ถ้าท่านฆ่าข้า เผ่าของท่านก็จะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ เพราะมีเพียงข้าแค่คนเดียวที่สามารถช่วยท่านและเผ่าของท่านออกจากที่นี่ได้ "
เขารู้อยู่แล้วว่าเผ่าปีก และตระกูลเสียงอสูรนั้น อยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ ดังนั้น เขาจึงทำไปโดยไม่เกรงกลัวว่านางผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าปีกขาวจะโกรธแต่อย่างใด เขาเชื่อว่าเมื่อเขากล่าวถึงเรื่องนี้ นางก็จะปฏิบัติต่อเขาอย่างระมัดระวัง
ในขณะที่มือของเขางกดและนวดหน้าอกของนางอย่างจงใจ เขาก็ตะโกนออกมาทันที โดยไม่ลืมที่จะเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่สัมพัสไปยังหน้าอกอันอวบอิ่มและยั่วยวนของนาง
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ