บทที่ 243 บอกเหตุผลข้ามา
บทที่ 243 บอกเหตุผลข้ามา
หลายคนจากตระกูลปีกเทาอย่างรวดเร็วก็ปรากฏตรงจุดที่ ฉื่อหยานและอีฉู่ปี่เพิ่งจากไป หลังจากมาถึง กลุ่มของพวกเขาก็ค้นหาทุกซอกทุกมุม ดูเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง
หนึ่งในพวกเขาได้หยิบผลึกสีเขียวกลมออกมา และสกัดหยดเลือดลงบนลูกสีเขียวกลม
เมื่อลูกแก้วปรากฏออกมา เส้นแสงสีเขียวแต่ละสายก็เชือมต่อไปยังพลังวิญญานของฮันหลงจากขี้เถ้ากระจายในอากาศ ต่อมามันก็รวมตัวกันและเข้าไปในลูกกลม
ใบหน้าของชายจากตระกูลปีกเทาก็เปลี่ยนไป เขาสูดหายใจเข้าและกล่าวว่า " ฮันหลง ตายแล้ว….”
ทุกคนในตระกูลปีกสีเทาคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่งทันทีพวกเขาก็ออกค้นหาคนฆ่าไปรอบๆอย่างรวดเร็ว
ด้านหลังภูเขาเสียงอสูรภายในพื้นที่ของเผ่าปีกเทา
มีต้นไม้โบราณอยู่หลายต้น ' ตรงรากไม้แต่ละต้นมีบ้านเรือนอยู่มากมาย และเต็มไปด้วยคนจากตระกูลปีกเทา
หลังรากต้นไม้โบราณ มีหุบเขาที่มีเสียงลมพัดผ่านอยู่
ภายในหุบเขานั้น ชายชราจากตระกูลปีเทายืนอยู่ด้วยใบหน้าที่สุขุมและลักษณะใบหน้าของเขานั้นคล้ายคลึงกับฮันหลงเป็นอย่างมาก ร่างนี้นั่งอยู่ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่าน ดวงตาเย็นชาของเขาดูมืดมนและเต็มไปด้วยตัณหา .
มีอีกร่างหนึ่งที่มีรูปร่างเร่าร้อนซึ่งมีพลังลมที่แข็งแกร่งปล่อยออกมา สวมเกราะสีแดงเพลิง นางนั่งอยู่ตรงกลางของหุบเขา พลังลมหมุนรอบตัวนางและรวมตัวกันอย่างรวดเร็วจากนั้นก็กลายเป็นเม็ดยาบำรุงจิตวิญญานต่อสู้ในร่างของนาง ซึ่งทำให้นางดูสดใสและเร่าร้อน
" แม่นางเหอ การบ่มเพราะของเจ้ายอดเยี่ยมนัก พลังนลมของหุบเขาลมสวรรค์นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ปกติแล้วมันเป็นสถานที่ไว้สำหรับข้าฝึกบ่มเพาะ แต่ตอนนี้ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า " ชายชราจากตระกูลปีกเทาดวงตาส่องประกายออกมา เขามองไปยังร่างที่งดงามนั้นสักพัก แล้วพึมพำ " เจ้าคือของขวัญจากสวรรค์ จิตวิญญานปีกในร่างของเจ้าเหมาะสมที่สุดที่จะฝึกบ่มเพาะด้วยพลังลมของข้า รอเมื่อเจ้าได้รับพลังลมเพียงพอ จากนั้นข้าก็จะใช้มันเพื่อให้ระดับการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง ให้เหนือกว่าพวกมันสองคน . . . . . . . "
ภายในหุบเขา พลังลมกำลังห่อหุ่มร่างของเหอซิงเหมิน ดวงตาที่งดงามของนางค่อยๆเปิดออก พร้อมกับเหลือบมองไปยังชายชรานั่นจากนั้นนางก็หลับตาลงทันที สีหน้าของนางแสดงออกอย่างน่าเบื่อ
" ติ้ง ! ติ้ง ! "
เสียงแปลกๆก็ดังก้องออกมาจากหน้าอกของชายชราเผ่าปีกเทา เขาสะดุ้งและหยิบผลึกสีเขียวกลมออกมาจากหน้าอกของเขาและ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ " เกิดอะไรขึ้น ? "
" นายน้อย…. นายน้อยตายแล้ว " เสียงที่ดูรีบร้อนดังออกมาผลึกกลม
" อะไรนะ ! ? " ชายชราสีหน้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมา เขาดูโกรธเป็นอย่างมาก เขา ตะโกนออกมาอย่างรุนแรง " ไหนเจ้าพูดอีกทีสิ ? "
" นายน้อยตายแล้ว….ขอรับ วิญญาณของเขากระจายไปทั่ว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยนายท่าน เราไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น . . . " เสียงจากผลึกกลมดูกังวลและกระสับกระส่าย
หัวหน้าตระกูลปีกเทาไม่อาจทนได้อีกต่อไป และช่วยไม่ได้ที่เขาจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าและ เผลอตะโกนออกมา ด้วยเสียงดังก้องพลังลมก็รวมตัวกันอย่างรุนแรง แล้วมันก็ลอยเข้าไปในผลึกกลม
ในฉับพลัน ผลึกกลมก็ส่องแสงสีเขียวเจิดจ้าออกมา แสงสว่างสีเขียวกลั่นตัวอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นภาพบางอย่าง
ในผลึกกลม ใบหน้าเย็นชาของฉื่อหยานก็ปรากฏออกจากกลุ่มก้อนแสงสีเขียว , พลังถูกถ่ายทอดเข้าไปในผลึกมากขึ้นและภาพของฉื่อหยานก็ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน
" เผ่ามนุษย์ ! " หัวหน้าตระกูลปีกเทตะโกนเสียงดังออกมา เสียงลมกระจายไปทั่วเกิดเป็นเสียงหวีดหวิว ต้นไม้โบราณที่อยู่รอบๆ ' รากของมันก็ลอยขึ้น เศษไม้กระจัดกระจายไปในอากาศ
เหอซิงเหมินรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวแปลกๆของหัวหน้าตระกูลปีกเทา นางก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นใบหน้าของฉื่อหยานปรากฏออกมา ในหุบกลุ่มก้อนแสงสีเขียว
แววตาของนางก็มีแสงประกายออกมาอย่างมหัศจรรย์ นางเกือบจะตะโกนด้วยความตกตะลึง แต่นางก็หลับตาลงอย่างรวดเร็ว และแกล้งทำเป็นว่านางไม่เห็นอะไร
" แม่นางเหอซิงเหมินเจ้ารู้จักมนุษย์คนนี้หรือไม่ ? "
หัวหน้าตระกูลปีกเทาหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ใบหน้าดุร้ายของเขาหันไปทางเหอซิงเหมิน และเขาตะโกนถาม
ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เหอซิงเหมินจ้องมองไปที่ภาพของฉื่อหยานที่ปรากฏในผลึกลมสีเขียวอ่อน สักพัก แล้วค่อยๆ กล่าวว่า " เขาเป็นเป้าหมายที่เราตามล่าตั้งแต่ในหุบเหวสนามรบ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน คนของข้าที่มาด้วยก็แยกกับข้า และกระจัดกระจายกันไป ไม่รู้ว่าอยู่สถานที่อีกแห่งหรือไม่ " .
" ข้าจะทำให้มันรู้สึกว่าตายดีกว่ามีชีวิตอยู่ มันกล้าที่จะมีปัญหากับเราตระกูลปีกเทา !" หัวหน้าตระกูลหายใจเข้าลึกเหมือนสัตว์เดรัจฉาน เขาถอนหายใจด้วยความโกรธพร้อมกับคำรามออกมาอย่างน่ากลัว
" ตอนนี้เจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆรึ ! " เหอซิงเหมินเข็ญใจยิ้มข้างในเล็กน้อย สั่นศีรษะ และเริ่มกังวลกับชีวิตของฉื่อหยาน
" วุช "
เป็นหญิงผู้งดงามกับชายอีกผู้หนึ่งกำลังเคลื่อนไหวภายในป่าหนาอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าสู่เมืองเมืองหินโบราณยักษ์
" อีฉู่ปี่ " อยู่ๆก็มีเสียงตะโกนจากภายในเมืองหินโบราณขนาดยักษ์
" ท่านพ่อ ! ! ! " อีปู่ปี่ร้องออกมาอย่างแปลกใจ , นางชะลองความเร็วของนางลงและมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พ่อของนางอยู่ " ท่านรู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาดที่หุบเขาเสียงอสูรหรือไม่ ? "
อีเทียนโหมว พยักหน้า ดวงตาสีขี้เถ้าส่องประกายแปลกประหลาดออกมา " อีฉู่ปี่ เจ้าจัดการสัตว์อสูรเสียงได้บ้างหรือไม่ ? "
" เขาฆ่าอสูรทากรไปตามตัว " อีฉู่ปีพูดขึ้น
" อะไรนะ ! ? " อีเทียนโหมว สีหน้าก็เปลี่ยนไป แล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ เขามองไปที่อีฉู่ปี่สักพัก แล้วถามว่า " สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? "
" เขามีเปลวไฟนภาในร่างของเขา แถมเขายังฆ่าลูกชายของหัวหน้าตระกูลปีกเทาอีกด้วย " อีฉู่ปี่พูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างกังวล
ร่างผอมของอีเทียนโหมวก็สั่นสะท้านเล็กน้อย ความหวาดกลัวก็ปกคลุมจิตใจของเขา ช่วยไม่ได้ที่เขาจะมองไปยังใบหน้าของฉื่อหยานด้วยความตกใจ " เปลวไฟนภา ไม่อยากเชื่อว่าชายคนนี้จะมี . . . . . . . เปลวไฟนภา”
หลังจากนั้นอีเทียนโหมวก็พึมพำออกมา พร้อมกับมีรอยยิ้มแปลกๆออกมาจากริมฝีปากของเขา " ฉื่อหยาน , ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้ามีเปลวไฟนภา ดี.. ! "
" ท่านพ่อ ! " อีฉู่ปี่ตะโกนเสียงดัง " อย่าฆ่าเขา เขาช่วยชีวิตข้าไว้ ถ้าไม่มีเขา ข้าคงถูกฆ่าโดยอสูรทารกไปแล้ว”
อีฉู่ปี่นั้นรู้ว่าพ่อของนางจะทำอะไร ต่อมา อีเทียนโหมวก็ไม่ได้พูดหรือยิ้มให้อะไรอีก หากอีเทียนโหมวยิ้มออกมาอย่างแปลกประหลาด นั่นหมายถึงว่าเขาต้องการจะฆ่าใครบางคน
" อย่าได้พูดอีก ! ต่อให้เขาช่วยชีวิตเจ้าไว้ หรือแม้แต่เขาจะเคยช่วยชีวิตข้า ยังไงเสียเขาก็ต้องตาย !. . . " อีเทียนโหมวยิ้มในขณะที่สั่นศีรษะของเขา ดวงตาสีขี้เถ้าจ้องมองไปที่ฉื่อหยาน " การดำรงอยู่ของเขา ทำให้ทั้งเผ่าปีศาจเสียงอยู่ในอันตรายร้ายแรง เราได้ถูกส่งตัวมาที่นี่ และในสถานที่แห่งนี้มีร่างของเราประกอบไปด้วยพลังความเย็น เมื่อเขาไปถึงระดับที่เขาไม่กลัวการโจมตีวิญญานของเรา ถึงตอนนั้นเขานับได้ว่าเป็นตัวตนที่อันตรายที่สุดสำหรับเผ่าเสียงอสูร "
"ท่านไม่สามารถฆ่าข้าได้ ! . " ฉื่อหยาน ตะโกนในฉับพลัน
" ว่าไงนะ ? "สีหน้าของ อีเทียนโหมวก็ประกายเย็นชาออกมา " บอกเหตุผลที่ข้าจะทำให้ข้าไม่ฆ่าเจ้ามา ! ข้ารู้ว่าเจ้าฉลาด, เจ้าคงจะไม่ใช้เหตุผลที่ช่วยลูกสาวข้าไว้หลอกนะ "
" ข้าสามารถช่วยท่านกำจัดสัตว์อสูรเสียงได้”
" เหตุผลนี้ไม่เพียงพอ ชีวิตของเจ้าอันตรายยิ่งกว่าสัตว์อสูรเสียงอีก !”
" ตอนนี้ภูเขาเสียงอสูรเปลี่ยนไปแล้ว สัตว์อสูรเสียงมากมายจะออกมาจากภูเขาเสียงอสูรรวมถึงอสูรทารก พวกมันสามารถทำลายเผ่าเสียงอสูรได้อย่างง่ายดาย ! " ฉื่อหยานขมวดคิ้ว และพูดออกมา
" เราเพียง หลบซ่อนอยู่ในปราสาท , สัตว์อสูรเสียงก็ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว หลังจากนั้นพวกมันก็จะกลับไปที่ภูเขาเสียงอสูร เจ้าโน้มน้าวข้าไม่ได้หลอก ! . " อีเทียนโหมว ยังคงสั่นศีรษะ ใบหน้าดูเฉยชา
" ผลึกที่อยู่ที่ภูเขาเสียงอสูรนั้นแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น ในครั้งนี้ สัตว์อสูรเสียงที่อยู่บนภูเขาจะก้าวร้าวมากขึ้นกว่าครั้งก่อนหน้านี้ "
อีฉู่ปี่ช่วยไม่ได้พูดขึ้นแทรก" ท่านพ่อ รอไปก่อนดีหรือไม่ ? รอดูก่อนว่าเราจะสามารถรับมือกับสัตว์อสูรเสียงเหล่านั้นได้หรือไม่ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ เราก็ยังมีตัวเลือกหนึ่้งในการรับมือกับสัตว์อสูรเสียง”
" เหตุผลนี้ยังไม่พอ ! " อีเทียนโหมวยังคงสั่นศีรษะของเขา ใบหน้าที่เฉยชายังคงอยู่ แม้แต่จิตสังหารเองก็ยังไม่หายไป
" ข้าสามารถช่วยท่านกำจัดผู้นำคนอื่นของเผ่าเสียงอสูรได้ ข้าได้ยินมาว่ามีผู้นำเหมือนกับท่านอยู่อีกสองคน คิดให้ดี ถ้าข้าอยู่ในการควบคุมของท่าน และข้ายังมีชีวิตอยู่ ผู้นำอีกสองคนจะไม่สามารถกดขี่ใดๆท่านได้ " ฉื่อหยานพูดขึ้นมา
เมื่ออีเทียนโหมวได้ยินเช่นนั้นการแสดงออกก็เปลี่ยนไป
สีหน้าที่เฉยชาของอีเทียนโหมวก็หายไป
ดวงตาของเขารส่องประกายออกมาด้วยความคิดมากมาย ใบหน้าของเขาลึกลงไปในความคิดพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียนี้
ไม่นานหลังจากนั้น อีเทียนโหมวก็พยักหน้าของเขาและกล่าวว่า " ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าก็ได้ แต่เจ้าห้ามให้คนอื่นนอกจากพวกข้าเห็นเปลวไฟนภาเด็ดขาด ! . "
" เข้าใจแล้ว !" ฉื่อหยานรีบพยักหน้า .
" วุช.."
ไม่ไกลจากที่นั่น มีร่างจำนวนหนึ่งลอยอยู่เหนือสิ่งก่อสร้าง ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ผู้คนมากมายจากเผ่าเสียงอสูรกำลังออกมาจากเมืองหินยักษ์โบราณ
" อีฉู่ปี่ เจ้าพาเขากลับมาก่อน ข้าจะไปที่ภูเขาเสียงอสูร " อีเทียนโหมวขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาสั่งลูกสาวของตัวเอง
อีฉู่ปี่พยักหน้าหน้าของนางพร้อมกับคว้าฉื่อหยาน และรีบมุ่งไปที่ปราสาทหินโบราณ ระหว่างทาง ฉื่อหยานได้สังเกตุทุกอย่างเงียบๆ และได้รับรู้ว่า มีนักรบระดับสูงของเผ่าเสียงอสูรมากมายกำลังมุ่งหน้าไปยังภูเขาเสียงอสูร
ในหมู่พวกเขา มีสองคนที่ปล่อยจิตสำนึกวิญญานมาที่ฉื่อหยาน เป็นวิญญานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ซึ่ วิญญาณเหล่านั้นเข้ามาในร่างของเขาแต่พริบตาเดียวมันก็หายไปจากห้วงจิตสำนึกของเขา
" ผู้นำอีกสองคน คาป้าและหยาเหมิงก็ไปด้วยเช่นกัน " อีฉู่ปีอธิบายให้ฉื่อหยานฟัง " พวกเขาเหมือนกับพ่อของข้า ทั้งสองเป็นผู้นำของเผ่าเสียงอสูร พวกเขาอันตรายเป็นอย่างมาก พวกเขาตื่นตัวมากกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภูเขาเสียงอสูร”
" พวกเขามุ่งไปทางภูเขาเสียงอสูร พวกเขาไม่กลัวถูกโจมตีโดยสัตว์อสูรเสียงกันรึ ? " ฉื่อหยานถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
" คาป้าและหยาเหมิงมีระดับการบ่มเพาะที่สูงมาก นอกจากอสูรทารกแล้ว แทบจะไม่มีสัตว์อสูรเสียงตัวใดทำร้ายพวกเขาได้ ถ้าพวกเขาต้องการที่จะรอดหละก็ แม้แต่อสูรทารกก็ไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ "
อีฉู่ปี่ตอบ
" เข้าใจแล้ว "
ในเมืองหินยักษ์โบราณ
ภายในสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่ง ฉาวจื่อหลาน กู่หลินหลง ซูหยานซิง พานโจวและนักรบคนอื่นๆถูกขังในห้องลับ มีองครักษ์ของหยาเหมิงเฝ้าอยู่
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงที่เศร้าโศกก็ดังออกมาจากห้องใกล้ๆ
เวลานี้ ฉาวจื่อหลาน และพานโจว ที่เป็นนักรบที่มีความสามารถโดดเด่นของทะเลกว้างใหญ่ใบหน้าของพวกเขาดูเศร้าหมอง ความภาคภูมิใจของพวกเขาก่อนหน้านี้ได้สูญสลายไปหมดสิ้น
" ฉาวจื่อหลาน จิตวิญญานของเจ้าไม่สามารถทำอะไรสิ่งที่ควบคุมวิญญานเราได้เลยงั้นรึ ? "
นักรบของดินแดนเพิ้งหลายศักดิ์สิทธิ์ ถามฉาวจื่อหลาน ด้วยสีหน้าหมดหวัง
ฉาวจื่อหลานนั่งไขว้ขาเล็กน้อย พร้อมกับสั่นศีรษะของนาง และพูดขึ้น " ตระกูลคนเหล่านี้มีวิญญานที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากและวิญญานของพวกเขาก็อยู่เหนือกว่าเรานัก หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆหรือมีบางสิ่งที่ต่อต้านรูปแบบที่ควบวิญญานเราอยู่ พวกเขาใครครก็จะสามารถรับรู้ได้และนั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ ไม่ต้องพูดถึงจิตวิญญานของข้าเลย ต่อให้มันสามารถทำอะไร ข้าก็ไม่กล้าทำ " .
" งั้นเราจะรอความตายเช่นนี้งั้นรึ ? " นักรบพึมพำ .
" ตอนนี้ข้ายังไม่พบวิธีแก้ปัญหา แต่ฉื่อหยานไม่ได้ถูกจับ เขาอาจจะมีทางออกก็ได้ อย่างไรก็ตาม มีพลังพิเศษบางอย่างอยู่ในร่างของเขา บางทีเขาอาจจะอยู่รอดที่นี่ก็เป็นได้ "
" เขางั้นรึ ? " แพนโจว กู่หลินหลงและซูหยานซิงจู่ ๆก็อุทานออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ