บทที่ 241 มนุษย์วิหค
บทที่ 241 มนุษย์วิหค
ฉื่อหยานก็ประหลาดใจ เขาขมวดคิ้วพร้อมกับคิดบางอย่าง
อีฉู่ปี่เองก็ขบฟันแน่น และพูดขึ้นอย่างเย็นชา " ถ้าข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระ ในอนาคตเจ้าจะมาล้างแค้นข้าหรือไม่ ? ข้านั้นจับเจ้ามาและ ใช้อิสระของเจ้าเพื่อบังคับให้เจ้าหาสัตว์อสูรเสียงให้ข้า ก็ไม่แปลก ทีเจ้าจะเกลียดข้าใช่หรือไม่ ? "
" เกลีดยนางงั้นรึ ? " ฉื่อหยาน ตกตะลึง เขาคิดสักครู่ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับส่ายหน้า " ข้าไม่ได้เกลียดเจ้าแม้แต่นิดเดียว.. ข้าแค่ไม่พอใจเท่านั้น ถ้าเจ้าปฏิบัตต่อข้าอย่างเป็นมิตรตั้งแต่แรกแทนที่จะขู่ข้า ข้าคิดว่าตอนนั้นข้าคงจะยินดีที่จะช่วยจับพวกสัตว์อสูรเสียงมากกว่านี้”
ดวงตาของอีฉู่ปี่ส่องประกายออกมา นางจ้องไปที่ฉื่อหยาน โดยไม่กระพริบตา ดูเหมือนว่าตอนนี้นางได้เข้าใจถึงความคิดที่แท้จริงของเขาแล้ว
ฉื่อหยาน มองกลับมาอย่่างเป็นมิตร เขาเพียงยิ้ม เขาไม่ได้ตกใจทีนางมองเขาเช่นนั้น และเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา " ถ้าเจ้าแสดงออกกับข้าเป็นมิตรมากกว่านี้ เราก็สามารถเป็นสหายกันได้ หึ ! ข้าเป็นมนุษย์ เจ้าเป็นคนของเผ่าเสียงอสูร แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของเราจะเป็นศัตรูกัน แต่ข้าก็ไม่รังเกียจหลอกนะ "
" ข้า อีฉู่ปี่ ยินดีจริงๆที่ได้รู้จักเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะคิดว่าข้าเป็นสหายบ้าง " อีฉู่ปี่คิดสักพักแล้ว ยืนมือขาวเนียนของนางไปที่ฉื่อหยานอย่างสบายๆ และพูดอย่างจริงใจว่า " ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ข้าหยาบคายกับเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะลืมมันไป ตอนนี้เราควรเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง "
" ข้า ฉื่อหยาน " เขายืดมือที่ใหญ่ของเขาออกไป และค่อย ๆจับมือของอีฉู่ปี่ที่ยื่นมา ฉื่อหยานยิ้มให้นาง" นี่สิถึงจะดี ”
" ขอบคุณนะ " .
อีฉู่ปี กล่าวว่า " ถ้าไม่ได้เจ้าช่วย ข้าคิดว่าพวกอสูรทารกคงจะกินข้าไปแล้ว ก่อนหน้านี้ พวกอสูรทารกมากมายได้ออกจากภูเขาเสียงอสูร โดยเราเป็นเหยือ มันล่าเราเหมือนกับทีเราล่าสัตว์อสูรเสียง หากมันกินเราพวกมันก็จะสามารถพัฒนาได้รวดเร็วขึ้น "
ฉื่อหยาน ก็ตกใจ
" อสูรทารกเป็นศัตรูโดยธรรมชาติของเผ่าเสียงอสูร อสูรทารกตามล่าเราอย่างต่อเนื่อง มันไม่เกรงกลัววิญญานของพวกเราแม้แต่นิด และมันก็สามารถฉีกกระชากร่างของเราเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย " อีฉู่ปี่พูดด้วยความกลัว " ทุกครั้งที่อสูรทารกออกมาจากภูเขาเสียงอสูร ตระกูลเสียงอสูรก็จะหลบซ่อนอยู่ในเมืองโบราณเท่านั้น และไม่กล้าที่จะก้าวออกมาด้านนอก ท่านพ่อของข้าบอกวา อสูรทารกและเราทั้งสองต่างก็เป็นผู้ที่ถูกส่งมายังที่แห่งนี้ คนเหล่านั้นนำอสูรทารกมาที่นี่ก็เพราะพวกเขาหวาดกลัวเผ่าเสียงอสูรของเรา "
" โอ๊ะ ... ข้านั้นไม่ได้รู้เรืองอะไรเกี่ยวกับเผ่าเสียงอสูรมาก่อน ข้าไม่อยากที่จะตัดสินอะไร " ฉื่อหยาน ก็เงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนที่เขาจะพูดต่อ " แต่ข้าก็ไม่ได้มีอคติใดๆกับเผ่าเสียงอสูรหลอกนะ ข้าปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา หรือ เผ่าพันธุ์ใด ถ้าใครที่ดีต่อข้า ข้าก็จะต้องแทนคนๆนั้นอย่างเท่าเทียม แต่ถ้าไม่ ข้าก็จะปฏบัติกับคนๆนั้นอยางเลวร้าย นี้เป็นพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ หึ ข้ารู้ว่า เจ้าเองก็ต้องการออกไปจากสถานทีแหงนี้ และนั่นก็คือจุดประสงค์ของข้าเช่นกัน หวังว่าเราจะเข้ากันได้ดีและถึงวันนั้นเราก็จะร่วมมือกันหาทางออกไปจากสถานทีแห่งนี้ "
" ท่านพ่อของข้าเป็นหนึ่งในผู้นำของปราสาทโบราณ ; คนจากเผ่าเสียงอสูรนั้นมีอคติต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก ถ้าเจ้ายังจำได้ ก่อนหน้าที่จะมาทีนี่ ข้าต้องปฏิบัติกับคุณเหมือนเป็นทาสรับใช้ เพื่อที่คนอื่นจะได้ไม่สนใจเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ " อีฉู่ปี่อย่างจริงใจว่า
" ข้าเข้าใจแล้ว " ถึงฉื่อหยาน จะไม่ชอบ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ และจึงต้องพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ .
" อีกอย่าง ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้พลังของเปลวไฟนภานั้นอย่างระมัดระวัง มันจะดีกว่าถ้าไม่ให้ใครคนอืนในเผ่าเสียงอสูรเห็น มิฉะนั้น ข้ากลัวทุกคนในเผ่าเสียงอสูรจะไปรบกวนเข้า " อีฉู่ปี่กล่าวเบาๆ " บอกตามตรง ก่อนหน้าไม่นานนี้ ข้ามีความคิดที่จะฆ่าเข้า เมื่อตอนที่เจ้าปล่อยพลังไฟออกมาเพื่อสังหารสัตว์อสูรเสีนงเหล่านั้น ร่างกายของเราก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เราไม่สามารถทนต่อพลังของเปลวไฟนภาได้ . . . . . . . "
ร่างของฉื่อหยานก็สะดุ้ง
" เจ้ารู้หรือไมว่านี่มันอันตรายเพียงใด ? "
สูดลมหายใจลึก ฉื่อหยานก็พยักหน้าของเขา และพูดว่า " ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าเจ้าไม่ควบคุมวิญญานของข้า ข้าก็จะสามารถใช้พลังของเปลวไฟนภาฆ่าพวกเจ้าได้ทั้งหมด ใช่หรือไม่ ? "
อีฉู่ปี่ยิ้มและพยักหน้า "ถูกต้อง มันเป็นเช่นนั้น หากมีใครรู้เรื่องพลังของเจ้า พวกเขาจะไม่ลังเลที่จะฆ่าเจ้าแน่นอน แต่ถ้าไม่ เมื่อเจ้าอยู่ในจุดที่เราไม่สามารถควบคุมวิญญานของเจ้าได้ ตัวตนของเจ้าก็จะเป็นภัยคุกคามต่อเรามากกว่าพวกเผ่าปีกเสียอีก ที่นี่ไม่มีพลังใดๆนอกจากพลังความเย็น ; เราไม่สามารถป้องกันการโจมตีของเปลวไฟนภาได้แนนอน นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เราต้องการกลับไปยังดินแดนบ้านเกิดของเรา ว่ากันว่าในดินแดนหลักของเรามีพลังลึกลับอยู่ มันสามารถรับมือได้แม้กระทั่งอสูรทารกและพลังไฟ "
" ฟ่อฟ่อฟ่อ .
ควันสีเทาผลัดกันไหลทะลักออกมาจากภูเขาเสียงอสูร เมื่อพลังหยินสีเท่าครอบคลุมทั่วพื้นที่ ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น และ สัตว์อสูรเสียงต่างก็วิ่งออกมาจากภูเขา
สัตว์เหล่านี้แตกต่างกันไป บางตัวเหมือนลิง มีเขาสองอันโค้งงอนอยู่บนหัวของพวกมัน บางตัวเหมือนไทกอน [TL.ไทกอน เป็นสัตว์ชนิดข้ามสายพันธุ์ระหว่างเสือโคร่งกับสิงโตเกิดจากสิงโตเพศเมียมาผสมพันธุ์กับเสือเพศผู้] บางตัวมีลักษณะสวยงามน่าหลงไหล แต่ละตัวก็มีรูปร่างที่แตกต่างเฉพาะเจาะจงกันออกไป พวกมันต่างก็เต็มไปด้วยพลังหยินทีหนาวเย็น อาจเป็นไปได้ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้คือสัตว์อสูรเสียงที่อาศัยอยูในภูเขาเสียงอสูร เพราะภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ทีเหมาะแก่การฝึกบ่มเพาะของเหล่าสัตว์อสูรเสียง
"พระเจ้า , สัตว์อสูรเสียงมากมายกำลังออกมาจากภูเขา ดูเหมือนว่าผนึกจะอ่อนแอลงเป็นอย่างมาก . " อีฉู่ปี่ ตะโกนออกมาด้วยความกลัว " ไม่นะ ! ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นกับสัตว์อสูรเสียงนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก ข้ากลัวว่ามันจะไปรบกวนพวกเผ่าปีก บางทีพวกเขาอาจจะมาที่นี่ก็เป็นได้ ไม่.. ข้าต้องกลับไปบอกทานพ่อเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น . "
" ตอนนี้เหล่าสัตว์อสูรเสียงไม่กล้ามาที่นี่ " ฉื่อหยานยิ้ม " หึ ข้าจะถอนพลังไฟกลับมาก่อน ถ้าพลังไฟของเปลวไฟนภาหายไปสัตว์อสูรคงจะมาทางนี้แน่ ถ้าเราต้องการจะล่าสัตว์อสูรเสียงจำนวนมาก เราต้องแกล้งทำเป็นอ่อนแอเล็กน้อย เพื่อที่จะเป็นเหยือใช้ล่อพวกมันมา "
เส้นสายพลังไฟกลายเป็นแสงลอยเข้าไปในแหวนสายโลหิต ตอนนี้นรอบๆแหวน กลายเป็นถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟ
พลังไฟที่ร้อนแรงก็ค่อยๆไหลกลับเข้าไปในแหวนสายโลหิตอย่่างช้าๆ ร่างกายที่กลายเป็นสีแดงของฉื่อหยานค่อยๆกลับมาเป็นเช่นเดิม
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ไม่มีเปลวไฟลุกโชนรอบๆร่างฉื่อหยานอีกต่อไป
ตอนนั้น ฝูงสัตว์อสูรเสียงที่กำลังวิ่งออกมาจากภูเขาเสียงอสูรก็มองมายังฉื่อหยานอย่างแปลกๆ พวกมันลังเลที่จะมุ่งมาทางนี้ และดูเหมือนมันจะรู้ว่า มันไม่ง่ายเลยทีจะจัดการฉื่อหยาน
สายฟ้าฟาดแต่ละเส้นฟาดลงรอบๆสัตว์อสูรสเสียง จู่ๆพวกมันก็อ่อนแอลง สายฟ้าจำนวนมากที่คล้ายกับมังกรยักษ์ก็ฟาดลงมาจากนั้นก็ค่อยๆกลายเป็นเล็กลงจนเหลือขนาดเท่าแขน
" ผนึกยังคงแข็งแกร่งช่นเดิม ! " อีฉู่ปี่อย่างตกตะลึง " นีมันแปลกยิ่งนัก แปลกเป็นอย่างมาก ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ ถ้าไม่เข่นนั้น , สัตว์อสูรเสียงที่อยู่ในภูเขาคงไม่ทำตัวแปลกประหลาดเช่นนี้
" วูบบบ "
เกิดเป็นเสียงสะท้อนตัดผ่านสายลมดังมาจากด้านซ้ายของภูเขาเสียงอสูร หลังจากนั้นไม่นาน จุดสีดำจำนวนมากที่ปรากฏบนด้านซ้ายของภูเขาเสียงอสูร
" มนุษย์วิหค ! "
ฉื่อหยาน หลี่ตาลง มอไปงอย่างระมัดระวังและอุทานขึ้นมา " ไม่มีทาง นี่คงจะไม่ใช่เผ่าปีกที่เจ้าพูดถึงใช่ไหม ? "
กลุ่มจุดดำปรากฏอยู่ห่างไกลออกไป พวกเขามีร่างกายคล้ายกับมนุษย์และมีปีกอยู่ด้านหลัง ปีกที่งอกออกมาจากหลังพวกเขาแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกันออกไป อีกทั้งรูปร่างและร่างกายของพวกเขายังดูแข็งแกร่งอย่างไม่นาเชื่อ
เป็นคนจากเผ่าปีก ห้าคน , สีหน้าดูโหดเหี้ยม จมูกงุ้ม ดวงตาเย็นชา ปีกที่งอกมาจากด้านหลังโบกสะบัดจนเกิดเป็นเสียงลม และดูเหมือนพวกเขากำลังมุ่งมาที่่ฉื่อหยานอย่างรวดเร็ว
" พวกเขาคือคนจากเผ่าปีก " อีฉู่ปี่ พยักหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น " บางทีความสับสนวุ่นวายของสัตว์อสูรเสียงคงจะไปรบกวนเผ่าปีก หึ พวกเขาคงจะได้รับผลกระทบบางอย่างสินะ เช่นนั้นเหล่าคนที่ปราสามโบราณของเราอาจจะรู้เรื่องแล้วก็ได้และ บางทีพวกเขากำลังเดินจะมาที่นี่
คนจากเผ่าปีกห้าคน ด้วยปีกสีเทาของพวกเขา พวกเขากำลังเข้ามาใกล้ฉื่อหยานมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้นไม่นาน เผ่าปีกทั้งห้าคน ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าฉื่อหยาน
ทั้งห้าคนจ้องมองมาที่ฉื่อหยานจากระยะไกล ดวงตาของพวกเขาเย็นชาเหมือนกับน้ำแข็ง แต่ละคนมองมาทีฉื่อหยานและยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร จากนั้นก็แสยะยิ้มพร้อมกับพูดว่า
" ไมคิดเลยว่าจะมา เจอเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่นี่ " คนจากเผ่าปีกทั้งห้าอยู่ในระดับปฐพี ปีกสีเทาด้านหลังพวกเขาปรากฏพลังวิญญานลอยออกมา
อย่างไรก็ตาม พลังวิญญาณของพวกเขานั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก แม้แต่พลังวิญญานก็ไม่่สามารถปล่อยออกมาได้ เห็นได้ชัดว่าวิญญานของพวกเขาไม่มีทางเทียบได้กับวิญญานของเผ่าเสียงอสูรที่สามารถควบคุมวิญญานของฉื่อหยานได้ในพริบตา
แต่สิ่งที่แปลกกว่าก็คือว่าโครงสร้างสมองและปีกของพวกเขานั้นพิเศษเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนจะสามารถป้องกันการโจมตีวิญญานและปิดกั้นพลังวิญญานได้ . ฉื่อหยานปล่อยจิตสำนึกออกไป แต่ก็ไม่สามารถสัมพัสถึงสิ่งใดๆในร่างของพวกเขาได้
บางทีที่เผ่าปีกนั้นมีวิญญานที่อ่อนแอคงเป็นเพราะโครงสร้างสมองของพวกเขา โครงสร้างสมองที่พิเศษนี้ช่วยให้พวกเขามีป้องกันการโจมตีทางวิญญานของเผ่าเสียงอสูรได้ แต่มันก็ปิดกั้นการพัฒนาทางวิญญานของพวกเขาเช่นกัน
" มีอะไรกับเผ่ามนุษย์งั้นรึ ? " ฉื่อหยาน จ้องมองไปอย่างเย็นชา รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของเขา การโจมตีทางวิญญานของเผ่าเสียงอสูรนั้นสามารถควบคุมวิญญานเขาได้ เขาจึงเชื่อฟังเผ่าเสียงอสูรอย่างโดยดี
แต่กับเผ่าปีก พวกเขาเพียงแคมีร่างกายที่แข็งแรง และ สามารถรับมือกับการโจมตีวิญญานที่รุนแรงได้ พวกเขานับได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าเสียงอสูรเลยก็ว่าได้ แต่สำรหับฉือหยานแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้มีอะไร
อยู่ในระดับปฐพีเช่นเดียวกัน โดยไม่ต้องใช้พลังของเปลวเหมันเยือกแข็งหรือแกนเพลิง ฉื่อหยานก็มั่นใจว่าสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งห้าได้
" ข้าเกลียดมนุษย์ ! " ชายผู้มาจากเผ่าปีกก็ยิ้มและพูดขึ้น " ตอบข้ามา เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง ? พวกเจ้าอยู่ทีนี่กี่คน ? ถ้าไม่บอก ข้าจะทำให้จ้าได้รู้ว่า การล้วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ของเผ่าปีกนั้นจะมีผลเช่นไร ! . ' '
" เผ่าปีกของเจ้าเป็นผู้ปกครองพื้นที่แห่งนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ? " อีฉู่ปี่ตะโกนออกมา
" ฮ่าๆ แม้แต่ปราสาทโบราณของเผ่าเสียงอสูรยังเป็นของเผ่าปีก นีก็เห็นได้แล้วว่า แม้แต่สถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น . " ใบหน้าชายคนหนึ่งแสดงออกมาอย่างหยิ่งยโส
" แม่นางอีฉู่ปี่ เจ้าคอยดูเถอะ หากเผ่าปีกนั้นกำหราบเผ่าเสียงอสูรได้เมื่อใด ถึงเวลานั้นข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นทาสของข้า ข้ารู้ว่าร่างกายของเผ่าเสียงอสูรต้องไม่สามารถทนต่อการขมขืนที่รุนแรงได้ ข้าจะใข้งานทุกรูที่มีอยู่บนร่างของเจ้า ข้าจะทำกับเจ้าอย่างอ่อนโยนและจะไม่ฆ่าเจ้า " .
อีฉู่ปี่ร่างกายก็สั่นเทาเล็กน้อย นางมองไปยังชายคนด้วยความโกรธและสายตาของนางก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
" เจ้า มนุษย์นกปากเน่า ! " ฉื่อหยานตะโกนขึ้นมาอย่างเย็นชา
" เจ้ามนุษย์ , เจ้าเรียกข้าว่ายังไงนะ ? "
" เจ้ามนุษย์นก ! ! "
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ