บทที่ 234 วันนี้ต้องดีกว่าที่ผ่านมา
บทที่ 234 วันนี้ต้องดีกว่าที่ผ่านมา
เมื่อหัวของเซี่ยกุยระเบิด ต่อมานักรบที่เหลืออีไม่กี่คนภายในทอร์นาโด ก็ถูกฆ่าตายโดยเงาปีศาจยักษ์ทั้งสามตน
เงาปีศาจยักษ์ทั้งสามตนเข้าไปในหลุมแรงโน้มถ่วงและปลดปล่อยพลังงานเชิงลบออมาทำให้นักรบกลายเป็นเสียสติจากนั้้นมันก็ฆ่าพวกเขา
นักรบเหล่านี้เป็นเพียงนักรบในระดับปฐพีในทะเลเคียร่า พวกเขาไม่ได้ครองครองจิตวิญญานต่อสู้ หรือ วิชาและ อาวุธลับที่ทรงพลัง รวมกับที่พวกเขาถูกคุมขังโดยหลุมแรงโน้มถ่วง นั่นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาทำได้เพียงรอเวลาตายเท่านั้น
เซี่ยกุยร่างที่ไร้หัวของเขาล้มลง กระแสพลังที่ไหลออกมาจากร่าง ก็ถูกดูดซับเข้าไปในเส้นชีพจรของฉื่อหยาน.
" วุชชช "
มือของเขาคว้าด้ามดาบและดึงออกมาจากเท้าของเขา หลังจากนั้นฉื่อยานก็มองไปที่ีร่างไร้หัวของเซี่ยกุยด้วยสีหน้าดุร้าย " เจ้ากล้าที่จะยุ่งกับข้า ! ก็สมควรแล้วที่เจ้าจะตายเช่นนี้ "
ด้วยจิตวิญญานกายาแข็งและจิตวิญญานอมตะ ที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นักรบคนอื่นๆจะสามารถรับมือกับพลังและร่างกายที่แข็งแกร่งของฉื่อหยานได้
ในหมู่นักรบระดับเดียวกัน ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ในการต่อสู้ตัวต่อตัวแน่นอน
ด้วยพลังของจิตวิญญานอมตะ แผลที่เท้าซึ่งกระบี่ก็ค่อยๆสมานตัว
ฉื่อหยานก็เริ่มใช้ก้าวอัศนีและพุ่งไปที่พายุ และยืนอยู่ในนั้น พลังงานทั้งหมดจากร่างของนักรบที่ตกตายไปไหลเข้ามาในร่างของเขาที่ยังคงเปิดใช้จิตวิญญานกายาแข็็งอยู่
หลุมแรงโน้มถ่วงที่พันธนาการเหอซิงเหมินไว้ก็ค่อยๆหายไป เนื่องจากการมองเห็นของนางถูกปิดกั้นด้วยพายุราย ดังนั้น เมื่อนางเห็นฉื่อหยาน นางพยายามดิ้นรนและพูดออกมาอย่างเย็นชา " ปล่อยข้านะ ! "
ฉื่อหยานขมวดคิ้วและตะโกนออกมา " พวกมันตายไปหมดแล้ว เจ้ายังต้องการจะสู้กับข้าอีกรึ ? "
" ทุกคนตายหมดแล้วงั้นรึ ? " เหอซิงเหมิน ดวงตาคู่สวยของนางก็มองไปรอบๆด้วยความสับสน " ศิษย์พี่ของข้าอยู่ไน ? เจ้าไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่นอน ระดับการบ่มเพาะของเขาสูงกว่าเจ้า และเขายังสามารถเคลื่อนไหวใต้อย่างอิสระภายใต้พื้นทราย เจ้าไม่คู่ควรพอที่จะเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ "
" เจ้ากำลังพูดถึงเซี่ยกุ่ยใช่ไหม ? " ฉื่อหยาน ชี้ไปที่ร่างไร้หัวซึ่งอยู่ไกลออกไป " เขาอยู่ตรงนั้นไง ! ที่นี่นอกจากเจ้่าและข้าแล้ว ไม่มีใครมีชีวิตอยู่แล้ว ! "
เหอซิงเหมินตกใจ ร่างกายที่อ่อนโยนของนางรีบพุ่งไปที่ร่างของเซี่ยกุย
" อ๊าาาาาาาาาาาา ! " เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวก็ดังออกมาจากปากเหอซิงเหมิน
ด้วยความสับสน นางยืนอยู่ข้างร่างของเซี่ยกุย ครอบคลุมปากของนาง ดวงตาคู่สวยของนางเต็มไปด้วยความเศร้า ลดเสียงของนางและกล่าวว่า " เขาจะตายแล้ว ทุกคนตายหมดแล้ว ความหวังในอนาคตของดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ ผู้ที่จะเป็นผู้นำของดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ได้ตกตายไปหมดแลว . . . . . . . "
เหอซิงเหมินตะลึง ราวกับว่านางได้ถูกโจมตีอย่างหนัก นางดูตกใจเป็นอย่างมาก แล้วโดยที่นางไม่รู้ตัว นางก็เริ่มพึมพำคนเดียว . . . . . . .
ฉื่อหยานเองก็ยังไม่ได้รีบจากไป เขาก็ยังใช้จิตสำนึของเขาเพื่อค้นหาร่องรอยของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆรอบ ๆ
เขาไม่รู้ว่าเซี่ยกุยและเหอซิงเหมินแยกจากฉาวจื่อหลานมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เขาคิดว่าฉาวจื่อหลานและคนอื่นๆต้องอยู่ใกล้ๆนี้แน่นอน แม้ว่าเขาจะฆ่าทุกคนไปแล้วตอนนี้ แต่ก็ยังมีเหอซิงเหมินอยู่และ เค้ายังได้ดูดซับพลังมาเป็นจำนวนมากอีก
ในเวลานี้ แม้ว่าเขาอยู่ในสถาวะบ้าคลั่งในนภาที่สอง แต่พลังของเขาก็กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว พลังของเขาเริ่มที่จะส่งผลสะท้อนกลับและการป้องกันตัวของเขาก็อ่อนแอลง
ถ้าฉาวจื่อหลานอยู่ใกล้ๆ เขาจะต้องถอยหนีทันที เขาอย่างไม่อาจจะต่อสู้กับนางในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้
เขาหลับตาลง และค้นหาไปรอบๆอย่างเงียบๆ เพื่อให้มั่นใจว่ารอบๆตัวเขาไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอี เมื่อเขารู้สึกโล่งใจมากขึ้น เขาก็ค่อยๆ เดิน ไป ที่เหอซิงเหมิน " แล้วคนอื่นๆอยู่ที่ไหน "
" ใคร ? " เหอซิงเหมินค่อยๆ ยกหัวนางขึ้นและมองไปที่ฉื่อหยานด้วยใบหน้าที่โศกเศร้า
" แล้วฉาวจื่อหลาน กับ พานโจวหละ " ฉื่อหยานถามอีกครั้ง
" ข้าไม่รู้ " เหอซิงเหมินส่ายหน้า " เราถูกส่งออกมาจากรูปแบบโบราณ และต้องแยกทางกัน เจ้าเป็นคนแรกที่เราพบหลังจากมาถึงที่นี่ .
ฉื่อหยานยิ้ม สักพัก แล้วค่อยๆ พูดว่า " ดี ! ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นก็ ลาก่อน "
" นี่เจ้าจะไปไหน ? " เหอซิงเหมินถามเสียงดัง
" ข้าก็ไม่รู้ " ฉื่อหยาน หยุดสักพัก มองไปที่นาง" เพราะจุดยืนของเรานั้นขัดแย้งกัน เจ้าควรกลับไปที่ทะเลเคียร่าซะ การอยู่ในหุบเหวสนามรบเพียงลำพังนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก "
" เจ้าฆ่าศิษย์พี่ของข้า ข้าจะต้องแก้แค้นให้เขาแน่นอน " เหอซิงเหมินถอนหายใจ " ในเมื่อเจ้าฆ่าเขาแล้ว เจ้าก็ฆ่าข้าเสียเลยสิ ฉื่อหยาน ข้าไม่คิดจริงๆว่าพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นมาขนาดนี้ในเวลาอันสั้น ข้าจำได้ว่า เมื่อตอนที่เจ้าอยู่ที่เกาะศิลาดำ , เจ้าอยู่เพียงนภาที่สองของระดับหายนะเท่านั้น ถ้าหยางมู่ไม่ได้ช่วยเจ้าไว้ เจ้าก็คงจะ . . . . . . . "
ฉื่อหยาน เอาแต่เงียบ
" พวกเขาตายหมด เหลือเพียงข้าคนเดียวที่รอดชีวิต แล้วข้าพูดอย่างไรเมื่อข้าเจอกับพวกเขา ? " เหอซิงเหมินยิ้มอย่างเศร้าๆ
ฉื่อหยานส่ายหัวและถอนหายใจ " เจ้าไม่ควรมาที่หุบเหวสนามเลย "
" ข้าไม่ได้อยากมาเสียหน่อย " เหอซิงเหมินเบาๆ ส่ายหน้า และพูดอย่างไม่เต็มใจ ว่า " มันเป็นเพราะข้าได้รับคำสั่งมา ถ้าข้าไม่มา นั่นก็หมายความว่าข้าได้ขัดคำสั่งโดยตรง , ไม่เพียง แต่จะเกิดปัญหากับข้าเท่านัน แม้แต่ตระกูลของข้าเองก็คงประสบปัญหาด้วยเช่นกัน"
" อืมมมม… ? ถ้าเจ้าถูกเจอในระหว่างอยู่ที่นี่ ก็คงแก้ตัวไม่ง่ายสินะ " หน้าฉื่อหยานดูประหลาดใจและกล่าวว่า " บางที หยางมู่อาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่มาที่นี่ คนอื่นอาจจะไปยังเส้นทางอื่น ไม่มีใครรู้เลยว่าจะออกทะเลทรายที่เวิ้งว้างแห่งนี้เช่นไร และไม่มีแม้ระทั่งเบาะแสที่บ่งบอกว่าควรทำเช่นไรต่อ อืม.. เราควรจะแยกกันไปโดยเร็ว ถ้าคนอื่นรู้ว่าเข้าับขาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ด้วยกัน ข้าเกรงว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเจ้าแน่นอน . "
" ต่อให้พวกเขาไม่เห็นข้ากับเจ้าอยู่ด้วยกัน มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ข้าจะอยู่ร่วมกับพวกเขา. " เหอซิงเหมินเข็ญใจยิ้ม " ตอนที่เราอยู่ด้านนอกพระราชวัง ฉาวจื่อหลาน และพานโจวรู้เรื่องการต่อสู้ปลอมๆของข้าและหยางซู่และเป็นเพราะศิษย์พี่ของข้าและคนของข้ายังอยู่ พวกเขาจึงไม่ได้่ทำอะไร แต่ตอนนี้เหลือข้าเพียงคนเดียวแล้ว ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าพวกเขาจะทำอะไรข้าหรือไม่ "
ฉื่อหยานขมวดคิ้วและคิดเงียบๆ
หลังจากนั้น เขาก็พูดว่า " เจ้าและพวกเขาเป็นพันธมิตรกัน พวกเขาอาจจะโกรธเจ้าบ้าง แต่พวกเขาคงไม่ฆ่าเจ้าแน่นอน ไม่ต้องห่วง ด้วยเจ้าที่เป็นสหายที่ดีของซินยาน ข้าฉื่อหยาน จะไม่ทำร้ายเจ้า ไว้พบกันคร่าวหน้า ข้าต้องไปจริงๆแล้ว ดูแลตัวเองด้วย "
หลังจากการพูดเสร็จ , ฉื่อหยานก็หันหลังกลับและรีบจากไป โดยไม่ปล่อยให้เหอซิงเหมินมีใโอกาสที่ที่จะพูดคำใดๆออกมา
เขาดูดพลังของนักรบมาทั้งหมด 11 คน รวมทั้งเซี่ยกุย ตอนนี้เส้นชีพจรของเขาเริ่มกลั่นพลังเหล่านั้นแล้ว อารมณ์เชิงลบที่รุนแรงเริ่มกระจายไปทั่วร่างของเขา เขาเกรงว่าเขาอาจจะบ้าคลั่งและสูญเสียสติไป
เมื่อสูญเสียจิตใจของเขาไป เขาก็มีเพียง 2 ทางเลือกเท่านั้น คือ หลับนอนกับผู้หญิง หรือไม่ก็ พันธนาการตัวเองและเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด
ความสัมพันธ์ระหว่างเหอซิงเหมินและฉื่อยานนั้นไม่ได้เลวร้ายนัก เพราะนางเคยช่วยหยางซู่ และเสียสละตนเอง ฉื่อหยานจึงไม่สามารถทำอะไรที่เป็นสิ่งไม่ดีกับนางได้
นอกจากนี้ เหอซิงเหมินเป็นคนของดินแดนปีศาจมหัศจรรย์ เขาไม่อาจไว้ใจนางได้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่สามารถที่จะหมดสติข้างๆหญิงสาวคนนี้ได้
มันเสี่ยงเกินไป !
หลังจากทิ้งเหอซิงเหมินไว้ ฉื่อหยานก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนสายฟ้าฟาด ไปในทิศทางที่มีอุณภูมิร้อนที่สุดในทะเลทราย
เมื่อเคลื่อนไหวไปข้างหน้าในทะเลทราย เขากรู้สึกเจ็บที่เท้าของเขา ด้วยร่างกายที่อ่อนแอลง และบาดแผลที่เท้าซึ่งยังไม่สมานกันอย่างสมบูรณ์
ข้างในเส้นชีพจรของเขา พลังของเซี่ยกุยและนักรบเหล่านั้นกำลังกลั่นอย่างรวดเร็ว อารมณ์เชิงลบหลากลายกระจายไปทั่วจากในเส้นชีพจรของเขา
ฉื่อหยานพยายามที่จะอดทนต่อมัน
มันเป็นเหมือนเช่นเคย เพราะระดับของเขาในตอนนีคือระดับปฐพีทำให้เส้นชีพจรในร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้น อารมณ์เชิงลบที่ กระจายออกมาจากเส้นชีพจรของเขา มันไม่ได้ทำให้เขาบ้าคลั่งในทันที
เขายังคงสามารถลุกขึ้นยืนได้
เขาหายใจอย่างหนักหน่วงและใบหน้าก็กลายเป็นสีแดง เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ตอนนี้อารมณืเชิงลบ ไม่ได้ดึงเขาลงไปในหุบเหวไม่มีที่สิ้นสุดหรือทำให้เขาหมดสติแต่อย่างไร
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน
ภายในเส้นชีพจรของเขา มีพลังงานเชิงลบที่คุ้นเคยกระจายอยู่ ในร่างกายของเขามันกระจายไปทั่วจุดชีพจรทัง 720 จุดของเขา ทำจิตใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึนมา ฉื่อหยานรู้สึกได้ถึงพลังที่โคจรอยู่ภายใน มันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากเหมือนกับว่าเขากำลังแช่อยู่ในน้ำพุร้อน
เวลานี้ จิตวิญญานลึกลับของเขาไม่ได้ส่งอารมณ์เชิงลบใดๆออกมาอีก แต่กลับมีกระแสพลังลึกลับเป็นเส้นสายไหลมายังหัวใจของเขา
จิตวิญญานแห่งดวงดาว !
ฉื่อหยาน ม่านตาของเขาก็หดลง , ข่วยไม่ได้ที่เขาจะอุทานออกมา ทันทีโดยใช้ความคิดของเขาพลังและอารมณ์เชิงลบเหล่านั้นโคจรไปตามทิศทางที่เขาคิด
แต่น่าเสียดาย ที่หัวใจของเขากลับดูดซับพลังเหล่านั้นจนหมดไม่เหลือหลอ
เขาหยุดเคลื่อนไวลงทันที
ขบฟันแน่น , ฉื่อหยานส่งจิตสำนึกเข้าไปอย่างเงียบๆ ในเดียวกันเขาก็ค้นพบว่ามีดวงดาวมากมายปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา จิตวิญญานแห่งดวงดาวที่ตรงหัวใจข้างซ้ายของเขานั้นไม่อาจรวบรวมดาวในกลางของทะเลทราย และตัวเขาเองก็ไม่รู้วิธีที่จะกระตุ้นใช้จิตวิญญานแห่งดวงดาวด้วย แต่ตอนนี้พลังและอารมณ์เชิงลบกลับไหลเข้าไปที่มันเสียนี่
อย่างน้อย มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนัก เพราะเขานั้นไม่รู้วิธีที่จะควบคุมจิตวิญญแห่งดวงดาวของพรรคสามเทพ ดังนั้นจิตวิญญานแห่งดวงดาวจึงนับได้ว่าไร้ประโยชน์ และมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเลย
" วุชช "
แกนเพลิงก็ลอยออกมาจากแหวนสายโลหิต หลังจากที่พบว่าไม่มีใครอยู่รอบๆฉื่อหยาน มันก็ลอยออมาเองโดยปราศจากคำสั่งของฉื่อหยาน
เป็นเหมือนกับแสงไฟที่เจิดจ้า แกนเพลิงเริ่มลอยนำไป มันตั้งหน้าตั้งตาลอยไปยังทิศทางที่มีอุณภูมิสูงที่สุดในทะเลทราย
ฉื่อหยานก็เดินตามมันไป
เขาไม่มีนั้นไม่รู้ทิศทางหรือทางออกจากทะเลมทรายแห่งนี้ ดังนั้น แกนเพลิงอาจนำเขาไปสู่ทางออกที่เขาไม่รู้และในสถานที่ ที่ทำให้แกนเพลิงตื่นเต้นเช่นนี้ อาจจะมีบางอย่างที่ทำให้เขาประหลาดใจก็เป็นได้
ด้วยความคิดนี้ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่ามันจะพาเขาไปไน เขาก็ยังตามมันไปอย่างเงียบๆ
เวลาล่วงเลยไป . . . . . . .
ในทะเลทราย เขาไม่รู้ว่าว่าผ่านมานานเท่าใดเขายังคงเดินตามแกนเพลิงอย่างต่อเนื่อง ,ทั้งนี้ เขานั้นได้กินเม็ดยาฟื้นฟูไปสามครั้งแล้วเพราะพลังปราณลึกลับของเขานั้นเหือดแห้ง
พลังปราณลึกลับของเขาทั้งหมดใช้ไปกับการเดินตามอย่างต่อเนื่องและเขาก็ได้กินเม็ดยาฟืนฟูจนพลังของเขากลับมาเต็มไปทั้งสิ้น 3 ครั้งแล้ว ฉื่อหยานเดาว่าเขาคงมีเม็ดยาพอที่จะใช้อีกเพียงครึ่งเดือนเท่านัน
สถานที่แห่งนี้แปลประหลาดเป็นอย่างมาก ไม่มีแม้กระทั่งดวงจันทร์หรือท้องฟ้าในยามค่ำคืน มันมีเพียงท้องฟ้าสีแดงสดตลอดเวลาเท่านั้น
หลังจากเดินทางมาอย่างยาวนาน ระยะห่างจากจุดที่ร้อนแรงที่สุดในทะเลทรายก็เริ่มใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แกนเพลิงดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ฉื่อหยานสัมพัสได้ถึงจิตสำนึกของมันที่สั่นไหว
แต่ฉื่อหยานนั้นอ่อนล้าเป็นอย่างมาก
เมื่อเริ่มเข้าใกล้จุดที่ร้อนที่สุด ความร้อนที่รุนแรงก็โจมตีร่างกายของเขาซึ่งเขาที่เคยรับการปรับแต่งด้วยเปลวไฟนภามาแล้ว แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากมันและยังไม่สามารถใช้พลังปราณลึกลับเพื่อป้องกันความร้อนได้อีกด้วย
วิ่งอย่างนี้มาเรื่อยๆ เมื่อความอดทนของเขากำลังจดหมดลง จู่ๆแกนเพลิงก็สั่นไหวด้วยความสุข ในที่สุดสถานที่ที่แกนเพลิงต้องมานั้นก็ปรากฏขึ้นในสายตาของฉื่อหยาน . . . . . .
_______________________________________
ปัจจุบันเรื่องนี้แต่งไปจนถึงตอนที่ 1394 แล้วนะคะ มี 30 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 50 ตอน หากสนใจอ่านติดตามได้ที่เพจด้านล่างเลยค่ะ
ติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เพจของเรา >>GOS เทพเจ้าล่าสังหาร << ฝากกดไลท์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยครับ