ตอนที่ 19 วันปักปิ่น
“ไม่ยุติธรรม ทีข้ายังบอกเจ้าทั้งหมดเลย ไม่รู้ล่ะอย่างไรเจ้าต้องบอกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ”ด้วยความอยากรู้ลี่อินจึงเขย่าตัวน้องสาวอย่างงอนๆ
“ได้ๆ ข้าบอกท่านก็ได้ หยุดเขย่าได้แล้ว”ลี่หลินยอมแพ้
“ท่านเอียงหูมาสิ”
“อืมๆ”
จากนั้นลี่หลินจึงกระซิบบอกชื่อเขาคนนั้นที่ริมหูนาง ลี่อินพอได้ยินก็เบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ
“จริงหรือเป็นเขาจริงหรือ”ลี่อินสงสัย น้องสาวนางไปรู้จักเขาได้อย่างไร ขนาดนางได้ก็ยินแค่ชื่อเสียงของเขาเท่านั้น
“ใช่แล้ว”
“เจ้ารู้จักเขาได้อย่างไร ได้ยินว่าเขาเร้นกายจากโลกภายนอกตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ”
“ใครๆก็รู้จัก ถึงข้าจะป่วยไม่เคยได้ไปไหน แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงของเขาบ้าง ได้ยินมาว่า เขาอ่อนโยนสง่างาม เป็นหมอเทวดา ชอบช่วยเหลือผู้คน แค่ได้ยินข้าก็รู้สึกชอบเขาแล้ว ตอนนี้ข้าอยากเห็นตัวจริงของเขาจริงๆ”ที่จริงเธอชอบคนนี้จากตอนอ่านนิยายเรื่องนี้ต่างหาก เขาคือผู้ชายในอุดมคติของเธอชัดๆ ในเมื่อเธอมาโผล่ในเนื้อเรื่องนิยายนี้แล้ว เธอจะต้องไปพบเขาตัวเป็นๆให้ได้!
ลี่อิน “…..”
เวลาผ่านไปไวอย่างโกหก พรุ่งนี้ก็ถึงวันเข้าพิธีปักปิ่นของลี่หลินแล้ว ช่วงที่ผ่านมาเธอก็ยังฝึกหนักเหมือนเดิม แต่ดีตรงที่บางครั้งหรงจวิ้นหลานต้องลงจากเขาไปจัดการธุระของเขาหลายวันกว่าจะกลับมา ทำให้เธอได้หายใจคล่องคอหน่อย ส่วนคนที่มาฝึกเธอแทนนั้นเป็นองครักษ์ของหรงจวิ้นหลานที่มีนามว่าซือยี่ ซือยี่เป็นคนขี้เล่นทำให้เธอไม่กดดันเวลาที่ฝึกกับเขา
ส่วนทางลี่อินนั้นได้ยินว่านางไปคุกเข่าขอร้องหรงจวิ้นหลานเป็นเวลาสามวันสามคืนไม่ดื่มไม่กินไม่นอน เพื่อขอให้เขารับนางเป็นศิษย์เพิ่มอีกคน ตอนนั้นเธอได้ยินยังรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ลี่อินบอกเธอว่าจะขอพยายามเพื่อตัวเอง เธอจึงไม่ได้สอดมือเข้าช่วยเหลือ ยังดีที่หรงจวิ้นหลานยอมรับปากแต่ก็บอกว่าให้นางเป็นแค่ลูกศิษย์ธรรมดาเท่านั้นเพราะเขามีศิษย์เอกอยู่แล้ว ลี่อินก็ยอมรับ ไม่ได้ว่าอะไรออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เขายอมรับนางเป็นศิษย์
ส่วนเธอกับลี่อินนั้นนับวันยิ่งสนิทสนมกันกว่าเดิมมากยิ่งกว่าพี่สาวน้องสาว คล้ายเป็นเพื่อนสาวกันมากกว่า แต่ล่ะวันก็ฝึกวรยุทธด้วยกัน ตอนว่างๆก็เม้าท์มอยกันเรื่องความรัก นางก็พูดเรื่องของหรงจวิ้นหลาน ส่วนเธอก็พูดเรื่องของคนผู้นั้น ทำให้ทั้งสองเหมือนเพื่อนสมัยเรียนที่เอาแต่คุยเรื่องหนุ่มหล่อกันมากกว่า
พอวันรุ่งขึ้นลี่หลินก็ลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อทำพิธีปักปิ่น วันนี้เธอใส่ชุดแขนกว้างสีชมพูพลิ้วไหว ปักลวดลายดอกเหมยดูสดใสน่ารัก ตอนนี้เธอนั่งปล่อยผมสยายอยู่หน้าคันฉ่อง มารดาของเธอกำลังเกล้าผมของเธอขึ้นพร้อมกับปักปิ่นลงไปอย่างแผ่วเบา
หึหึ ฉันกลายเป็นสาวอีกครั้งแล้ว!
เหมยซูมองบุตรสาวด้วยความปลื้มใจ อดพูดหยอกเย้านางไม่ได้“เจ้าเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ ต่อไปนี้ทำอะไรก็ระวังให้มาก อย่าทำตัวเหมือนเด็กๆอย่างที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้นไม่มีใครมาสู่ขอเจ้าแล้วเจ้าจะร้องไห้ไม่ออก”
“โธ่ ท่านแม่ไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ ถ้าข้าแต่งไม่ออกก็แค่มาอยู่กับท่านพ่อท่านแม่ตลอดชีวิตก็สิ้นเรื่อง”ลี่หลินตอบทีเล่นทีจริง
“เจ้านี่นะ ทำเป็นพูดไป พ่อกับแม่ก็แก่ตัวลงไปเยอะแล้วจะอยู่กับเจ้าได้นานเท่าไหร่ หาคู่ครองดีๆไว้คอยดูแลเจ้าตลอดชีวิตนั่นแหละดีที่สุด”
“ท่านแม่ไม่ต้องคิดมากดูน้องเล็กสินับวันยิ่งสวยน่ารักขึ้น ขนาดข้ายังยอมแพ้เลย ชายหนุ่มที่ได้เห็นต้องตกหลุมรักนางแน่นอน”ลี่อินกล่าวสัพยอก
“แต่ดูนิสัยของน้องสาวเจ้าสิ กระโดกกระเดกไม่เรียบร้อยไม่มีความเป็นกุลสตรีเหมือนเจ้าเลย จะมีชายหนุ่มมาสนใจจริงหรือ แม่ล่ะเป็นห่วงนัก”
ลีหลินกลอกตาไปมารีบพูดตัดบท“เจ้าค่ะๆ ข้าทราบแล้ว ในวันข้างหน้ารับรองว่าท่านจะได้บุตรเขยที่รูปหล่อสง่างามแน่นอนเจ้าค่ะ”
ทุกคนในที่นั้นพากันหัวเราะ เหมยซูตีบุตรสาวเบาๆแต่ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้เหมือนกัน
หลังจากพิธีผ่านพ้นไป ทุกคนกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน จู่ๆซือเย่ก็เดินเข้ามาพร้อมกับคำสั่งที่ทำให้ทุกคนหมดอารมณ์สนุกในทันที
“แม่นางลี่หลิน แม่นางลี่อิน นายท่านสั่งมาว่าให้พวกท่านรีบเก็บข้าวของเตรียมตัวให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะเดินทางลงจากเขาแล้ว”
“อะไรกัน! รีบขนาดนั้นเชียวหรือ”ลี่หลินอุทานออกมา เจ้าคนบงการนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่หุบเขาจิงลั่วแท้ๆ ยังจะรีบไปไหนอีก
“นายท่านสั่งมาแบบนี้ ห้ามขัดแย้งโดยเด็ดขาด ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน”พูดจบซือเย่ก็หมุน ตัวเดินออกจากห้องทันที
“…..”
ลี่หลินกับลี่อินมองหน้ากัน อะไรจะเร่งรีบขนาดนั้น มองไปทางมารดาและเหล่าญาติทั้งหลายทุกคนล้วนแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา
เธอและลี่อินพากันพูดปลอบใจทุกคน และสัญญาว่าจะกลับมาที่หุบเขาบ่อยๆ ทุกคนจึงยอมพากันแยกย้ายจากไป