บทที่ 36 คงเป็นฝีมือเย่โม่
ซู่เวยพยักหน้าตอบ “ใช่ เย่โม่บอกเธอหรือ? แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าเธอชื่ออะไร?”
“ฉันชื่อหนิงชิงเชวี่ย ฉันอยากถามอะไรสักหน่อย… เธอรู้ไหมว่าเย่โม่ไปไหน? ทำไมจนป่านนี้เขายังไม่กลับมาอีก?” จากที่หนิงชิงเชวี่ยเห็น เย่โม่กับซู่เวยอยู่ด้วยกัน ถ้าเย่โม่ไปที่ไหนซู่เวยก็ต้องรู้แน่นอน
“เย่โม่? ฉันเองก็ไม่ได้เจอเขามา 2 วันแล้ว เขาไม่ได้อยู่กับเธอหรือ?” ซู่เวยถามกลับด้วยความประหลาดใจ เธอคิดในใจว่าหาแฟนตัวเองไม่เจอ แล้วจะมาถามเธอทำไม?
“อยู่กับฉัน?” หนิงชิงเชวี่ยก็ประหลาดใจเช่นเดียวกับซู่เวย เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป เหมือนกับว่าเรื่องราวจะต่างจากที่เธอจินตนาการไว้เสียแล้ว เธอมองดูสีหน้าของซู่เวยแล้วได้แต่พูดว่า “เธอเป็นแฟนของเขา เธอไม่ได้อยู่กับเขางั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินหนิงชิงเชวี่ยพูดแบบนั้นใบหน้าของซู่เวยก็แดงขึ้นและรู้สึกรำคาญเล็กน้อย ทว่าหนิงชิงเชวี่ยก็สวยขนาดนี้ อีกทั้งดูจากลักษณะท่าทางนั้นแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเธอแสดงท่าทีโกรธเคืองไปตรงๆ ก็คงจะไม่ดี จึงได้แต่พูดเสียงเย็น “ฉันไปเป็นแฟนเขาตอนไหนกัน แปลกนะ…เธออยู่กับเขาในห้องทุกวันแล้วยังมาบอกว่าฉันเป็นแฟนเขาอีก นี่มันจะแปลกเกินไปแล้ว”
หนิงชิงเชวี่ยถามอย่างประหลาดใจ “อะไรนะ? ทุกคืนเย่โม่ไม่ได้ไปอยู่กับเธองั้นหรือ?”
ดูแล้วเหมือนหนิงชิงเชวี่ยจะไม่ได้มีเจตนาพูดโกหก ซู่เวยจึงตอบ “พวกเราก็แค่เช่าห้องอยู่บ้านเดียวกันเท่านั้น ที่จริงแล้วพวกเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก หรือว่าเธอไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับเขา?”
ตอนนี้หนิงชิงเชวี่ยเข้าใจแล้วว่าเธอเข้าใจเย่โม่ผิดไป แต่ถ้าเย่โม่ไม่ได้อยู่กับเธอหรือซู่เว่ยล่ะก็ แล้วเขาจะไปอยู่ที่ไหนได้? คงเป็นโรงแรมล่ะมั้ง ถึงยังไงตอนนี้เขาก็เป็นคนมีเงินแล้ว
“อ่า...เขาคงจะไปอยู่โรงแรม แต่ไม่รู้ว่าวันนี้เขาไปไหนทั้งวันเลย” หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกอายเล็กน้อยที่เข้าใจเย่โม่ผิดอยู่บ้าง
“อยู่โรงแรม? เป็นไปไม่ได้หรอก ปกติฉันจะตื่นก่อน 6 โมงเช้า ทุกเช้าฉันก็เห็นเขาอยู่ในสวน...” คำพูดของซู่เวยชะงักไปทันที ถ้าเธอพูดแบบนี้ก็เหมือนกับจะชี้ชัดว่าเย่โม่อยู่กับหนิงชิงเชวี่ยไม่ใช่หรือ? ในเมื่อตัวหนิงชิงเชวี่ยเองไม่อยากจะยอมรับ แล้วเธอจะพูดไปทำไมเล่า
ซู่เวยที่หยุดคำพูดของตัวเองกลางคันพูดขึ้นอย่างอายๆ “นั่นแหละ บางที... บางทีเขาอาจจะอยู่โรงแรมจริงๆ ก็ได้ ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะ”
แน่นอนว่าหนิงชิงเชวี่ยเข้าใจความคิดของซู่เวย เธอจึงรีบดึงซู่เวยไว้แล้วพูดขึ้นอย่างอึดอัดเล็กน้อย “ขอโทษนะ…ซู่เวย ฉันไม่ได้อยู่กับเขาจริงๆ แต่เขาจะมาอยู่ในสวนนี้ทุกเช้าก่อน 6 โมงได้อย่างไรกัน?”
เดิมทีซู่เวยนั้นรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าหัวเราะอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นว่าหนิงชิงเชวี่ยเหมือนไม่ได้กำลังโกหกอยู่ เธอจึงขมวดคิ้วแล้วคิดว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไปหน่อยแล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้คนที่คิดถึงมันรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา หรือว่าเย่โม่จะเป็น... เธอไม่กล้าคิดต่อแล้ว
ทันใดนั้นซู่เวยก็คิดอะไรขึ้นมาได้จึงพูดขึ้นทันที “เจ้าของบ้านติดกล้องวงจรปิดไว้ข้างหน้าและข้างหลังสวน จอมอนิเตอร์ตั้งอยู่ในห้องเก็บของ ฉันจะพาเธอไปดู”
เมื่อหนิงชิงเชวี่ยได้ยินว่ามีกล้องวงจรปิด เธอก็รีบตามซู่เวยไปยังประตูห้องเก็บของที่อยู่ตรงมุม ของห้องนั่งเล่น ภายในห้องเต็มไปด้วยข้าวของมากมาย หนิงชิงเชวี่ยอยู่ที่นี่มาก็นานแล้ว แต่เธอไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่มีห้องเก็บของอยู่ ภายในมีจอมอนิเตอร์อยู่อันหนึ่งแต่กลับเต็มไปด้วยฝุ่น อีกทั้งยังถูกปิดสวิตซ์ไฟเอาไว้ด้วย
ทั้ง 2 คนกดเปิดหน้าจอขึ้นมา พบว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่ 2 ภาพ ภาพหนึ่งฉายประตูใหญ่ของสวน ส่วนอีกภาพหนึ่งเป็นด้านหลังของสวน ดูท่าแล้วเจ้าของบ้านจะละเอียดรอบคอบน่าดู เมื่อเปิดภาพที่บันทึกไว้ล่าสุดก็พบกับภาพที่เย่โม่ออกไปข้างนอกทุกเช้า แต่ไม่เห็นว่าเย่โม่จะออกไปที่ไหนตอนเย็นเลย
เมื่อพวกเธอเปลี่ยนไปดูกล้องด้านหลัง ก็ได้พบทันทีว่าเย่โม่มักจะนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ตอนกลางคืน นอกจากบางครั้งที่เขามานอนบนพื้นหินใต้ชายคากันฝนสัก 2-3 ชั่วโมง เวลาส่วนใหญ่เขาจะนอนบนต้นไม้
นี่เขานอนบนต้นไม้มาตลอดเลยหรือ? หนิงชิงเชวี่ยและซู่เวยเงยหน้าขึ้นมามองตากันด้วยความตกใจ ซู่เวยคิดขึ้นมาได้ทันทีว่าแล้วถ้าวันที่ฝนตกล่ะ ถ้าซู่เวยคิดได้ หนิงชิงเชวี่ยก็คิดได้เช่นกัน จำได้ว่าสัปดาห์ก่อนมีอยู่วันหนึ่งที่ฝนตกหนักมาก พวกเธอรีบเปลี่ยนภาพไปช่วงที่ฝนตกวันนั้น ที่ทำให้พวกเธอตกใจก็คือเย่โม่ยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่เหมือนเดิม แต่คล้ายกับว่ารอบตัวเย่โม่เกิดเป็นม่านฝนล้อมรอบ พวกเธอมองได้ไม่ชัดเจนทำให้คิดไปว่ากล้องวงจรปิดคงมีปัญหาแล้ว ผ่านไป 1 ชั่วโมงให้หลังเย่โม่จึงเดินออกจากใต้ต้นไม้ต้นนั้นแล้วไปนอนบนพื้นหินแทน
ซู่เวยถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหวคนหนึ่ง เมื่อได้เห็นเย่โม่ไม่มีที่จะอยู่แบบนี้เธอก็รู้สึกไม่ชอบหนิงชิงเชวี่ยขึ้นมา น้ำตาของเธอไหลออกมา คิดในใจว่าเย่โม่ช่างน่าสงสารจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ถึงจะเกิดมาหน้าตาดีนิดหน่อย แต่เธอก็ไม่มีสิทธิไปทำแบบนี้กับเย่โม่นะ! ยัยปีศาจจิ้งจอก!
ซู่เวยปาดน้ำตาแล้วกวาดตามองหนิงชิงเชวี่ยครั้งหนึ่ง เธอไม่อยากอยู่ที่เดียวกับผู้หญิงคนนี้แล้ว จากนั้นซู่เวยก็หันหลังเดินออกจากห้องเก็บของไปโดยไม่พูดอะไรอีกเลย
ซู่เวยเดินออกไปแล้ว…อันนี้หนิงชิงเชวี่ยรู้ ซู่เวยรู้สึกเป็นศัตรูกับเธอ…อันนี้เธอก็รู้แล้วเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้สายตาของเธอยังคงจ้องมองไปที่เย่โม่ที่กำลังนอนอยู่บนพื้นหินอยู่ เธอรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที แต่เป็นความเจ็บปวดอีกรูปแบบที่ต่างจากของซู่เวย
เขามีเงินมากขนาดนั้น ทำไมไม่ไปนอนโรงแรมแต่กลับมาอยู่คนเดียวใต้ต้นไม้ใหญ่คืนแล้วคืนเล่ากัน? แม้ว่าเขาจะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ตอนฝนตกเขาก็ควรมาหลบใต้ชายคาสิ อีกอย่างถ้าเขาอยากจะมานอนห้องเดียวกัน เธอจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ที่เธอมาที่นี่ก็เพื่อนอนห้องเดียวกันกับเขาด้วยซ้ำ
การร้องไห้ของซู่เวยเมื่อครู่ทำให้หัวใจของหนิงชิงเชวี่ยราวกับจะแข็งค้างไป เธอรู้สึกว่าเย่โม่จะขี้งกเกินไปแล้ว ถึงในใจของเธอเองจะรู้สึกไม่ดีนัก แต่เธอก็คิดถึงประโยคหนึ่งขึ้นมาได้ ‘คนที่น่าสงสารมักจะมีจุดที่น่ารังเกียจเช่นกัน’ ตัวหนิงชิงเชวี่ยก็ไม่รู้เช่นกันว่าเย่โม่เองก็คิดเช่นเดียวกันนี้กับเธอ
หนิงชิงเชวี่ยถอนหายใจ หรือที่เขาประหยัดเงินขนาดนี้ก็เพราะเมื่อก่อนเขาจนมากกันนะ? ถึงแม้การที่เย่โม่จะออกจากห้องไปเพื่อให้หนิงชิงเชวี่ยนอนนั้นจะทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วเธอยังรู้สึกว่าเป็นเพราะเขาเห็นแก่เงินห้าแสนหยวนของเธอมากกว่า
กล้องวงจรปิดเปลี่ยนภาพเป็นเมื่อคืนวาน เย่โม่ยังคงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่ครึ่งคืน พอเวลาล่วงเลยจนถึงตี 1 เขาก็นอนลงบนพื้นหิน
แต่ภาพถัดมาที่หน้าจอแสดงออกมานั้นทำให้หนิงชิงเชวี่ยเกือบจะกรีดร้องออกมา
ปรากฏร่างของซ่งเฉ่าเหวินปีนกำแพงเข้ามาข้างใน อีกทั้งยังมีลูกสมุนทั้ง 2 ของเขาด้วย หนิงชิงเชวี่ยหวนนึกถึงโทรศัพท์จากหลี่มู่เหมยเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาทันที ไม่ใช่ซ่งเฉ่าเหวินตายไปแล้วหรือ? แล้วทำไมคืนก่อนถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้?
คิดถึงตรงนี้หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที แต่ภาพเหตุการณ์หลังจากนั้นก็ทำให้เธอเข้าใจเรื่องราวได้ทั้งหมด เย่โม่ที่นอนอยู่บนพื้นหินพูดคุยกับพวกซ่งเฉ่าเหวินอยู่ 2-3 ประโยค จากนั้นซ่งเฉ่าเหวินและพรรคพวกทั้ง 2 คนก็พาเย่โม่ไป จากนั้นสถานการณ์ก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
หนิงชิงเชวี่ยไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ดูท่าว่าเย่โม่และพวกของซ่งเฉ่าเหวินคงมีข้อตกลงอะไรกันซักอย่าง จึงได้จากไปพร้อมกันแบบนี้ ปกติแล้วในเมื่อซ่งเฉ่าเหวินมาถึงที่นี่ แต่กลับไม่ได้เอาตัวเธอไปด้วย แล้วทำไมถึงได้จากไปง่ายๆ แบบนี้ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ซ่งเฉ่าเหวินตามหาที่นี่จนเจอ นี่มันบ้าไปแล้ว แค่คิดหนิงชิงเชวี่ยก็รู้สึกกลัวแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเย่โม่แล้วเรื่องราวจะออกมาเป็นยังไงกัน? เธอไม่กล้าจะคิดต่อ
รถของซ่งเฉ่าเหวินร่วงตกหน้าผาไป แล้วเย่โม่จะเป็นอะไรหรือเปล่า? หนิงชิงเชวี่ยรู้สึกกระวนกระวายใจจนทนไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาหลี่มู่เหมยทันที
“มู่เหมย…เธอบอกว่าพวกซ่งเฉ่าเหวินตายหมดทั้ง 3 คน แล้วในรถยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า?” นี่คือสิ่งที่หนิงชิงเชวี่ยอยากจะรู้มากที่สุด ถึงแม้เย่โม่จะเอาเงินของเธอไปห้าแสนหยวน ถ้าเกิดว่าเย่โม่ต้องมาตายเพราะเงินพวกนี้ เธอรับไม่ได้แน่นอน อีกอย่าง…คนพวกนี้ก็มาเพราะเธอ เย่โม่เป็นแค่ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเท่านั้นเอง
“ไม่มีนะ เกิดอะไรขึ้น? ในรถก็มีแค่พวกเขา 3 คนเท่านั้น ทางนิติเวชพิสูจน์แล้ว ตอนนี้ตระกูลซ่งกำลังวุ่นวายอยู่ ชิงเชวี่ย…เธอไม่ต้องคิดมากไปหรอก ไว้พรุ่งนี้ฉันจะไปอยู่ด้วย” หลี่มู่เหมยปลอบใจ
หลังวางสาย ใจของหนิงชิงเชวี่ยก็ยังไม่อาจสงบลงได้ วิดีโอเทปนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจให้คนอื่นรู้เด็ดขาด คิดถึงตรงนี้หนิงชิงเชวี่ยก็รีบหยิบแฟลชไดรฟ์ของตัวเองขึ้นมาก็อปปี้คลิปวิดีโอชุดนี้ทันที จากนั้นก็ลบไฟล์ออกจากคอมพิวเตอร์ ทำเสร็จแล้วเธอจึงค่อยรู้สึกวางใจลงบ้าง
แต่เธอก็คิดได้อีกอย่างหนึ่ง หากตระกูลซ่งรู้ว่าซ่งเฉ่าเหวินมาที่หนิงไห่ล่ะ? ถ้าพวกเขาตรวจสอบดูล่ะก็ คลิปวิดีโอชุดนี้คงถูกกู้คืนกลับมาได้แน่นอน หนิงชิงเชวี่ยตกสู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้ว เธอแน่ใจแล้วว่าการตายของซ่งเฉ่าเหวินต้องเกี่ยวข้องกับเย่โม่แน่ แต่รถของซ่งเฉ่าเหวินร่วงลงหน้าผาจากทางด่วนเฟิงจิ้น ตระกูลซ่งคงสืบสาวมาไม่ถึงเธอหรอก