บทที่ 318 สังหารทั้งตระกูล
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“ก็ได้!”
เจียงอี้พยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเล แต่ก่อนที่จะออกไป เขาก็หันมากล่าวกับซูรั่วเสวี่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“รั่วเสวี่ย ข้าสัญญาว่าจะทำในสิ่งที่เจ้าต้องการและรับประกันได้เลยว่าอาทั้งสองคนของเจ้าจะต้องถูกจับมาลงโทษอย่างแน่นอน เพียงแต่… เจ้าต้องสัญญาด้วยเช่นกันว่าจะพักอยู่ที่นี่และห้ามฝืนสังขารเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
ซูรั่วเสวี่ยหยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย จากนั้นนางก็หลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าและผล็อยหลับไป
เมื่อเห็นว่าถึงคราวของตนแล้ว แม่ทัพหลูก็ค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้และต้องการที่จะเป็นผู้นำทางให้กับเจียงอี้ แต่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายนั้นจะเผยสีหน้าอันเย็นชาและชิงกล่าวขึ้นมาก่อน
“ท่านอยู่ที่นี่แหละ แล้วก็นำกำลังทหารมาอารักขาวังหิมะเลื่อนลอยแห่งนี้รวมไปถึงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยด้วย… ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับพวกนางแม้แต่ปลายผม ข้าจะทำการกวาดล้างทหารของอาณาจักรต้าเซี่ยทั้งหมดด้วยมือข้าเอง! เข้าใจหรือไม่?”
“ขะ เข้าใจแล้วขอรับ!”
แม่ทัพหลูพยักหน้าหงึกๆราวกับลูกไก่ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเพลิงโทสะที่กำลังคุกรุ่นในหัวใจของเจียงอี้รวมไปถึงความรักที่มีต่อซูรั่วเสวี่ย
โดยไม่รอช้า เขารีบสั่งให้ทหารมาอารักขาวังหิมะเลื่อนลอยอย่างหนาแน่น และส่งผู้ใต้บังคับบัญชาบางส่วนตามเจียงอี้เข้าไปในเมือง
ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ต้องการผู้นำทางเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเจียงอี้ออกจากวัง เขาก็ได้ยินเสียงรบราฆ่าฟันมาแต่ไกล ตอนนี้สภาพบ้านเมืองอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย เสียงเด็กน้อยพากันร้องระงมด้วยความหวาดกลัว สถานการณ์ในตอนนี้ดูยุ่งเหยิงยิ่งกว่าตอนที่ทัพพันธมิตรบุกมาเสียอีก
“บัดซบ!”
เจียงอี้ก่นด่าออกมาก่อนที่จะพุ่งเป็นเส้นตรงไปยังศูนย์กลางของความโกลาหล
ดาวดวงแรกในตันเทียนของเจียงอี้ได้รับการแปรสภาพแล้ว เมื่อนับรวมพลังของดาบมังกรเพลิง เขาจะสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่เทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าเลยทีเดียว
แต่ในด้านความเร็วนั้นด้อยกว่ามาก มันเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่เขาก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่สิบห้านาทีก่อนที่จะไปถึงยังบริเวณที่มีการสู้รบ
เจียงอี้ยืนอยู่บนหลังคาของภัตตาคารแห่งหนึ่งและใช้สายตากวาดมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงจัตุรัสด้านล่าง
ในสายตาของเขา บ้านเรือนไม่น้อยกว่าสองร้อยหลังถูกทำลายไป อีกทั้งยังมีศพคนธรรมดาอีกนับพันที่นอนเกลื่อนอยู่บนถนน
เมื่อเห็นภาพเหล่านี้ เจียงอี้ก็โกรธแค้นถึงขีดสุดและตะเบ็งเสียงคำราม
“พวกเจ้าทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้น… ข้าจะฆ่าอย่างไร้ปรานี!”
เสียงคำรามของเจียงอี้นั้นดังสนั่นไปทั่ว แต่ราวกับว่าเสียงของเขานั้นไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม หลังจากที่กลุ่มคนจำนวนมากหยุดชะงักไปเพียงชั่วครู่ พวกเขาก็เริ่มเข้าโรมรันกันอีกครั้ง
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จ้องมองมายังเจียงอี้ด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้นเองหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวก็ปล่อยการโจมตีด้วยแก่นแท้พลังใส่เขา
“เจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?!”
ความโกรธเกรี้ยวของเจียงอี้พุ่งทะยานสู่จุดสูงสุด เขากระโดดลงมาจากหลังคาพร้อมกับกลิ่นอายสังหารอันน่าสยดสยองที่พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขา
ในขณะเดียวกันดาบมังกรเพลิงในมือก็เริ่มส่องแสง พริบตาเดียวมังกรเพลิงสองตัวก็ถูกปลดปล่อยออกมาและแหวกว่ายอยู่กลางอากาศพร้อมกับแรงกดดันอันเย็นยะเยือก
“พวกเจ้าไม่เชื่อใช่ไหมว่าข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมด?”
ครั้งนี้เจียงอี้กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบ แต่รัศมีของเจตจำนงสังหารที่ปะทุออกมานั้นได้ทำให้การเคลื่อนไหวทั้งหมดของกลุ่มคนที่กำลังต่อสู้กันต้องหยุดชะงัก ในขณะเดียวกันสีหน้าของพวกเขาก็เผยความกลัวออกมาตามสัญชาตญาณ
บรรดาคนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังที่อ่อนแอต่างก็ทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้นอย่างไร้แรงต้านและรู้สึกหายใจไม่ออกเนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงกดดันที่พุ่งเข้ามาได้
“เจียงอี้หรือ?”
“เจียงอี้!”
“เป็นใต้เท้าเจียง?!”
เสียงตะโกนชื่อของชายผู้หนึ่งทำให้การแสดงออกทางสีหน้าของซูเหิงและซูอวี่แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
อาณาจักรต้าเซี่ยในตอนนี้หลงเหลือนักสู้ระดับผู้เชี่ยวชาญอยู่อีกไม่มากนัก หากเจียงอี้เกิดคลั่งขึ้นมา เขาสามารถสังหารคนทั้งเมืองได้อย่างง่ายดาย
ตึง!
เจียงอี้กระโดดลงมากลางสนามรบ ซึ่งทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบเงียบปากโดยสมบูรณ์ แม้แต่เหล่าเด็กน้อยที่อยู่ห่างออกไปก็หยุดร้องไห้
“ใต้เท้าเจียง ท่านมาทันเวลาพอดี!”
ซูเหิงมีการตอบสนองที่เร็วกว่าก้าวหนึ่งและรีบร้องตะโกนออกมา
“ใต้เท้า ท่านรีบมาช่วยพวกเรากำจัดพวกทรยศเร็วเข้า! ซูอวี่ได้วางแผนก่อกบฏ อีกทั้งยังต้องการที่จะสั่งหารข้าและองค์หญิงรั่วเสวี่ยเพื่อกำจัดเสี้ยนหนามในแผนการขึ้นครองบัลลังก์ของตน ท่านจะต้องจับมันมาประหาร!”
“เหลวไหลทั้งเพ!”
เมื่อซูอวี่ได้ยินเช่นนั้น เขาก็หน้าถอดสีทันทีและรีบเอ่ยแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ซูเหิง เป็นเจ้าต่างหากที่อยากจะครอบครองบัลลังก์! ส่วนข้านั้น…”
ฟิ้ว!
แต่ก่อนที่ซูอวี่จะได้ทันพูดจบ เจียงอี้ก็ทะยานมาหาเขาด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแล้ว ตลอดทาง บรรดาทหารองครักษ์ต่างก็ถูกบังคับให้ต้องคุกเข่าลงเนื่องจากกลิ่นอายสังหารของเจตจำนงสังหาร
เจียงอี้ยืนอยู่ท่ามกลางทหารนับหมื่นนาย แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะต่อต้านเขาได้ เขายกดาบมังกรเพลิงขึ้นและชี้ไปยังซูอวี่พร้อมกับคำราม
“หากไม่อยากตาย เช่นนั้นก็จงหุบปาก!”
ซูอวี่ตื่นตระหนกและส่งสายตาอ้อนวอนไปทางบรรดาแม่ทัพที่อยู่ด้านข้าง หนึ่งในนั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุด แต่ถึงอย่างนั้น ดวงตาของเขาก็สั่นไหวและไม่กล้าเคลื่อนไหวด้วยความประมาทและทำเพียงแค่จ้องมองเจียงอี้ที่กำลังวิ่งตรงเข้ามาเท่านั้น
ฟึ่บ!
แม้ว่าระยะห่างของพวกเขาจะห่างกันถึงหลายพันเมตร แต่ไม่กี่ลมหายใจต่อมาเขาก็ได้มาถึงทางฝั่งของซูอวี่แล้ว จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดผู้นั้นอย่างเย็นชาและกล่าว
“หลบไป! ไม่อย่างนั้น… ตาย!”
รัศมีเจตจำนงสังหารของเจียงอี้ได้เขาปกคลุมทุกคนเอาไว้ ซูอวี่ไม่สามารถลั่นวาจาใดๆออกมาได้ เขาทำได้เพียงแค่หันไปอ้อนวอนต่อบรรดาแม่ทัพที่อยู่ข้างกายเท่านั้น
“ถอย!”
แต่ใครจะคาดคิดล่ะว่าแค่ถูกเจียงอี้จ้องมองเพียงครั้งเดียวถึงกับทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดผู้หนึ่งต้องออกคำสั่งให้ถอยหนีเลยทีเดียว?
แน่นอนว่าบรรดาแม่ทัพที่เหลือเองก็ไม่กล้ารอช้า พวกเขากัดฟันแน่นและรีบหลบไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ควับ!
เมื่อเจียงอี้มาถึง เขาก็ใช้มือคว้าไปที่คอของซูอวี่และยกร่างของอีกฝ่ายลอยขึ้นกลางอากาศทันที แม้ว่ารอบกายของเจ้าพระยาผู้นี้จะมีองครักษ์อยู่มากมาย แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
วาบ!
ดวงตาของซูเหิงและเหล่าแม่ทัพฝั่งเขาส่องประกายราวกับดวงอาทิตย์ ในตอนนี้ใบหน้าของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปลื้มปิติ
ในทางตรงกันข้าม บรรดาแม่ทัพและทหารที่ให้การสนับสนุนซูอวี่ต่างก็มีใบหน้าซีดขาวราวกับคนตาย เจียงอี้ในตอนนี้ทรงพลังเกินไป หากเขาสนับสนุนฝ่ายของซูเหิง เช่นนั้นก็เท่ากับว่าฝ่ายของซูอวี่ได้พ่ายแพ้ไปอย่างสมบูรณ์
“ประเสริฐ!”
ซูเหิงแทบจะระงับความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นเขาก็ตะโกนไปทางเจียงอี้สุดเสียง
“ใต้เท้าเจียง ท่านได้ทำสิ่งที่สมควรกระทำแล้ว! เมื่อใดที่เจ้าพระยาผู้นี้ได้ขึ้นครองบัลลังก์ ท่านจะกลายเป็นจอมพลคนแรกภายใต้รัชสมัยของข้า!”
“เจ้าเองก็หุบปากไปซะ!”
แต่ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากที่เจียงอี้ได้กำราบซูอวี่แล้ว เขายังไม่หยุดแค่นั้น เขากลับหลังหันและพุ่งไปทางซูเหิงด้วยเช่นกัน ดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของเขาได้กวาดมองไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญของอีกฝ่ายพร้อมกับตะโกน
“พวกเจ้าทั้งหมดจงไสหัวไป!”
“เอ่อ…”
ฝูงชนตกตะลึง นี่เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่?
แม้ว่าเจียงอี้จะเป็นผู้มีพระคุณของอาณาจักรต้าเซี่ย แต่ถ้าหากเขาคิดการใหญ่โดยการสังหารสองเจ้าพระยาและแต่งตั้งตัวเองเป็นราชา บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวทั้งหลายก็คงจะยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อสู้ตายกับเขาเป็นแน่
แต่ดูเหมือนว่าเจียงอี้เองก็รู้และสัมผัสได้ถึงความกังวลของคนเหล่านั้น เขาจึงแสยะยิ้มออกมาครั้งหนึ่งและเอ่ย
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่ฆ่าสองคนนี้! และข้าก็ไม่ได้มีความสนใจต่อบัลลังก์ของอาณาจักรแห่งนี้ด้วย หากไม่ใช่เพราะซูรั่วเสวี่ยขอร้องมา ข้าคงไม่เสียเวลามาที่นี่และคงปล่อยให้พวกเจ้าทุกคนฆ่ากันเองจนกว่าจะพอใจไปแล้ว…”
“องค์หญิงรั่วเสวี่ย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฝูงชนก็พากันตกใจ ซูรั่วเสวี่ยเป็นเทพธิดาแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย เหล่าแม่ทัพจำนวนไม่น้อยต่างก็เคารพนางในฐานะยอดอัจฉริยะในรอบร้อยปีของตระกูลซู
ในช่วงสงครามก่อนหน้านี้ ซูรั่วเสวี่ยได้เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพแทนที่ราชาซูตี๋หวังและนางก็ยังทำได้ดีมากอีกด้วย
หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ เหล่าผู้เชี่ยวชาญฝั่งซูเหิงก็สลัดความลังเลทิ้งไปและถอยไปด้านหลังทันที เมื่อเจียงอี้มาถึง เขาก็เก็บดาบมังกรเพลิงกลับไปและใช้มือข้างนั้นคว้าคอของซูเหิงไว้ จากนั้นเขาก็ทะยานกลับไปทางพระราชวังด้วยความเร็วสูง แต่ก่อนที่จะจากไป เขาก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้
“พวกเจ้าทั้งหมดสลายตัว! สถานการณ์ภายในอาณาจักรต้าเซี่ยกำลังย่ำแย่ถึงเพียงนี้ แต่พวกเจ้ายังจะขัดแย้งกันเองอีกหรือ? หากยังมีคนที่กล้าออกมาสร้างความวุ่นวาย ข้าจะสังหารมันทั้งตระกูล!”
……