SB:ตอนที่20 การเดิมพัน
SB:ตอนที่20 การเดิมพัน
ลู่หยางไม่สนใจคำดูถูกของคนเหล่านี้ เขากล่าวต่อซางฉง “ผู้ใดมาก่อนย่อมได้ก่อน ทว่า เจ้าล้มเหลวมาสามรอบแล้ว ตอนนี้ถึงทีของข้า” ซางฉงฝึกวิชาควบคุมอสูรชั้นต้นระดับห้าดาวหากเขาเดิมพันต่อเรื่อยๆ ภายในเก้ารอบเขาอาจสำเร็จได้ ลู่หยางจึงต้องชิงโอกาสลงมือก่อน
ศิลาผลึกได้ถูกวางไปแล้ว ไม่ว่าซางฉงจะก้าวร้าวเพียงใดแต่มันมิกล้าละเมิดกฎที่นี่ มันได้แต่มองไปที่ลู่หยางอย่างโกรธเกรี้ยว
“เจ้าบ้านนอก เจ้าพนันแค่โอกาสเดียว!”
ลู่หยางกล่าว “รอบเดียวก็เกินพอ หากข้าล้มเหลว ข้าจะยอมให้แก่เจ้า”
“ฮ่า ฮ่า เจ้านี่บ้านนอกจริงๆ” เหล่าคนรอบข้างดูถูกลู่หยาง
“เจ้าจะล้มข้าด้วยการเดิมพันรอบเดียวรึ ช่างตลกเสียจริง”
ตลอดหลายปีที่เขาคลุกคลีกับลานหมื่นอสูรมานี้เขาไม่เคยเจออะไรเช่นนี้ เด็กบ้านนอกอย่างเจ้านี่จะไปทำได้อย่างไร
แม้แต่ผู้ดูแลยังมองไปที่ลู่หยางด้วยแววตาดูถูก
เขาคิดในใจ ไม่ว่ายังไงอสูรตนนี้ก็ต้องเป็นของซางฉงอยู่ดี เมื่อคิดว่าเขาจะได้เงินเยอะขึ้นเขากล่าว “นายน้อยซาง เจ้านี่มันบ้านนอก ปล่อยให้มันลองเถอะ”
“ใครจะรู้บางทีเจ้านี่อาจออมผลึกห้าสิบชิ้นนี้เป็นปีเพื่อมาเดิมพันครั้งนี้เพียงครั้งเดียวก็เป็นได้”
ไม่มีใครคิดว่าลู่หยางจะทำสำเร็จ ลู่หยางหัวเราะเย็นชา “ข้าไม่สนหรอกว่าพวกเจ้าจะคิดเช่นไร อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็รู้”
“เร็วเข้าสิ ถ้าเจ้าชักช้าก็ไสหัวไป อย่าเสียเวลาข้าที่นี่”
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวลู่หยาง เขากล่าวต่อซางฉง “หากนายน้อยซางมั่นใจนักว่าข้าจะไม่สำเร็จ ท่านกล้าเดิมพันกับข้าไหมละ” “เดิมพันกับนายน้อยงั้นรึ สมองเจ้ามีแต่ขี้เลื่อยรึ?”
ลู่หยางกล่าว “ท่านกล้าหรือเปล่าหล่ะ?”
ซางฉงมีโทสะทันที มีเรื่องที่เขาไม่กล้าด้วยหรอ และมีใครกล้าท้าทายเขาเยี่ยงนี้ ยิ่งไอเจ้าเด็กนี่เป็นบ้านนอกด้วยแล้ว
“ไม่มีอะไรที่นายน้อยผู้นี้ไม่กล้า!” เขากล่าวอย่างดังก้อง “จงบอกมา เจ้าต้องการเดิมพันเช่นไร”
ราวกับว่าเขาได้ยินมุขตลกที่ขำที่สุดในโลก นอกจากเจ้าบ้านนอกนี่จะมาเดิมพันอสูรคลั่งชั้นยอดแล้วมันยังประกาศท้าเดิมพันกับเขาอีก เขากล่าวถาม“เจ้าบ้านนอก เจ้าต้องการเดิมพันอะไรกับข้า?”
ลู่หยางนำผลึกสี่สิบแปดชิ้นออกมาจากกระเป๋าสวรรค์ปฐพี และกระแทกลงบนโต๊ะเบื้องหน้า
“หากข้าล้มเหลว ทั้งหมดนี่เป็นของเจ้า”
มิใช่ว่าลู่หยางไม่ต้องการเดิมพันมากกว่านี้ แต่เขามีแค่นี้จริงๆ หลังจากเขาพัฒนาวิชาควบคุมอสูร เขาเหลือเพียงหนึ่งร้อยศิลาผลึก เขาจ่ายค่าผ่านทาง และเดิมพันห้าสิบผลึกในลานชั้นยอด และอีกหนึ่งชิ้นจะถูกใช้ไปหลังจากเขาใช้วิชาวคบคุมอสูร ดังนั้นเขาเหลือเพียงสี่สิบแปดผลึกที่จะเดิมพันกับซางฉงได้
“โอ้?” ซางฉงสงสัยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเด็กนี่มิได้จนสักเท่าไหร่
“เด็กน้อยอย่างเจ้าจะเดิมพันกับข้าผู้นี้รึ?” ซางฉงใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก สำหรับเขาผลึกสี่สิบแปดชิ้นนั้นไม่ถือว่าเป็นจำนวนมากด้วยซ้ำ
“ข้ามีเพียงวิธีนี้ ข้ามาจากบ้านอก ข้ามีแค่นี้ เจ้าต้องการเดิมพันไหมละ?” ลู่หยางกล่าว คนเมืองนี่ช่างหัวแข็งเสียจริง
“หากเจ้าชนะ ผลึกสามร้อยชิ้นนี้จะเป็นของเจ้า แต่ข้ามีเพียงข้อแม้เดียวหากเจ้าแพ้ เจ้าต้องคลานลอดใต้ขาข้าผู้นี้และเห่าสามรอบ ฮ่าฮ่า” ซางฉงชี้ไปที่ผลึกสามร้อยชิ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างภูมิใจ
เขาโกรธแค้นอย่างมากที่บ้านนอกผู้นี้มาขัดจังหวะเขา หากนี่มิใช่ลานหมื่นอสูรเขาคงสั่งสอนเจ้านี่ไปแล้ว
“ตกลง” ลู่หยางแกล้งทำเป็นลังเลชั่วครู่ จากนั้นเขาเสร้งกัดฟันตอบตกลง
“ฮ่าฮ่า เจ้าบ้านนอกนี่จะเสียเงินมันทั้งหมด”
“เด็กบ้านนอกมันจะไปมีเกียรติได้อย่างไร เพียงแค่เจ้าจ่ายมัน มันก็กินได้แม้ขี้ ฮ่าฮ่า”
เหล่าลูกน้องซางฉงหัวเราะเยาะ พวกมันดูถูกคนเช่นลู่หยางที่มาจากบ้านนอก
เมื่อผู้ดูแลเห็นเช่นนี้ เขาตื่นเต้นและกล่าว
“ในเมื่อพวกเจ้าตกลงกันได้แล้ว ก็เริ่มได้”
ลู่หยางมิได้เสียเวลาเปล่า เขามองไปที่อสูรชั้นยอดตรงหน้าเขา
มันเหมือนกับสุนัขตัวใหญ่ แต่มันยังโตได้อยู่ มันจึงไม่ได้ดูองอาจเท่าต้าเฮย นี่เป็นเหตุผลที่ลู่หยางเลือกอสูรตนนี้
บัดนี้อสูรสายเลือดชั้นยอดมีประโยชน์ต่อเขามาก หากลู่หยางเติบโตขึ้นในอนาคต พวกนี้สามารถใช้ในการพัฒนาต้าเฮยได้
เขาร่ายวิชาควบคุมอสูรในหัว แสงสีขาวตกกระทบลงบนตัวของอสูร
“หากเด็กนี่ต้องการคุมอสูรให้ได้ในรอบเดียว มันต้องบ้าแน่ๆ นี่มันอสูรสายเลือดชั้นยอดนะ”
“สิ่งที่อภัยไม่ได้คือ มันกล้าเดิมพันกับนายน้อยซางน่ะสิ”
ไม่มีใครคิดว่าลู่หยางจะสำเร็จ พวกมันต่างมองไปที่ลู่หยางด้วยสายตาดูถูก พวกมันต่างรอลู่หยางล้มเหลว
เสียงระบบแจ้งเตือนในหัวลู่หยาง
“ติ้ง” ควบคุมสำเร็จ ได้รับสุนัขราชสีห์แผดเผา สายเลือดชั้นยอด
“สัตว์เลี้ยงสงคราม สุนัขราชสีห์แผดเผา”
“คุณสมบัติ เพลิง”
“ระดับ อสูรชั้นยอด”
“สายเลือด ชั้นยอด”
“ทักษะเทวะเฉพาะตัว: ดาราส่องสว่าง”
“อัตราเติบโต 10/100”
“ปรากฏว่ามันมีสายเลือดของราชสีห์ด้วยรึ มิแปลกใจที่มันมีประกายอันน่าเกรงขาม”
เขาคิดในใจขณะที่พลังงานที่ได้จากการควบคุมอสูรไหลเวียนตามร่างเขาเสริมความแข็งแรงให้กับเขา นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขาได้รับอสูรชั้นยอด ดังนั้นความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นจึงไม่มากเท่าแต่ก่อน บัดนี้ข้อมูลลู่หยางเป็นดังนี้
“ตัวตน ลู่หยาง”
“สถานะ ผู้ฝึกอสูร”
“ระดับ ชั้นต้น”
“ความแข็งแรงทางกายภาพ สามพันหกร้อยจิน”
“อายุขัย 16/100”
ลู่หยางแข็งแกร่งขึ้นถึงหกร้อยจิน
บัดนี้ด้วยวิชาฝึกอสูรชั้นต้นระดับสิบดาว แม้อสูรชั้นยอดก็มิอาจขัดขืนเขาได้ ภายใต้ความจงใจของลู่หยาง แม้เขาปราบอสูรตนนี้ได้แล้ว ทว่าอสูรตนนี้ยังมิได้แสดงอาการอันใดออกมา ส่วนลู่หยางนั้นดูเหนื่อยอ่อน ซางฉงกับพวกถึงกับยิ้มกริ่ม
“อย่างที่ข้าบอก เขามันก็แค่บ้านนอกแต่กลับต้องการเอาชนะนายน้อยซางในรอบเดียว”
“เขาพลาดแล้วที่ไปเดิมพันกับนายน้อยซาง เขาสูญเสียผลึกของเขาไปโดยเปล่าประโยชน์และยังต้องลอดใต้ขานายน้อยอีก ฮ่าฮ่า”
“ฮ่าฮ่า เด็กน้อย เร็วเข้าคลานเร็ว” ซางฉงชี้ไปที่ขาเขาและหัวเราะเย้ย
พวกมันทุกคนคิดว่าลู่หยางล้มเหลวแต่สีหน้าของผู้ดูแลถมึงตึง เพราะเขารู้ว่าราชสีห์เพลิงแผดเผามิได้เป็นของเขาอีกต่อไป
“นายน้อยชาง ท่านดีใจเร็วเกินไปรึเปล่า?” ทว่าสีหน้าเหนื่อยอ่อนบนใบหน้าลู่หยางทันใดนั้นหายไป เขามองด้วยรอยยิ้มไปที่ซางฉง
“เจ้าหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าเจ้าสำเร็จ” ซางฉงไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไร เขาลองครั้งเดียวเองนะ”
“หากด้วยวิชาควบคุมอสูรระดับห้าดาวของเขายังไม่สำเร็จ แล้วเจ้าเด็กนี่ทำได้ยังไง?”
ทว่าภายใต้สายตาตะลึงของทุกคน ลู่หยางวาดมือไปบนโต๊ะและเก็บศิลาผลึกทั้งหมดรวมถึงสามร้อยผลึกนั่นด้วย
“เจ้าเล่ยน้อย ไปกันเถอะ!”
ทุกคนต่างตกตะลึง ภายใต้เสียงเรียกของลู่หยาง อสูรชั้นยอดที่องอาจก็โดดออกมาจากกรงและติดตามหลังลู่หยางมันดูไม่เหมือนสุนัขเลย
ในลานหมื่นอสูร เมื่ออสูรถูกปราบ กรงจะถูกปลดผนึก สีหน้าของซางฉงแข็งทื่อ คนอื่นๆต่างตะลึง นี่มันปราบอสูรในครั้งเดียวชัดๆ ทุกคนมองไปที่ซางฉงด้วยความเห็นใจ เขาสูญเสียสามร้อยผลึกในรวดเดียว