Chapter 93 - 94: ถูกเลิ่งเชาถิงหลอก, อ้ายยี่ (อ่านฟรี)
Chapter 93: ถูกเลิ่งเชาถิงหลอก
โรงเรียนมัธยมต้นไม่เข้มงวดเท่ากับโรงเรียนมัธยมปลาย และเจียงซินหยูก็เป็นเด็กเรียนดีอยู่แล้ว ดังนั้นการสอบเรียนต่อจึงไม่ยากสำหรับเธอ
กู้หนิงก็ตัดสินใจไม่เรียนคลาสตอนเย็นด้วยเหมือนกัน เธอทำคะแนนได้ดีในการสอบประจำเดือนครั้งล่าสุด ถึงแม้เธอจะมีเวลาว่างมากขึ้นแต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่ค่อยมีเวลาทำอะไรที่เธออยากจะทำเท่าไหร่
เมื่อบริษัทของเธอจัดตั้งแล้ว เธอคงไม่มีเวลามาเข้าเรียน
ตอนนี้คงเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะได้ผลการเรียนดีต่อให้เธอไม่ได้เข้าไปเรียนคลาสบ่ายก็ตาม
ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อไหร่ก็ตามที่กู้หนิงกลับมาบ้าน เธอจะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้เธอมีครอบครัวที่รักเธออยู่รายล้อม เธอรู้สึกมีความสุขทุกๆวัน สองครอบครัวมักจะรวมกลุ่มกันพูดคุยและดูทีวี พวกเขาจะไม่แยกย้ายจนกว่าจะเที่ยงคืน
กู้หนิงเช็คมือถือและคุยกับเพื่อนๆนิดหน่อยก่อนเข้านอน
วันต่อมากู้หนิงตื่นเช้าตามปกติ แต่เมื่อเธอเดินออกมาจากโซน G ก็พบกับเลิ่งเชาถิงที่กำลังรอเธออยู่ข้างนอก
กู้หนิงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันใด
ผู้ชายคนนี้อยู่ทุกที่จริงๆ!
กู้หนิงรู้ว่าเธอทำผิด ดังนั้นเธอจึงไม่โทษเขา ไม่ว่าเขาตั้งใจตามเธอมาหรือบังเอิญ ถึงเธอจะเกลียดการถูกสะกดรอยตามก็ตาม
เลิ่งเชาถิงไม่สนใจว่ากู้หนิงจะคิดอะไร เขาเดินตรงเข้ามาหาเธอทันทีที่เห็นเธอ
“ส่งปืนคืนมาให้ฉันดีๆ เธอกำลังทำให้ตัวเองมีปัญหา” เลิ่งเชาถิงเอ่ยเตือนเสียงนิ่ง เขาไม่ได้ข่มขู่เธอเหมือนที่เคยทำตามปกติ ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากทำให้เธอเตลิดไปไกล
“ทำไมนายถึงไม่เชื่อฉันสักทีนะ?” กู้หนิงคร่ำครวญ
เลิ่งเชาถิงไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขายังคงยืนนิ่งจ้องเธออยู่อย่างนั้น
กู้หนิงรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ปล่อยเธอไปจนกว่าจะได้ปืนคืนกลับไปแน่ ถ้าหากกู้ม่านรู้เรื่องที่ที่เกิดขึ้นที่เมือง G เรื่องราวคงเกินที่จะควบคุม
กู้หนิงเกือบจะยอม แต่เธอของลองดูอีกสักที “ถ้าอย่างนั้นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรต่อให้ปืนหายไปใช่ไหม? เจ้าหน้าที่ทหารคงไม่ขาดแคลนปืนหรอกใช่ไหมคะ?”
“ถ้าเธอไม่ใช่ทหารหรือตำรวจ การครอบครองปืนถือว่าผิดกฎหมาย” เลิ่งเชาถิงกล่าว
“แล้วพวกอันธพาลที่มีปืนล่ะ? ทำไมนายไปจัดการพวกเขา?” กู้หนิงเถียง
“มันไม่เหมือนกัน” เลิ่งเชาถิงเอ่ย
“อย่างแรกนายต้องมีหลักฐาน เมื่อนายมีหลักฐานนายก็สามารถจับฉันได้” กู้หนิงกล่าว
“ฉันมีกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน” เลิ่งเชาถิงตอบ
กู้หนิงพูดไม่ออก ครั้งนี้เธอเถียงกลับไม่ได้ เธอไม่สงสัยคำพูดของเลิ่งเชาถิง เขาคงไม่โกหกเพราะเขาเป็นทหาร
ก็ได้ เธอทำพลาดเอง กู้หนิงจึงวางแผนจะไปซื้อปืนสักกระบอกในตลาดมืดเอา
กู้หนิงล้วงเอามือถือออกมาและยื่นให้เลิ่งเชาถิง “ตอนนี้ปืนไม่ได้อยู่กับฉัน เอาเบอร์นายมา ฉันจะเอาคืนให้ตอนที่ฉันว่าง”
ปืนถูกเก็บในพื้นที่กระแสจิต มันไม่เหมาะที่จะเอาออกมาตอนนี้
เลิ่งเชาถิงหยุดนิ่งไปสองวิ เขามองไปที่มือถือของเธอไม่ได้รับมาโดยทันที ดูเหมือนว่าเขารู้สึกกระอักกระอ่วนที่จะแตะของของผู้หญิง แต่ภายในใจเขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจ เขาจึงรับมือถือเธอมาและใช้มือถือเธอโทรเข้าเครื่องเขาจากนั้นก็วางสาย เขาส่งมือถือคืนเธอไป
กู้หนิงรับมือถือกลับมา เธอปลายตามมองเบอร์จากนั้นก็บันทึกชื่อ “เลิ่งเชาถิง นายคงชอบชื่อนายมากสินะ ผู้ชายเย็นชา”
ได้ยินแบบนั้นเลิ่งเชาถิงก็ขมวดคิ้วย่น มีคนหลายคนบอกว่าเขาเย็นชา แต่เขาไม่อยากได้ยินจากปากกู้หนิง
“เอาล่ะ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงเรียนแล้ว กรุณาอย่ามาขวางทางฉันอีกนะคะ ฉันจะคืนปืนให้ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้” กู้หนิงไม่สนใจเลิ่งเชาถิงอีก จากนั้นก็เดินจากไป
กู้หนิงไม่รู้ว่าถูกเลิ่งเชาถิงหลอกเข้าแล้ว มันไม่มีกล้องวงจรปิดแต่แรกอยู่แล้ว
ขณะมองดูกู้หนิงจากไป เลิ่งเชาถิงก็รู้สึกแปลกประหลาด อารมณ์ของเขาผสมปนเปกันไปมา ถึงแม้เด็กสาวคนนี้จะกระทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ เขาก็พบว่าเขาเกลียดเธอไม่ลง
เมื่อกู้หนิงจากไปไกลแล้ว ใบหน้าเลิ่งเชาถิงก็เปลี่ยนฉับพลัน เขาเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ
“ออกมาได้แล้ว!”
ในความมืด ซู่จินเฉินตัวแข็งทื่อ บ้าเอ้ย! เขาอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลแต่ทำอย่างนั้นไม่ได้ ในท้ายที่สุดซู่จินเฉินก็ค่อยๆโผล่ออกมา
“บอส คือ..” ซู่จินเฉินพยายามอธิบาย ถึงแม้เลิ่งเชาถิงจะไม่เชื่อเขาก็ตาม
เลิ่งเชาถิงไม่เปิดโอกาสให้เขาอธิบายและพูดว่า “ยี่สิบกิโลเมตร”
ใบหน้าซู่จินเฉินซีดเผือด แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าจะถูกลงโทษ แต่เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อถูกลงโทษจริงๆ
ยี่สิบกิโลเมตรถือเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วสำหรับทหารอาวุโส แต่ตอนี้เขาสวมรองเท้าสลิปเปอร์! เขาสวมรองเท้าสลิปเปอร์อยู่!!
ทั้งหมดนี่เป็นเพราะความสงสัยของเขาแท้ๆเชียว เมื่อเขาได้ยินเลิ่งเชาถิงออกจากบ้านแต่เช้า
ถึงอย่างนั้นซู่จินเฉินก็รู้สึกดีขึ้นมา เพราะเขาเพิ่งเห็นฉากน่าสนใจ
หัวหน้าของเขาออกไปแต่เช้าเพื่อเจอผู้หญิง ไม่สิ เด็กสาว! เขาจำเธอได้ตอนที่ขับไปส่งเธอที่โรงพยาบาล
ถึงมันจะเกินจินตนาการของเขาไปมาก แต่ในที่สุดหัวหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
เด็กสาวคนนี้อายุแค่สิบแปดปีและยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย มันคงไม่เหมาะไม่ควรเท่าไหร่ถ้าทั้งสองจะคบกัน
ช่างเถอะ! ตราบใดที่หัวหน้าเขาชอบก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
คุณปู่เลิ่งได้พูดเอาไว้ว่าตราบใดที่เลิ่งเชาถิงเต็มใจแต่งงาน เขาไม่สนว่าฝ่ายหญิงจะมีภูมิหลังอย่างไร
ซู่จินเฉินคิดไปไกล ตอนนี้ยังไม่มีอะไรระหว่างเลิ่งเชาถิงและกู้หนิง
ส่วนกู้หนิงตอนนี้ไม่สามารถมาโรงเรียนได้ทันเวลาเพราะเธอมัวเสียเวลากับเลิ่งเชาถิง เธอบอกเพื่อนๆ ในกลุ่มวีแชทให้ฝึกซ้อมตามปกติ ใครก็ตามที่ขี้เกียจและไม่ได้ฝึกซ้อมตามที่กำหนดจะถูกลงโทษและใครก็ตามที่รายงานว่าใครโดดจะได้รับรางวัล
Chapter 94: อ้ายยี่
ทุกคนรับปากกู้หนิงอย่างเคร่งครัด
ซู่จินเฉินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการวิ่งยี่สิบกิโลเมตร เมื่อเขากลับมาถึงบ้านซู่จินเฉินก็ตรงเข้าไปหาเลิ่งเชาถิงก่อนไปอาบน้ำ
“เฮ้ บอส นายเดตกับเด็กสาวคนนั้นเหรอ?”
ได้ยินแบบนั้นเลิ่งเชาถิงก็หันมามองเขาอย่างเย็นชา ซู่จินเฉินถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่เขาอยากรู้อยากเห็นจนลืมอันตราย เขาจ้องเลิ่งเชาถิงตาเขม็ง รอคอยคำตอบ
“เปล่า” เลิ่งเชาถิงปฏิเสธ
“เปล่า? ถ้าอย่างนั้นทำไมนายไปหาเธอแต่เช้า?” ซู่จินเฉินยังคงไม่เชื่อ
“รู้สึกว่านายจะว่างนะ?” เลิ่งเชาถิงเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ซู่จินเฉินสัมผัสได้ถึงรังสีข่มขู่ที่แผ่ออกมาในอากาศ
เขากลืนน้ำลาย ใบหน้าแข็งทื่อ เขาไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียวเกรงว่าเขาจะถูกทำโทษอีกครั้ง
“ในเมื่อนายไม่ได้เดตกับเด็กคนนั้น ฉันว่าจะขอลองจีบเธอ ยังไงซะตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่มีแฟน เราทั้งคู่ก็พักอยู่ที่เฟิ่งหัวแมนชั่นเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเราออกเดตกันก็เหมาะสุดๆไปเลย” ซู่จินเฉินกล่าวพลางมองหน้าเลิ่งเชาถิงไปด้วย เขาต้องการเห็นปฏิกิริยาของเลิ่งเชาถิง
ใช่ ซู่จินเฉินจงใจพูดแบบนั้น
แต่น่าเสียดายที่สีหน้าเลิ่งเชาถิงยังคงเหมือนเดิม
ถึงแม้เลิ่งเชาถิงจะยังคงรักษาความนิ่งไว้ได้ แต่ภายในใจของเขากลับปั่นป่วน เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาไม่อยากนึกถึงมันอีกต่อไป
ซู่จินเฉินไม่รู้ความคิดของเลิ่งเชาถิง แต่เขารู้จักเลิ่งเชาถิงดี เขาไม่เคยอยู่ใกล้ผู้หญิงมาก่อนถ้าไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามเด็กสาวคนนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นคนบอกให้ไปส่งเธอที่โรงพยาบาล และยังออกไปพบเธอตั้งแต่เช้า นี่มันไม่ปกติ!
ซู่จินเฉินตัดสินใจที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ในเมื่อเลิ่งเชาถิงไม่บอกอะไร คงต้องเริ่มจากเด็กสาวคนนั้น
ตอนบ่ายกู้หนิงได้รับโทรศัพท์จากโจวเจิ้งหง เธอขอตัวออกมาทางเดินเพราะมันเกี่ยวกับธุรกิจ
“สวัสดีค่ะลุงโจว” กู้หนิงกรอกเสียงตอบ
“บอส ตอนนี้สะดวกคุยไหม?” โจวเจิ้งหงถาม
“ได้สิคะ พูดมาเลยค่ะ” กู้หนิงตอบ
“ผมหานักออกแบบกับนักแกะสลักสองคนได้แล้ว พวกเขาเต็มใจทำงานให้เรา ผมยังเจอร้านและโรงงานผลิตอีกด้วย ร้านขนาดสองร้อยตารางเมตรตั้งในตัวเมือง ค่าเช่าห้าแสนหยวนต่อปี โรงงานตั้งอยู่ระหว่างถนนขายของเก่าและตัวเมือง พื้นที่หนึ่งร้อยหกสิบตารางเมตร ค่าเช่าสองแสนห้าหมื่นต่อปี คุณคิดมีความคิดเห็นอะไรไหม? โจวเจิ้งหงพูดโดยไม่หยุดพัก
“ไม่ค่ะ ลุงตัดสินใจได้เลยค่ะ” กู้หนิงเอ่ย เธอปล่อยให้โจวเจิ้งหงรับผิดชอบงานทุกอย่าง เพราะเธอเชื่อใจเขา
โจวเจิ้งหงรู้ว่ายังไงกู้หนิงก็ต้องเห็นด้วยกับเขา แต่เขาอยากจะถามความคิดเห็นเธอเพื่อให้ความเคารพ
“ครับ และผมยังซื้อเครื่องตัดหินด้วย เขาจะมาส่งในอีกสองวัน ส่วนอพาร์ทเมนต์ตกแต่งเรียบร้อยแล้ว คุณสามารถเข้ามาอยู่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ” โจวเจิ้งหงสำทับขึ้นมาอีก
“ดีค่ะ ขอบคุณมาก ลุงโจว หนูจะไปสุดสัปดาห์นี้จะเข้าไปจัดการเรื่องเอกสาร อ้อ ไปหาวัตถุดิบที่ถนนพนันหินด้วยนะคะ” กู้หนิงกล่าว
กู้หนิงรู้ว่ายอดขายของร้านจะเติบโตขึ้นหลังจากเธอตัดหินเอาหยกออกมา ถ้าหากกู้หนิงขายได้เยอะ เธอก็จะได้เงินเยอะ ก็แปลว่าเธอจะมีตัวเลือกมากมาย
“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะไปจัดหาไว้ รถจะได้พรุ่งนี้ เอาไว้ผมจะไปรับคุณหลังจากนั้น”
พูดคุยกันอยู่สักพักก่อนที่จะวางสาย หลังจากวางสายกู้หนิงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย เธอจะหาข้ออ้างอะไรไปพูดกับกู้ม่านเรื่องที่เธอจะไปเมือง G อีกครั้ง? หรือเธอจะใช้มู่เค่อเป็นของอ้างอีกทีดี? เธอจะบอกแม่ว่ามู่เค่อจะเปิดร้านในเมือง G และพวกเธอต้องไปตรวจงาน
หลังจากทานข้าวมื้อบ่ายกู้หนิงและเพื่อนตรงไปที่ป่าด้านหลัง
ในขณะนั้นก็มีคนชกต่อยกันในป่า หนึ่งต่อสาม
เด็กหนุ่มคนหนึ่งล้มลงไปที่พื้นใช้มือบังศีรษะเอาไว้ ทั้งหมัดและเท้ากระหน่ำใส่ร่างของเขา ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากสู้กลับ แต่เขาหาจังหวะสู้กลับคืนไม่ได้ต่างหาก
จากนั้นเสียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “อ้ายยี่ดูสารรูปแกตอนนี้สิ! ฉันเหม็นขี้หน้าแกมานานแล้ว พ่อแกเป็นประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งหัว ฉันเลยไม่กล้าอัดแก แต่ตอนนี้พ่อแกลงจากตำแหน่งแล้ว ส่วนแม่สำส่อนของแกก็หอบเงินหนีไปกับชู้ ถ้าครอบครัวแกหาเงินมาหมุนไม่ทันภายในอาทิตย์นี้ ได้ล้มละลายแน่ ทางที่ดีแกรีบไปบอกพ่อแกให้ขายบริษัทให้พ่อฉันดีกว่า เผื่อครอบครัวแกจะมีชีวิตรอดต่อไป ถ้าครอบครัวแกล้มละลายพร้อมหนี้ก้อนโต คงไม่ดีแน่ใช่ไหมล่ะ?”
อ้ายยี่? ใช่เด็กหนุ่มที่บอกชอบเธอหรือเปล่า?
ถึงแม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์เจิ้งหัวจะไม่ใช่หนึ่งในสามบริษัทอสังหาฯที่ใหญ่ที่สุดในเมือง F แต่ก็มีมูลค่าในตลาดถึงห้าร้อยล้านหยวนและเป็นหนึ่งในครอบครัวที่ร่ำรวยระดับสามในเมือง F อีกด้วย
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น? จู่ๆกู้หนิงก็เกิดไอเดียขึ้นมาได้
“แกจะไม่มีวัน…” อ้ายยี่ได้แต่ตะโกนด้วยความเจ็บปวด
กู้หนิงรีบวิ่งไปตามเสียงของเขาทันที ฮ่าวหรันและคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงวิ่งไป แต่พวกเขาก็วิ่งตามเธอ
ไม่นานพวกเขาก็เห็นคนสามคนกำลังรุมกระทืบเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มสามคนที่เป็นคนรุมกระทืบดูไม่คุ้นหน้า แต่คนที่ถูกกระทืบต้องเป็นอ้ายยี่แน่นอน
ไม่ต้องคิดอะไรมาก กู้หนิงวิ่งเข้าไปทันที
ก่อนที่จะรู้ตัวเด็กหนุ่มเหล่านั้นก็ถูกชกกระเด็นไปไกลหนึ่งเมตร พวกเขาล้มกลิ้งบนพื้น พูดอะไรไม่ออกเพราะกำลังเจ็บ
ฮ่าวหรันและคนอื่นอ้าปากค้างตาเบิกกว้าง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ากู้หนิงนั้นทรงพลังเพียงใด
แต่ว่านี่มัน โคตรสุดยอดเลย!