บาทที่ 58
บาทที่ 58
สุดท้ายเขาก็ต้องไปเฝ้าสังเกตพื้นที่ของมารช่วงชั้นมัชฌิมเซียนที่อยู่ใกล้ชิดกันอย่างผิดปกติ และเขาก็พบเห็นว่ามารเหล่านี้จะไปที่แห่งหนึ่งบ่อยๆ เมื่อเขาใช้อาณาเขตของเขาตรวจสอบก็พบว่านั่นเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ทุกด้านมีความยาวไม่น้อยกว่าห้าร้อยเมตร มีลักษณะเป็นเหมือนกับป้อมปราการ มีมารชั้นมัชฌิมเซียนอยู่ในนั้นหลายคน และเขาตรวจพบมารชั้นปัจฉิมเซียนด้วย
โชคดีที่ระบบตรวจสอบของเขานั้นนำต้นแบบมาจากปราณเซียนไร้ลักษณ์ซึ่งมีความสามารถในการเข้ากันได้กับพลังอื่นกลมเกลียวจนเหมือนกับเป็นพลังของตนเอง ทำให้ระบบตรวจสอบของวิชาเซียนวิถีไร้ลักษณ์เหมือนไร้ตัวตน ไม่เช่นนั้นเขาคงถูกตรวจจับได้ไปแล้ว
หงเซียวสั่งให้ทุกคนเว้นพื้นที่นี้ไปก่อน เพราะว่าพวกเขาเองก็เพิ่งอยู่ในชั้นมัชฌิมเซียนระดับหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีครบทุกวิถี แต่ก็ยังอ่อนด้อยกว่ามารในระดับปัจฉิมเซียนมากนัก
พวกเขาเริ่มผลิตปืนใหญ่และเสาแสงมากขึ้นเพื่อป้องกันตัว เมื่อต้องรับผิดชอบงานจำนวนมากคนระดับสูงเหล่านี้ก็เริ่มเครียด รู้สึกคิดผิดที่จะขอเข้าแทนตำแหน่งหงเซียว
“ข้าคงต้องประกาศให้พวกเจ้าได้รู้ว่า ข้าจะจัดการเลือกตั้งทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในสามเดือนนี้ ในเมื่อทุกคนต่างก็ฝึกฝนและเข้าใจในสิ่งที่ข้าได้อธิบายไปจนหมดสิ้นแล้ว” หงเซียวกล่าวในการประชุมครั้งหนึ่ง หลังจากการประชุมครั้งก่อนหน้าเมื่อเดือนก่อน
“เอ๋ ไม่ใช่ว่าท่านจะอยู่ต่อจนครบปีหรอกหรือ” หนึ่งในผู้ที่ต้องการเป็นผู้นำถาม
“หากว่าไม่รีบร้อน ข้าก็ต้องการวางรากฐานให้แน่นเช่นนั้น แต่ว่าก็อย่างที่พวกเจ้าเห็น ตอนนี้พวกเราเผชิญหน้ากับมารชั้นปัจฉิมเซียนแล้ว วิธีเดียวที่จะประกันได้ว่าพวกเราจะอยู่รอดได้ก็คือข้าและคนของข้าต้องพัฒนาฝีมือให้เร็วกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ข้าเองก็เพียงอยู่ในชั้นมัชฌิมเซียน ไม่อาจต่อกรกับมารในชั้นปัจฉิมเซียนได้” หงเซียวตอบ
“ถ้าเช่นนั้น ท่านผู้นำ ท่านต้องการให้พวกเราทำอะไรในตอนนี้หรือไม่”
“พวกเจ้าหยุดยั้งการรุกอาณาเขต แล้วเตรียมตัวเลือกตั้ง ข้าจะกำหนดผู้คนเพื่อช่วยในการเลือกตั้ง อาจจะไม่สมบูรณ์แบบนัก แต่ก็พอจะใช้ได้ พวกเจ้ายังจะต้องศึกษาเรื่องนี้ไปด้วยเช่นกัน” หงเซียวกล่าวแนะนำ
“ข้อสำคัญก็คือพวกเจ้าจะต้องรักษากติกานี้ให้ดี หากว่าพวกเจ้าขัดแย้งกันเอง ขาดความกลมเกลียวกัน ข้าจะทิ้งพวกเจ้าไปทันทีโดยไม่เหลียวหลัง” เขาเตือนคนเหล่านั้น
ตอนนี้ปราสาทกว่าสิบแห่งได้ถูกภูษาเซียนจับจองเป็นที่ฝึกวิชา ซึ่งสถานที่เหล่านี้จะถูกตั้งป้ายห้ามเข้าเอาไว้ ทุกคนต่างก็รู้เหตุผลนี้จึงไม่มีการบุกรุกหรือรบกวนแต่อย่างใด
การเลือกตั้งเป็นไปอย่างคึกคัก ในเดือนแรกมีการเลือกตั้งหัวหน้าหมู่บ้าน และผู้นำตำบล ในเดือนที่สองมีการเลือกตั้งนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัด ในเดือนที่สามเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยผู้ที่ได้รับคะแนนลดหลั่นลงไปจะกลายเป็นผู้ว่าการรัฐ ซึ่งพวกเขาสามารถเลือกได้ว่าตนเองจะอยู่รัฐไหนไปตามลำดับคะแนน ซึ่งในขณะนี้พวกเขามีรัฐทั้งหมดสี่รัฐ
ในเวลาสามเดือนนี้ ภูษาเซียนห้าวิถีกำลังฝึกฝนใกล้ที่จะเปลี่ยนไปเป็นชั้นมัชฌิมเซียนอย่างมาก ในเวลาเดียวกันภูษาเซียนอื่นๆก็เข้าถึงระดับเก้าชั้นปฐมเซียนและเตรียมตัวที่จะฝึกฝนตนเองไปเป็นมัชฌิมเซียน
ผู้นำใหม่กล่าวปราศรัย ด้วยป้ายสื่อสาร คำพูดของเขาสามารถกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคได้อย่างง่ายดาย
หงเซียวได้ร่างแบบยานรบให้กับพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะสามารถติดตั้งปืนใหญ่ไปบนนั้นได้และตั้งชื่อมันว่าป้อมลอยฟ้า เป็นยานที่สร้างขึ้นมาโดยใช้ยันต์ทำให้มันสามารถลอยตัวอยู่บนฟ้าได้ มีขนาดความยาวยานถึงหนึ่งร้อยเมตร ติดตั้งปืนใหญ่ด้านบนสองกระบอก และด้านใต้ยานอีกสองกระบอก พร้อมกับมีเสาแสงด้านซ้ายและขวาของตัวยานที่เปลี่ยนรูปทรงเหมือนกับปีกสั้นๆ
มันเคลื่อนที่ได้ไม่เร็วนักพอกับความเร็วของมารทั่วไป ยานนี้ต้องมีคนประจำปืนใหญ่ทั้งสี่คอยเติมพลังให้ ทั้งยังต้องมีคนประจำยานที่ทำหน้าที่ประจุพลังให้กับยานอีกสามคน ดังนั้นพวกเขาต้องใช้คนที่มีระดับไม่ต่ำกว่าระดับเจ็ดจำนวนเจ็ดคนเป็นอย่างน้อย
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาณาจักรนี้เติบโตรวดเร็วเป็นอย่างมาก พวกเขาได้สร้างอาคารเป็นตึกระฟ้าสูงยิ่งกว่าปราสาทมารด้วยดินที่ผ่านกระบวนการของวิชาปราณของหนอนศิลาจนมีความแข็งแกร่งประดุจเพชร พวกเขาได้สร้างเครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนมากมายตามแบบที่หงเซียวเขียนเอาไว้ให้ในคัมภีร์ที่พวกเขาบูชา คัมภีร์หมื่นสร้างสรรค์ ซึ่งมีตั้งแต่แบบก่อสร้าง แบบเสื้อผ้า แบบอาวุธยันต์ ยานขนส่ง โกเล็ม และของจิปาถะอีกมากมาย
หงเซียวได้เลือกแหลมแห่งหนึ่งที่ยื่นเข้าไปในทะเลลึกเป็นที่ตั้งของบ้านของตนเอง เป็นหน้าผาที่ตัดลงไปและทะเลที่อยู่ถัดจากหน้าผานั้นก็มีความลึกเกือบพันเมตรกว่าจะถึงพื้น
เขาวางยันต์ขนาดยักษ์ที่ทำให้เกิดการโคจรพลังเซียนเช่นเดียวกับที่เกาะที่พวกเขาได้เปลี่ยนเป็นเซียน โดยใช้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์บนแหลมร่วมกับปะการังศักดิ์สิทธิ์ใต้ทะเลลึกทำให้เกิดการโคจรพลังเซียนจำนวนมาก ทั้งยังฝังรากเซียนที่ได้จากแดนเซียนปลามังกรไว้ในแหลมนี้ด้วย
หอยมุกเนตรรัศมีทั้งหมดถูกนำไปไว้ในอาณาเขต โดยมีภูษาเซียนนาคาทั้งหกตั้งป้อมปกป้องและฝึกฝนวิชาเพื่อเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนอยู่ที่นั่น
บ้านของพวกเขานั้นดูง่ายไม่ซับซ้อน เป็นเพียงบ้านไม้ท่อนซุงจากไม้ศักดิ์สิทธิ์หลังใหญ่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางค่ายกลยันต์นั้นเท่านั้น
ถัดจากแหลมไปไม่ไกลมากเพียงแค่ประมาณร้อยกิโลเมตร เป็นอ่าวที่เป็นชายหาดกว้าง และที่นั่นเป็นที่เล่นของหญิงสาวทั้งห้า และถือเป็นพื้นที่หวงห้ามของทุกคน เพราะว่าที่นั่นมักจะเกิดพายุและคลื่นลมรุนแรงเป็นประจำ
พวกเขาตั้งชื่ออ่าวนั้นลับหลังหงเซียวและหญิงสาวว่า อ่าวพายุหายนะ และตั้งชื่อแหลมที่เป็นเขตหวงห้ามนี้ว่า แหลมไร้ตัวตน เพราะหากว่าพวกเขาเข้าไปพวกเขาก็จะพบตนเองเดินกลับมาอยู่ตรงจุดเดิม และทุกคนก็จะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาค่อยเดินซอยเท้าอยู่กับที่โดยจะค่อยหันตัวทีละน้อยจนกระทั่งหันตัวกลับเต็มตัว ซึ่งกระบวนการนี้อาจจะกินเวลาเป็นอาทิตย์
ส่วนคนที่เข้าไปนั้นกลับพบว่าตนเองเดินไปไม่นานก็สุดทางและพบกับหน้าผาและพวกเขาก็เดินลัดเลาะไปตามหน้าผาจนวนกลับมาที่เดิมโดยไม่พบอะไรอีก
เวลาผ่านไปไม่นานถึงเดือนดีนัก หงเซียวและหญิงสาวทั้งห้าต่างก็พากันไปรวมตัวที่วงเวทเดิมที่เคยใช้เป็นที่ก้าวเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียน ตอนนี้เป็นเวลาของภูษาเซียนห้าธาตุทั้งห้าผืนที่จะก้าวเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนแล้ว
ภูษาเซียนทั้งห้าในวงเวททั้งห้าวงที่สัมพันธ์กันอยู่นั้น ต่างเปล่งแสงสีที่แตกต่างกันออกมาเป็นสัญญาณถึงธาตุทั้งห้า และเป็นวิถีทั้งห้าที่แตกต่างกันด้วย
ขณะที่ภูษาเซียนของจินหลินลุกไหม้ด้วยไฟสีแดงเพลิง ภูษาเซียนของเหมยเหมยก็เปล่งแสงสีฟ้ามีหมอกเมฆและก้อนมวลน้ำเกาะล้อมอยู่ ขณะเดียวกันภูษาเซียนของซีชี่ก็มีผลึกแสงสีทองเงินประกายวาววับของโลหะเย็นเยียบสาดส่องออกมา ส่วนภูษาเซียนของซิ่วจูนั้นกลับดูเหมือนเป็นไอสีน้ำตาลดำแผ่ลงสู่พื้น โดยภูษาเซียนของชิวเยว่นั้นกลับเป็นสีเขียวกำมะหยี่มีดอกไม้เล็กๆประดับพร้อมกลิ่นสดชื่น
ภูษาเซียนทั้งห้าต่างฝึกฝนไปตามวิถีทั้งห้าของมัชฌิมเซียนแตกต่างกันไป เมื่อกระแสพลังในวงเวททั้งห้านั้นเข้มข้นถึงระดับหนึ่ง พวกมันก็เริ่มถ่ายเทต่อเนื่องกัน และหญิงสาวทั้งห้าต่างก็พากันลอยตัวเข้าไปรวมกับภูษาเซียนของตนเองเพื่อเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนอีกครั้งหนึ่งในแบบของเซียนห้าธาตุ
เช่นเดียวกันเมื่อเสร็จสิ้นพิธีกรรม พวกเธอก็เริ่มถ่ายทอดความเป็นมัชฌิมเซียนให้กันและกัน และเมื่อเวลาล่วงไปเจ็ดวัน หนุ่มสาวทั้งหกคนนี้ต่างก็มีชั้นมัชฌิมเซียนทั้งห้าวิถีของภูษาเซียนห้าธาตุ
หลังจากนั้นก็เป็นภูษาเซียนเจ็ดเมฆาของชิวเยว่ที่เข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียน เขตวิถี ซึ่งจะทำให้เธอเปลี่ยนร่างเป็นเมฆหมอกล่องลอยไปตามท้องฟ้า พร้อมด้วยความสามารถอื่นๆอีก
เพราะว่าไม่มีใครที่ฝึกวิชาเซียนนี้ดังนั้นจึงเป็นภาระของภูษาเซียนของชิวเยว่เองที่หากว่าชิวเยว่ต้องการให้ได้วิถีครบทั้งห้า ภูษาเซียนของเธอก็จะต้องฝึกวิถีเหล่านั้นเอง
ขณะที่ภูษาเซียนเจ็ดเมฆาของชิวเยว่กำลังเข้าสู่ชั้นมัชฌิมเซียนนั้น หงเซียวก็ดูเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง เขารีบบันทึกไว้อย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่าเขาจะคุยเรื่องนี้กับชิวเยว่ทีหลัง ดูเหมือนว่าวิชาเซียนเจ็ดเมฆานั้นยังมีทางไปต่อได้อีก
ในเวลานี้ชิวเยว่เป็นคนเดียวที่มีชั้นมัชฌิมเซียนจำนวนมากที่สุด จึงกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไปด้วยเช่นกัน
พวกเขากลับที่พัก เพราะว่าในเวลานี้ยังไม่มีภูษาเซียนผืนไหนที่จะก้าวเข้าสู้ชั้นมัชฌิมเซียนอีก
ชีวิตของพวกเขาดำเนินต่อไปได้อีกเพียงไม่กี่วัน ป้ายหยกสื่อสารของหงเซียวป้ายหนึ่งก็ลอยออกมาพร้อมกับเสียงอันตื่นตระหนก
“ท่านผู้นำ แย่แล้ว พวกเราแย่แล้ว...” แม้ว่าหงเซียวจะออกจากตำแหน่งการบริหารอาณาจักร แต่ว่าทุกคนก็ยังให้เขาเป็นผู้นำอยู่
“เกิดอะไรกันขึ้น” หงเซียวเกิดความสงสัย อะไรที่ว่าแย่
“ท่านผู้นำ วันนี้พวกเราได้ส่งป้อมลอยฟ้าไปลาดตระเวนใกล้กับแนวเขตของพวกเรา แต่ตอนนั้นก็มีมารตนหนึ่งพุ่งเข้ามาในอาณาเขตของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงได้เปิดเสาแสงกักและใช้ปืนใหญ่ของป้อมลอยฟ้ายิง...” เสียงกล่าวในป้ายนั้นดังขึ้นอย่างกระวนกระวาย
“ใครจะคาดว่า มารตนนั้นเป็นมารชั้นปัจฉิมเซียน ครานี้พวกเราต้องแย่แน่แล้วท่านผู้นำ”