บทที่ 314 ซูรั่วเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่?
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“อมิตาพุทธ”
หลังจากที่กองทัพพันธมิตรถอนตัวกลับไป นักบวชเฒ่าก็เตรียมที่จะกลับไปยังอารามเซนเช่นกัน แต่ก่อนที่จะไปนั้นเขาก็ได้หันมาทางเจียงอี้และกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย
“ประสกเจียง แล้วค่อยพบกันใหม่ในอีกสามปีต่อจากนี้ แต่ก่อนจะจากกัน อาตมาขอเตือนประสกไว้สักเรื่อง หากจิตใจของประสกบิดเบี้ยวและเข้าสู่เส้นทางเต๋าสายมาร อาตมาคงจะต้องลงมือสังหารประสกด้วยตัวเอง อาตมาหวังว่าประสกจะมีจิตใจที่เข้มแข็งและไม่เลือกเดินทางผิด… ลาก่อน”
ฟิ้ววว!
หลังจากกล่าวจบ เจ้าอาวาสเหยียนเส่อก็กลายเป็นลำแสงและพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทันที
ด้วยการเคลื่อนไหวที่น่าตกตะลึงของเขา เห็นได้ชัดว่านักบวชเฒ่าผู้นี้มีความเข้าใจในรูปแบบเต๋าที่ล้ำลึกมาก เพียงแค่เสี้ยววิร่างของเขาก็หายไปจากวิสัยทัศน์ของผู้คนแล้ว
“เจียงอี้ หากว่าเจ้ามีเวลาก็มาหาข้าที่เกาะดาวตกได้!” ภาพฉายของสุ่ยโย่วหลานทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนที่จะค่อยๆเลือนหายไป
“จี๊จี๊!”
จิ้งจอกน้อยเสี่ยวเฟยที่อยู่ในอ้อมกอดของจักรพรรดินีสัตว์อสูรรีบกระโดดลงมาและโผเข้าหาเจียงอี้ทันที
“พี่ใหญ่ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?! เสี่ยวเฟยกลัวแทบแย่แหนะ โชคดีนะที่พวกเรามาทันเวลา!”
“นายน้อย!”
เจียงเสี่ยวนู๋เองก็อยากที่จะโผเข้าหาเจียงอี้เช่นกัน แต่นางเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่อยู่บนตัวของราชันสัตว์อสูรที่สูงกว่าสิบเมตร นางจะลงไปยังไงล่ะเนี่ย?
เมื่อจักรพรรดินีสัตว์อสูรเห็นท่าทีงุ่นง่านของเจียงเสี่ยวนู๋ นางก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นนางก็สะบัดมือเล็กน้อยและส่งร่างของหญิงสาวไปหาเจียงอี้ ในขณะเดียวกันก็ส่งโทรจิตหาอีกฝ่าย
“เจียงอี้ จักรพรรดินีผู้นี้ขอตัวกลับก่อน หลังจากที่เจ้าจัดการธุระที่นี่เสร็จแล้วก็จงกลับยอดเขาเทพธิดาโดยไว”
“อีกสามปีต่อจากนี้ ข้าจะออกจากทวีปเทียนชิงแล้ว หากว่าภายในสามปี เจ้ายังไม่แข็งแกร่งมากพอ เกรงว่าชีวิตเจ้าหลังจากนั้นคงจะตกอยู่ในอันตรายและจะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้อีกต่อไป!”
ฟุ่บ!
เมื่อสิ้นสุดวาจา ร่างของจักรพรรดินีสัตว์อสูรก็หายไปทันที ในขณะเดียวกันนางก็ไม่ได้พาจิ้งจอกน้อยไปด้วยและทิ้งราชันสัตว์อสูรทั้งสิบแปดตนเอาไว้ที่นี่
เห็นได้ชัดว่าพวกมันจะต้องคอยอารักขาจิ้งจอกน้อยจนกว่าจะกลับคืนสู่หุบเขาสามหมื่นลี้ ด้วยกำลังรบของพวกมัน จักรพรรดินีสัตว์อสูรจึงจะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครในทวีปนี้ที่จะกล้าทำร้ายลูกสาวของนางได้อีก
“เสี่ยวนู๋ เสี่ยวเฟย รอข้าสักครู่!”
เจียงอี้รีบส่งจิ้งจอกน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนให้กับเจียงเสี่ยวนู๋ จากนั้นตัวเขาก็เดินไปที่หลุมยักษ์รูปฝ่ามือทันที
แต่สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ก็ย่ำแย่นัก เขาเกือบจะล้มหลายครั้ง แต่เพราะความดื้อรั้นถึงทำให้เขามุ่งไปข้างหน้าด้วยความอดทน
ฝ่ามือของขันทีเว่ยทรงพลังอย่างแท้จริง ผนวกกับตอนนั้นคนของตระกูลซูกำลังอยู่ในสภาวะอ่อนล้า เกรงว่าแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่สูงกว่าขั้นที่ห้าก็อาจจะตายทันที แต่ซูรั่วเสวี่ยที่เป็นจอมยุทธขอบเขตจื่อฝู่… นางจะยังมีโอกาสรอดอีกหรือ?
“ฟืดด! ฟืดด!”
เจียงอี้กัดฟันแน่นและสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หลังจากที่มาถึงยังปากหลุม เขาก็กลั้นใจและพยายามมองลงไป
“เอ๊ะ?”
แต่ภาพที่เขาเห็นกลับทำให้คิ้วของเขาขมวดเป็นปม แม้ว่าหลุมนี้จะลึกมากแต่การมองเห็นที่ถูกยกระดับโดยแก่นแท้พลังสีดำก็ทำให้เจียงอี้สามารถมองเห็นได้อย่างพร่ามัว
เขามองเห็นศพจำนวนมาก แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังมีผู้รอดชีวิตอยู่บางส่วน มีแม้กระทั่งผู้ที่ฟื้นคืนสติและกำลังช่วยเหลือคนอื่นๆ
นี่มัน…? เป็นไปได้ไหมว่าซูรั่วเสวี่ยก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่เช่นกัน?!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อารมณ์ของเจียงอี้ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง แม้ว่าจะยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่บริเวณหน้าอก แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันและกระโดดลงไปในหลุมทันที
ได้โปรด! ได้โปรด… เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นะ รั่วเสวี่ย!
หลังจากที่ลงมาได้ครึ่งทาง เจียงอี้ก็มองเห็นร่างของรั่วเสวี่ยที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ตามมาด้วยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวผู้หนึ่งที่กำลังถ่ายเทแก่นแท้พลังผ่านฝ่ามือที่ทาบลงบนแผ่นหลังของนางเพื่อช่วยนางฟื้นฟูพลัง
เจียงอี้ที่อยู่ห่างออกไปสามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอ่อนๆจากร่างกายของซูรั่วเสวี่ย ในเวลาเดียวกันสีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ… หลังจากที่โดนการโจมตีของผู้เชี่ยวชาญระดับนั้นเข้าไป แต่นางกลับยังไม่ตาย?!
ตุบ!
ร่างของเจียงอี้ร่อนลงบนพื้นเบื้องล่างและจ้องมองไปยังซูรั่วเสวี่ยที่ยังคงมีรอยเลือดหลงเหลืออยู่ที่มุมปากของนาง
เมื่อเห็นว่าสตรีที่รักยังคงมีชีวิตอยู่ ร่างของเขาก็สั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่ค่อยๆเขยิบเข้าไปใกล้ จนกระทั่งเข้าไปใกล้มากพอและใช้มือสัมผัสกับใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน เขาก็แน่ใจแล้วว่ามันไม่ใช่ความฝัน!
“ใต้เท้าเจียง องค์หญิงยังทรงมีชีวิตอยู่ขอรับ ตอนนั้นนางได้รับการปกป้องจากยอดนักรบของฝั่งเราที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกและยังสวมชุดเกราะระดับสวรรค์ไว้… ช่างเป็นโชคดีของเราเหลือเกินขอรับ!”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวผู้นั้นอธิบายด้วยเสียงเบาและจ้องมองเจียงอี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมระคนเทิดทูน
ฟึ่บ!
มีคนของตระกูลซูจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ตาย แต่เจียงอี้ก็หาได้สนใจคนเหล่านั้นไม่ เขาช้อนร่างของซูรั่วเสวี่ยและอุ้มขึ้นมาอย่างนุ่มนวล จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปบนปากหลุมและมองไปที่แม่ทัพเฒ่าก่อนที่จะเอ่ย
“มีหมอหลวงอยู่ในราชวังหรือไม่?”
“มี! ตามข้ามาเลยใต้เท้า!”
แม่ทัพเฒ่าพยักหน้าอย่างแข็งขัน จากนั้นเขาก็หันไปส่งสัญญาณให้กับแม่ทัพอีกคนเพื่อให้ช่วยพาเจียงเสี่ยวนู๋ตามเจียงอี้เข้าไปในเมือง
“จริงสิ…”
แต่เมื่อเจียงอี้วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้และหันไปมองจูเก๋อชิงหยุนที่ยังคงลอยตัวอยู่กลางอากาศ แต่ดูเหมือนว่าชายชราจะรู้ว่าเจียงอี้จะพูดอะไร เขาจึงชิงเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เรื่องของซูรั่วเสวี่ยสำคัญกว่า ไม่ต้องสนใจตาแก่ผู้นี้หรอก หลังจากที่จัดการธุระทางนี้เสร็จแล้ว เจ้าสามารถพานางกลับไปที่สำนักได้… ข้าขอตัวกลับก่อนล่ะ”
“โฮกกกก!”
มังกรทองกู่คำรามออกมา และมันก็บินไปรับผู้เป็นนายจากนั้นก็ทะยานไปทางสำนักจิตอสูรและกลายเป็นจุดสีดำก่อนที่จะหายลับไปยังเส้นขอบฟ้า
เจียงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยติดตามเจียงอี้เข้าไปในเมืองเซี่ยยวี่โดยที่ให้ราชันสัตว์อสูรทั้งสิบแปดตนรออยู่ด้านนอก แต่ด้วยพลังของพวกมันแล้ว พวกมันหาได้เกรงกลัวต่อเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับองค์หญิงน้อยของพวกมันไม่
อีกด้านหนึ่งเหล่าแม่ทัพของอาณาจักรต้าเซี่ยก็เริ่มทำการเก็บกวาดสนามรบและรักษาผู้บาดเจ็บ จากนั้นก็ทำการฝังหรือเผาศพของผู้ตาย
ตอนนี้ทหารกล้าของอาณาจักรต้าเซี่ยเหลืออยู่เพียงหนึ่งแสนคนเท่านั้นและยังมีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของพวกเขาก็อาบไปด้วยความสุข หลายคนจ้องมองไปยังทิศที่เจียงอี้เพิ่งจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพและขอบคุณ
เจียงอี้เพิ่งจะช่วยให้อาณาจักรต้าเซี่ยรอดพ้นจากการล่มสลาย ดังนั้นชาวต้าเซี่ยที่เหลืออยู่จึงขอบคุณเขาในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้… นามของเขาจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรตลอดไป!
“ทุกคน! ทำความเคารพ!”
เมื่อเห็นกลุ่มแม่ทัพเฒ่าและเจียงอี้ที่กำลังวิ่งเข้ามาในเมือง หนึ่งในผู้บัญชาการก็ตะโกนขึ้นมา จากนั้นประชาชนชาวต้าเซี่ยต่างก็เดินออกมาสองข้างถนนและคุกเข่าลงพร้อมกับวางมือทาบบนอก
ใบหน้าของพวกเขาเงยขึ้นและมองไปยังวีรุบุรุษหนุ่มด้วยความชื่นชมอย่างแรงกล้า จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
“คารวะใต้เท้าเจียง!”
“คารวะใต้เท้าเจียง!”
ตลอดทางที่เจียงอี้และกลุ่มวิ่งตรงไปยังพระราชวังก็จะมีชาวต้าเซี่ยที่กำลังคุกเข่าและทักทายเขาด้วยความเคารพสูงสุด
เจียงอี้ไม่ได้เป็นแม้แต่ชาวต้าเซี่ย ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ แต่กลับได้รับการเคารพยิ่งกว่าเชื้อพระวงศ์เสียอีก!
เขาพยักหน้าเล็กน้อยและไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เพราะในตอนนี้ยังมีเรื่องที่ทำให้เขาต้องกังวลใจมากกว่า ทางด้านของเจียงเสี่ยวนู๋ที่ถูกอุ้มโดยแม่ทัพผู้หนึ่งก็เริ่มมีสีแดงระเรื่อปรากฏขึ้นบนใบหน้า จิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนของนางก็เริ่มส่ายศีรษะน้อยๆของนางไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่นานนัก ในที่สุดเจียงอี้และกลุ่มก็มาถึงพระราชวังหลวง จากนั้นพวกเขาก็ถูกนำไปยังวังหิมะเลื่อนลอยซึ่งเป็นที่พำนักของซูรั่วเสวี่ย ภายในนั้นมีหมอหลวงจำนวนหนึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่แล้ว
ทางด้านของซูตี๋หวังยังคงอยู่ในอาการช็อกและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของหัวหน้าขันทีและหน่วยองครักษ์
เมื่อหมอหลวงทำการตรวจสอบสภาพร่างกายของซูรั่วเสวี่ยอย่างละเอียด ปรากฏว่านางรอดตายมาอย่างหวุดหวิด กระดูกในร่างมากมายแตกหักพร้อมกับอวัยวะที่ฉีกขาด แต่การพักฟื้นหลายเดือนก็จะทำให้นางกลับมาเป็นปกติเอง
หลังจากที่ฟังผลวินิจฉัยของหมอหลวง เจียงอี้ก็รู้สึกราวกับได้ปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้ง ทันใดนั้นเขาก็ล้มลงไปกับพื้นและหมดสติไปในที่สุด
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไปในวันนี้และเจตจำนงสังหารยังทำให้กายเนื้อของเขารับภาระเกินกว่าปกติหลายเท่าตัว ความจริงเขาสมควรที่จะหมดสติไปนานแล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรีดเค้นพลังเฮือกสุดท้ายและพาซูรั่วเสวี่ยกลับมาถึงมือหมอได้ในที่สุด
หลังจากที่ได้รับการรักษาจากหมอหลวง อาการของเจียงอี้ก็กลับมาทรงตัว เจียงเสี่ยวนู๋และจิ้งจอกน้อยเสี่ยวเฟยต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่จากนั้น จิ้งจอกน้อยก็หันมามองเจียงเสี่ยวนู๋และเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
“พี่เสี่ยวนู๋ ผู้หญิงที่พี่ใหญ่อุ้มก่อนหน้านี้คือใครหรอ? ทำไมข้ารู้สึกว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ? นางจะมาแย่งพี่ใหญ่ไปจากพวกเราไหม? ขะ ข้าไม่ยอมนะ!”
เมื่อได้ยินคำถามของจิ้งจอกน้อย ดวงตาของเจียงเสี่ยวนู๋ก็หม่นแสงลง แต่นางก็รีบปกปิดความรู้สึกทันทีก่อนที่จะหันมาฝืนยิ้มและตอบ
“พี่สาวซูน่าจะเป็นคนรักของนายน้อย… แต่เสี่ยวเฟย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม้ว่านายน้อยจะมีคนรัก แต่เขาก็ไม่มีทางทิ้งพวกเราหรอก!”
แม้ว่าใบหน้าของนางจะฉาบด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ยังคงเผยให้เห็นถึงความเศร้าหมองอยู่ลางๆ…