ตอนที่แล้วตอนที่ 8 ถังแตกแน่ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 เพราะแบบนี้ไงถึงเรียกว่าไฮเทค

ตอนที่ 9 นี่มันขอบคันหินจริงๆเหรอ?


ตอนที่ 9 นี่มันขอบคันหินจริงๆเหรอ?

หลิวเฟิ่งจิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมการบริหารเทศบาลที่เพิ่งดุด่าหานโหย่วเผิงได้รับโทรศัพท์จากเขาว่ามีข่าวสำคัญมารายงาน

ในเวลานั้นผู้อำนวยการหลิวกำลังประชุมอยู่ชั้นบนกับผู้อำนวยการและหัวหน้าสำนักงานคนอื่นๆของเมือง พวกเขาหารือเกี่ยวกับการตรวจสอบในอีก 3 เดือนหน้านี้และวิธีที่พวกเขาจะใช้เปลี่ยนโฉมหน้าของเมือง

หากเพียงแค่ทำความสะอาดเมือง นั่นเป็นไอเดียที่ไม่ผ่าน ไม่ได้เรื่องและโง่เง่า

ในประเทศนี้มีเมืองกว่า 700 เมืองและมีเขตเทศบาลเกิน 1600 เขต

เหตุใดจึงมีเพียง 31 เมืองที่ได้ขึ้นว่าเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมมากที่สุดในประเทศ

การฝึกปฏิบัติด้านสุขอนามัยแม้แต่เด็กอนุบาลก็ทำได้ พวกเขาทำได้ดีมากทีเดียว เด็กๆสามารถทำความสะอาดลานโรงเรียนให้เป็นระเบียบและสะอาด

ดังนั้นหากชื่อเสียงของเมืองมาจากการฝึกปฏิบัติด้านสุขาภิบาลเท่านั้น นั่นเป็นเกียรติยศสูงสุดและยากที่สุดที่จะบรรลุได้ แล้วก็ยังเป็นเรื่องไร้สาระเพราะเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ

การตรวจสอบเป็นเวลาสามปีเป็นการตรวจสอบตามเป้าหมายที่ครอบคลุม เช่น ความปลอดภัยสาธารณะ อัตราการเกิดอาชญากรรม อัตราการจ้างงาน คุณภาพอากาศและอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ได้ถูกตรวจสอบในภาพรวมไปแล้วในสองปีแรกการตรวจสอบ

ในปีที่สามเป็นการประเมินแบบครอบคลุมซึ่งทีมงานตรวจสอบจะเข้ามาทำการประเมินผลในพื้นที่

หลังจากที่ล้มเหลวในการตรวจสอบในพื้นที่มาครั้งที่เท่าใดไม่ทราบ เขตเทศบาลนครจงหยุนใช้ประสบการณ์ ข้อเสนอแนะจากความล้มเหลวก่อนหน้านี้และการวิจัยระยะยาวเกี่ยวกับเมืองที่ผ่านการตรวจสอบมากำหนดเกณฑ์การพิจารณา

มีจุดสำคัญสามจุดที่ต้องคำนึงถึง

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเมือง

ด้านวัฒนธรรมของเมือง

ลักษณะพิเศษของเมือง

สำหรับความสะอาดของเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก็เหมือนที่ผู้หญิงทุกคนไม่สามารถเป็น Miss World ได้ หากเมืองเต็มไปด้วยขยะหรือรอยแตกไปทั่วก็จะไม่ผ่านเงื่อนไขด้วยซ้ำ

สำนักงานการก่อสร้างเมืองเป็นผู้ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานและแผนการก่อสร้างถนนของเมืองจงหยุนทั้งหมด ดังนั้นความกดดันของการทดสอบครั้งใหญ่นี้จึงขึ้นอยู่กับสำนักงานการก่อสร้างของเมืองเป็นหลัก

ภายใต้อิทธิพลของแรงกดดันนี้หัวหน้าทุกแผนก หัวหน้าทุกสำนักงานและรองหัวหน้าทุกคนล้วนทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อระดมความคิดที่จะทำให้เมืองสวยงามขึ้น

การอภิปรายในห้องประชุมทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทรุนแรง บางคนเชื่อว่าจงหยุนควรจะชูโรงด้านวัฒนธรรมให้เป็นลักษณะพิเศษ ต้องส่งเสริมและแสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานต่อสาธารณชน คนอื่นๆเชื่อว่าการพึ่งพาเพียงวัฒนธรรมนั้นไม่เพียงพอ แม้แต่เมืองโบราณที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปีก็ถูกตัดออกจากรายการ ดังนั้นจึงชัดเจนว่าความโดดเด่นด้านวัฒนธรรมไม่สามารถใช้เป็นตัวชูโรงได้ เหลือเพียงด้านเทคโนโลยีเท่านั้น

ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีพัฒนาการใหม่ทุกวัน หากมีสามารถนำเครื่องมือไฮเทคทั้งหลายมาใช้อำนวยความสะดวกในเมืองก็อาจจะได้รับการชื่นชมจากทีมตรวจสอบ

คนที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาคือหัวหน้าแผนกคนหนึ่งที่เคยไปเยี่ยมชมเมืองในต่างประเทศที่มีจุดเด่นคือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ไฮเทค

“เราต้องการทั้งเทคโนโลยีและวัฒนธรรม”

หัวหน้าสำนักงานการก่อสร้างเมือง เล่อเจิ้งตง กล่าวว่า “เมื่อวานนี้ในระหว่างการประชุมระดับผู้นำเมือง เราทุกคนต่างตกลงกันว่าเราไม่เพียงแต่ต้องรักษามรดกทางวัฒนธรรมของเมืองเท่านั้น แต่ยังต้องส่งเสริมโครงการที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน”

“ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเหล่าผู้นำของเมืองนั้นชัดเจนมาก เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นทั้งด้านวัฒนธรรมและด้านเทคนิคของเมือง ในอีก 3 เดือนข้างหน้างานทั้งหมดของเราจะต้องเน้นไปที่สองประเด็นนี้”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของหัวหน้า แม้ว่าเสียงเรียกเข้าจะไม่หนวกหูและมีเพียงบรรดาผู้อำนวยการและหัวหน้าสำนักในการประชุมเล็กๆนี้ จึงไม่มีใครปิดโทรศัพท์มือถือเลย หัวหน้าหยุดพูดและมองที่หลิวเฟิ่งจิน ผู้อำนวยการด้านวิศวกรรมบริหารเทศบาลราวกับกำลังบอกให้เขารีบรับสาย

ห้องประชุมเงียบสงัดเมื่อหลิวเฟิ่งจินมองดูเบอร์ที่โทรมาและถามออกไปด้วยความโกรธ “ฉันไม่ได้บอกเหรอว่าตอนนี้กำลังประชุมอยู่ มีอะไรก็รีบพูดมาเร็วๆ”

“ผู้อำนวยการหลิว เรื่องใหญ่มากครับ ใหญ่มากๆ!” หานโหย่วเผิงตะโกน ในห้องประชุมที่เงียบสงัดแม้แต่หัวหน้าเล่อเจิ้งตงผู้ซึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะก็ยังได้ยินชัดเจน

“รอฉันประชุมเสร็จแล้วกัน” หลิวเฟิ่งจินกดปิดโทรศัพท์อย่างแรง

“อาจเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับคุณนะ” หัวหน้าเล่อเจิ้งตงดูเวลา “เอาล่ะ การประชุมของเราวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนกลับไปพักแล้วมาเสนอแผนใหม่กันในวันพรุ่งนี้นะ”

เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ผู้อำนวยการคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ใกล้กับประตูก็เปิดมันออก หานโหย่วเผิงที่รออยู่ข้างนอกก็พุ่งเข้ามาในห้องทันที

หานโหย่วเผิงที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือ อีกข้างถือรูปภาพสองสามรูปหน้าแดงก่ำเหมือนกุ้งย่าง “แค่ 60 เองครับ ผู้อำนวยการ!”

หลิวเฟิ่งจินโกรธจนหน้าแดง หานโหย่วเผิงเป็นคนในแผนกของเขา ตอนนี้ผู้นำในสำนักงานการก่อสร้างเมืองอยู่ที่นี่ทั้งหมด นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดของเขาหรือ?

หลิวเฟิ่งจินตัดสินใจแล้วว่าเมื่อกลับไปที่แผนก เจ้าเด็กนี่ต้องได้รับบทเรียนแน่ๆ

หัวหน้าสำนักงานการก่อสร้างเมือง เล่อเจิ้งตงยืนอยู่และดูไม่ชอบใจ “เสี่ยวหาน เธอกังวลเรื่องอะไร ไม่รู้จักเก็บอารมณ์เลย”

“เอ่อ ~ หัวหน้าให้ผมอธิบายเถอะครับ” ทันใดนั้นหน้าของหานโหย่วเผิงก็เปลี่ยนจากแดงเป็นซีด เขารู้ตัวว่าตนเองตกอยู่ในปัญหาแล้ว

ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นแค่เด็กหนุ่มและไม่สามารถเก็บอารมณ์ได้เมื่อเจอเรื่องที่น่าตื่นเต้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็หายไปจากความคิด

คนที่เป็นข้าราชการก็ไม่ได้เป็นบ้าเสียหน่อย หัวหน้าและผู้อำนวยการทุกคนเข้าใจ หานโหย่วเผิงคงเผชิญหน้ากับเรื่องที่ใหญ่มากแน่ๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ทำผิดพลาดแบบนี้

หัวหน้าโกรธแต่ก็ยังอนุญาตให้เวลาหานโหย่วเผิงได้อธิบาย

หานโหย่วเผิงรู้สึกกลัวจนลืมความลิงโลด เขาเข้าใจว่าหากเขาไม่อธิบายอย่างชัดเจนคงจะต้องถูกพิพากษาไปตลอดชีวิตที่เหลือแน่

ดังนั้นเขาจึงพยายามเค้าความพยายามออกมา 200% เพื่ออธิบาย

“รูปนี้ครับ หัวหน้ารับไปดูสิครับ” หานโหย่วเผิงที่ตัวสั่นส่งรูปในมือให้กับหัวหน้าและผู้อำนวยในห้อง

ในรูปคือหินอ่อนชิ้นหนึ่ง บนหินอ่อนมีรูปสลักอยู่

ในฐานะหัวหน้า เล่อเจิ้งตงอยากจะตำหนิว่าทำไมถึงเอะอะโวยวายเพราะรูปนี้รูปเดียว แต่ไม่มีคำด่าออกมาจากปากของเขาเพราะเขาลืมเรื่องนั้นไปอย่างชัดเจน

เขาถูกดึงดูดโดยหญิงสาวในราชสำนักผู้สง่างามในภาพไปอย่างสิ้นเชิง

สวย!

นี่คือความคิดครั้งแรกของเขา

งานศิลปะ!

นี่คือความคิดที่สอง

แขนเสื้อที่พลิ้วไหวและ coiled legs เหล่านางฟ้าที่เพรียวบางและอ่อนโยนถูกแกะสลักลงบนแผ่นหินอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังดึงเอาคุณค่าทางศิลปะที่ไม่มีอยู่ในแผ่นหินออกมา

ดวงตาที่ดูเกียจคร้านแต่มีเสน่ห์ ท่ารำแบบดั้งเดิมเหล่านั้น ราวกับว่าภาพนี้มีชีวิต ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้ม อดไม่ได้ที่จะชื่นชม

ผู้อำนวยการคนอื่นๆ ก็รู้สึกเหมือนกัน บางคนก็หรี่ตาลงจนเหลือเพียงขีดเล็กๆ

ผู้ชายน่ะ ต่อหน้าสิ่งที่สวยงามแล้วก็ทำแบบเดียวกันทั้งนั้น หานโหย่วเผิงหัวเราะ หัวเราะเพราะตอนนี้เขามั่นใจแล้ว

พวกเขาทุกคนต่างก็หลงเสน่ห์หญิงสาวในราชสำนักบนแผ่นหินนี้ และคงจะไม่ได้สังเกตอย่างแน่นอนว่าจริงๆแล้วแผ่นหินนั้นเป็นตัวเด่น

หานโหย่วเผิงจึงต้องเตือนทุกคนถึงเหตุผลที่เขาโผล่พรวดเข้ามาในห้องประชุม

“หัวหน้าครับ ถ้าหญิงสาวในราชสำนักเหล่านี้ถูกแกะสลักลงบนขอบถนนบนถนนสายหลักๆของจงหยุนแล้วจะเป็นอย่างไรครับ?” หานโหย่วเผิงกล่าวอย่างกระตือรือร้น

“อะไรนะ?” หัวหน้าเล่อเจิ้งตงและผู้อำนวยการคนอื่นๆต่างก็ลุกพรวดจากเก้าอี้

หัวหน้าเล่อเจิ้งตงจับภาพด้วยมือที่สั่นเทาเมื่อเทียบกับตอนที่หานโหย่วเผิงโผล่พรวดเข้ามาในห้องประชุมแล้วเขาดูตื่นเต้นมากกว่าด้วยซ้ำ

เขาคว้าไหล่ของหานโหย่วเผิง ตัวสั่นและพูดไม่ปะติดปะต่ออย่างเห็นได้ชัด “เธอพูดว่าอะไรนะ? นี่เป็นขอบถนนเหรอ?”

จากนั้นหัวหน้าเล่อเจิ้งตงก็จำได้ว่าหานโหย่วเผิงตะโกนอะไรบางอย่างตอนที่เขาโผล่เข้ามาว่า 60 60

อย่าบอกนะว่า ......

เขากำลังพูดถึงราคาของขอบคันหินนี่?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด