บทที่ 48: พันธมิตรอิสระ
ลอทเนอร์ถอนหายใจให้กับผู้เข้าสมัครส่วนใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งระดับผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง
เขาไม่รู้ว่าทำไมทหารทุกคนที่วิลเลียมเลือก อย่างต่ำที่สุดก็มีสายเลือดระดับกลาง
นี่มันหมายความว่ายังไง?
ในสายตาของผู้เล่น คนพวกนี้ทั้งหมดเป็นมินิบอส…
NPC ที่มีสายเลือดระดับเริ่มต้นเป็นอะไรที่คุ้นเคยในสายตาผู้เล่น หรือก็คือเป็นมอนสเตอร์ธรรมดาทั่วไป
สายเลือดระดับกลางเป็นมินิบอส และเหล่าสายเลือดระดับสูงก็เป็นบอสระดับหัวหน้า
พวกคนที่มีสายเลือดแกรนด์มาสเตอร์ก็จะน่าย่ำเกรงยิ่งขึ้น พวกเขาเป็นบอสระดับผู้นำ
ส่วนสำหรับระดับอีปิคและรีเจนดารี พวกเขาเป็นซุปเปอร์บอสที่ไม่สามารถต่อต้านได้แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะพยายามสุดชีวิตของเขาก็ตาม
วิลเลียมตั้งตารอที่จะมองสีหน้าของผู้เล่นเมื่อพวกเขาเข้าเกมและเห็นว่าทหารทุกคนของเขาเป็นมินิบอสทั้งหมด
“นอกจากพลเมืองที่ไม่ต้องการจะเปลี่ยนความเชี่ยวชาญของพวกเขา ผู้เชี่ยวชาญที่มีสายเลือดระดับกลางในเมืองก็เกือบถูกฉันกำจัดไปหมดแล้ว”
“พวกเรารอนานไปไม่ได้ เราควรจะซื้อทาสและคนงานเพิ่มโดยด่วน” วิลเลียมคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะดึงม้วนกระดาษวิเศษออกมา ลงมือเขียนบางอย่างไปบรรทัดหนึ่งแล้วจึงสัมผัสลวดลายแตรขนาดเล็กบนกระม้วนกระดาษเบาๆ
ตัวเขียนบนม้วนกระดาษค่อยๆ หายไปช้าๆ
ไม่กี่นาทีต่อมาตัวเขียนอีกบรรทัดก็ปรากฏขึ้นบนม้วนกระดาษ
“ทาส 5,000 คนและทาสผู้เชี่ยวชาญ 500 คน? ข้าจะส่งพวกเขามาในอีกเจ็ดวัน” เคอรี่ถอนหายใจ
ม้วนกระดาษเวทย์การเคลื่อนย้าย
มันสามารถย้ายเสียงและข้อความ
มันมีมูลค่าถึง 100 เหรียญทอง!
พร้อมกับข้อจำกัดในการใช้ 300 ครั้ง
สำหรับผู้เล่นในระยะเริ่มต้นของเกม นี่เป็นไอเท็มอย่างหรูชิ้นหนึ่ง มีคนไม่กี่คนที่ลังเลในการแชทกับคนอื่น แต่พวกเขาก็ส่งข้อความสุ่มไปหา NPC และผลที่ตามมาก็เห็นๆ กันอยู่
ในช่วงกลางของเกม ผู้เล่นทุกคนต่างก็มีเป็นของตน และด้วยการเปิดเวอร์ชั่นใหม่ของเกม มันก็ราคาถูกลง
วิธีที่จะใช้ม้วนกระดาษเวทย์เคลื่อนย้ายก็เหมือนกับการเพิ่มเพื่อน คนที่จะเพิ่มต้องแลกเปลี่ยนสัญลักษณ์เวทมนต์บนม้วนกระดาษล่วงหน้าก่อน
“สิ่งสำคัญที่สุดคืออุปกรณ์มิติ แต่มันยากที่จะหามาได้” วิลเลียมปวดหัวเล็กน้อย ในระยะเริ่มต้นของเกม กระเป๋าของผู้เล่นจะเต็มไปด้วยไอเท็มที่ไร้ประโยชน์ เมื่อพวกเขาไปที่สนามรบ มันก็เหมือนกับพวกเขาไปร้านขายของชำ
เมื่อผู้เล่นในระยะเริ่มต้นของเกมเข้าร่วมในภารกิจหลักขนาดใหญ่ พวกเขาจะขนของต่างๆไว้บนหลังและเมื่อพวกเขาตาย ของๆ พวกเขาก็จะหล่นกระจายลงบนพื้น อัตราการดรอปของนี่สูงยิ่งกว่ามอนสเตอร์เสียอีก…
ส่วนใหญ่แล้ว เหล่าผู้เล่นก็มักจะต้านทานไม่ไหวและตายไปก่อนที่สองฝ่ายจะเริ่มการต่อสู้
สุดท้ายแล้ว ในระยะเริ่มต้นของเกมก็ไม่มีแม้กระทั่งที่ตั้งของกิลด์หรือที่อยู่อาศัยของผู้เล่นธรรมดา ตราบใดที่เวลานั้นยังไม่มีวัสดุพิเศษขาย และไม่มีที่ให้พวกเขาเก็บของ ผู้เล่นจึงต้องขนมันไปกับพวกเขาด้วย
“อย่างน้อยก็หาอาจารย์ผู้วิเศษด้านมิติสักคนเพื่อซื้ออุปกรณ์มิติ แม้ตัวละครประเภทนี้จะเกินขีดกำจัดของเวอร์ชั่นไปก็ตาม”
“ทั้งเขตปกครองเหล็กหรือเขตปกครองหินดำก็ไม่มีอาจารย์ผู้วิเศษด้านมิติสักคน”
วิลเลียมไม่ได้ลืมโมเสส เขาแค่ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากโมเสสได้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้น ไม่ช้าก็เร็วโมเสสก็จะรู้ว่าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของโมเสสอยู่แล้ว
จากนั้น ความยากในการทำการซื้อขายระหว่างพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีก
“หลังจากที่ค่าความประทับใจถึง 700 แต้มแล้ว มันไม่ควรจะมีปัญหาใดๆอีก” เพิ่มเติมจากการเพิ่มเลเวล, ต่อสู้กับมอนสเตอร์ และทำภารกิจให้สำเร็จ วิลเลียมก็ยังต้องปัดฝุ่นความประทับใจที่ดีของเขาต่อ NPC ตัวหลักทั้งหลายอีกด้วย
โดยเฉพาะโมเสส
ในเวลาสองเดือน จำนวนครั้งที่เขาไปที่ห้องรับการทำนายนั้นไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง…
มันเป็นเรื่องจำเป็นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่สนิทชิดเชื้อหนึ่งครั้งต่อวัน อย่างที่เคยบอกไว้ ‘การเป็นคนดูดี’ นั้น ตราบใดที่คุณประจบประแจงสักหน่อย คุณก็สามารถเพิ่มความประทับใจที่ดีได้
แม้ว่าความสามารถติดตัวนี้จะไม่มีผลเท่าไหร่ต่อNPCระดับสูงที่มีสายเลือดรีเจนดารี ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา วิลเลียมเพิ่มค่าความประทับที่ดีของเขาถึง 250 หน่วย…
“นี่ก็เหมือนกับการตกหลุมรัก คุณต้องแสดงตัว, รับประทานอาหารด้วยกันเป็นครั้งคราว และพูดคุยกันขณะที่เหงนมองสายรุ้งเพื่อให้เป็นความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้”
วิลเลียมชอบความสามารถติดตัวของเขาขึ้นทีละน้อยๆ อ้างอิงจากNPCผู้มีสายเลือดรีเจนดารีแล้ว คนอื่นๆ นั้นไม่สามารถที่จะได้รับความประทับใจที่ดีจากเพียงแค่ฝีปากเท่านั้น มันต้องใช้ทั้งชั้นเชิงและพรสวรรค์!
และ ทาสของเคอรี่มาจากไหน?
มันก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าพวกเขาบางคนเป็นทาสจากเขตปกครองหินดำ ตามมาด้วยทาสจากประเทศที่มีพรมแดนติดกับเขตปกครองหินดำ
นอกจากสงครามอันดุเดือดขนาดใหญ่ทั้งหลาย มีพวกขวากหนามจำนวนนับไม่ถ้วนในพื้นที่ชายแดนระหว่างอาณาจักรมนุษย์ มันไม่เพียงแต่ตักตวงทรัพยากร แต่ยังกักตัวพลเมืองของดินแดนอื่นไว้และทำให้พวกเขากลายเป็นทาส
ถ้าไม่อย่างนั้น ก็จะเป็นการซื้อทาสจากประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย
ที่สุดแล้ว ในหนึ่งประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก พลเมืองจำนวนมากจะถูกเปลี่ยนเป็นทาสโดยไม่มีเหตุผล และส่วนใหญ่ราคาก็ถูกลงมากอีกด้วย
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลย
เหล่าขุนนางเป็นผู้กุมอำนาจ
ส่วนใหญ่แล้วเหล่าพลเมืองจะถูกจับตัวระหว่างเดินอยู่บนถนน และขุนนางผู้หยิ่งผยองคนหนึ่งก็คงจะพูดว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นทาส นำตัวเขาไปและขายเขา”
ขุนนาง
พลังอำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่ควบคุมประเทศของมนุษย์
เมื่อรวมเข้ากับสายเลือดอันยอดเยี่ยม ในแต่ละชั่วอายุพวกเขาก็อยู่เหนือกว่า
เงินตราทำให้มีอำนาจ
อุปกรณ์ทำให้อยู่ในจุดที่สูงกว่า
แม้แต่ทักษะพลังการต่อสู้ก็นับว่าเป็นความได้เปรียบ
ยุคที่สามของทวีปรีเจนดารีคงอยู่เป็นพันๆปี ตั้งแต่ขุนนางมนุษย์ยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของโลก มันก็ยังไม่มีการก่อกบฏใดที่ประสบผลสำเร็จโดยพลเมืองและทาสเลย ช่องว่างนั้นกว้างเกินไป…
การล่มสลายของอาณาจักรหลายแห่ง ส่วนใหญ่เกิดจากอาณาจักรอื่นหรือการล้มล้างของขุนนางทั้งนั้น…
กล่าวสั้นๆ
มันเป็นเรื่องยากที่พลเมืองและทาสจะโค่นล้มนโยบายของขุนนางโดยปราศจากอำนาจหนุนหลัง
ยกตัวอย่างเช่น ทาสมากมายที่วิลเลียมซื้อมานั้นถูกขายจากประเทศที่อยู่ไกลออกไป
แต่!!!
เหตุผลหลักสำหรับ ‘สงครามของราชา’ ในเวอร์ชั่นแรกเกิดจากองค์กรหนึ่ง
นั่นก็คือพันธมิตรอิสระผู้ทำให้เกิดการสั่นคลอนในทวีปรีเจนดารี
ในจำนวนของพวกเขา ราชาของเขตปกครองหินดำถูกวางยาจนถึงแก่ความตาย
เหตุผลที่เขตปกครองเหล็กกล้าที่จะเริ่มสงครามเป็นเพราะว่ามีคนบางกลุ่มผลักดันพวกเขาอยู่ด้านหลัง และแม้แต่ราชาก็อยู่ภายใต้การควบคุม
เจ้าชายของเขตปกครองหินดำก็ฆ่ากันเอง, ต่อสู้เพื่ออำนาจ และกำไร มันใช้เวลาสองเดือนสำหรับใครบางคนที่จะได้สืบบัลลังก์และใครบางคนคนนั้นก็อยู่เบื้องหลัง
และคนๆ นั้นคือ โกธี นาซิส
เขาเป็นบุตรชายทางสายเลือดของราชาแห่งเขตปกครองเหล็กและใช้นามสกุลของแม่เขามาตั้งแต่สมัยเด็ก
ส่วนสำหรับแม่ของเขา เธอเป็นนางโลม แม่ของโกธีสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติหลังจากตั้งท้องและแม้ว่าเธอจะเป็นนางโลม ในช่วงเวลาสี่ถึงห้าปีมีแต่ราชาแห่งเขตปกครองเหล็กเท่านั้นที่ได้สัมผัสเธอ
หลังจากแม่ของโกธีรู้ว่าบางสิ่งผิดปกติ เธอจึงรีบหนีไปซ่อนตัว และการลอบสังหารที่เธอสังหรใจไว้ก็เกิดขึ้นจริงๆ…
หลังจากที่เรื่องทั้งหมดสงบลง เธอก็นำตัวลูกชายแรกเกิดหนีไปยังอีกฝ่ายซึ่งก็คือเขตปกครองหินดำ การพยายามลอบสังหารไม่เคยหยุดลง นำไปสู่การปกปิดตัวตนของเธอไว้เป็นความลับ
แต่สิ่งที่น่าสมเพชเวทนาที่สุดคือผู้หญิงที่พระราชาสนใจทุกคนจะต้องไม่ธรรมดา
และเพราะเรื่องนี้ ตั้งแต่โกธีอายุยังน้อยมากๆ ก็มองแม่เขาใช้ร่างกายเพื่อแลกเงินและอาหาร เธอต้องใช้เงินในการมาจุนเจือค่าเล่าเรียนของเขาและค่าใช้จ่ายจำเป็นในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน…
ในฐานะเด็กคนหนึ่ง โกธี นาซิสจำได้ว่าแม่เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องทุกวันเพื่อปล่อยให้น้ำตาได้ไหลรินออกมา
แต่ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะกลัวแค่ไหน เธอก็ไม่เคยลืมใบหน้าของลูกชายที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
โกธี นาซิส ผู้ก่อตั้งพันธมิตรอิสระเป็นบิ๊กบอสตัวจริงของเวอร์ชั่น 1.0
“ดังนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องอันตรายในการซื้อทาสในขณะนี้ แถมยังน่าเชื่อถือเสียด้วยซ้ำ เหล่าทาสที่ไม่สามารถกลับไปที่บ้านเกิดของพวกเขาได้ก็ไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้ถ้าพวกเขาหลบหนี”
“ตราบใดที่ฉันกู้สถานะพลเมืองของพวกเขาคืนได้ พวกเขาก็จะทำงานอย่างหนัก”
วิลเลียมรู้ว่าเขาเป็นเหมือนกับเจ้าของทาสมากกว่า แต่เขาจะยกเลิกตำแหน่งทาส และการทำงานของพวกพลเมืองก็จะได้รับค่าแรงอย่างสมน้ำสมเนื้อ
สิ่งสำคัญที่สุดคือมันไม่มีขุนนางในอาณาเขตของฝ่ายกลาง
ชนชั้นสูงเพียงคนเดียวคือลอร์ดคนนี้เท่านั้น
ฝ่ายกลางต้องการที่จะรักษาความสงบสุขของอาณาเขตไว้ นอกจากการมุ่งเน้นไปที่ทรัพยากร พวกเขาก็ยังต้องการที่จะจดจ่ออยู่ที่พลังอำนาจของพวกเขา
นั่นก็พูดได้ว่า ความแข็งแกร่งของลอร์ดต้องมั่นคง ถ้าลอร์ดมั่นคงไม่พอ เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซื่อสัตย์ก็ต้องมั่นคงให้มากพอที่จำทำให้ผู้คนไม่กล้าต่อต้าน
“ดังนั้นแม้ว่าอาณาเขตของฝ่ายกลางจะเล็ก แต่ความแข็งแกร่งของมันก็น่าเกรงขาม ฉันสามารถเลือกเส้นทางที่ยอดเยี่ยมได้” วิลเลียมรู้ว่าเขามีเป้าหมายระยะห้าปีและแผนระยะสิบปี ตราบใดที่เขาสามารถเป็นคนที่มั่นคงและมีอิทธิพลได้ก่อนช่วงวิกฤต เขาก็จะสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงที่นี่ได้
“อีกอย่าง มันก็ถึงเวลาที่จะต้องกำจัดโทรลล์ที่แม่น้ำสายรุ้งแล้ว” วิลเลียมวิ่งหาลอทเนอร์
ตอนนี้เขาอยู่ที่เลเวล 30
แม้ว่าเขายังคงห่างจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางอยู่ 10 เลเวล มันก็สามารถพูดได้ว่าห่างแค่อันดับเดียว แต่วิลเลียมผู้มีสายเลือดรีเจนดารีก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
อย่างน้อยต่อหน้าโทรล์สายเลือดระดับกลาง, ระดับสูง และระดับแกรนด์มาสเตอร์ส่วนใหญ่แล้ว ตราบใดที่เลเวลของพวกเขาไม่ได้ห่างกันจนเกินไป เขาก็มีความมั่นใจในการฆ่าพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะเลเวลเกิน 40 ก็ตาม
แล้วลอทเนอร์?
แน่นอนว่าเขาชินชากับการปะทะกับบิ๊กบอส
อย่าคิดว่าพรานป่าเป็นแค่คนเบิกทาง วิลเลียมเชื่อว่าลุงของเขามีฝีมือ…
“โอ้ ใช่ ฉันไม่ได้ต้องหาลอทเนอร์แค่คนเดียว ฉันต้องพาน็อกซ์, นอร์ตัน, แม้แต่เอริคและลูกชายของเขาไปด้วย พวกเขายอดเยี่ยมด้านการล่ามากๆ และมันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะชวนพวกเขาไปล่าด้วยกัน” วิลเลียมยกคิ้วของเขาขึ้น
ทั้งน็อกซ์และนอร์ตันมีสายเลือดระดับแกรนด์มาสเตอร์และเข้าสู่เลเวล 48 ตามๆกัน พวกเขามีอุปกรณ์ซิลเวอร์ระดับกลาง ดังนั้นความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงไม่อ่อนแอเลยสักนิด
ส่วนสำหรับเอริคและลูกชายของเขา?
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองในฐานะนักล่า ถ้าท่านลอร์ดเอ่ยปากชวนพวกเขาไปล่า พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย