ตอนที่แล้วSB:ตอนที่ 14 สู่เซียงหยาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSB:ตอนที่16 วิชาฝึกอสูรที่แสนแพง

SB:ตอนที่ 15 ลมพายุ


SB:ตอนที่ 15 ลมพายุ

ลู่หยางต้องการเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงสงครามชนิดที่บินได้ แต่สัตว์อสูรชนิดนี้แทบจะหาไม่พบในป่าแถบภูเขา พวกมันทำรังอยู่บนยอดสูงของต้นไม้ ขณะที่ประสิทธิภาพ มันยากเกินไปสำหรับเขาที่จะจับสัตว์อสูรชนิดนี้ได้ เพราะวิชาฝึกของลู่หยางไปได้เพียงสิบเมตร

“ห้าเหรียญต่อหนึ่งคน เป็นระเบียบหน่อย! เป็นระเบียบหน่อย!” มีผู้คนมากมายที่หน้าประตูเมือง และกลุ่มทหารลาดตระเวนที่กำลังดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่

“สิบคนก็ห้าสิบเหรียญเงิน!” ทหารยามเมืองคนหนึ่งกล่าวแก่ลู่หยางกับพวก

“ทำไมพวกเราถึงต้องจ่าย แทนที่จะเป็นพวกเขา?” ลู่หยางขมวดคิ้ว เพราะขบวนขนส่งสินค้าข้างหน้าเขาเข้าไปได้โดยไม่มีใครขวางและไม่ต้องจ่ายเงิน

“นี่! ก็เพราะพวกเขามีผู้ฝึกอสูรนำขบวนมาน่ะสิ เลยได้ยกเว้นค่าเข้าเมือง แล้วเจ้าล่ะ?” พวกขี้แพ้ฝูงนึงกล้าที่จะโต้เถียงกับข้าเรอะ!” ยามเมืองกวาดสายตามองทุกคนอย่างดูหมิ่น

“ผู้นำของเราก็เป็นผู้ฝึกอสูรเหมือนกัน!” นี่คือเหตุผลอีกหนึ่งข้อที่พวกเขาดีใจที่มีลู่หยางมาด้วย

“เขารึ?” นี่ข้าดูผิดไปรึเนี่ย? นี่ข้าคิดว่าสุนัขนี่จะแสร้งเป็นผู้ฝึกอสูรได้เหรอ?  “ฮ่าๆ ช่างน่าขันซะนิ!” ยามเมืองมองไปที่ต้าเฮยแล้วหัวเราะเสียงดัง

.“ฮ่าฮ่า ข้านึกไม่ออกจริงๆว่าคนบ้านนอกพวกนี้มาจากไหนกันแถมยังเอาสุนัขมาด้วย!”

“เห้ย! พ่อหนุ่มพ่อแม่เจ้ารู้มั้ยเนี่ยเจ้าช่างทะเยอทะยานนัก”

“…”

ลู่หยางเพิ่งจะอายุ16ปี เขาดูเด็กและสุภาพอ่อนโยน แต่คนเหล่านี้ทำเหมือนเขาเป็นตัวเจ้าปัญหา

“ลู่หยางเป็นผู้ฝึกอสูรจริง พวกเรามาทดสอบได้! ต้าเฮยเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามของเขา! มันเป็นอสูรจริง!” คนกลุ่มนี้รู้สึกเป็นกังวลเมื่อเห็นว่ายามไม่เชื่อ

“เฮ้อ!” “พวกเจ้าชาวเขาช่างดื้อรั้นซะจริง ถ้าเป็นเด็กเล็กก่อเรื่องก็ว่าไปอย่าง แต่นี่พวกเจ้าผู้ใหญ่ยังยุ่งวุ่นวายอีก นี่เป็นที่ที่พวกเจ้าจะมาก่อเรื่องงั้นรึ?” ยามเมืองฟึดฟัดพร้อมกระแทกหอกในมือ

พวกยามเมืองเหล่านี้ถึงจะไม่ใช่ผู้ฝึกอสูรแต่ก็มีพลังและได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ถึงกับล่าอสูรที่แข็งแรงที่สุดได้ ท่าทางเอาเรื่องของพวกเขาสร้างความตื่นตระหนกให้กับกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังลู่หยาง ฝูงชนหน้าประตูเมืองเงียบเสียงลง

“เมืองเซียงหยางไม่มีค่าธรรมเนียมเข้าเมืองซะหน่อย พวกเจ้าตั้งกฎขึ้นมาเองเพื่อที่จะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองต่างหาก!” ลู่หยางมองอย่างเย็นชา

.“เจ้า …” ยามเมืองมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถึงแม้เจ้าหนุ่มนี่พูดถูก แต่นี่เป็นกฎที่ทุกๆคนเห็นชอบด้วย

“เจ้าเด็กนี่ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ถึงแม้ค่าเข้าเมืองจะถูกตั้งขึ้นมาเอง แต่มันก็เป็นข้อตกลงไปแล้ว ! นี่เจ้ากำลังทำให้พวกยามเมืองบันดาลโทสะ!”

.“ข้าช่างชื่นชมพ่อหนุ่มคนนี้ซะจริง ถ้าเป็นคนอื่นโดนว่าเช่นนั้น คงไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงซักนิดเดียว!”

“พวกเราขายสินค้าไม่ได้เงินมากซักเท่าไหร่ ถ้าเรายังต้องจ่ายคนละห้าตำลึงเงิน เราก็จะอยู่ยากขึ้น!”

.”ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าช่างมาสร้างความสับสนวุ่นวายที่นี่ พี่ๆน้องๆ จับเจ้าคนต่ำต้อยกลุ่มนี้ไปขังไว้ในคุกลอยฟ้า ฝูงชนถกเถียงกันและจ้องมองอย่างไม่พอใจ ยามเมืองโกรธ

ลุ่หยางต้องการทำลายเส้นทางมั่งคั่งของพวกมัน ถึงจะเป็นข้อตกลงโดยปริยาย เมื่อผู้คนโกรธ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือยามเมือง

“นี่มันอะไร? พวกเจ้ามีมือ มีเท้า มีศิลปะการต่อสู้ แทนที่จะไปฆ่าอสูรแล้วได้เงินกลับมาสูบเลือดสูบเนิ้อราษฏร!”ช่างน่าขยะแขยง!” ลู่หยางไม่กลัว

ก่อนหน้านี้เขามีชีวิตเป็นแรงงานอพยพระดับล่างสุด ถูกคนดูถูก และถูกกดขี่ เป็นหนี้นายจ้างบ่อยๆ และก็เคยถูกพวกอัธพาลของนายจ้างซ้อมเวลาไปขอเงินค่าจ้าง

ดังนั้นลู่หยางเกลียดพวกที่ชอบดูถูกและกดขี่คนเป็นที่สุด

“ไอ้หนู!” ในเมื่อเจ้าอยากตายแล้วละก็จะมาตำหนิข้าไม่ได้นะ พี่ๆน้องๆ คนต่ำต้อยพวกนี้กล้ายุยง ปลุกปั่นมวลชน สร้างความไม่เป็นระเบียบ ฆ่าพวกมันซะเลย!” ยามเมืองคนอื่นๆต่างพากันเห็นดีเห็นชอบตามผู้นำของมัน

“ฆ่าเลย!”

.“เร็วเช้า หนีไป ไม่งั้นจะถูกฆ่านะ!”

“เจ้าหนุ่มนั่นตายแน่ เขากล้าเกินไป กล้าไปยั่วโมโหยามเมือง”

ที่ประตูเมืองเกิดความโกลาหลขึ้นทันที คนอื่นๆล่าถอยออกไป แม้ว่าคนส่านใหญ่รังเกียจพฤติกรรมของพวกยามเมืองนี้แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

หัวหน้ายามเมืองจวกปลายหอกเข้าที่ลู่หยาง แต่เขาไม่สะทกสะท้าน ไม่แม้แต่กะพริบตา แค่ยกมือขวาขึ้นเมื่อหอกใกล้ถึงตัวเขา

“แกร็งงง!” หอกที่ทำจากเหล็กบริสุทธิ์หักเป็นสองท่อน ขณะที่เจ้าของหอกถูกแรงผลักกระเด็นไป กระอักเลือดออกมา

“เจ้า!” ยามเมืองจ้องลู่หยางด้วยความกลัว ในใจก็ตื่นตระหนก

เจ้าหนุ่มนั่นเป็นผู้ฝึกอสูรจริงๆเหรอ?

ยามเมืองต่างตกจะลึงกัน มือที่ถือหอกอยู่นั้นสั่นด้วยความกลัว

“เป็นยังไงล่ะ?” “ทีนี้เชื่อข้ารึยัง?” ลู่หยางกวาดตามองเย็นชา

“เชื่อแล้ว พวกเรามีตาหามีแววไม่ ทีนี้เชิญขบวนสินค้าของท่านเข้าไปในเมืองเถอะ!” ยามเมืองรีบขอโทษ

“อ้อ! แล้วท่านล่ะ?” ลู่หยางหันไปที่หัวหน้ายาม

“ใต้เท้า! อภัยให้ข้าด้วย ข้ามันตาบอดสิ้นดี!” หัวหน้ายามตัวสั่นเมื่อนึกถึงพละกำลังของลู่หยาง ถ้าเขาดึงดันที่จะสู้กับลู่หยางก็เหมือนกับการเอาไข่ไปทุบก้อนหิน

“ดูสิ ยามเมืองพวกนี้เป็นคนเลวจริงๆ!”

“จุ๊จุ๊ เจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นผู้ฝึกอสูรจริงๆเหรอ สุนัขต้าเฮยนั่นก็ตัวโตมาก บางทีอาจจะกลายพันธุ์มาก็ได้นะ!”

“…”

โดยปกติแล้วทุกๆคนจะถูกพวกยามเมืองคอยแสวงหาผลประโชน์ พอมาถึงตอนนี้พวกเขานึกอยากจะเอาคืนพวกมัน

“แล้วยังไงล่ะถ้าเขาเป็นผู้ฝึกอสูร? กล้าที่จะมาลบหลู่ข้า ฮันปิน เมื่อนายน้อยอู๋กลับมา ข้าจะสั่งสอนมัน!” หัวหน้ายามเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

ลู่หยางส่ายศรีษะและเดินนำขบวนสินค้าเข้าประตูเมืองไป ในเมื่อพวกยามเมืองยอมแพ้ เขาก็ไม่อยากจะถือสาอะไรอีก ลู่หยางเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก เขาไม่อยากมีเรื่องบาดหมางใจกัน

“ไปเลย! ไป…”  ไม่นานนักหลังจากที่ลู่หยางเข้าประตูเมืองไป ขบวนม้าติดอาวุธนำโดยชายวัยกลางคนได้วิ่งออกจากประตูไป

ม้าขบวนนี้เป็นม้าอสูรบ้าบิ่น มีฝีเท้าเร็วมากราวกับสายฟ้าแลบ ทันทีที่ได้ออกจากเมืองพวกมันต้องมีจุดหมายที่แน่นอน

สี่ชั่วโมงต่อมา ขบวนม้ามาถึงเมืองชิงหยางโดยไม่ได้หยุดพักเลย พวกมันวิ่งฝ่าผู้คน กีบม้าของพวกมันทำให้ผู้คนได้รับบาดแผลโชกเลือด

“โอ้ คุณพระช่วย! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“หนีเร็ว! พวกม้าอันธพาลมาแล้ว!”

เมืองชิงหยางเกิดโกลาหลขึ้น ทุกๆคนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวนึกว่าม้าเกเรจะมาปล้น

“เฮอะ! นึกว่าพวกเราเป็นนักเลงขี่ม้าเรอะ เจ้าสมควรตาย!” ชายผู้นำวัยกลางคนอารมณ์เสีย เขาโกรธที่ถูกหาว่าเป็นโจร เขาหวดแส้ม้าลงที่คอของชาวเมืองคนหนึ่งที่ร้องตะโกนว่า โจรขี่ม้า วิธีของเขาหยาบคายและไร้ปราณี

“ท่านผู้ครองเมือง บ้านของลู่หยางอยู่ข้างหน้าเรานั่น” ชายหนุ่มคนหนึ่งชี้ที่บ้านของลู่หยาง

“โจมตีเลย!” คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าใส่ราวกับหมาป่ากับเสือ สร้างความหายนะราวกับลมพายุ

“ท่านครับ ข้างในมีแค่ผู้หญิงคนหนึ่งกับเด็กอีกคนครับ” มารดาของลู่หยางกับน้องชายของเขาถูกจับออกมาอย่างรวดเร็ว

“ฮือฮือ!” ลู่หลี่น้อยตัวสั่นเทาด้วยความกลัวในอ้อมแขนของมารดา

“เจ้าเป็นใครกัน? มาจับพวกเราทำไม?” ซุ่หลานกอดบุตรชายคนเล็กไว้แน่น จ้องคนกลุ่มนี้ด้วยความโกรธ วินาทีนั้นนางคุ้นหน้าคนคนนี้“ทำไมเป็นเจ้า?”

“นี่ท่านป้า บุตรชายท่านลู่หยางฆ่าบุตรชายของท่านผู้ครองเมืองของเรา ทำไมถึงคิดว่าเราควรจับกุมท่านล่ะ!” นัยต์ตาหลี่ยี่ฉายแสงสีดำแปลกๆ เขาหัวเราะเย็นชา

“อะไรนะ?”!“เป็นไปไม่ได้” ซู่หลานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตอนนั้นนางพบลีเฟิงซึ่งเกือบจะต่อสู้กับบุตรของนาง แต่ซุนวูก็ทำให้เขากลัวหนีไป แล้วจะตายกะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร แถมยังมาว่าบุตรชายของนางเป็นคนฆ่า

“บอกมา บุตรชายท่าน ลู่หยางอยู่ไหน?” ดวงตาซูหลานหมองลง นางกลัวว่าบุตรชายจะต้องตาย เขามาดมั่นที่จะจับลู่หยาง  ลากเขาออกมาแล้วฟันให้เป็นชิ้นๆ