บทที่ 311 การรวมตัวของยอดฝีมือ
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
บ้าไปแล้ว!
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันตกตะลึงอยู่ภายในใจ จูเก๋อชิงหยุนไม่ได้ออกนอกสำนักจิตอสูรมานานกว่าสิบปีและผู้คนทั่วยุทธภพเกือบลืมเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเขาไปแล้ว ผลของการต่อสู้ในวันนี้ไม่สำคัญ ชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพอีกครั้ง
หนึ่งต่อสอง!
หนึ่งในนั้นเป็นอันดับหกในสิบอันดับของทวีป จอมพลเฒ่าอาณาจักรเซิ่งหลิง จูเก๋อชิงหยุนอาจมีสัตว์อสูรระดับสี่ซึ่งเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังก็จริง แต่มันก็ยังคงเสียเปรียบมากนักที่จะต้องต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญทั้งสองด้วยตัวคนเดียว
“ท่านเจ้าสำนัก!”
เจียงอี้ยังคงอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ หน้าอกของเขายังเจ็บอยู่ในขณะที่มองจุดดำทั้งสี่บนท้องฟ้า เขากำลังฟังเสียงที่กล้าหาญและมีพลังของจูเก๋อชิงหยุนด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่เผยออกมาจากดวงตาของเขา
ความกังวล, โทษตัวเอง, ไร้ฝีมือ.....ความเสียใจ
เขาอยากที่จะปกป้องอาณาจักรต้าเซี่ยให้สุดกำลังเพื่อที่ซูรั่วเสวี่ยจะได้พักผ่อนอย่างสงบในสรวงสวรรค์ แต่ด้วยความสามารถของเขานั้นมันไม่สามารถทำได้ ในตอนแรก เขาเตรียมตัวที่จะตาย แต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดเพราะจูเก๋อชิงหยุนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยและอาจตกตายอยู่ที่นี่
หากจูเก๋อชิงหยุนตกตายไป สำนักจิตอสูรจะถูกกลืนกินโดยขั้นอำนาจอื่น และเขาก็จะทำให้รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆติดร่างแหไปด้วย
ตอนนี้เขาจะทำอะไรได้บ้าง? การต่อสู้ระดับนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้และทำได้เพียงมองร่างทั้งสามและมังกรทองปะทะกันอย่างช่วยไม่ได้
โฮกกกก!
มังกรทองตัวนั้นปล่อยลมหายใจทองคำขณะที่กรงเล็บทองของมันก็โจมตีจอมพลเฒ่าและขันทีเฒ่าด้วยพละกำลังกว่าแสนห้าหมื่นกิโลกรัม เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของมันยังไม่เพียงพอและมันจะถูกสวนกลับด้วยคทาของจอมพลเฒ่าทุกครั้งอย่างง่ายดาย ทำให้เกล็ดของมันร่วงหล่นลงมาเกิดเป็นสายฝนทองคำเบื้องล่าง
“เจ้าสำนักกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
ดวงตาของเจียงอี้เบิกกว้างเมื่อเขามองจากด้านล่าง หากจูเก๋อชิงหยุนต่อสู้กับจอมพลเฒ่าเพียงคนเดียว ชัยชนะอาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่เมื่อมันเป็นการต่อสู้กับสองผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คู่มือของพวกมัน
มังกรทองอาจมีพลังที่น่าประทับใจและมันเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วอยู่บนท้องฟ้าและมันยังมีลมหายใจมังกรที่น่าเกรงขามอีก แต่น่าเสียดายนักที่มันด้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ แม้แต่ขันทีเฒ่าก็ยังสามารถปราบปรามมันได้อย่างง่ายดาย
สัตว์วิญญาณระดับสี่นั้นไม่ใช่สัตว์อสูรระดับสี่และเมื่อมันถูกปราบโดยจอมยุทธแล้วมันจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีก เมื่อมองดูความแข็งแกร่งด้านการต่อสู้ของมังกรทอง มันก็แทบจะไม่สามารถเทียบกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังได้เลย
ปัง!
ในที่สุด.....!’
มังกรทองถูกคทาของจอมพลเฒ่ากระแทกเข้าให้อย่างจังและทำให้ร่างยักษ์ของมันร่วงลงพื้นไป และเมื่อมันกระทบกับพื้นดินแล้ว มันก็เกิดการสะเทือนที่สนั่นสั่นไหวและล้มทับทหารอาณาจักรเทียนเซวี่ยนหลายร้อยนาย
โฮกกก! โฮ๊กกก!
มังกรทองคำรามออกมาสองครั้งขณะที่มันพยายามที่จะลุกขึ้นโดยใช้กรงเล็บทั้งหกของมันแต่ก็ยังล้มลงไปกับพื้น เกล็ดบนร่างกายของมันกว่าครึ่งได้ลอกออกและมีเลือดสีทองไหลนองออกมาจากผิวของมันซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันบาดเจ็บสาหัส
ปัง!
มีการปะทะกันของโลหะที่ดังสะท้อนมาพร้อมเงาดำที่ร่วงลงมาอย่างแรง มันตกลงมาเร็วมากจนไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ตกลงสู่พื้นดินและจมลงไปเป็นหลุมลึก
“หลินกงกง!”
ไท่สื่อเจินอุทานออกมาขณะที่เขาพุ่งไปยังหลุมลึกและรีบนำชายชราผู้เขรอะไปด้วยเลือดและอ่อนแอขึ้นมา ทุกคนต่างตะลึงจนพูดไม่ออก หลินกงกงนั้นอยู่อันดับที่สิบเอ็ดของเหล่าผู้เชี่ยวชาญของทวีป แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ง่ายดายจริงๆ
ปึง! ปึ้ง! ปึ้ง!
การปะทะด้านบนเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆขณะที่หัวใจของทุกคนรู้สึกถูกรัดแน่น ผลของการต่อสู้ระหว่างสองคนนั้นมีความสำคัญกับผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้
หากจูเก๋อชิงหยุนชนะ หรือหากเขาตกตายไปพร้อมกับจอมพลเฒ่า กองทัพพันธมิตรก็ยังไม่กล้าที่จะก้าวต่อไปอยู่ดีเพราะเจียงอี้กำลังยืนอยู่ภายหน้าพวกเขา การที่เขาอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าปะทะ หากจูเก๋อชิงหยุนพ่ายแพ้ไป เช่นนั้นเจียงอี้ก็จะตายไปด้วยและอาณาจักรต้าเซี่ยก็จะพินาศ
“ฮ่าๆๆๆ!”
ในเวลานั้น มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางเหนือในทันใด เสียงนั้นชัดเจนราวกับระฆังที่สะท้อนไปทั่วสารทิศและดึงดูดความสนใจของทุกคน
“เอ่อ.....”
เจียงอี้และแม่ทัพจากอาณาจักรต้าเซี่ยเหลือบไปมอง ซึ่งมันทำให้พวกเขาเปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกมา มีบุคคลสามคนเหาะมาจากทางเหนือ หนึ่งในนั้นสวมชุดเกราะ หมวก และดาบสีทองราวกับว่าเขาเป็นเทพแห่งการต่อสู้ อีกคนสวมเสื้อคลุมนักปราชญ์และถือพัดขนนกราวกับเขาเป็นนักปราชญ์ ส่วนคนที่สามนั้นสวมชุดเกราะสีดำกับหอกยาวพร้อมกับจิตสังหารที่น่ากลัวเหมือนผู้ฆ่าเทพเจ้าที่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังสามคน!
“เซียวหลงหวางจากอาณาจักรเป่ยหมาง, เจ้าสำนักหยูจากสำนักมังกรเวหา, และชาตี้จากอาณาจักรเป่ยหมาง!”
แม่ทัพอาณาจักรต้าเซี่ยถอนหายใจออกมายาวเหยียด ด้วยการมาของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ดูเหมือนว่าทั้งหกขั้วอำนาจจะตั้งใจให้อาณาจักรต้าเซี่ยพังพินาศ และทุกๆสิ่งถูกจัดเรียงไว้แล้ว เมื่อจูเก๋อชิงหยุนปรากฏตัว ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังมากมายต่างก็ปรากฏตัวด้วยเช่นกัน
เจ้าสำนักหยูแห่งสำนักมังกรเวหาผู้สวมเสื้อคลุมนักปราชญ์และถือพัดขนนกยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบาแล้วพูดว่า “จูเก๋อชิงหยุน เมื่อเจ้ากล้าโผล่หัวออกมาในวันนี้ เจ้าจะต้องคิดว่าความแข็งแกร่งของเจ้าเป็นหนึ่งในใต้หล้าและสามารถต่อต้านวีรบุรุษทั่วโลกสินะ ฮะ? ทำไมเจ้าไม่ให้พวกข้าทั้งสามมาเล่นกับเจ้าด้วยล่ะ?”
“เช่นนั้นก็รวมพวกเราสองคนด้วยแล้วกัน!”
ก่อนที่จูเก๋อชิงหยุนและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังทั้งสองจากอาณาจักรเป่ยหมางและเป่ยเหลียงจะทันได้พูดอะไรออกมาก็มีเสียงหญิงที่มีอายุดังก้องออกมาจากทางใต้ มันคือหญิงชราผู้ถือไม้ค้ำและหญิงสาวเต็มวัยผู้มีรูปลักษณ์ที่เปรียบได้ดั่งจักรพรรดินีสัตว์อสูรเหินมาอย่างรวดเร็ว หญิงชราที่พูดออกมาก่อนหน้านี้ตะโกนออกมาอีกครั้ง “เจ้าเฒ่าจูเก๋อ วันนี้ หญิงชราผู้นี้ต้องการที่จะมาล้างแค้นการตัดสินเพลงดาบในอดีต!”
“.....”
ในตอนนี้ ทุกๆคนอยู่ในความเงียบงันอย่างแท้จริงและหัวใจของพวกเขาก็เต้นอย่างไม่ลดละ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังอีกสองคนมาที่นี่จริงๆ นี่ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ทั้งหมดในทวีปนี้จะมารวมตัวกันที่นี่ในวันนี้หรือ?
ปึง! ปึง! ปึง!
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งบนท้องฟ้าขณะที่มีเงาดำร่วงลงมา กองทัพพันธมิตรเหลือบมองอย่างตกตะลึง จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงก็ตกลงมาเช่นกัน เขาอาจจะดูไม่น่าสังเวชเท่าหลินกงกง แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
ขาของจูเก๋อชิงหยุนพิการมากว่าสิบปีแล้ว แต่ความแข็งแกร่งต่อสู้ของเขานั้นช่างน่ากลัวจริงๆ!
“เจ้าสำนัก!”
เจียงอี้ที่อยู่เบื้องล่างก็ตะโกนออกมาอย่างกระทันหัน “ท่านเจ้าสำนักไปเร็ว ไม่ต้องสนใจข้า!”
ในขณะนี้ เจียงอี้ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ คนเหล่านี้น่าจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อถล่มอาณาจักรต้าเซี่ย แต่.....มาที่นี่เพื่อฆ่าเขา! คนกลุ่มนี้หวาดกลัวเขา พัฒนาการของเขา...และจักรพรรดินีสัตว์อสูรที่ให้ท้ายเขา หากพลังต่อสู้ของเขายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมันจะทำให้ทวีปนี้เกิดความวุ่นวายเป็นอย่างมาก และจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นซึ่งไม่ได้อยู่ในการควบคุมของพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการใช้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กันเองนี้มาจัดการซึ่งจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะไม่เข้ามายุ่งและคนพวกนี้จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเขาไปให้ได้ หากจูเก๋อชิงหยุนยังอยู่ที่นี่เพียงเพื่อปกป้องเจียงอี้ เช่นนั้นเขาก็จะต้องตายด้วย
ฟึ่บ!
จูเก๋อชิงหยุนผู้ที่อยู่เหนือท้องนภาก็ลดต่ำลงมาขณะที่แหวนแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์โบราณเปล่งประกายและเผยรถเข็นทองแดงออกมา เขานั่งลงอย่างสบายใจและพักอยู่กลางอากาศพร้อมเช็ดเลือดที่ปากของเขาแล้วยิ้มออกมา “เจียงอี้ เจ้าไม่ต้องกังวลไป วันนี้เจ้าจะไม่ตาย เจ้าอาวาส, ท่านหญิง พวกท่านทั้งสองจะไม่ออกมาหน่อยหรือ?”
“อมิตาพุทธ!”
เสียงนี้ดังก้องไปทั่วขณะที่นักบวชเฒ่าผู้สวมจีวรสีทองเดินมาอย่างช้าๆจากเส้นขอบฟ้า ทุกย่างก้าวของเขาจะข้ามผ่านมากว่าพันกิโลเมตร และในพริบตาเดียวเขาก็ผ่านกองทัพพันธมิตรและมาอยู่ใกล้ๆเจียงอี้แล้ว
หนวดสีขาวทั้งสองของเขาที่เรียงต่ำลงไปใต้คางของเขาขยับเล็กน้อยก่อนที่เขาจะยกฝ่ามือขึ้นอธิษฐานและพูดว่า “ประสกทั้งหลาย ประสกเจียงผู้นี้ได้ทำลายบาตรของเจ้าอาวาสผู้นี้แล้วและได้ผูกกรรมกับเจ้าอาตมาแล้ว พวกท่านทั้งหมดโปรดเห็นแก่หน้าอาตมาได้หรือไม่? อารามเซนของเราต้องการปกป้องประสกน้อยผู้นี้เป็นเวลาสามปี”
บุฟ!
ทันทีที่เจ้าอาวาสพูดจบ ลมและหมู่เมฆในอากาศก็เคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกันและปรากฏภาพของหญิงสาวผู้งดงามนางหนึ่งผู้ซึ่งมีกิริยาท่าทางราวนางฟ้านางสวรรค์ก็ไม่ปาน จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากสุ่ยโย่วหลาน?
สุ่ยโย่วหลานเหลียวมองทุกคนที่อยู่กลางอากาศขณะที่นางยิ้มแล้วพูดว่า “หอดาราสุ่ยเยว่ก็ต้องการปกป้องเจียงอี้เป็นเวลาสามปีด้วยเช่นกัน ข้าหวังว่าสหายที่น่านับถือทั้งหลายจะเห็นแก่หน้าโย่วหลานบ้าง”