SB:ตอนที่ 14 สู่เซียงหยาง
SB:ตอนที่ 14 สู่เซียงหยาง
ในป่า ลู่หยางนั่งหอบอยู่ที่พื้น พยัคฆ์เพลิงสีชาดนอนอย่างอ่อนแรงอยู่ข้างๆเขา และมีซากเสือดำโชกเลือดอยู่ตรงหน้า
“นี่ข้าฆ่าเจ้าอสูรตัวนี้ลงอย่างปลอดภัย!” ลู่หยางคลำที่หน้าอกตัวเอง เขาโดนเสือดำข่วน แต่โชคดีที่เขาหลบหลีกได้ว่องไว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงมีรอยข่วนไปทั่วทั้งตัว
ในการจัดการกับเจ้าอสูรนั้น ลู่หยางจะให้พยัคฆ์เพลิงสีชาดต่อสู้ เขาให้มันกินผลสีชาด 3 ผลทันที
“สัตว์เลี้ยงสงคราม : พยัคฆ์เพลิงสีชาด”
“ธาตุ : เพลิง”
“ระดับ : อสูรระดับต้น”
“สายเลือด : ชั้นยอด”
“อัตราเติบโต : 80/100”
ขาดอีกแค่ 20 จุดก็จะเลื่อนระดับพยัคฆ์เพลิงสีชาดได้ ตอนนี้มันมีสายเลือดชั้นยอดซึ่งแข็งแกร่งมากพอๆกับเจ้าเสือดำ หากให้สัตว์เลี้ยงอสูรของเขาสู้และตัวเขาเองคอยช่วยจู่โจมอยู่ข้างๆ เขาจะสยบเจ้าเสือดำได้ตั้งแต่แรกทีเดียว
แต่ทว่าลู่หยางเลือกที่จะผสานเข้ากับพยัคฆ์เพลิงสีชาดแล้วใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา บวกกับความว่องไวสยบอสูรเสือดำอย่างเลือดเย็น
ขนสัตว์ กระดูก กรงเล็บและอวัยวะส่วนอื่นๆใช้ทำยา และอาวุธได้หมด แต่น่าเสียดายที่พื้นที่ในกระเป๋าสวรรค์และปฐพีมีจำกัดจริงๆและก็จะเสียเวลาไม่ได้ด้วย ลู่หยางก็เลยคว้ามาได้แค่แก่นผลึกของเจ้าเสือดำ
แก่นผลึกชั้นกลางหนึ่งแก่นเทียบเท่ากับแก่นผลึกชั้นต้นสิบแก่น ถือว่าได้ไม่น้อยเลย
ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากที่ลู่หยางจากไป ชายสามคนก็มาถึง และเมื่อเห็นซากศพของเสือดำ ทุกคนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลิวเฟิงถึงกับหน้าซีดเผือด
“ระยำ! ข้าต้องฆ่าไอ้สารเลวนั่น!” หลิวเฟิงตาลุกเป็นไฟเมื่อเห็นกะโหลกศรีษะของเสือดำว่างเปล่า มันเป็นอสูรชั้นกลางเพียงตัวเดียวที่เขามี เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะได้มันมา แต่ตอนนี้มันถูกฆ่าตายแล้ว นับเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว
ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่าสัตว์เลี้ยงอสูรของเขาจะจับลู่หยางมาได้ภายในสามวินาที แต่เจ้าเด็กชาวเขานั่นกลับฆ่าเจ้าเสือดำแล้วควักเอาแก่นผลึกไป
“ไอ้ห่าเอ้ย! ไอ้เวรนั่นทำเป็นสุกรอยากจะกินเนื้อเสือเรอะ บัดซบนัก!” หวังฉีสบถ
“เอ่อ! ครั้งนี้เราก็แค่ประมาทไปหน่อย ไม่นึกเลยเจ้าเด็กชาวเขานั่นจะเป็นผู้ฝึกอสูรจริงๆ ไม่ต้องห่วงท่านหลิวเฟิง ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา เราจะต้องได้ตัวไอ้สารเลวนั่น!”
อู๋เย่จ้องหวางฉีอย่างไม่พอใจ นี่เขากำลังพูดเรื่องอะไร ทำราวกับว่าถูกฆ่าเองซะงั้น แน่ละ เขายังคงหมกมุ่นถึงผลสีชาดสามผลนั้น
“…”
สัตว์เลี้ยงสงครามที่แข็งแกร่งเช่นพยัคฆ์เพลิงสีชาดทำให้ลู่หยางล่าอสูรได้เร็วขึ้นมาก ตอนนี้เขาใช้เวลาแค่ครึ่งเดือนก็ได้ผลลัพธ์มากกว่าเมื่อก่อนที่ใช้เวลาทั้งเดือน
“มีแก่นผลึกชั้นต้นแค่ 30 แก่น แก่นผลึกชั้นกลางหนึ่งแก่นจะไปทำอะไรได้!” ครึ่งเดือนที่ผ่านมา ลู่หยางรวบรวมแก่นผลึกชั้นต้นได้72 แก่น และแก่นผลึกชั้นกลางหนึ่งแก่น เขาต้องการที่จะยกระดับพยัคฆ์เพลิงสีชาดขึ้นถึงขั้นสูงสุด เขาใช้แก่นผลึกชั้นต้น 20 แก่น ล่าหมาพันธุ์ยักษ์ใหญ่ 12 ตัว ขยายหีบสัตว์เลี้ยงไปถึง 10ช่อง แก่นผลึกชั้นกลางเพิ่มอัตราการเติบโตของสัตว์เลี้ยงได้ 10 จุด ขณะที่แก่นผลึกชั้นต้นทำได้เล็กน้อย ตอนนี้ สำหรับลู่หยาง แก่นผลึกชั้นกลางหายากมาก เช่น การจะเลื่อนระดับเตาหลอมหมื่นอสูรต้องใช้แก่นผลึกชั้นกลาง 100 แก่น และนี่คือเหตุผลที่เขาเก็บแก่นผลึกชั้นกลางเพียงอันเดียวไว้
“ติ้ง!” “สัตว์เลี้ยงสงครามจะยกระดับขึ้นสู่ระดับกลาง ท่านต้องการที่จะเลื่อนระดับมั้ย?”
“ติ้ง!” “เจ้านายยังไม่มีวิชาฝึกอสูรชั้นกลาง อสูรจะไม่ยอมให้เจ้านายควบคุม แนะนำว่าเจ้านายฝึกวิชาควบคุมอสูรชั้นกลางก่อนจะก้าวต่อไป!”
ลู่หยางไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีกฎเกณฑ์เช่นนี้ คุณค่าของวิชาฝึกอสูรชั้นกลางเหนือกว่าวิชาฝึกอสูรชั้นต้นถึง 10 เท่า ยิ่งมีดาวมากขึ้นมีค่าถึงสองสามพันตำลึงทอง
ลู่หยางเห็นปุ่มเสมือนจริงปุ่มหนึ่งถูกดึงออกมาจากแป้นข้อมูลส่วนตัวของพยัคฆ์เพลิงสีชาด หลังจากที่ถามระบบแล้ว เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถดึงเอาความสามารถเฉพาะตัวของมันมาเป็นของตัวเองได้
“ติ้ง!” การดึงเอา (เพลิงสีชาดเทวะ) ออกมาต้องใช้ แก่นผลึกชั้นต้น 100 แก่น ท่านต้องการมั้ย?”
ลู่หยางแทบอยากจะร้องไห้อีกครั้ง
“เงิน เงิน ทุกแห่งทุกหนต้องใช้เงิน!” ลู่หยางคิดแล้วปวดหัว ล่าอสูรทั้งหมดภูเขาบางทียังไม่พอเลย
ยิ่งเวลาที่ต้องการเงินอสูรในหุบเขาก็ดูเหมือนจะยิ่งหายาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกมันหายไปไหนกันหมด?” ลู่หยางคิ้วขมวด เขามีลางสังหรณ์ไม่ดี
“…”
.“ท่านแม่ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองเอาขนสัตว์อสูรพกนี้ไปขาย และจะแวะไปดูบ้านด้วย ยังเหลืออีกเดือนก่อนจะสิ้นปี” ลู่หยางบอกแม่ตอนกินข้าวเย็นกัน
“ท่านพี่! ข้าได้ยินมาว่าในเมืองสนุกมากและมีของอร่อยๆมากมาย จริงมั้น? ลู่หลี่ถามตาโต สีหน้าอยากไปด้วย
นานๆครั้ง เหล่านักล่าจะจัดขบวนสินค้าไปขายขนสัตว์และสินค้าหัตถกรรมกันในเมือง และก็มีเด็กๆไม่กี่คนที่ได้ไปด้วย พอกลับมาก็คุยโม้กันใหญ่
“จริงสิ อีกไม่นานพวกเราจะย้ายเข้าไปในเมืองกัน ถึงตอนนั้นเจ้าจะได้วิ่งเล่นสนุกสนานในเมืองทุกวัน!” ลู่หยางหัวเราะ
“เย่!”เยี่ยมไปเลย!“”ท่านพี่! ข้าอยากจะกินของอร่อยๆเยอะๆ” ลู่หลี่น้อยตื่นเต้นมากจนลุกขึ้นเต้น หัวเราะจนตาหยีดูมีความสุขมาก
มารดาซูยิ้ม บอกว่า “ลูกหยาง ตอนนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่มแล้ว ต้องรู้จักอดทนไว้นะ รู้มั้ย?!”
“ไม่ต้องห่วงท่านแม่! หลังปีใหม่ น้องหลี่ก็จะหกขวบแล้ว ถึงตอนนั้นเราจะทดสอบความสามารถพิเศษของเขาในเมืองกัน!”
ลู่หยางพยักหน้า พูดอย่างคาดหวัง เขาตบศรีษะลู่หลี่เบาๆ
“ข้าจะกลายเป็นผู้ฝึกอสูรและโดดเด่นแบบท่านพี่!” ลู่หลี่น้อยกำหมัดจ้ำหม้ำ สีหน้าเต็มไปด้วยวิญญาณแห่งการต่อสู้
บนโลกนี้ ทุกๆคนนับถือผู้ที่แข็งแรงกว่าและยกย่องวีรบุรุษแม้แต่เด็กสาม หรือ สี่ ขวบก็มีแนวคิดเช่นนี้
“แม่ไม่หวังให้เจ้าสองคนพี่น้องเก่งกาจอย่างนั้นหรอก ข้าแค่หวังให้เจ้าทั้งสองอยู่รอดปลอดภัยและสงบสุข!” มารดาซูมีแววตาเศร้าเล็กน้อยชั่วแวบหนึ่งแล้วกลับมามีเมตตา
ลู่หยางเป็นคนพิถีพิถัน การรับรู้ของเขาพัฒนาขึ้นมากหลังจากที่เป็นผู้ฝึกอสูร เขาจับความรู้สึกของมารดาได้ ท่านแม่ต้องซ่อนความลับบางอย่างอยู่ในใจ แต่เขายังไม่ถามนาง
เช้าวันต่อมา
ลู่หยางมุ่งสู่เมืองเซียงหยางพร้อมกับขบวนสินค้า ผู้คนในขบวนสินค้าต่างรู้สึกยินดียิ่งนักเพราะทางที่จะไปเซียงหยางนั้นพวกเขาอาจพบปะกลุ่มโจร หรือขโมยได้ มีผู้ฝึกอสูรอยู่ด้วย ขบวนสินค้าก็ปลอดภัย
“อู้ฮู้ พวกมันเป็นขนสัตว์ และกรงเล็บของสัตว์ร้ายทั้งนั้น แล้วดูของพวกเราสิ”
.“สินค้ากองนี้มากกว่าของพวกเรารวมกันซะอีก ครั้งที่แล้ว ข้าเห็นบางคนขายขนสัตว์หนึ่งชิ้นในราคาสิบตำลึงเงิน!” “โอ้ หยาง! ข้าคิดว่านี่มันต้องมากกว่าร้อยชิ้นน่ะ จุ๊ จุ๊ มันน่าจะขายได้อย่างน้อยพันตำลึงเชียวน่ะ!”
“อย่างนี้ต้องฉลอง! อย่างนี้ต้องฉลอง!”
ชายกลุ่มนี้คุยและมองสินค้าของลู่หยางอย่างอิจฉา แต่พวกเขาเป็นคนง่ายๆตรงๆ พวกเขาก็แค่อิจฉาแต่ไม่ได้จริงจังอะไร พวกเขาแค่หยอกล้อลู่หยาง
“ฮ่าฮ่า!”ไม่มีปัญหา” ลู่หยางอารมณ์ดี
ใกล้ๆเที่ยง ขบวนสินค้าก็มาถึงเซียงหยาง เป็นครั้งแรกที่ลู่หยางได้เห็นเมืองนี้
“เมืองใหญ่อะไรเช่นนี้!”
กำแพงเมืองสูงมากกว่าหนึ่งร้อยเมตร ราวกับภูเขาใหญ่ตั้งตระหง่านทอดตัวขวางพวกเขาไว้ ประตูเมืองสูงและกว้างดาษดื่นไปด้วยรถม้า หลายๆคนแต่งกายหรูหรา บางคนให้อสูรดูแลรถม้า และที่น่าตื่นตาตื่นใจก็คือผู้ฝึกอสูรหลายคนขี่อยู่บนอสูรเวหาผ่านไปมา