SB:ตอนที่ 13 การมาถึงของสามชายหนุ่ม
SB:ตอนที่ 13 การมาถึงของสามชายหนุ่ม
เมื่ออัตราเติบโตของมันถึงสิบ มันจะกลายเป็นอสูรชั้นกลาง บัดนี้ผลสีชาดหนึ่งผลสามารถทำให้ต้าเฮยเป็นอสูรชั้นกลางได้และลู่หยางจะกลายเป็นผู้ฝึกอสูรขั้นกลาง
อสูรสงครามขั้นกลางถือเป็นสัญลักษณ์แห่งผู้ฝึกอสูรขั้นกลาง แก่นผลึกชั้นต้นหนึ่งแก่นสามารถเพิ่มอัตราเติบโตให้เขาได้เล็กน้อยแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก เนื่องจากหากเขาต้องการพัฒนาสายเลือดเขาต้องใช้แก่นผลึกชั้นกลาง
“สัตว์เลี้ยงสงคราม : พยัคฆ์เพลิงสีชาด”
“ธาตุ : เพลิง”
“ระดับ : อสูรชั้นต้น”
“สายเลือด : ชั้นยอด”
“ความสามารถเทวะเฉพาะตัว : เพลิงสีชาด”
“อัตราเติบโต : 50/100”
ด้วยความเป็นอสูรชั้นต้น อัตราเติบโตของมันมากกว่าต้าเฉยสิบเท่า ยิ่งกว่านั้น พยัคฆ์เพลิงสีชาดได้ปลุกความสามารถเฉพาะตัวของมันตื่นขึ้นมาแล้ว เพลิงสีชาด ที่มันพ่นออกมา
เมื่ออสูรสายเลือดชั้นยอดเติบโตถึงระดับหนึ่ง พวกมันสามารถปลุกความสามารถเฉพาะตัวขึ้นมา สายเลือดสามัญมิมีความสามารถเช่นนี้ ซึ่งทำให้อสูรสายเลือดที่สูงสามารถต่อกรกับอสูรที่แข็งแกร่งกว่าได้ ยิ่งสายเลือดสูงขึ้น ความสามารถเฉพาะตัวของมันยิ่งสูงตาม
“ผลสีชาดสามผลนี้สามารถเพิ่มอัตราเติมโตให้พยัคฆ์เพลิงสีชาดได้สามสิบจุด มันใกล้จะพัฒนาแล้ว” ลู่หยางตาลุกวาว หากเขาให้พยัคฆ์เพลิงสีชาดเติบโตขึ้น มันจะแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ผลสีชาดนี้ช่างดีเหลือเกิน ไม่แปลกที่พยัคฆ์เพลิงสีชาดและอสรพิษเกล็ดทมิฬต่อสู้เป็นตายกันก่อนหน้านี้
“ฮ่าๆ ข้าไม่คิดว่าจะดวงดีเยี่ยงนี้เมื่อมาฝึกวิชาที่หุบเขาเทวะร่วงหล่น ข้าพบสมุนไพรจิตชั้นสูงเยี่ยงผลสีชาดอย่างรวดเร็ว ขณะที่ลู่หยางกำลังหยิบผลสีชาดสองผล หนุ่มแต่งกายในอาภรณ์ชั้นดีสามร่างเดินออกมาจากป่า ผู้นำของพวกมันมีสุนัขป่าที่น่าเกรงขามติดตามมา
สุนัขป่ามีขนสีเงินและเส้นโลหิตสีทองที่หว่างคิ้ว ดวงตาทองมรกตของมันจ้องที่ผลสีชาดในมือลู่หยาง ความเย้ายวนของผลชั้นเลิศเช่นนี้ทำให้มันแทบทนไม่ไหว หากมิใช่นายของมันควบคุมอยู่ มันคงกระโจนเข้าไปหาลู่หยางในทันที
“หืมม นั่นมันราชาสุนัขป่าจันทราเงินเชียวนะ!”ลู่หยางขมวดคิ้ว นี่มันอสูรชั้นยอด
เขาพึ่งลิ้มรสชาติพลังของอสูรชั้นยอดไม่นานนี้ และเกือบสิ้นชีพเพื่อที่จะปราบมัน ทว่า หนุ่มน้อยข้างหน้าคนนี้ถึงกับมีมันในครอบครองยิ่งไปกว่านั้นหนุ่มคนนี้ยังมีสหายอีกสองคนแต่ละคนมีอสูรชั้นกลางสายเลือดสามัญติดตามมัน
“ขอแสดงความยินดีด้วยนายน้อยอู๋ ผู้ฝึกอสูรระดับกลางชั้นยอด ท่านถือเป็นยอดฝีมือในแคว้นเซียงหยางเราแล้ว”
เมื่อพวกเรากลับไปคราวนี้ ทุกสายตาจะต้องจ้องมองมาที่นายน้อยอู๋อย่างแน่นอน อาจกระทั่งได้รับหัวใจของแม่นางอู๋ฮวง
ผู้ฝึกอสูรขั้นกลางสองตนประจบประแจงนายของมัน
“ฮ่าฮ่า เจ้าพูดได้ถูกแล้ว เมื่อเจ้าจันทราเงินน้อยของข้าพัฒนาขึ้น ข้าจะกลับไปจัดการพวกบัดซบนั่น” อู๋เย่หัวเราะอย่างยินดี มิได้สนใจลู่หยางแม้แต่น้อยราวกับว่าผลสีชาดนั้นเป็นของมันแล้ว
“เด็กน้อย เจ้าคือชาวเขาแถวนี้ใช่รึไม่ โชคเจ้าดีนัก ส่งผลในมือเจ้าทั้งหมดมาให้ข้าแล้วข้าจะให้เจ้าสิบเหรียญเงิน” อู๋เย่มองไปที่ลู่หยาง ยิ้มและโยนเหรียญเงินไปที่เขา
เมื่อลู่หยางได้เก็บสัตว์เลี้ยงสงครามของเขาแล้ว อู๋เย่ไม่รู้ว่าเขาคือผู้ฝึกอสูร ส่วนศพที่กองอยู่เขาคิดว่ามันสู้กันจนตาย
“เด็กน้อย นี่นายน้อยอู๋ประทานให้เจ้านะ รีบรับไปสิ” หนึ่งในลูกน้องของมันกล่าว
ในสายตาพวกมัน สามัญชนจะไปรู้อะไร สิบเหรียญเงินนั้นล้ำค่าสำหรับมันมาก พวกมันจินตนาการภาพลู่หยางรับเงินของมันอย่างตื่นเต้นและมอบผลสีชาดให้พวกมัน
ลู่หยางเดินไปเก็บเหรียญเงิน เจ้าพวกโง่สามตัวนี้มาจากไหน พวกมันคิดว่าข้าโง่นักหรือ?
“รับไปและไปซื้อเสื้อผ้าดีดีใส่ซะนะ” อู๋เย่ยิ้มและพยักหน้า เขากำลังอารมณ์มาก
“เจ้าต้องการผลสามผลนี้ด้วยเงินสิบเหรียญงั้นหรือ? คนเมืองอย่างเจ้าช่างรู้จักเอาเปรียบดีหนิ!”ลู่หยางมิสนใจพวกมัน เก็บผลสีแดงชาดไป รวมถึงซากศพของอสูรบนพื้น
น่าเสียดายที่ขนาดศพมันใหญ่เหลือเกิน ลู่หยางตัดส่วนที่ล้ำค่าของอสรพิษออกมา มันเป็นส่วนประกอบปรุงยาที่ล้ำค่า
“บัดซบ เด็กนี่ช่างกล้า มันทำแบบนี้ต่อหน้าพวกข้า” ลูกน้องอู๋ฮวงถึงกับตะลึงกับความอาจหาญของเขา นี่มันไม่เหมือนกับที่มันจินตนาการไว้หนิ
“เด็กน้อย เจ้าไม่ได้ยินข้ารึ ส่งผลนั่นมาให้ข้า รวมถึงซากศพนั่น มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรครอบครอง”อู๋ฮวงหน้ามืดมน ในความคิดเขา ศพของทั้งหมดนี้ควรเป็นของเขา ยิ่งซากงูนั่นมีค่ามหาศาล
“เด็กน้อย คนเราไม่ควรโลภมาก ก่อนที่นายน้อยจะมีโทสะ เจ้าควรส่งของเหล่านั้นมามิเช่นนั้นเจ้าจะเป็นอาหารของอสูรข้า”ลูกน้องอู๋เย่กล่าว
“โลภรึ?”ลู่หยางมองไปที่พวกมันและเกือบจะขำออกมา พวกมันกล้าเรียกเขาว่าคนโลภ นั่นมิใช่พวกมันเองหรอกรึ
“ทำไมข้าต้องให้ของของข้าด้วยล่ะ หากเจ้าต้องการปล้น ก็จงพูดมา!” ลู่หยางแค่นเสียงเย็นชา
“เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร เด็กเหลือขอกล้าต่อต้านนายน้อยผู้นี้รึ” อู๋เย่หน้านิ่วคิ้วขมวด ชาติกำเนิดเขาเป็นที่รู้จัก ตัวเขามีรากฐานจิตชั้นกลางผู้ได้รับพรจากสวรรค์ แต่เด็กเขาคุ้นชินกับการเป็นศูนย์กลางของทุกคน บัดนี้สามัญชนธรรมดากล้าต่อต้านเขา
“นายน้อยอู๋ อย่าเสียเวลากับมันเลย หากมันต้องการที่จะตาย ทำให้มันสมหวังเถอะ ฉีกมันเป็นชิ้นๆ” ลูกน้องอู๋เย่กล่าว
"โฮก!” หมีร่างใหญ่สูงถึงสามเมตร คำรามขึ้นและกระโจนเข้ามา มันเป็นถึงอสูรชั้นกลาง ลู่หยางหยีตา สีหน้าเขาจริงจัง มันเป็นถึงอสูรชั้นกลาง ทว่า มันช่างเชื่องช้าเหลือเกิน ลู่หยางหลบได้อย่างง่ายดาย
หืมม? โชคดีรึ? อู๋เย่ และพวกถึงกับตะลึง มันไม่คาดว่าชาวเขาจะสามารถหลบอสูรมันได้
“แย่แล้ว เด็กนั่นมันจะหนี” เจ้าของหมีตะโกนขึ้นมาทันใดนั้น
“หืมม เด็กนี่เจ้าเล่นัก หลิวเฟิง ไปจับมัน ข้าต้องมันมันแบบเป็นๆ จำไว้ละ!” อู๋เย่กล่าว
“วางใจได้นายน้อย เด็กนั่นหนีเสือดำของข้าไม่พ้นหรอก” หลิวเฟิงยิ้ม มันดูมั่นใจมาก
“คำราม!”เสือดำรวดเร็วราวกับอสนีบาตสีทมิฬ ไล่ตามลู่หยางไป
“น้องหลิวถึงกับใช้เสือดำ เจ้าเด็กนั่นมิอาจหนีได้แน่ ข้าพนันว่าห้าวินาที เสือดำนั่นจะคาบเด็กนั่นกลับมาในปาก
“กับชาวบ้านเช่นนี้ เสือดำข้าต้องการแค่สามวินาทีเท่านั้น!” หลิวเฟิงมั่นใจ
ห้าวินาทีผ่านไป พวกมันไม่เห็นแม้เงาเสือดำกลับมา หลิวเฟิงเริ่มหน้าซีด
ยี่สิบวิ สี่สิบวิ หนึ่งนาที สองนาที เสือดำยังมิกลับมา หลิวเฟิงหน้ามืดครื้ม
“ข้าได้ยินเสียงคำรามของเสือดำ เจ้าได้ยินหรือไม่” หวังฉีถามในทันใด
“เหมือนมันจะกลับมาละนะ แม้จะนานไปหน่อย” อู๋เย่เริ่มผ่อนคลาย
“อั้ก!” ทว่า หลิวเฟิงร้อง หน้าของมันซีด เลือดพุ่งจากปากมัน
“แย่แล้ว ข้ามิอาจสัมผัสถึงเสือดำของข้าได้อีก หรือมันตาย? เป็นไปได้อย่างไร” หลิวเฟิงคำรามด้วยโทสะ เขาตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ เมื่อสัมผัสกับอสูรเลี้ยงของเขาขาดลง มันหมายถึงความตาย
“อะไรนะ” ทั้งสองคนที่เหลือตกตะลึง นั่นมันอสูรชั้นกลางนะ
“ไม่ใช่แล้ว เด็กนั่นหลอกพวกเรา มันต้องเป็นผู้ฝึกอสูรชั้นกลางเป็นอย่างน้อย” อู๋เย่มองไปที่ศพของสุนัขยักษ์หกตนและอสรพิษเกล็ดทมิฬ ดวงตามันเบิกโตและตะโกนออกมา