บทที่ 46: นักรบโถวเหยินผู้ไม่เคยถอดหน้ากาก
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ คนเป็นลอร์ดนั้นได้รับทั้งอำนาจและความเอาใจใส่
ส่วนสำหรับเมืองแห่งรุ่งอรุณ ด้วยผู้ลี้ภัยจากทั้งสองเขตปกครองที่ไหลทะลักเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ตอนนี้เมืองแห่งนี้มีพลเมืองกว่า 18,000 คนและทหารกว่า 800 คน จากบรรยากาศที่หดหู่ไร้ผู้คนกลายเป็นบรรยายกาศที่คึกคัก, บ้านเรือนมากมาย, น้ำพุ, และถนนที่มีไฟเวทมนต์แขวนไว้อันต่ออันทำให้เกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ทุกๆ วัน วิลเลียมจะนำทหารองครักษ์ของเขาไปกับเขาเพื่อจัดการกับอสูรเวทย์รอบๆ เมืองและปิดภารกิจต่างๆ ทีละอันๆ เพื่อกำจัดเผ่าที่อาจเป็นอันตรายได้
ป่าแบล็คลีฟมีทรัพยากรเป็นจำนวนมากและแม้ว่าบางพื้นที่ในป่าจะใช้ในการเพาะปลูก อาหารที่ได้จากธรรมชาติส่วนใหญ่ก็สามารถเลี้ยงผู้คนได้มากมาย
อย่างเผ่ามนุษย์หมาป่าและเหล่าโถวเหยินผู้ไม่เคยถอดหน้ากาก พวกเขาอาจจะปรากฏตัวออกมา
เดือนก่อน เขาทำลายล้างเผ่าของมนุษย์หมาป่าด้วยความสามารถของเขาเอง
เหตุผลที่วิลเลียมไม่จับพวกเขาไปเป็นคนขุดเหมืองเพราะสหายที่ร้ายกาจและมากเล่ห์เหล่านี้อาจจะไปทำให้ซุปทั้งหม้อเสียได้ เมื่อเหล่าออร์คที่ซื่อสัตย์และเถรตรงได้พบกับพวกเขา ไม่ช้าก็เร็วพวกออร์คจะต้องถูกหว่านล้อมให้เอนเอียงและอาจจะเข้าร่วมการก่อกบฏกับพวกเขาเสียด้วยซ้ำ
“แต่นักรบโถวเหยินผู้ไม่เคยถอดหน้ากากเป็นคนงานที่ยอดเยี่ยมจริงๆนะ!” วิลเลียมหัวเราะ
“ตามคำบอกเล่าของทหารพราน เผ่าโถวเหยินนี้อยู่เลยไปแค่ทุ่งหญ้าทางเหนือของเมือง มันเป็นพื้นที่ช่วงหุบเขาที่มีชาวโถวเหยินอย่างน้อย 1,000 คน” หลังจากรายงาน น็อกซ์ก็กระแอมไอน้อยๆ ก่อนจะพูดต่อ “ท่านลอร์ด ในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา พูดจากฝั่งของฝ่ายกลางแล้ว ชาวโถวเหยินนั้นไม่ใช่ผู้ที่มีจิตใจเมตตาแต่พวกเขาก็จะไม่รังควานพวกเรา เราไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกเขาทั้งหมด ใช่ไหม?”
วิลเลียมฟึดฟัด “เราพูดเมื่อไหร่ว่าเราจะไปฆ่าพวกเขา?”
“ก็เมื่อข้าเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของท่าน ข้าสัมผัสได้ว่าเผ่าบางเผ่ากำลังจะถึงวาระ ที่สุดแล้ว ทุกครั้งที่ท่านได้ยินว่าพวกเราเจอเผ่าใหม่ สายตาของท่าน…” น็อกซ์ตอบแบบหยั่งเชิง
“เห็นได้ชัดว่าระดับความนึกคิดของเจ้ายังสูงไม่พอ จงกลับไปอ่านหนังสือ ‘ฟังคำพูดของท่านลอร์ด’ ที่เราเขียน 30 รอบ” วิลเลียมตบไหล่เขาเบาๆ เขาไม่ได้สนใจที่จะอธิบายนักแต่ก็อธิบาย “ลองคิดดูสิ ชาวโถวเหยินจะกินอะไรได้บ้างบนทุ่งหญ้า? พวกเขาคงไม่ได้กินเนื้อด้วยซ้ำ เราวางแผนที่จะให้พวกเขามาอาศัยในป่าแห่งนี้”
“และขุดเหมืองให้กับเมืองของเรา, ขนไม้, ขนทราย และอื่นๆ เราควรให้เนื้อบางส่วนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขาหรือไม่ดี?”
“!!!”
น็อกซ์ดูสับสน เขาอยากจะบอกท่านลอร์ดว่าชาวโถวเหยินเป็นมังสวิรัติ พวกเขาไม่เคยต้องอดอยากบนทุ่งหญ้าและพอใจกับชีวิตของพวกเขาที่นั่น…
แต่โชคร้ายที่ท่านลอร์ดไม่ฟัง…
วิลเลียมถามอีกครั้ง “ช่วงนี้มีทหารกี่คนที่อยู่เฉยๆ ไม่มีงานทำ?”
“ไม่เกิน 150 กองในเมือง ในตอนนี้มีทาสออร์ค 1,800 ตนและพวกเขาส่วนใหญ่เฝ้าเหมืองอยู่!” น็อกซ์พูด ท่านลอร์ดถามแบบนี้ ถ้าหากไม่มีเรื่องไม่คาดฝันอะไรก็คงกำลังวางแผนจ้างทหารเพิ่ม
“น้อยขนาดนั้นเลย?” วิลเลียมยกคิ้วแต่ก็พยักหน้า “ปล่อยเผ่าโถวเหยินไปก่อนและเริ่มประกาศรับสมัครทหารพรุ่งนี้”
“ในจำนวนนี้ เราต้องการนักรบโล่ 300 คน, นักลาดตระเวน 300 คน, นักดาบ 300 คนและอัศวิน 100 คน รวมทั้งหมดเป็น 1,000 คน”
“ไม่จำกัดอายุ ผู้ชายสามารถเลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพและมืออาชีพผู้หญิงสามารถเลือกที่จะเป็นผู้คุ้มกันของเมืองได้!”
“ครับ ท่านลอร์ด” น็อกซ์พยักหน้าและเดินออกไปเพื่อทำการจัดการตามคำสั่ง
สำหรับ NPC คนอื่นๆ การจ้างทหารและการเลือกคนที่เหมาะสมก็เป็นเหมือนกับช่วงจังหวะแห่งโชคที่ไม่น่าเชื่อ โดยปกติแล้ว พวกเขาจะเลือกผู้เชี่ยวชาญอายุต่ำกว่า 18 ปีที่มีพลังการต่อสู้
แต่ด้วยประสบการณ์ในอดีตของวิลเลียม ศักยภาพทางสายเลือดของคนๆ หนึ่งสามารถฉายออกมาได้ อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยสักนิด เขาอาจจะได้คนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมเลยด้วยซ้ำ
ในเวลาสองเดือน
ในที่สุดเขาก็ถึงเลเวล 30 แม้ว่ามันจะมีช่องว่างเล็กๆ สู่เลเวล 40 ความแข็งแกร่งของวิลเลียมตอนนี้ก็พุ่งสูงขึ้นมาก
ทักษะทุกทักษะขึ้นมาถึงขีดจำกัดสูงสุดของมันที่เลเวล 7
ระดับพลังการต่อสู้และพลังเวทมนต์ทางจิตเองก็ขึ้นมาถึงเลเวล 15!
ประสบการณ์ทั้งหมดของเขาถูกสงวนไว้สำหรับบทบาทของเขาและเขาจะสามารถเปลี่ยนอาชีพได้ภายในอีกหนึ่งเดือน