บทที่ 308 ยอดฝีมือขอบเขตจินกัง
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“เจตจำนงสังหารขั้นที่สี่?”
ไม่ใช่แค่เว่ยกงกงและผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสูดขอบเขตเสินโหยวฝ่ายอาณาจักรเสิ่นหวู่เท่านั้นที่ตกตะลึง บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างอาณาจักรเองก็มีปฏิกิริยาที่ไม่ต่างกัน
หลายคนในนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมต่อพรสวรรค์ของเด็กหนุ่ม ในขณะที่บางคนแสดงความอิจฉาออกมาทางสีหน้า
เจตจำนงแห่งเต๋าวรยุทธนั้นเป็นสิ่งที่ลึกลับเกินจะหยั่งถึง!
การตีความเจตจำนงแห่งเต๋าเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็นซึ่งเทียบได้กับการปีนป่ายสู่สรวงสวรรค์ และที่ยากไปกว่าการทำความเข้าใจ นั่นก็คือการยกระดับมัน
เมื่อเจตจำนงชนิดในชนิดหนึ่งถูกยกระดับสู่ขั้นที่สี่หรือห้า อิทธิฤทธิ์ของมันจะทรงพลังกว่าขั้นก่อนหน้านี้อย่างเทียบไม่ติด
ในหน้าประวัติศาสตร์ของทวีปเทียนชิงนั้นได้จารึกถึงรูปแบบเต๋าไว้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ในหมู่พวกมัน มีอยู่สิบชนิดที่แข็งแกร่งทรงพลังแตกต่างจากชนิดอื่นอย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น เจตจำนงผู้พิชิตของเจียงเปี๋ยหลี มันถูกจัดในอยู่ในลำดับที่หก ในขณะที่เจตจำนงสังหารของเจียงอี้นั้นเหนือกว่าและอยู่ในลำดับที่สาม
เจตจำนงสังหารนั่นทรงพลังขนาดไหน?
เนื่องจากราชันสวรรค์สังหารผู้ยิ่งใหญ่ล่วงลับไปนานแล้ว ทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับเจตจำนงสังหารหลงเหลืออยู่ในตำราประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่แม้ว่าจะเหลือเพียงแค่ตำรา แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของมันผ่านตัวอักษรเหล่านั้น
ในเมื่อเจียงอี้บรรลุขั้นที่สี่ของเจตจำนงสังหารได้แล้ว สายตาของบรรดาผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวที่จ้องมองเขาก็เปลี่ยนไปและถูกแทนที่ด้วยความหวาดวิตกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ
ด้วยพลังของเจียงอี้ในตอนนี้ เมื่อผสานกับเจตจำนงสังหารที่เข้าสู่ขอบเขตใหม่ เขาจะกลายเป็นผู้ไร้เทียมทานในขั้นเสินโหยวอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นรัศมีของเจตจำนงยังขยายกว้างขึ้นซึ่งกินพื้นที่กว่าสามกิโลเมตร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าจอมยุทธที่อ่อนแอซึ่งอยู่ในรัศมีร้อยเมตรจากตัวเจียงอี้ พวกเขาจะไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะลุกขึ้นยืน พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นเพียงฝูงแกะที่ไร้ทางสู้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับมังกรแท้จริง
“อัจฉริยะฟ้าประทาน!”
หลายคนลอบอุทานในใจ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมเจียงอี้เพราะพวกเขารู้ดีว่าการยกระดับเจตจำนงแห่งเต๋านั้นยากเย็นเพียงใด
แม้แต่อัจฉริยะรุ่นก่อนอย่างเจียงเปี๋ยหลีเองก็เพิ่งสำเร็จขั้นที่สี่ของเจตจำนงผู้พิชิตเท่านั้น ส่วนเจียงอี้นั้นเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กันเชียว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว!
“ฟู้วว!”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรต้าเซี่ยล้วนแต่พ้นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ประกายแสงแห่งความหวังเริ่มส่องสว่างอยู่ในใจของพวกเขาอีกครั้ง
พลังของเจียงอี้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึงขั้นที่อาจจะเป็นผู้ไร้พ่ายในขั้นเสินโหยวทั้งหมด ดูเหมือนว่าพวกเขาน่าที่จะรอดพ้นภัยพิบัติในครั้งนี้ไปได้แล้ว อาณาจักรต้าเซี่ยคงจะไม่ล่มสลายแล้ว… ใช่หรือไม่?
“เห้ออ…”
แต่มีเพียงผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนเท่านั้นที่ตระหนักถึงบางสิ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็หม่นแสงลงอีกครั้ง
เจตจำนงสังหารของเจียงอี้นั้นยกระดับขึ้นผิดเวลา เพราะไม่ว่ายังไงมันก็เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าซูรั่วเสวี่ยและคนส่วนใหญ่ของตระกูลซูได้ตายไปแล้วไม่ได้
หากพลังของเจียงอี้ถูกยกระดับขึ้นก่อนที่ซูรั่วเสวี่ยจะตาย มันก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ในเมื่อคนรักของเขาได้จากไปแล้ว เขายังจะยอมช่วยเหลืออาณาจักรต้าเซี่ยอยู่อีกหรือ?
แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็เชื่อมโยงหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน หากซูรั่วเสวี่ยไม่ตายไป เจตจำนงสังหารของเจียงอี้จะทะลวงคอขวดและเข้าสู่ขอบเขตใหม่ได้หรือ? หากไม่ใช่เพราะความตายของคนรัก เขาจะบีบคั้นตัวเองและระเบิดศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้อย่างไร?
ฟับ!
แต่ทันใดนั้นเอง ในขณะที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด เจียงอี้ก็เริ่มลงมือแล้ว เขากวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงในมือเป็นเส้นตรง พริบตาเดียวคอของผู้ยิ่งใหญ่อย่างเว่ยกงกงก็ถูกสะบั้นขาดอย่างง่ายดาย
แม้แต่ในตอนที่ตายไปแล้ว ดวงตาของขันทีเฒ่าก็ยังคงเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ ในขณะศีรษะของเขาลอยกระเด็นอยู่กลางอากาศ เขาก็ยังคงหลงเหลือจิตสุดท้ายซึ่งทำให้เขามองเห็นร่างกายของตนที่ถูกดาบมังกรเพลิงเฉือนตัดเป็นชิ้นๆด้วยความเคียดแค้น!
“โฮกกก!”
โดยไม่รอช้า หลังจากที่เว่ยกงกงตกตายไป เจียงอี้ก็ปลดปล่อยมังกรเพลิงทั้งสองออกไปข้างหน้า บรรดาจอมยุทธที่หมอบคลานอยู่บนพื้นเนื่องจากไม่สามารถทนต่อแรงกดดันของเจตจำนงสังหารได้ต่างก็สั่นสะท้านด้วยความกลัว
พวกเขารู้ดีว่าเจียงอี้กำลังเริ่มการกวาดล้างแล้ว แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ? แม้แต่ยืนยังทำไม่ได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือยอมรับความตายเท่านั้น!
“ตาย! ตาย! ตาย!”
เจียงอี้กวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงด้วยความบ้าคลั่ง ทุกที่ๆมังกรเพลิงบินผ่าน มันจะกลืนกินชีวิตของผู้คนไปมากมาย
ดวงตาและเส้นผมสีแดงฉานของชายหนุ่มทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเปรียบเสมือนร่างจำแลงของเทพปีศาจที่จุติลงมาบนโลกมนุษย์และเข่นฆ่าทุกสิ่งมีชีวิตที่ขวางหน้า
“มันจบแล้ว…”
แม่ทัพเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิง, แม่ทัพหลงแห่งจักรวรรดิมังกรเวหา, แม่ทัพไท่สื่อแห่งอาณาจักรเสินหวู่และแม่ทัพคนอื่นๆต่างก็ได้ข้อสรุปเดียวกัน
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหมื่นปีที่หกขั้วอำนาจใหญ่ร่วมมือกันเพื่อกวาดล้างอาณาจักรหนึ่ง อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับถูกขัดขวางโดยคนผู้หนึ่ง อีกทั้งคนผู้นั้นยังเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงสิบเจ็ดปีด้วยซ้ำ!
เจตจำนงสังหารนั้นทรงพลังเกินไป รัศมีของมันกว้างถึงสามกิโลเมตรและเข้าปกคลุมทหารนับหมื่นในคราวเดียว ในตอนนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวต่างก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ เช่นนั้นมันก็หมายความว่าสงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว
บางที… หากว่ากองทัพทั้งหมดโหดเหี้ยมพอ พวกเขาอาจเพิกเฉยต่อเจียงอี้และระดมกำลังทั้งหมดในการกวาดล้างอาณาจักรต้าเซี่ยได้ แต่แน่นอนว่ามันต้องแลกมาด้วยการสูญเสียครั้งใหญ่
นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในสนามรบก็คือสภาพจิตใจ!
ไม่ต้องเอ่ยถึงทหารธรรมดา เพราะแม้แต่ชนชั้นผู้บัญชาการที่อยู่ในขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าหรือผู้ที่อยู่สูงกว่าก็ยังรู้สึกหวาดผวาและบังเกิดความกลัวเกรง ดูเหมือนว่าจะไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเผชิญหน้าและสู้ตายกับเจียงอี้ในสภาพเช่นนี้
“ถอย!”
ไท่สื่อเจินรีบออกคำสั่งถอยทัพ ความตายของเซี่ยอู๋หุ่ยและผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดขอบเขตเสินโหยวนั้นหนักหนาเกินไป มันคือการสูญเสียครั้งใหญ่ของอาณาจักรเสินหวู่
อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อทหารระดับล่าง ทำให้พวกเขาสูญเสียความกล้าที่มีทั้งหมดไป และถ้าหากพวกเขายังไม่ยอมถอยเสียตั้งแต่ตอนนี้ พวกเขาอาจจะถูกกวาดล้างภายใต้ความแค้นของเจียงอี้อย่างแน่นอน
“ถอนกำลัง!”
ผู้นำทัพแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเองก็ตัดสินใจในทำนองเดียวกัน ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่แม่ทัพหลงและผู้นำทัพของอาณาจักรที่เหลือต่างก็กัดฟันและออกคำสั่งถอยทัพแล้วเช่นเดียวกัน
“ฟู้ววว”
“จบแล้วสินะ?”
ตั้งแต่ทหารชั้นผู้น้อยจวบจนผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของฝั่งอาณาจักรต้าเซี่ยต่างก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะรอดพ้นจากภัยพิบัติไปได้จริงๆ จากนั้นพวกเขาก็หันไปมองเจียงอี้ซึ่งกำลังเข่นฆ่าศัตรูอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยอารมณ์ซับซ้อน
ด้วยพลังของเด็กหนุ่มตัวคนเดียวแต่สามารถต้านทานกองทัพที่มีทหารนับล้านนายได้จริงๆ!
เจียงอี้สามารถสังหารคนนับหมื่นได้อย่างง่ายดายและช่วยให้อาณาจักรต้าเซี่ยรอดพ้นจากการล่มสลาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องราวในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ มีอยู่ไม่น้อยที่ยอดฝีมือผู้ทรงพลังเข้าปะทะกับกองทัพด้วยตัวคนเดียว
แต่พวกเขาเหล่านั้นหากไม่ใช่ชนชั้นราชันสวรรค์ก็ย่อมเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในจุดสูงสุดขอบเขตจินกัง!
เวลานี้ ในสายตาของกองทัพพันธมิตร เจียงอี้เปรียบเสมือนปีศาจกระหายเลือด แต่ในขณะเดียวกัน สำหรับชาวต้าเซี่ยแล้ว เขาคือเทพสงครามผู้ไร้พ่าย!
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
สองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวของอาณาจักรต้าเซี่ยฟื้นจากความเหนื่อยล้าและรีบตรงไปยังรอยฝ่ามือยักษ์ที่เว่ยกงกงทิ้งไว้ พวกเขาต้องการที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าซูรั่วเสวี่ยตายไปแล้วจริงหรือไม่ หากเกิดปาฏิหาริย์และนางรอดชีวิตมาได้ เช่นนั้นอาณาจักรต้าเซี่ยก็จะได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง
“ตุบ!”
หนึ่งในสองผู้เชี่ยวชาญนั้นตื่นเต้นเกินไปหน่อย เขาพุ่งลงมาตรงหลุมลึกและกระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างจัง
แต่ในขณะเดียวกันกับที่ผู้เชี่ยวชาญอีกคนกำลังจะกระโดดตามลงไปนั้น จู่ๆร่างของเขาก็หยุดชะงักพร้อมกับหันไปมองที่ด้านหลังด้วยสีหน้าตกตะลึง
ตึง! ตึง! ตึง!
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร กองทัพพันธมิตรที่ยกทัพกลับไปแล้ว จู่ๆก็หันหลังกลับมาและมุ่งหน้าตรงมายังเมืองเซี่ยยวี่อีกครั้ง!
เกิดอะไรขึ้น?!
เหล่าทหารของอาณาจักรต้าเซี่ยที่เพิ่งจะได้พักหายใจหายคอได้ไม่นานต่างก็หน้าถอดสีและเต็มไปด้วยความสับสน
“หืม?”
ทางด้านของเจียงอี้เองก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน ดวงตาของเขาหันไปมองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมกับผุดรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
“ไม่จริงน่า…”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญของอาณาจักรต้าเซี่ยเองก็มองไปยังทิศทางเดียวกัน แต่ทันใดนั้นร่างของพวกเขาก็สั่นสะท้านและสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แล่นผ่านไปทั่วร่างกาย
บนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือปรากฏจุดสีดำขึ้นตรงเส้นขอบฟ้า แต่เพียงไม่กี่ลมหายใจต่อมามันก็มามันก็มาถึงที่แนวหลังของกองทัพพันธมิตรแล้ว
เมื่อเพ่งมองจุดสีดำนั้นดีๆก็จะพบว่ามันคือร่างของคนผู้หนึ่ง เขาสวมชุดคลุมยาวห้าสีและถือคทาไว้ในมือ ร่างของเขาได้ปลดปล่อยแรงกดดันอันสูงส่งออกมา แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปนับสิบกิโลเมตร แต่มันก็ยังทำให้จอมยุทธหลายคนหายใจได้อย่างยากลำบาก
ยอดฝีมือขอบเขตจินกัง!
เพราะมีเพียงตัวตนระดับนี้เท่านั้นที่สามารถเหาะเหินบนท้องฟ้าได้อย่างใจปรารถนาและครอบครองกลิ่นอายของผู้เหนือกว่า!
……