ตอนที่ 95 พิษวิญญาณกร่อน
“ท่านหมอซียอดอัจฉริยะ มิทราบว่าท่านรู้หรือไม่ว่าพิษที่ฝังตัวอยู่ในร่างของฮ่าวเซวียนคือพิษใด ?”
เกอซีชะงักเล็กน้อย หญิงสาวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ที่สุดแล้วจึงเอ่ยตอบ “พิษที่อยู่ในร่างของคุณชายโอวหยางคือพิษวิญญาณกร่อนซึ่งนับได้ว่าแทบไม่เคยพบเจอในอาณาจักรจินหลิง พิษชนิดนี้ไร้สีไร้รสจึงสามารถแพร่เข้าสู่กายได้อย่างไร้ร่องรอย ทันทีที่พิษซึมซาบลงสู่กายมันจะกลืนกินพลังปราณของคนผู้นั้นเพื่อนำไปใช้หล่อเลี้ยงตนเอง ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ผู้ได้รับพิษจะถูกกัดกร่อนเส้นชีพจรปราณไปทีละน้อย จุดตันเถียนฝ่อตัวลงไปเรื่อย ๆ กระทั่งคนผู้นั้นเหลือเพียงร่างหุ้มกระดูกก่อนจะหยุดหายใจในที่สุด ช่วงระยะที่พิษกระจายตัว ผู้รับพิษจะเจ็บปวดราวกับถูกกองทัพมดนับพันกัดกินในกายทรมานแสนสาหัสกระทั่งต้องร่ำร้องหาความตาย คนธรรมดาล้วนมิอาจทานทนต่อความเจ็บปวดถึงเพียงนั้นได้”
เอ่ยอธิบายไปใบหน้าของเกอซีก็แดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ นั่นด้วยเพราะนางหาได้มีข้อมูลเกี่ยวกับพิษวิญญาณกร่อนแต่อย่างใด หากแต่ข้อมูลทั้งหมดล้วนได้รับมาจากหนานกงยวี่ผู้นำขวดใส่พิษกลับไปด้วยคราวก่อน จากนั้นหลายวันถัดมา เขาก็ส่งคนนำหยกบันทึกความที่บรรจุเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับพิษชนิดนี้มาส่งให้นางถึงมือ
สิ่งที่บันทึกอยู่ในหยกบันทึกความคือรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับลักษณะพิษ คุณสมบัติ และส่วนผสมโอสถซึ่งใช้ในการรักษา ตลอดจนกระทั่งถึงกรณีตัวอย่างเพื่อเสริมความเข้าใจอีกเล็กน้อย พิษชนิดนี้นับว่าไม่ค่อยได้พบเห็นโดยทั่วไป เช่นนั้นแล้วเกอซีย่อมรู้ดีว่าด้วยเวลาที่จำกัดเช่นนี้ นางย่อมไม่อาจหาข้อมูลเกี่ยวกับพิษชนิดนี้ได้เลย
เจ้าคนไร้ยางอาย คิดว่าทำเช่นนี้แล้วนางจะคิดถึงเขาจนนอนไม่หลับทั้งคืนงั้นรึ ! ฝันไปเถอะ !
ครั้นได้รับรู้ในสิ่งที่เกอซีสาธยายมาทั้งหมด สีหน้าของโอวหยางจื้อโซวง และโอวหยางฮ่าวเซวียนพลันแปรเปลี่ยนทันที
โอวหยางจื้อโซวงกระทืบหินที่อยู่ใกล้ ๆ โครมใหญ่ เพียงเสียงดัง ‘ตึง’ ก้อนศิลาขนาดใหญ่กว่าครึ่งตัวมนุษย์พลันล้มครืนสลายเป็นผุยผงทันที
“ผู้ใดกันที่ชั่วช้าถึงขนาดกล้าวางยาพิษวิญญาณกร่อนกับคนสกุลโอวหยาง ? ! มันไม่เพียงหมายจะทำลายฮ่าวเซวียนเท่านั้น หากแต่มันหมายมุ่งจะเหยียบตระกูลโอวหยางให้จมธรณีอีกด้วย !”
โอวหยางฮ่าวเซวียนขยับปากเยาะหยันขึ้น “ไม่ว่ามันผู้นั้นคือผู้ใด เมื่อมันกล้าท้าทายเราถึงเพียงนี้ ข้า ! โอวหยางฮ่าวเซวียน ! จะให้พวกมันได้ชดใช้คืนเป็นพันเท่าหมื่นเท่า !”
เกอซีหาได้ต้องการยื่นมือเข้าวุ่นวายเรื่องบาดหมางภายในตระกูลโอวหยาง เมื่อผู้ป่วยได้รับการเยียวยารักษาแล้ว นางย่อมสมควรกลับได้แล้ว
ทว่าเพียงเมื่อหญิงสาวกำลังขยับกายเพื่อลาจาก น้ำเสียงที่อ่อนโยนของโอวหยางฮ่าวเซวียนกลับร้องเรียกขึ้น “ท่านหมอซียอดอัจฉริยะ ช้าก่อน”
ครั้นเมื่อหญิงสาวหันร่างกลับมา จึงเห็นบุรุษผู้นั่งอิงกายอยู่กับเก้าอี้หวายค่อย ๆ หยัดกายลุกขึ้นช้า ๆ ร่างที่สมส่วนนั้นยังคงแลดูผอมบาง และอ่อนแอภายใต้ความเรืองรองของแสงตะวัน หากแต่แผ่นหลังของบุรุษหนุ่มกลับเหยียดตรง
“ท่านหมอซียอดอัจฉริยะ ไม่ทราบว่าข้า.....ข้าจะเรียกเจ้าว่าซีเยว่ได้หรือไม่ ?”
น้ำเสียงต่ำแผ่วเบาของบุรุษหนุ่มนั้นแหบพร่าเล็กน้อยจนทำให้เกอซีต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงหากแต่หญิงสาวกลับมิได้เอ่ยตอบคำใด
อีกทั้งโอวหยางฮ่าวเซวียนก็ใช่ว่าจะต้องการถ้อยตอบรับใดจากอีกฝ่าย มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนบางยามเมื่อเขากล่าววาจา “แม้ซีเยว่จะไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่โตอันใด หากแต่ข้าจะยังคงขอยืนยันอีกครา คุณชายเมตตามอบชีวิตใหม่ให้ข้า ดังนั้น ข้า ! โอวหยางฮ่าวเซวียน ! ขอปฏิญาณในที่นี้ว่าต่อไปเบื้องหน้าหากซีเยว่มีเรื่องใดไหว้วานข้า แม้หากสิ่งนั้นไม่กระทบกระเทือนถึงสกุลโอวหยาง ไม่ว่าจะลำบากยากเย็นหรือหนักหนาสักปานใด ข้าจะบุกน้ำฝ่ากองเพลิงเพื่อทำให้สิ่งนั้นบรรลุผลสำเร็จให้จงได้ หากข้าผิดต่อสัจจะวาจานี้ขอให้ข้าถูกลงทัณฑ์ด้วยสายฟ้าสวรรค์”
เกอซีจ้องมองบุรุษหนุ่มด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ขณะที่โอวหยางจื้อโซวงยังอยู่ในอาการตกตะลึง หากแต่เมื่อหวนนึกถึงบุตรชายของตนที่ต้องอยู่ในสภาพท้อแท้สิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากมานานกว่าครึ่งปี เขาผู้เป็นบิดาจึงคลายใจลงได้
เพียงการตอบแทนน้ำใจที่ช่วยชีวิตนั้นไยต้องกล่าวเกินเลยไปกระทั่งถึงความตาย และเลือดเนื้อ
เมื่อเกอซีเห็นประกายตาที่สดใสเจิดจ้า และเย็นยะเยียบยิ่งนักของชายหนุ่มก็อดประหลาดใจไม่ได้
แววตาประดุจดั่งบุปผาที่เบ่งบานท่ามกลางสายธารน้ำแข็ง ยิ่งจับจ้องแลดูก็ยิ่งทำให้ดวงตาพร่าเลือนด้วยความเจิดจ้าหากแต่ภายในดวงตานั้นกลับไร้สิ้นเพลิงอารมณ์
หญิงสาวรับรู้ได้ถึงอาการแห่งความแย้มยิ้มที่เอิบอิ่มไปทั่วใบหน้าของตน นางหมุนกายเดินจากจวนโอวหยางมาอย่างไม่มีสิ่งใดติดข้องในใจ
ไม่ว่าคำมั่นสัญญา หรือสัตย์ปฏิญาณใด ล้วนผ่านหูนางมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งหมดล้วนไม่มีความหมาย ที่สุดแล้วคู่หูผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนางมากว่าสิบปีก็ยังทรยศหักหลังนาง สุดท้ายแล้วก็แค่นี้เองมิใช่ล่ะหรือ ?
***จบตอน พิษวิญญาณกร่อน***