ตอนที่ 62 เมื่อปลายนิ้วขยับเคลื่อน
ประกายแสงสีทองบนร่างนั้นเปล่งวูบวาบไปมาพร้อมเสียงร้องที่ตื่นเต้นดีใจของต้านต้าน “อร่อย อร่อย แต่ต้านต้านยังไม่อิ่มเลย ! ท่านแม่ต้านต้านอยากกินอีก !”
เกอซีตอบกลับอย่างไม่ใคร่ยินดีเท่าไรนัก “เจ้าอยากกินจนอิ่มเลยงั้นรึ ? เจ้าราชากระเพาะยักษ์นี่ข้าจะไม่ถังแตกเพราะเจ้าได้อย่างไร ? แล้วข้าเล่า ? ข้าก็หิวจนแผ่นอกจะไปติดกับกระดูกสันหลังได้แล้ว ! เจ้าออกไปเล่นก่อนไป !”
กล่าวจบเกอซีก็ไม่สนใจเสียงคัดค้านต่อต้านจากต้านต้านอีก ด้านในท้องพระโรงแห่งวังซูมี่หญิงสาวจัดโต๊ะเตรียมอาหารไว้ตัวหนึ่ง วัตถุดิบในการประกอบอาหารและสมุนไพรโอสถที่เพิ่งซื้อจากตลาดถูกนำออกมาจากธำมรงค์มิติเวท
จากคำชี้แจงของต้านต้านทำให้เกอซีรู้ว่าแต่ละห้องในพระราชวังซูมี่นั้นประกอบด้วยพื้นที่มิติเวทอันไร้ขอบเขตจำกัดอีกทั้งยังมีพลังชีวิตที่ซุกซ่อนไว้อย่างเหลือเฟือ เมื่อวัตถุดิบในการประกอบอาหารถูกเก็บรักษาไว้ภายในพระราชวังซูมี่ มันจะไม่มีวันขาดพลังชีวิตอย่างแน่นอน นั่นย่อมหมายถึงวัตถุดิบต่าง ๆ จะสามารถคงความสดใหม่อยู่ได้ตลอดไป
ต้านต้านจับจ้องเขม็งอย่างไม่วางตาด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างจริงจังต่อเกอซีผู้กำลังมือเป็นระวิงอยู่ในยามนี้ หากแต่เขากลับมิได้มองเฉย ๆ ด้วยคำถามนั้นถูกปล่อยออกมาอย่างพรั่งพรูไม่มีขาดระยะ
“ท่านแม่ ท่านแม่ ต้านต้านกินสมุนไพรพวกนี้ได้ไหม ? หอมจังเลย ต้านต้านหิวแล้วสิ”
“ท่านแม่ ท่านแม่ โต๊ะเตรียมอาหารคืออะไรหรือ ? อร่อยไหม ?”
ท่านแม่ ท่านแม่ยอดเยี่ยมไปเลย ! เหตุใดพฤกษาเวทเมื่ออยู่ในมือของท่านแม่แล้วกลับแปรเปลี่ยนหน้าตาไปได้เล่า ?”
เกอซีชักจะเริ่มรู้สึกปวดหัวเพราะเสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าตัวน้อย หากแต่ก็ไม่อาจหาทางช่วยหยุดปากต้านต้านได้จริง ๆ
ยามนี้ สิ่งที่หญิงสาวกำลังลงมือนั้นหาใช่การปรุงโอสถ หากจะกล่าวให้ถูกต้องสมควรกล่าวว่านี่คือขั้นตอนการประสมพืชพรรณธรรมชาติที่มีคุณสมบัติสามัญตามปกติเข้ากับพฤกษาเวทเพื่อทำเป็นเครื่องปรุงอาหาร
ในอดีตภพ เกอซีคือสตรีผู้เปี่ยมพรสวรรค์ เมื่อใดที่นางเข้าใจคุณลักษณะของพรรณพืชชนิดไหนแล้ว หญิงสาวจะสามารถคำนวนวิธีการใช้ให้เกิดคุณประโยชน์อย่างสูงสุดได้ทันทีด้วยใจ อีกทั้งยังสามารถปรุงโอสถทุกชนิดออกมาด้วยคุณสมบัติทางการออกฤทธิ์ที่แตกต่างรวมไปถึงรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันด้วย
คุณลักษณะ องค์ประกอบ การออกฤทธิ์ ความสามารถในการผสมผสานและต่อต้านของพฤกษาทุกชนิดล้วนถูกบันทึกไว้ในใจของเกอซี ด้วยเหตุนั้นเองเมื่อใดที่หญิงสาวต้องการหยิบใช้พรรณพฤกษาใดนางย่อมสามารถเข้าใจโดยตลอดทุกสิ่งเกี่ยวกับพรรณพืชนั้น ๆ
ความปราดเปรียวคล่องแคล่วของเกอซีนั้นนับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก ด้วยเวลาเพียงชั่วหนึ่งก้านธูป โหลและไหที่บรรจุของด้านในไว้เต็มก็เรียงรายอยู่ตรงหน้า โหลและไหทั้งหมดนี้ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำส้มสายชู น้ำตาล พริกไทย และเครื่องปรุงอื่น ๆ กล่าวคือ ด้วยมือของเกอซี พฤกษาเวทเหล่านี้สามารถนำมาประสมรวมกันเข้าเพื่อทำเครื่องปรุงที่หลากชนิดได้นั่นเอง
กลุ่มพลังสีทองสายหนึ่งลอยตรงเข้าไปในโหลพริกไทยก่อนจะค่อย ๆ แอบหย่อนเส้นสายลงไปในปากโหลเล็กน้อย และค่อย ๆ เหยียดขยายหย่อนลงไปอีกนิด และอีกหน่อย
“ฮัดชิ้ว---- !ฮ้าดชิ้ว------ ! !” ต้านต้านจามไม่หยุด น้ำเสียงร้องทุกข์ระคนงงงันดังขึ้น
“ท่านแม่ นั่นอะไร ? กินยากจัง ต้านต้านไม่ชอบเลย !”
เกอซีหัวเราะร่วน “ก็ได้ ๆ ! เมื่อเจ้าไม่ชอบ หากทำเสร็จข้าจะไม่ให้เจ้ากินเลย !”
กล่าวจบเกอซีก็คว้าเอากระต่ายวายุเวทที่มีเพียงร่างไร้วิญญาณออกมา ฝ่ามือของหญิงสาวขยับเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วว่องไว เพียงพริบตาแผ่นหนังและกระดูกของกระต่ายวายุเวทก็ถูกลอกถลกออกเหลือเพียงชิ้นเนื้อที่ถูกวางลงบนตระแกรง และเริ่มลงมือย่างด้วยไฟอ่อน ๆ
พระราชวังซูมี่นับเป็นสถานที่ปรุงอาหารชั้นยอด ด้วยเพราะหากเมื่อใดที่นางไม่ต้องการควันโขมงหรือเศษขยะ เพียงแค่คิดสิ่งเหล่านั้นล้วนหายลับไปอย่างไม่เหลือร่องรอย ทั้งยังรวมไปถึงรอยคราบเลือดที่ติดบนฝ่ามือจาการถลกหนังกระต่ายวายุเวทก็สลายไปด้วยเช่นกัน
ด้วยการขยับเคลื่อนของเกอซี กระต่ายวายุเวทถูกจับหมุนกลิ้งกลับไปกลับมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ชิ้นเนื้อชุ่มโลหิตค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองยั่วน้ำลาย น้ำมันที่ไหลหยดลงมาจากเนื้อกระต่ายกระทบกองไฟด้านล่างส่งเสียงดัง “ซี่ ซี่”ให้ได้ยินเป็นระยะ
เครื่องปรุงที่หลากหลายถูกนำมาทาลงไปบนเนื้อกระต่ายวายุเวทสีเหลืองทอง และเมื่อเกอซีทิ้งให้หมอกควันฟุ้งกระจายไม่สลายออกไป กลิ่นหอมอันแสนอร่อยเย้ายวนใจผู้คนจนมิอาจยั้งใจได้ก็ฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง
“หอมจังเลย ! ท่านแม่ ท่านแม่ นั่นอะไร ? ต้านต้านอยากกินไอ้นั่น !”
เกอซีหัวเราะร่า “มิใช่เจ้าบอกว่าไม่ชอบหรอกหรือ ? เมื่อไม่ชอบ ก็อย่ากินสิ !”
“ฮือ ฮือ ท่านแม่ ต้านต้านผิดไปแล้ว ! ต้านต้านชอบ ต้านต้านอยากกิน ! อยากกิน !” ต้านต้านทั้งอ้อนวอนทั้งยกยอเกอซีเป็นการใหญ่ น้ำเสียงที่ตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นดังไม่หยุด “ท่านแม่เก่งที่สุดในโลกเลย ! ต้านต้านไม่เคยได้กลิ่นใดหอมเช่นนี้มาก่อน ท่านแม่ ให้ต้านต้านชิมนี้ดเดียวก็ได้น้า”
***จบตอน เมื่อปลายนิ้วขยับเคลื่อน***