ตอนที่ 151 ข้าจะไม่หลอมสกัดโอสถ
นัยน์ตาของเกอซีว่างเปล่า ทั้งสีหน้า และแววตาไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ต่อวาจาของชิงหลง ทว่านางกลับได้ยินอีกฝ่ายกล่าวสำทับเพิ่มเติม
“เมื่อคืน ตอนที่นายท่านช่วยรักษาอาการของพระชายาอยู่นั้น ฉับพลันร่างของพระชายาก็หลอมรวมเกิดกลุ่มพลังหลุมดำขนาดมหึมาที่สูบกลืนพลังจิตวิญญาณซึ่งมีโดยตลอดทั่วทั้งเมืองเหยียนจิงแห่งนี้ไปจนหมดสิ้น พฤกษาเวทพวกนั้นล้วนเหี่ยวเฉาตายไปสืบเนื่องมาจากขุมพลังจากหลุมดำในคืนนั้นนั่นเอง”
ดวงตาของเกอซีเบิกกว้าง หญิงสาวทอดสายตาสำรวจดูแปลงพฤกษาเวทที่สูญพลังชีวิตไปจนสิ้น ก่อนจะหันกลับมาหาชิงหลง แม้ในคราแรกนางจะยังรู้สึกอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ทว่าเพียงครู่นางก็สามารถกระจ่างแจ้งภายในใจ
ถูกแล้ว ! ต้านต้าน ! ทั้งหมดนี้คือฝีมือต้านต้าน ! เจ้าตัวเขมือบบรรลือโลกนั่นจะต้องสูบกลืนพลังชีวิตทั้งหมดของพฤกษาเวทไปอย่างแน่นอน
ท่านผู้เฒ่าซูมี่เคยชี้แนะไว้แล้วว่า การที่ต้านต้านจะสามารถกระเทาะเปลือกไข่ออกมาได้นั้นจำต้องอาศัยขุมพลังอันมหาศาล ครั้งนั้น นางยังหวั่นกังวลว่าจะต้องขวนขวายหาภักษาพลังปราณมาให้เขามากมายสักเพียงไรจึงจะเพียงพอกับพลังที่ต้านต้านต้องการ เกรงว่าแม้นางจะสิ้นเนื้อประดาตัวไปแล้วก็อาจไม่สามารถแสวงหาพลังมาป้อนให้เขาได้เพียงพอกับความต้องการของจอมตะกละผู้นี้ แม้พอจะคาดเดาได้ว่าต้านต้านจะต้องอาศัยขุมพลังอย่างใหญ่หลวงเพื่อจะทะลวงเปลือกไข่ออกมาให้ได้ ทว่ากลับมิเคยคาดฝันเลยว่าขุมพลังที่เขาต้องการนั้นจะมากมายปานนี้
ทั้งที่เจ้าไข่ใบยักษ์นั้นค่อยแอบ ๆ สูบกลืนพลังจากแหล่งพลังชีวิตทั่วทั้งเมืองมาเรื่อย ๆ ตลอดทั้งคืน ถึงกระนั้น เขากลับยังกล้ามาเสนอหน้าฟ้องนางว่า ‘ท่านแม่ ข้าหิว----’ ! อีกหรือ นี่เขาคิดจะหลอกขอกินไปเรื่อยแม้กระทั่งกับแม่ของตนเองเชียวรึ !
หญิงสาวใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจวางปัญหาที่ค้างคาอยู่ภายในใจของตนไว้ก่อน ในเมื่อพลังทั่วทั้งเมืองก็ถูกสูบกลืนไปแล้ว ทั้งยังไม่อาจยัดเจ้าตัวน้อยกลับเข้าไปนอนคุ้ดคู้อยู่ในฟองไข่ได้อีกรอบ ยิ่งไม่อาจให้เขาคายพลังที่สูบไปแล้วกลับคืนมาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ย่อมไร้หนทางจัดการแก้ไขในยามนี้
ยังมี ต้านต้านคือสัตว์เวทของนาง การที่เขาสามารถกระเทาะเปลือกไข่ออกมาได้ นางย่อมสุขใจยิ่ง ส่วนที่เหลือ…... ผู้ใดสน !
เกอซีก้มกายลงนั่งถอนลำต้นที่แห้งเหี่ยวของพฤกษาเวทต้นหนึ่งขึ้นมายกขึ้นสู่ปลายจมูกเพื่อสูดดม จากนั้นจึงฉีกใบออกเล็กน้อยหยิบใส่ปากเคี้ยว และลิ้มรส
ไม่เลว ! แม้มันจะไม่เหลือขุมพลังใดอีกแล้ว แม้คุณสมบัติของมันจะนับได้ว่าต้องสูญเสียไปกว่าครึ่ง ทว่าหากนำไปใช้ในกระบวนการรักษาแผนโบราณย่อมนับได้ว่าสมบูรณ์ยิ่ง
หญิงสาวขยับกายลุกขึ้น นางชี้ไปยังพฤกษาเวทที่เหี่ยวแห้งพวกนั้นพลางร้องสั่ง
“ไปรวบรวมพฤกษาเวทที่ข้าเขียนสั่งไว้ได้แล้ว”
ใบหน้าของชิงหลงยิ่งแสดงอาการงุนงง “พระชายา ท่านจะใช้พืชพวกนี้กลั่นโอสถจริงหรือ ? ทันทีที่สมุนไพรธรรมดาที่ไร้ขุมพลังชีวิตสัมผัสต้องเข้ากับเปลวเพลิงที่หลอมสกัดโอสถ พวกมันก็จะสลายกลายเป็นขี้เถ้า แตกตัวกระจายกลายเป็นกลุ่มควัน”
เกอซีผายมือทั้งคู่ออก “ดั่งที่ข้าเคยกล่าวไว้ เมื่อข้ามิใช่หมอธรรมดาดังเช่นทั่วไป ข้าก็จะไม่ใช้สมุนไพรพวกนี้กลั่นตัวยา”
ไม่นำพวกมันไปหลอมสกัดโอสถ ? เช่นนั้นนางจะรักษาอาการป่วยของนายท่านด้วยวิธีการใด ? ยามนี้แม้กระทั่งมังกรฟ้าชิงหลงยังอดมิได้ที่จะจ้องนางด้วยความฉงนสนเท่ห์
คุณหนูน่าหลานคงไม่กระทำดังเช่นที่จูเฉวี่ยกล่าวใช่หรือไม่ ? เพียงวางท่าอวดเก่งปั่นหัวพวกเขาเท่านั้น
ทว่าเมื่อหวนนึกถึงสภาพร่างกายของโอวหยางฮ่าวเซวียนที่กลับกลายหวนคืนสู่ปกติได้ดั่งปาฏิหาริย์ ข้อกังขาภายในใจของเขาพลันเลือนหาย ชายหนุ่มเริ่มรวบรวมเก็บสมุนไพรที่ไร้สิ้นพลังชีวิตถอดถอนขึ้นจากแปลงสมุนไพรทีละต้น
ครั้นเมื่อกลับเข้ามาในห้องนอนที่หนานกงยวี่กำลังพักรักษาตัวอยู่ เกอซีก็ส่งรายละเอียด และขั้นตอนการรักษาอีกชุดมาให้ สิ่งที่นางต้องการให้พวกเขาจัดการตระเตรียมให้เรียบร้อยนั้นคือ หม้อ เตา และฟืน อีกทั้งยังกำชับให้ชิงหลงไปหาอ่างไม้ใบใหญ่ไว้ให้ด้วย
จูเฉวี่ยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านนอกด้วยใบหน้าที่ฉาบทาไว้ด้วยความเยาะหยัน นางหัวเราะเสียงก้องดัง “ข้าร่ำเรียนศึกษาแขนงยามากว่าสิบปี ติดตามท่านอาจารย์ไปรักษาผู้ป่วยมาก็นับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่เคยเห็นกระบวนการรักษาเยี่ยงนี้ น่าหลานเกอซี เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังทำเรื่องที่สูญเปล่า เนื่องเพราะเจ้าย่อมรู้ดีว่าตนจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ใช่หรือไม่ ?”
เกอซีกำลังหมกมุ่นอยู่กับภารกิจที่อยู่ตรงหน้า ความจดจ่อของนางมุ่งอยู่ที่การบดส่วนประสมโอสถแต่ละส่วนให้ได้ตามอัตราส่วนที่แม่นยำอย่างมิอาจคลาดเคลื่อน
ครั้นเมื่อนางได้ยินอีกฝ่ายกล่าวขึ้นเช่นนั้น หญิงสาวเพียงแหงนหน้าขึ้นเหลือบมองจูเฉวี่ยพร้อมเสียงหัวเราะเยาะ “พวกไม่รู้จักรักษาขนบธรรมเนียมย่อมนับว่าย่ำแย่พอตัวอยู่แล้ว ทว่าที่แย่กว่านั้นคือเจ้าพวกที่ไม่เพียงไม่รักษาขนบธรรมเนียม ซ้ำยังจะหน้าหนาเที่ยวเอาตัวไปวิ่งโร่เสนอผู้อื่นไปทั่ว ครั้งที่บิดามารดาให้กำเนิด พวกเขามิได้บอกเจ้าหรือว่าลูกตาเจ้ามันโผล่ขึ้นไปอยู่บนหัวแล้ว เพราะเจ้ามันเป็นคางคก !”
“ฟู่----- !” ไป๋หู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทนไม่ไหวจนต้องหลุดเสียงหัวเราะออกมา ครั้นเมื่อหันไปเห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวคคล้ายวิปลาสของจูเฉวี่ยเขากลับยิ่งรู้สึกสะใจ ยามนี้ความรู้สึกเห็นใจไม่หลงเหลืออยู่ภายในใจของเขา
จูเฉวี่ยกรีดร้องลั่น นางหมายจะเข้าไปจิกหน้าเกอซี ทำลายโฉมหน้าสตรีปากกล้าที่กล้าเรียกนาง ! จูเฉวี่ย ! ว่าเป็นคางคก คางคกที่หมายจะเขมือบเนื้อหงส์ หญิงสารเลวนั่นกล้าด่าเสียดสีนาง !
ทว่า ยังไม่ทันจะถึงตัวเกอซี คลื่นพลังที่หนักหน่วงขุมใหญ่พลันปรากฏกั้นขวางอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกเจ็บแปลบอย่างหนักพลันถาโถมเข้าสู่ช่องท้องก่อนที่ร่างของนางจะถูกดีดกระเด็นลอยไปดั่งว่าวที่ขาดหลุดสุดสายป่านก่อนจะร่วงหล่นลงกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
***จบบท ข้าจะไม่หลอมสกัดโอสถ***