ตอนที่ 133 วันคืนแห่งปีศาจร้าย
เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายแห่งนครเหยียนจิงล้วนค้นพบว่าพวกเขาไม่อาจโคจรกระแสพลังภายในกายได้ หากทว่ากลับกัน พลังงานบางอย่างซึ่งไร้ตัวตนกำลังค่อย ๆสูบกลืนพลังวัตรในร่างของพวกเราออกไปเรื่อย ๆ
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างหน้าถอดสี พวกเขาไม่รั้งรอที่จะรีบคว้าเครื่องลางศักดิ์สิทธิ์ และของวิเศษทั้งหลายเท่าที่จะแสวงหามาได้ เพื่อหมายจะฝืนแรงพลังสูบกลืนอันร้ายกาจที่กำลังพยายามดูดกลืนพลังวัตรของตนอยู่ เช่นนั้นแล้ว เหล่าชาวยุทธผู้มีพลังปราณต่ำเตี้ยกว่าพลังยุทธขั้นที่สี่อันมีนามว่าปฐพีสะท้านสะเทือน แม้พวกเขาจะเพียรพยายามอาศัยสิ่งของวิเศษ และสมบัติเวทใด ๆ ล้วนไม่อาจหยุดขุมพลังไร้ตัวตนที่กำลังค่อย ๆ สูบกลืนพลังในกายของตนออกไปเรื่อย ๆ ได้เลย
ตลอดทุกซอกหลืบตรอกซอยทั่วทั้งนครเหยียนจิงซึ่งเดิมทีคงมีเพียงความเงียบเชียบ ในทันทีที่แสงตะวันลาลับขอบฟ้า ยามนี้กลับวุ่นวายโกลาหล ไม่เว้นกระทั่งอาวุโสทั้งหลายแห่งตระกูลใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลซึ่งยังอยู่ในช่วงเก็บตนฝึกฝนยังสามารถรับรู้ได้ถึงสัญญาณประหลาดอัศจรรย์กระทั่งพวกเขาต้องออกจากการเก็บตนก่อนกำหนดเวลา
ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลกระทั่งราชสำนักล้วนส่งกองกำลังออกสืบค้นหาติดตามที่มาที่ไปของต้นเหตุที่ทำให้เหล่าชาวยุทธทั้งหลายไม่อาจโคจรพลังปราณได้ ทว่าโชคร้ายยิ่งนัก เมื่อเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายไม่อาจดึงพลังของตนมาใช้ได้อย่างเต็มที่ พวกเขาจึงมิอาจล่วงรู้สาเหตุความเป็นไปแห่งความโกลาหลอันน่าอัศจรรย์ในครานี้
ฉับพลันแรงพลังที่กำลังสูบกลืนทุกขุมพลังเข้าไปคล้ายดั่งค่อย ๆ เพิ่มแรงกำลังในการดูดกินให้หนักหนายิ่งขึ้น ทั่วท้องนภาของนครเหยียนจิงยามนี้ปรากฏขุมพลังที่หมุนวนแผ่กว้างมีสีขาวขนาดมหึมาที่สามารถเห็นชัดได้ด้วยตาเปล่า
กระแสพลังภายในขุมพลังขนาดยักษ์หมุนเหวี่ยงเร็วขึ้น เร็วยิ่งขึ้น มันกระจายขยายขนาดของตนเองให้กว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้น ใหญ่โตยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งยามนี้มันดูคล้ายดวงตะวันสีขาวลูกยักษ์ที่ส่งความสว่างไสวไปทั่วทั้งนครเหยียนจิง
“สวรรค์ นี่มันอะไรกัน ?”
“ขุมพลังมหึมานี้หรือที่สูบกลืนพลังปราณของพวกเราไปสิ้น ?”
“ที่สุดแล้ว มันคือสิ่งใด ?”
ชาวยุทธทั่วทั้งนครเหยียนจิงล้วนแตกตื่นออกมาดูคลื่นพลังที่หมุนวนดั่งน้ำวนสีขาวขนาดยักษ์ที่สว่างไสวเจิดจ้า
ฉับพลัน เสียงคนผู้หนึ่งร้องตะโกนขึ้น “วันคืนแห่งปีศาจร้ายมาเยือนแล้ว .......... นี่คือจุดเริ่มต้นของวันคืนแห่งปีศาจ ! !”
ทันทีที่เสียงร้องตะโกนดังก้อง เสียงระเบ็งเซ็งแซ่ของเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งปวงพลันระเบิดดังอึกทึกกึกก้อง ใบหน้าของทุกคนมีเพียงความหวาดผวาตื่นกลัว
วันคืนแห่งปีศาจร้าย มันคือหายนะอันใหญ่หลวงแห่งหมู่มวลมนุษย์--------วันคืนแห่งปีศาจร้ายงั้นหรือ ? เช่นนี้มิเท่ากับมหันตภัยครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในแถบทวีปหมีหลัวแห่งนี้งั้นหรือ ?
ณ สถานที่อันเร้นห่างออกไปไกล บุรุษผู้มีลักษณะแห่งความชั่วร้าย นัยน์ตาเล็กเรียวยาว ยืนนิ่งสงบอยู่บนยอดเขา สายตาของเขาจับจ้องไปยังแสงสว่างสีขาวเจิดจ้าปานประหนึ่งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาแรงกล้าซึ่งอยู่ห่างออกไปไกลทางด้านตะวันออก มุมปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันงดงาม “เฝ้ารอคอยมาเนิ่นนาน ที่สุด......ในที่สุดมันก็ปรากฏขึ้นแล้วงั้นหรือ ?”
****
ยามนี้ ณ ใจแกนกลางหลุมดำสูบพลัง เกอซีหาได้รับรู้ถึงความน่าพิศวงทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นนั้นแต่ประการใด
ยามนี้ ในสภาวะอันไร้ความรู้สึกตัว จุดตันเถียนที่ฝ่อไร้สภาพของนางกำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวและถูกเติมเต็มขึ้นมาเรื่อย ๆ ทีละน้อย สายพลังอันบริสุทธิ์สะอาดถูกถ่ายเทลงสู่เส้นชีพจรพลังปราณทั่วทั้งร่างเพื่อปรับสภาพฟื้นฟูเส้นชีพจรปราณให้คงความสมบูรณ์อย่างเต็มตัว สายพลังอันบริสุทธิ์ค่อย ๆ ขับเคลื่อนโคจรโลดแล่นไปตลอดทั่วสรรพางค์กายอยู่จวบกระทั่งครบสิบสองรอบการโคจรแล้วจึงหมุนเวียนคืนกลับถ่ายเทลงสู่จุดตันเถียน
พลังผนึกสุดท้ายที่คงค้างไว้บนจุดตันเถียนของเกอซีแตกทะลายโดยสมบูรณ์แบบ สายพลังอันพิสุทธิ์กัดกร่อนทำลายเครื่องกั้นขวางทุกชนิด พร้อมส่งผ่านกระแสพลังปราณที่ทรงอานุภาพพุ่งทะลุทะลวงฝ่าข้ามขอบเขตขั้นพลังปราณสูงส่งขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
จากพลังปราณเริ่มแรกแห่งขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม ทะลวงเข้าสู่ระดับกลางแห่งพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม ต่อยอดขึ้นสู่ระดับสูงสุดแห่งขอบเขตพลังปราณเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม........คิ้วของหนานกงยวี่เลิกสูงขึ้นยามเมื่อเขาเฝ้าติดตามดูการทะลวงฝ่าขั้นพลังปราณของสาวน้อยผู้อยู่ในอ้อมแขน
มันยังคงค่อย ๆ พุ่งทะยานข้ามพ้นขอบเขตพลังปราณขั้นเมล็ดพันธุ์เพาะบ่ม และเพียงชั่วพริบตา มันสามารถพุ่งทะลุทะลวงฝ่าขึ้นไปสู่ระดับสูงของพลังปราณขั้นปฐมภูมิโลกันตร์ หากทว่าแม้กระนั้น แรงพลังความสามารถในการทะลุทะลวงระดับพลังปราณของมันกลับยังไม่ยอมหยุดยั้ง
เป็นความก้าวกระโดดที่รวดเร็วอย่างน่าใจหาย หากผู้ฝึกยุทธใดได้มาเห็นสิ่งที่กำลังเกิดปรากฏขึ้นยามนี้ พวกเขาจะต้องตื่นตกใจหวาดหวั่นกระทั่งลูกตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้าเป็นแน่
หนานกงยวี่ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากที่นุ่มนิ่มอบอุ่นงดงามปานประหนึ่งกลีบกุหลาบตรงหน้า แม้สายโลหิตในกายของตนกำลังจะเริ่มจับตัวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง แม้ตลอดทั่วทั้งร่างของเขาจะสั่นสะท้านด้วยเพราะความเจ็บปวดทรมานอย่างเหลือแสน แม้ผิวกายยามนี้เริ่มซีดเซียวจนแทบจะโปร่งใสปานประหนึ่งมันพร้อมจะแตกสลายเป็นเศษชิ้นลงไปได้ทุกเมื่อ ทว่าริมฝีปากของเขายังคงประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นและอ่อนโยน
ช่วงขณะเดียวกันนั้นเอง ภายในมิติเวทของเกอซีกำลังเกิดความสั่นสะเทือนคล้ายแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
***จบตอน วันคืนแห่งปีศาจร้าย***