ตอนที่ 117 ตบหน้า
น่าหลานเจิ้งเจ๋อคือบุรุษรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา ขับความคมสันด้วยหนวดที่คมเข้มน้อย ๆ เหนือริมฝีปากบน เรือนเคราอ่อนสลวยพริ้วสายลม ผิวพรรณละเอียด ใบหน้าเกลี้ยงเกลาสมความเป็นบัณฑิตผู้ปราดเปรื่อง
เพียงทว่าครั้งแรกที่ได้ยลเห็น เกอซีกลับรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกจับจิตที่แผ่ซ่านทะลวงลงไปถึงหัวใจ ยิ่งเมื่อดวงตาอันล้ำลึกเกินจะหยั่งถึงคู่นั้นกวาดมองผ่านมาที่นาง มันประดุจดั่งสายตาแห่งอสรพิษร้ายที่จับจ้องมองเหยื่อ กล้ามเนื้อทุกส่วนทั่วทุกอณูกายพลันแข็งทื่อตึงเกร็ง
เขา ! บิดาผู้ต่ำช้า ! หาใช่คนธรรมดาสามัญ !
ยามเมื่อจับจ้องมายังเกอซี ผู้เป็นบิดาเห็นนางก้มหน้าก้มตาเนื้อกายสั่นเทาสีหน้าตื่นผวาขลาดกลัว ดวงหน้านั้นยังคงซีดเซียวตอบตื้น ตลอดทั่วทั้งเรือนกายไร้สิ้นพลังกระแสปราณ ไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่เขาได้พบเจอนาง
น่าหลานเจิ้งเจ๋อเบนสายตาของตนออกมา ทว่าเมื่อสบเข้ากับโอวหยางฮ่าวเซวียน นัยน์ตาคู่นั้นกลับหรี่ลง
ร่างของท่านหมอใหญ่นิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนฝ่าเท้าจะเหยียดย่างตรงออกมาพร้อมลดศีรษะลงเล็กน้อย “คุณชายโอวหยาง ข้าผู้ชราทักษะต่ำต้อยมิอาจให้การเยียวยารักษาท่านได้ ไม่ทราบว่าท่านหมออัจฉริยะผู้ใดมีหัตถ์เทวะสามารถรักษาอาการเส้นชีพจรฉีกขาดของท่านได้อย่างอัศจรรย์เช่นนี้”
ยามเมื่อเอ่ยวาจา สีหน้าของน่าหลานเจิ้งเจ๋อยังคงนิ่งสงบ แม้ว่าภายในแววตากลับตรงกันข้าม มันร้อนแรงประดุจเพลิงเผาบ่งบอกถึงความชิงชังอย่างเกินจะกล่าว มิอาจยอมรับในความล้มเหลวของตน
ตั้งแต่เมื่อครั้งที่มีข่าวลือหนาหูเรื่องการปรากฏกายของหนุ่มน้อยหมออัจฉริยะผู้มีความสามารถเยียวยารักษาอาการเส้นชีพจรลมปราณขาดสะบั้น เขาก็เร่งส่งคนออกสืบหาตัวคนผู้นั้นอย่างลับ ๆ หากสามารถพบตัวคนผู้นั้น สามารถไขความลับทางการแพทย์ออกมาได้ เขา ! น่าหลานเจิ้งเจ๋อ ! ย่อมสามารถกลายเป็นแพทย์อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ตำแหน่งในสมาพันธ์แพทย์ย่อมจะเลื่อนสูงขึ้นอย่างมิต้องสงสัย
ทว่าผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วกลับยังไม่มีข่าวคราวใด หากแต่ตระกูลโอวหยางกลับพบตัวหมอหนุ่มผู้นั้น ซ้ำยังสามารถขอให้คนผู้นั้นทำการเยียวยารักษาโอวหยางฮ่าวเซวียนผู้ที่เขา ! น่าหลานเจิ้งเจ๋อ !ให้การวินิจฉัยว่าไม่อาจรอดพ้นจากความตายไปได้ !
ดั่งถูกตบหน้าอย่างแรง !
โอวหยางฮ่าวเซวียนยังคงสุขุมลุ่มลึก ชายหนุ่มจับจ้องน่าหลานเจิ้งเจ๋อ ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะขึ้นอย่างแผ่วเบา “ท่านหมอน่าหลานอย่าได้ถ่อมตนเลย ทักษะการรักษาของท่านย่อมยอดเยี่ยมยิ่งเมื่อเทียบกับหมอท่านอื่น ๆ ท่านเห็นว่าข้าไม่อาจรักษาให้หายเป็นปกติได้จึงยกเลิกงานมงคลสมรสระหว่างตระกูลน่าหลานและตระกูลโอวหยาง ความสามารถในการประเมินสถานการณ์ผนวกเข้ากับการลงมือได้อย่างรวบรัดเด็ดขาดเช่นนี้จะนำไปเทียบเปรียบกับหมออัจฉริยะไร้ชื่อผู้หนึ่งได้อย่างไร”
วาจาที่เยาะเย้ยถากถางทำให้สีหน้าของคนสกุลน่าหลานแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวบ้างสีขาวบ้าง กระทั่งองค์ชายหกยังหัวเราะร่วนออกมาดังลั่น คำกล่าวที่ฟังดูราวกับจะยกยอปอปั้นทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยวาจาเสียดสีถากถางอย่างที่สุด
ความเดือดดาลพลุ่งผ่านเผยผ่านดวงหน้าของน่าหลานเจิ้งเจ๋อ ทว่าเขาสามารถเก็บงำมันได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะบ่ายหน้าที่ปรับคืนสู่สภาพเดิมมาทางจูอี้ฉวิน “ไม่ทราบว่านายใหญ่จูมาเยือนถึงที่นี่ข้าจึงมิได้ออกมาต้อนรับด้วยตนเอง เสียมารยาทแล้ว”
จูอี้ฉวินถูกฮูหยินน่าหลานขู่คำรามใส่เมื่อครู่ก่อน คำว่า ‘ไม่สบอารมณ์’ ยังคงขีดเขียนอยู่เต็มใบหน้า น้ำเสียงกระด้างเย็นชาตอบกลับ “ท่านหมอน่าหลานไม่จำเป็นต้องมากพิธี ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อรอฟังคำตอบ น่าหลานเฟ่ยเสวี่ยบุตรสาวของท่านกับจูจงป้าบุตรชายของข้ามีความสัมพันธ์แนบสนิทต่อกัน อีกทั้งบุตรชายของข้ายังถูกนางลงแส้ทำร้ายให้ต้องอับอาย น่าหลานเฟ่ยเสวี่ยจะต้องมาเป็นคนสกุลจูของเรา วันนี้ข้าทูลเชิญองค์ชายหกมาเป็นองค์พยานในการจัดแจงการหมั้นหมายก็เพื่อเป็นการไว้หน้าให้แก่สกุลน่าหลาน ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าฮูหยินผู้แสนดีของท่านกลับนำตัวบุตรสาวอนุผู้ไร้ค่ามาเสนอแทน ! ใช้คุณหนูสามผู้นี้มาหลอกล่อพวกเรา หมายจะให้นางมาเป็นตัวตายตัวแทน หรือท่านคิดจะเหยียบหน้าสกุลจูของข้า ?”
ยิ่งน่าหลานเจิ้งเจ๋อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด สีหน้าของเขากลับยิ่งน่าเกลียดน่ากลัว ทันทีที่สิ้นสุดคำกล่าวของอีกฝ่าย ฝ่ามือของน่าหลานเจิ้งเจ๋อสะบัดตบใส่หน้าฮูหยินน่าหลานอย่างไร้ความปรานี
ฮูหยินน่าหลานยังมิทันได้ตั้งตัว ร่างจึงร่วงเซล้มพับลงไปกองกับพื้นเสียงดังตุ้บ มือข้างหนึ่งกุมพวงแก้มที่บวมแดง นัยน์ตาตื่นผวาหวาดกลัว น้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านพี่ ท่าน....ท่าน.....ท่านตบข้าด้วยเหตุใด ? !”
***จบตอน ตบหน้า***