ตอนที่ 106 ให้นางได้ตามประสงค์
ฉินลู่ดิ้นรนต่อสู้จนหมดแรงพลัง นัยน์ตาของมันกลับกลายเป็นไร้อารมณ์ความรู้สึก สติสัมปชัญญะเลือนลางจางหาย
เกอซีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจ “พูดมา เหตุใดฮูหยินน่าหลานจึงเรียกตัวข้ากลับไป ?”
ฉินลู่เบิ่งดวงตาอันไร้ความรู้สึกออกกว้างขณะที่ปากของมันขยับอ้า “ฮูหยินไม่ต้องการให้คุณหนูรองสมรสกับนายน้อยแห่งสกุลจู หากแต่ชื่อเสียงของคุณหนูรองถูกทำให้หม่นหมองไปแล้ว อีกทั้งสกุลจูยังไม่ยอมปล่อยให้เรื่องที่เกิดขึ้นจบลงโดยง่าย ฮูหยินจึงคิดหาหนทาง ใช้กิ่งบ๊วยเข้าเสียบก้านบนต้นท้อ*โดยให้คุณหนูสามเข้าพิธีสมรสกับนายน้อยแห่งสกุลจูแทนคุณหนูรอง จากนั้นจึงแพร่กระจายข่าวออกไปว่า นายน้อยสกุลจูเกิดความเข้าใจผิดเนื่องจากผู้ที่เปลื้องผ้าและทำเรื่องน่าอับอายให้เกิดขึ้นแก่นายน้อยสกุลจูผู้นั้นคือคุณหนูสามแห่งสกุลน่าหลาน หากเป็นดังเช่นที่กล่าว สกุลน่าหลาน และสกุลจูย่อมสามารถเกี่ยวพันดองกันได้ด้วยพิธีสมรสในครานี้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้ชื่อเสียงของคุณหนูรองไม่แปดเปื้อนอีกด้วย”
*ใช้กิ่งบ๊วยเข้าเสียบก้านบนต้นท้อ หมายถึงย้อมแมว
เป็นเช่นนี้เอง
มุมปากของเกอซียกยิ้มอย่างเยาะหยัน “จูจงป้าคือไอ้อ้วนอืดสมองกลวง ทั้งยังบ้าอิสตรี....... ฮูหยินน่าหลานจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าจะยอมออกเรือนแทนน่าหลานเฟ่ยเสวี่ย ?”
ฉินลู่ตอบกลับ “ข้าไม่รู้ ซือลู่เพียงกล่าวว่าฮูหยินมีวิธีที่สามารถทำให้คุณหนูสามต้องยอมรับ และออกเรือนแทนคุณหนูรอง แม้จะไม่เต็มใจก็ตาม”
เมื่อได้ยินเรื่องราวทุกอย่างจากฉินลู่แล้ว เกอซีถอนแท่งเข็มเงินออกมาก่อนจะเหวี่ยงร่างฉินลู่ทิ้งไป
ซีเจี่ยเข้ามาโค้งศีรษะให้นายหญิงของตน “นายน้อยต้องการให้ข้าเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยไหมขอรับ ?”
เกอซีพยักหน้า หญิงสาวเพียงปรายตาดูซีเจี่ยลากฉินลู่ผู้ดูราวกับคนพิการออกไปในสภาพไม่ต่างจากซากสุนัขด้วยแววตาที่ด้านชาไร้ความรู้สึก
ครั้นเมื่อหันกลับมาอีกคราจึงประสานเข้ากับดวงตาที่ตื่นตระหนกด้วยความประหลาดใจของไป๋หู่
“คุณหนูน่าหลาน ท่าน.....มิใช่ไม่มีพลังยุทธหรอกหรือ ? เหตุใดท่านจึงสามารถสะกดจิตผู้คนได้ ?
เกอซีกลับมานั่งบนม้านั่งศิลา นางยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกคราก่อนจะเอ่ยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาเนิบ “เจ้าลืมไปแล้วล่ะหรือว่างานของข้าคือสิ่งใด ? ตราบใดที่เจ้ามีความชำนาญคุ้นเคยต่อสภาพสรีระของมนุษย์ เจ้าย่อมมีความสามารถในการควบคุมผู้คนได้ตามใจปรารถนา”
ภายในใจของไป๋หู่สั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่นกระทั่งทั่วทั้งกายตึงเกร็ง ในแววตาเผยให้เห็นถึงความยอมรับระคนหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
จริงสิ ! คุณหนูน่าหลานคือยอดหมออัจฉริยะผู้สามารถเยียวยารักษาอาการเส้นชีพจรฉีกขาดของนายน้อยแห่งสกุลโอวหยางได้ คนไร้ค่าเยี่ยงฉินลู่ย่อมไม่อยู่ในสายตาของนาง
อา.... ช่างเป็นสตรีที่ควรค่าสมกับการที่นายท่านสนใจอย่างแท้จริง
เมื่อคิดได้เช่นนั้น สายตายามเมื่อชายหนุ่มจับจ้องมายังเกอซีจึงเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมอย่างเหลือล้น เขารีบละล่ำละลักบอกกล่าว “คนจากเรือนใหญ่น่าหลานกล้ารังแกคุณหนู ทั้งยังหมายจะล่อลวงคุณหนูให้ออกเรือนไปกับนายน้อยสกุลจูที่น่าขยะแขยงนั่น กล้าก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ พวกมันสมควรตายตกเป็นหมื่นครั้ง คุณหนูให้ข้าติดตามท่านไปสั่งสอนพวกมันให้ได้สำนึกว่าอย่าได้คิดเหิมเกริมเช่นนี้อีก”
เกอซีแย้มยิ้มอย่างเย็นชาขณะทิ้งสายตาไปยังอีกฝ่ายกระทั่งทำให้ไป๋หู่รู้สึกหวาดหวั่น หญิงสาวเพียงส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “ไม่จำเป็น ข้าคิดจะกลับเรือนใหญ่น่าหลานอยู่แล้ว ฮูหยินน่าหลานหมายจะให้ข้าออกเรือนไปกับจูจงป้ามิใช่รึ ? ข้าสามารถทำให้นางสมหวังได้ สมควรได้เวลาตอบแทนน้ำใจนางแล้ว”
“เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ?” ไป๋หู่ร้องลั่นด้วยท่าทีร้อนใจยิ่งนัก “นายท่านไม่ยอมให้ท่านเข้าพิธีสมรสกับผู้อื่นอย่างแน่นอน ในเมื่อท่านคือ........”
เพียงถูกสายตาอันเย็นยะเยียบของเกอซีจับจ้อง อีกฝ่ายพลันชะงักปากทันที ทั้งยังกระถดถอยไปถึงสองก้าวด้วยความหวาดกลัว
ทว่าภายในใจกลับรันทดหดหู่ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเขาคือผู้มีพลังยุทธในระดับชั้นปฐพีสะท้านสะเทือนแล้วเหตุใดเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูน่าหลานผู้ไร้พลังฝีมือเขากลับรู้สึกว่าตนไม่เคยอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายแม้เพียงเล็กน้อย ทว่ากลับกลายเป็นเขาที่ต้องเป็นฝ่ายตกอยู่ภายใต้ความรู้สึกเกรงกลัวเสียเอง !
เกอซีเรียกเซี่ยวหลีให้จัดสำรับอาหารส่งให้แก่ไป๋หู่ พร้อมกับอาหารที่หยิบยื่นส่งให้ หญิงสาวเปล่งเสียงขึ้นจมูกกล่าวคำ “ข้าจะออกเรือนไปกับผู้ใด ข้าเท่านั้นเป็นผู้ตัดสินใจ ผู้ที่หายเงียบไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่ใส่ใจกระทั่งจะเอ่ยกล่าวบอก มีคุณสมบัติใดมาบงการการตัดสินใจของข้า ?”
***จบตอน ให้นางได้ตามประสงค์***