MATOP ตอนที่ 7
โรแลนด์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาบนโต๊ะพิธีกรรมในวิหารของเทพธิดาแห่งชีวิต ในสภาพเปลือยกายอีกครั้ง แต่เขารู้สึกหมดแรงมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้มาก เขาเปิดเมนูระบบขึ้นมาแล้วพบว่าเขามี ดีบัฟอ่อนแอลงเป็นเวลา 2 ชั่วโมง
ในเกมปกติการดีบัฟนั้นจะส่งผลให้มีการลดลงของค่าสถานะต่าง ๆ เท่านั้นและผู้เล่นสามารถทำได้แค่รอจนกว่าจะครบเวลา ทว่ามันไม่ใช่กับเกมนี้
ในขณะนี้โรแลนด์รู้สึกไม่อยากเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เขาหายใจอย่างหนักบนโต๊ะพิธีกรรมและในที่สุดเขาก็ลุกออกไปหลังจากที่เขาได้นอนพักหายใจอยู่สักครู่
ไม่มีใครสักคนอยู่ในวิหารเลย หลังจากที่โรแลนด์เดินรอบวิหารและนั่นทำให้เขารู้สึกเหนื่อยมากขึ้น เขาต้องทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้และพักผ่อนสักหน่อย แต่ในไม่ช้าเขาก็ผล็อยหลับไป
หลังจากเวลาผ่าน ไปประตูของวิหารก็เปิดออกและฟอลเคนก็เดินเข้ามาพร้อมกับชุดสีขาว เขาไม่แปลกใจที่เห็นสภาพเปลือยเปล่าของโรแลนด์อีกครั้ง
โรแลนด์ถูกปลุกขึ้นด้วยเสียงอันดัง เขาปกปิดอวัยวะส่วนตัวของเขาโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็โล่งใจหลังจากพบว่า คนที่เข้ามานั้นเป็นฟอลเคน
ฟอลเคนร่ายคาถา ความสามารถทางภาษาไปที่โรแลนด์และมอบเสื้อผ้าให้กับเขา จากนั้นเขาก็พูดว่า "ใส่มันซะ ไอ้ลูกชาย"
โรแลนด์รับเสื้อผ้านั้นมาดู มันเป็นเสื้อคลุมยาวที่มีแถบสีฟ้าสดใสของแสงที่ไหลคลุมอยู่บนนั้น มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบไปว่า “นี่มันจะต้องเป็นของวิเศษแน่เลย”
"ใช่แล้ว" ฟอลเคนยิ้มและพูดว่า “มันเป็นชุดของฉันเมื่อฉันเป็นยังเป็นทหารรับจ้าง มันสามารถเพิ่มผลของเวทมนตร์ได้เล็กน้อย แม้ว่ามันจะเป็นของวิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีค่ามากนักหรอก ฉันแค่เก็บมันไว้เป็นของที่ระลึกเท่านั้น”
“ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอก” โรแลนด์ส่ายหัว
ฟอลเคนยิ้ม “แต่นายก็ไม่มีเสื้อผ้าแล้ว ใช่ไหม ?”
โรแลนด์ตระหนักว่าเขาพูดถูก ดังนั้นเขาจึงยอมรับเสื้อคลุมและสวมใส่มันไว้ มันพอดีกับตัวของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากที่เขาสวมเสื้อผ้าแล้วเขาก็รู้สึกเวียนหัวอีกครั้งและกลับไปนั่งบนเก้าอี้
“มีอะไรหรือเปล่า ?” ฟอลเคนบอกได้เลยว่าสีหน้าของโรแลนด์ไม่สู้ดีนัก
“ผมเหนื่อย จากการฟื้นคืนชีพติดต่อกัน” โรแลนด์กล่าวอย่างขมขื่น
ฟอลเคนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดว่า “ขอบใจ ที่ช่วยเหลือพวกเด็ก ๆ ไว้”
โรแลนด์พูดด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้เรื่องแล้วเหรอ ?”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมฉันถึงจะกลับมาที่นี่อีกล่ะ ?” ฟอลเคนยิ้ม “เด็กทั้งสามวิ่งกลับมาด้วยน้ำตา แม้ว่าเรื่องที่เด็กพวกนั้นอธิบายจะไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่พวกเขาก็สามารถบอกเราได้ว่าพวกเขาถูกแมงมุมยักษ์ตามไล่โดยบังเอิญและเล่าถึงวิธีที่นายช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากการถูกฆ่า”
โรแลนด์พบว่ามันแปลก “ที่อยู่ของแมงมุมเหล่านั้นอยู่ไม่ไกลจากเมืองเรดเมาน์เทน ทำไมคุณไม่ลองไล่พวกมันออกไป ? อาจมีเรื่องร้ายแรงก็ได้หากพวกมันบุกเข้ามาในเมือง”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งฟอลเคนก็พูดอย่างขมขื่น “แมงมุมยักษ์นั่นคือสัตว์ประหลาด คนธรรมดาไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ นอกจากนี้มันยังมีมากเกินไป พวกมืออาชีพเท่านั้นที่สามารถฆ่าพวกมันได้ แต่ปัญหาก็คือฉันเป็นมืออาชีพเพียงคนเดียวในเมืองเรดเมาน์เทนและ ฉันเก่งในด้านการรักษามากกว่าการต่อสู้”
ชายชราดูเหมือนจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ จริง ๆ แล้วมีแมงมุมยักษ์หลายสิบตัวที่ทำร้ายมนุษย์ทุกปีและเหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็ก ผู้ใหญ่วิ่งเร็วกว่าและมักหนีจากสัตว์ประหลาดได้ แต่เด็กเล็ก ๆ มักไม่โชคดีนัก
“ถ้าผมสามารถใช้เวทย์มนตร์ได้ การต่อสู้คงไม่ยากมากนัก” โรแลนด์ค่อนข้างโกรธที่เขาไม่สามารถจัดการแมงมุมยักษ์นั่นได้ ทั้ง ๆ ที่เขามีความสามารถจะทำเช่นนั้น “คุณช่วยสอนวิธีการใช้เวทมนต์ให้ผมได้ไหม ?”
ฟอลเคนจ้องไปที่โรแลนด์ครู่หนึ่งและยิ้มออกมา เขาเคยมีความมุ่งมั่นแบบเดียวกันตอนที่เขายังเด็กกว่านี้ แต่ความทะเยอทะยานของเขาไม่สามารถชดเชยความสามารถของเขา ที่อ่อนแอเกินไป อย่างไรก็ตามความสามารถของชายหนุ่มนั้นแตกต่างกัน เขาสามารถบอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ฉลาดและมีการศึกษาที่ดี
“มีผู้ใช้เวทย์มนตร์อยู่ 3 ประเภท ฉันเป็น Priest (นักบวช) นายเป็น Mage (นักเวทย์) และยังมี Warlock (พ่อมด) ฉันไม่สามารถสอนสิ่งที่ซับซ้อนได้ เพราะฉันเป็นแค่มืออาชีพระดับล่างเท่านั้น” ฟอลเคน กล่าวอย่างช้า ๆ “อย่างไรก็ตามฉันสามารถสอนความรู้พื้นฐานบางอย่างให้นายได้ ในการร่ายเวทย์นั้น Mage จะต้องเชื่อมต่อกับจุดเวทมนตร์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ยิ่งนายเชื่อมต่อเร็วขึ้นเท่าไหร่ เวลาในการร่ายเวทย์ก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น นายสามารถเริ่มต้นด้วยคาถาพื้นฐาน เพื่อที่หัวของนายจะไม่ระเบิดเนื่องจากการสะท้อนกลับของเวทมนต์ ถึงแม้ว่ามันจะพลาดก็ตาม”
ฟอลเคนชี้ไปที่หัวของเขาเองอย่างล้อเลียน
โรแลนด์เพียงหัวเราะเบา ๆ เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วมันเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างน่าอาย
“นายควรออกไปกินข้าว นายค่อยคิดเรื่องเวทมนตร์ตอนหลังก็ได้” ฟอลเคน ชี้ไปที่ประตูแล้วพูดว่า “โดยปกติ ผู้คนมักจะรู้สึกเหนื่อยเมื่อพวกเขาหิวนะ”
โรแลนด์รู้สึกเหมือนอยากจะกินอะไรซักอย่าง เขานั้นก็หิวอยู่เหมือนกัน เกมนี้ค่อนข้างสมจริงและยังจำลองความรู้สึกหิวเข้ามาอีกด้วย อย่างไรก็ตามเขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ผมไม่มีเงินเลย”
“ถ้าฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ของเราอดอาหาร มันคงจะเป็นความอัปยศของเมืองเรดเมาน์เทน” ฟอลเคนช่วย พยุงโรแลนด์แล้วพาเขาออกไป แต่นี่ก็เป็นความประหลาดใจของโรแลนด์ ชายชรานั้นค่อนข้างแข็งแรงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนอายุมากแล้วก็ตาม
หลังจากที่พวกเขาออกจากวิหาร โรแลนด์แปลกใจที่เขาเห็นว่ามีกระท่อมเล็ก ๆ ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของวิหาร มันไม่ใหญ่โตนัก แต่เขาก็เห็นเตียง ตู้ โต๊ะ เก้าอี้และเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ผ่านทางหน้าต่าง บนโต๊ะมี อาหารร้อน ๆ อยู่บนจานไม้
มีผู้คนหลายสิบคน ทุกเพศทุกวัยกำลังยืนรอคอยอยู่บนภูเขา มีเด็กสามคนที่ดูค่อนข้างคุ้นหน้า โรแลนด์จำพวกเขาได้และโบกมือให้พวกเขา ทันใดนั้นชาวบ้านทุกคนก็โค้งคำนับเขา เด็กสามคนนั้นโค้งคำนับอย่างแรงจนหัวเกือบกระแทกพื้น
โรแลนด์ค่อนข้างงุนงง
ฟอลเคนตบหลังของโรแลนด์เบา ๆ แล้วพูดว่า “นายสมควรได้รับมันแล้ว”
“พวกเขาเป็นคนจนที่ไม่มีเงินมาก สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้เพื่อตอบแทนความใจดีของนายคือการสร้างกระท่อมและทำอาหารให้ อย่าเรื่องมากนักเลย”
ดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงกำลังแผดเผา โรแลนด์ไม่รู้ว่าควรอธิบายความรู้สึกที่ซับซ้อนของเขาอย่างไร เขาพยายามยิ้มขณะกลั้นน้ำตา
หลังจากตอบแทนให้กับเขา ชาวบ้านก็ออกจากถนนบนภูเขาไป ฟอลเคนช่วยพาโรแลนด์ เข้าไปข้างในกระท่อมและจัดให้เขานั่งบนเก้าอี้ จากนั้นเขาจึงออกไป
โรแลนด์จ้องไปที่อาหารบนโต๊ะซึ่งยังคงร้อนอยู่ หลังจากนั้นไม่นานจนกระทั่งในที่สุดเขาก็พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ไม่มีตะเกียบเหรอ…ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ส้อมและมีดเลย”