ตอนที่แล้วบทที่ 306 สังหารผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 308 ยอดฝีมือขอบเขตจินกัง

บทที่ 307 ทุกคนต้องตาย!


สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว

ในเหล่าสมาชิกตระกูลซูกว่าสองร้อยคนนั้นไม่มีผู้ใดอยู่ขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดเลย พวกเขานั้นอ่อนแอเกินไปและไม่สามารถหนีได้ทันอีกทั้งยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังเพื่อต่อต้านได้ แสงแห่งเสน่ห์เทวะนั้นเป็นที่พึ่งสุดท้ายของพวกเขาและความสามารถเช่นนี้นั้นเทียบได้กับสัตว์อสูรระดับต่ำ เมื่อพวกเขาปล่อยพลังออกมามากเกินไป พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกไปจากความตาย

ฟึ่บ! ฟั่บ!

ผู้อาวุโสตระกูลซูต่างปล่อยรอยยิ้มที่เลือดเย็นออกมาและใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อกระโดดขึ้นไปปะทะกับฝ่ามือยักษ์อย่างไม่เกรงกลัวใดๆ พวกเขาต้องการที่จะสละร่างกายของพวกเขาเพื่อเปิดโอกาสให้ตระกูลซูรอดชีวิต

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ฝ่ามือยักษ์นี้โหดเหี้ยมมาก ทันทีที่ผู้อาวุโสตระกูลซูสัมผัสกับฝ่ามือนี้พวกเขาก็จะตายจากการปะทะเข้ากับฝ่ามือราวกับพวกเขาชนเข้ากับภูเขา แต่แม้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ เหล่าผู้คนตระกูลซูนั้นก็ยังคงเหาะเหินขึ้นไปและปะทะเข้ากับฝ่ามือยักษ์ราวกับแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟและปล่อยความสามารถสุดท้ายของพวกเขาออกมา

“เจียงอี้ ชายที่ข้ารักที่สุด ลาก่อน!”

ความกลัวในดวงตาของซูรั่วเสวี่ยนั้นหายไปและเมื่อนางได้ยินเสียงคำรามของเจียงอี้ นางก็มองเขาจากระยะไกล เมื่อนางเห็นเจียงอี้กำลังเข้ามาหานางใกล้ขึ้น สีหน้าที่ซีดเผือดของนางก็ปล่อยรอยยิ้มที่งดงามราวดอกบัวหิมะที่ร่วงโรยไปอย่างสวยงาม

ตู้มมม!

เมื่อฝ่ามือยักษ์ถล่มลงมา พื้นผิวดินก็สั่นสะเทือนขณะที่ควันและฝุ่นตลบอบอวลไปทุกทิศทางและส่งร่างของทหารมากมายปลิวออกไป มีรอยฝ่ามือขนาดใหญ่ถูกพิมพ์ลงบนพื้นดินและมันก็มืดมิดและมองไม่เห็นก้นหลุม ซึ่งมันรู้สึกราวกับว่าสมาชิกตระกูลซูทั้งหมดถูกส่งไปยังปรโลกด้วยฝ่ามือนี้แล้ว

“ไม่นะ.....”

เจียงอี้ที่กำลังตรงมาก็ได้หยุดนิ่งอยู่กลางทางขณะที่ดวงตาที่เลือดของเขาจ้องมองไปยังฝ่ามือยักษ์ที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลเมตร ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวไม่เป็นท่าและร่างกายของเขาก็อบอวลไปด้วยจิตสังหาร

ด้วยการโจมตีที่ทรงพลังเช่นนั้นได้จู่โจมไปยังสมาชิกตระกูลซูที่พวกเขาทั้งหมดอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุดและไม่มีใครสามารถต้านทานใดๆได้เลย มีเพียงซูรั่วเสวี่ยเพียงคนเดียวที่อยู่ขอบเขตจื่อฝู่

“ตาย?”

ในตอนนี้เจียงอี้รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขานั้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆและรู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกเฉือนด้วยมีด เขาต้องเห็นผู้หญิงที่เขารักมากเพียงใดตายลงไปต่อหน้าต่อตาก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสบอกนางว่าเขาชื่นชอบและรักนางมากเพียงไหน เขายังไม่แม้แต่จะได้จับมือนางและดวงวิญญาณของนางก็กลับสู่ปรโลกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น....ร่างของนางอาจจะถูกบดขยี้ไปแล้วด้วยซ้ำ!

“ตายย!”

ความทรงจำที่ผ่านมาของเจียงอี้นั้นผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาพบกันได้อย่างไร ครั้งแรกที่พวกเขาพบกันเขานั้นรู้สึกประหลาดใจมากเพียงใดที่เห็นว่าซูรั่วเสวี่ยเอ่ยปากช่วยเขาเมื่อตอนอยู่นอกเมืองจิตอสูร ความทรงจำที่เขาเคยได้ใช้ชีวิตร่วมกับนางตั้งแต่ที่นางได้เป็นอาจารย์ในกลุ่มของเขา ในยามที่นางตามเขาไปในสุสานราชันสวรรค์หมื่นมังกร ความเจ็บปวดทรมานที่นางหันหลังไปที่ตำหนักองค์รัชทายาท และดวงตาที่งดงามและเปล่งประกายในยามที่นางเห็นเขาที่โถงจัดเลี้ยงเมืองเซี่ยยวี่

......

มีเรื่องราวและความทรงจำมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองและพวกเขาได้ผ่านความยากลำบากมากมายมาด้วยกัน เจียงอี้มีเรื่องที่อยากพูดคุยกับซูรั่วเสวี่ยมากมาย แต่เขาก็ทำไม่ได้อีกแล้ว ซูรั่วเสวี่ยตายแล้วและนางได้นำหัวใจของเขาฝังไปกับนางด้วย!

“ตาย ตาย ตายย!”

ใบหน้าของเจียงอี้เต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะตายในขณะที่เขาจ้องมองไปข้างหน้าราวกับคนโง่ในขณะที่เขาพึมพำไม่หยุด จิตสังหารจากร่างกายของเขาแผ่วลงเรื่อยๆขณะที่เลือดที่มุมปากของของเขายังไหลหยดลงบนพื้น ในตอนนี้ ดาบมังกรเพลิงบนมือของเขาหยุดส่องแสงไป และมันเหมือนว่าเมื่อซูรั่วเสวี่ยตายไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกทำไม

ฟึ่บ!

เมื่อเว่ยกงกงเห็นว่าสภาพจิตใจของเจียงอี้เป็นเช่นไร ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้น เขาจะปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดมือไปได้อย่างไร? เขาและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดสบตากันขณะที่ทั้งคู่รีบตรงไปที่เจียงอี้

สิบกิโลเมตร หกกิโลเมตร....สามกิโลเมตร!

ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้ตัวเจียงอี้มากเท่าไหร่ แสงที่ส่องประกายในดาวงตาของเว่ยกงกงและผู้เชี่ยวชาญยิ่งส่องสว่างมากขึ้น เจียงอี้นั้นยังคงยืนเลื่อนลอยและไม่มีท่าทีที่จะสู้กลับเลย

“ตายซะ!”

เว่ยกงกงตะโกนออกมาอย่างน่ากลัว ครั้งนี้เขาไม่ได้ปล่อยการโจมตีรูปแบบเต๋าสวรรค์ออกมา ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดก็โจมตีเจียงอี้ด้วยความเร็วสูง พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะทำให้เจียงอี้ได้สติ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการฆ่าเขาด้วยการปะทะแบบใกล้ชิด

สองพันเมตร....พันห้ารอยเมตร....พันเมตร!

ใจของเว่ยกงกงนั้นมาอยู่ที่ลำคอของเขาแล้ว หากเขาสามารถฆ่าเจียงอี้ได้ด้วยตัวเอง เขาอาจจะมีโอกาสได้ไถ่ชีวิตของเขาโดยการชดใช้บาปในการล้างแค้นครั้งนี้

“ย๊าห์!”

ขณะที่เขาอยู่ห่างออกไปเพียงร้อยเมตร กลิ่นอายของเว่ยกงกงก็ปะทุออกมาขณะที่ร่างของเขาถาโถมเข้าใส่เจียงอี้ราวกับมังกรคลั่ง ในระยะที่ใกล้กันเช่นนี้ แม้ว่าเจียงอี้จะสามารถเคลื่อนย้ายในพริบตาได้ทันทีเขาก็ยังคงมั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าเจียงอี้ได้ เขาระเบิดเสียงคำรามออกมากลางอากาศ “เจียงอี้ จงตายซะ!”

“ตาย?”

ในที่สุดเจียงอี้ก็ได้สติกลับคืนมาและรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อเขามองไปยังเว่ยกงกง เขามองเห็นมือของเว่ยกงกงราวกับกรงเล็บอินทรีที่กำลังแผ่ขยายมาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้เขายังเห็นเงาดำเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็วจากอีกฝั่งหนึ่งและเงานั้นถือดาบแลละกำลังเหินมาหาเขาเหมือนสายฟ้าสีดำ

เขาไม่ได้มีความตื่นตระหนกแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวและเขาก็ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะใช้ศาสตร์แปรผันดวงจิต กลับเป็นในทางตรงกันข้าม การแสดงออกของเขาไม่ได้แสดงอะไรออกมานอกจากความสงบนิ่งและอายสังหาร เขาก้มหัวลงและพึมพำอย่างสิ้นหวัง “ตายเลย ถ้างั้นก็ตายซะ! รั่วเสวี่ยตายไปแล้ว ทำไมข้าจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วย? ปล่อยให้ข้าตายและทุกอย่างจะได้จบสิ้นเสียที....”

“มันต้องไม่ใช่แบบนี้!”

ดูเหมือนว่าเขาจะนึกบางสิ่งขึ้นได้ขณะนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาและมองเว่ยกงกงด้วยดวงตาสีเลือด การแสดงออกที่นิ่งสงบกลายเป็นความน่ากลัว กลิ่นอายสังหารของเขาพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เขามองไปด้วยตาสีแดงเลือดของเขาที่กำลังส่องแสงสีแดงฉานออกมา ทันใดนั้นเขาก็กระตุกปากแล้วพูดบางอย่างออกมา “เจ้าเป็นคนที่ฆ่ารั่วเสวี่ย… เช่นนี้ข้าก็จะเอาเจ้าลงนรกไปด้วย!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!”

กรงเล็บอินทรีของเว่ยกงกงอยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงไม่กี่เมตรและกำลังจะบดขยี้หัวของเจียงอี้ในอีกไม่กี่เสี้ยววินาที แม้ว่าเจียงอี้จะกลับมามีสติอีกครั้งแต่เขาก็มั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าเจียงอี้ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเจียงอี้จะนำหินวิญญาณเพลิงออกมาแต่เจียงอี้ก็ยังคงต้องตาย ไข่มุกวิญญาณเพลิงของเจียงอี้ไม่ได้ส่องสว่าง มันสายเกินไปแล้วแม้ว่าเขาจะต้องการเอาหินวิญญาณเพลิงออกมาใช้!

“ตาย ตาย! ผู้ใดที่ต้องการจะทำร้ายรั่วเสวี่ย มันผู้นั้นจะต้องตาย!”

ไข่มุกวิญญาณเพลิงไม่ได้สว่างออกมาจริงๆ แม้แต่ดาบมังกรเพลิงก็ไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมา เจียงอี้เงยหน้าขึ้นและตะโกนไม่หยุด ในยามที่เขาตะโกน ผมสีดำของเขาก็กระพือราวกับว่ามันกำลังพัดโดยไม่มีลม มีบางสิ่งที่แปลกกว่านั้นก็คือ

ผมสีดำของเขาเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเลือดอย่างรวดเร็ว

“นี่.....”

มีความประหลาดใจเกิดขึ้นในดวงตาเว่ยกงกงและผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยววูบหนึ่ง จู่ๆเหล่าทหารที่อยู่ใกล้ๆที่ถูกตรึงไว้โดยเจตจำนงสังหารของเจียงอี้ก็มีความกลัวจนหัวหดราวกับพวกเขาเห็นผี

ผมเปลี่ยนเป็นสีขาวในชั่วค่ำคืนที่แสนเศร้าโศก!

หลายคนเคยได้ยินเรื่องราวนี้ แต่การที่ผมสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันไม่เคยมีอยู่ในเรื่องเล่าโบราณใช่ไหม? แต่มันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขาจริงๆ

“ตาย!”

แม้ว่าร่างกายของเจียงอี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างประหลาดแต่เว่ยกงกงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงมือ กรงเล็บอินทรีของเขาโฉบไปในอากาศและส่งเสียงพาดผ่านอากาศอย่างรุนแรงไปที่หัวของเจียงอี้

บุฟฟ!

ในขณะนั้น จู่ๆร่างของเจียงอี้ก็มีกลิ่นอายที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็สิบเท่าจากก่อนหน้านี้ จิตสังหารนี้ทำให้เจียงอี้ดูเหมือนสัตว์อสูรโบราณและดุร้าย การปรากฏตัวของกลิ่นอายนี้ส่งผลต่อทหารที่ระดับขั้นพลังต่ำกว่าขอบเขตจื่อฝู่กว่าร้อยคน แม้แต่พวกขอบเขตเสินโหยว พวกเขาทั้งหมดถูกกลิ่นอายของเจียงอี้ทำให้ต้องสยบและหมอบลงไปกับพื้น เลือดนั้นไหลออกมาจากเจ็ดทวาร [1] อย่างไม่รู้จบ

“น่ะ นี่.......”

กรงเล็บของเว่ยกงกงที่อยู่ห่างจากเจียงอี้เพียงไม่กี่เซนติเมตรและเขาก็จะสามารถขยี้หัวของเจียงอี้ได้ก็เริ่มแข็งทื่อ และร่างกายของเขาก็สูญเสียพลังทั้งหมด แก่นแท้พลังของเขานั้นไม่สามารถควบคุมได้และจิตใจของเขาก็เหมือนจะไม่สามารถนำเอาจิตสังหารออกมาใช้ได้

เมื่อเผชิญกับกลิ่นอายสังหารที่น่าเกรงขาม เขารู้สึกราวกับว่าเจียงอี้ได้กลายเป็นเทพแห่งปีศาจ เจียงอี้แกร่งขึ้นมาอย่างไร้ผู้เทียบเทียมและเขาก็ไม่มีความกล้าใดๆเหลือที่จะต่อสู้กับเจียงอี้อีก

กร๊อบบ!

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวที่อยู่ห่างจากเจียงอี้ออกไปเพียงร้อยเมตรก็ตกตะลึงเช่นกัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและร่างของเขาสั่นเทาเหมือนกลัวจนถึงขีดสุด

เขามองไปยังเจียงอี้ผู้ซึ่งมีผมสีแดงเลือดที่ตระหง่านอยู่ท่ามกลางกองทัพ เขาใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาเพื่ออ้าปากอุทานออกมา “กลิ่นอายสังหารรุนแรงอะไรเช่นนี้ เจตจำนงสังหารของเจียงอี้เป็นขั้นที่สี่แล้วหรือ? มัน.... มันเป็นไปได้ยังไง? ในยุคของราชันสวรรค์สังหาร เขาก็ยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี? แล้วนี่เจียงอี้อายุเท่าไหร่กัน?”

ดวงตาสีแดงเลือดของเจียงอี้มองไปยังสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนับไม่ถ้วนในขณะที่เขาไม่แสดงอะไรออกมา ผมสีแดงเลือดและเสื้อคลุมของเขากระพือโดยที่ไม่มีสายลมพัดผ่านอย่างไม่หยุด เขาค่อยๆยกดาบมังกรเพลิงขึ้นมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังก้องสะท้านไปถึงขั้ววิญญาณที่เป็นดั่งเสียงของยมทูต “วันนี้ พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”

[1] เลือดออกเจ็ดทวารคือ 2รูตา 2 รูหู 2รูจมูก และ1รูปาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด