ตอนที่ 43 : ทำไมเจ้าถึงได้ช้าเพียงนี้
หลังจากต้นพืชโต้เถียงกับนายท่านของเขา เขาต้องอยู่เงียบๆดูเธอให้การรักษา
นายท่านโง่มาก! เขาคิด
เมื่อสุนับจิ้งจอกตัวนั้นกินนางเข้าไปก่อนเถอะ แล้วนางจะเข้าใจ!
หลีเหม่ยหลงไม่ใส่ใจ ไม่ตอบสนองกับพืชวิญญาณของเธอ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สดชื่น ไม่อยากฟังเขาพูดถึงการกินคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
เธอมุ่งความสนใจไปที่ลูกหมาตัวน้อยแทน มันกระพริบตามกลมโตมองเธอ ทำให้ยิ่งน่ารักมากยิ่งขึ้น เธอกอดรัดมันด้วยความรักเสน่หา
เฉ่าต้องสูญเสียความคิดไปแล้วแน่ๆ คิดได้อย่างไรว่าหมาตัวเล็กๆนี้จะมีความคิดชั่วร้าย หลีเหม่ยหลงคิด เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ
หลีเหม่ยหลงรวบตัวเอง รีบลุกขึ้นยืน เธอยังคงอุ้มหมาน้อยไว้ในอ้อมแขนอย่างระมัดระวังกลับไปในเส้นทางที่ไม่ได้จดจ่อในใจเธอ ทันใดนั้นเธอก็เห็นอิงยี่ว์รุ่นพี่ผู้รำคาญของเธออีกครั้ง
“ทำไมเจ้าถึงได้ช้าเยี่ยงนี้?!” นางดุเธอ
หลีเหม่ยหลงเพิกเฉยต่อรุ่นพี่ที่เธอไม่ชอบใจดูเหมือนจะชัดเจนขึ้นกับทุกครั้งที่มีปฏิสัมพันธ์กัน และทำให้เธอก้าวอย่างมั่นคงขึ้น ขณะที่เธอเดินไป เธอพยายามเช็ด “เลือด” แห้งบางส่วนจากขนสกปรกของสุนับจิ้งจอกตัวน้อย
อิงยี่ว์กำลังจะด่าหลีเหม่ยหลงอีกครั้ง ในที่สุดเธอสังเกตเห็นสัตว์ร้ายที่ได้รับบาดเจ็บประคองอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาว เธอดึงที่แขนสามีเพื่อดึงความสนใจไปที่อุปสรรคใหม่นี้
อาวุโสเว่ยมองกลับมาและรับรองกับภรรยาของเขา “อือ ไม่ต้องกังวลหรอก มันเป็นแค่สุนัขจิ้งจอกธรรมดา”
พวกเขาต้องทำให้แน่ใจว่าหลีเหม่ยหลงจะไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ แต่มันไม่เหมือนสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มันอาจเป็นภัยคุกคามต่อผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพียงสองคน
เส้นทางของป่ามืดครึ้ม ไม่มีสัตว์ร้ายปรากฏขึ้น อันที่จริงหากมีสัตว์ป่าชนิดใดในบริเวณใกล้เคียง นักเดินทางจะไม่มีทางรู้ได้ ไม่มีเสียงร้องของนกฮูกหรือได้ยินเสียงร้องของกาให้อึดอัดใจ ความเงียบเหมือนหูหนวกภายใต้ต้นไม้เหล่านี้
ความเงียบเชียบที่รู้สึก อุณภูมิที่สูงขึ้นไม่ได้ช่วยในด้านอารมณ์ หลีเหม่ยหลงรู้สึกกังวลใจ ยิ่งเดินต่อไปเท่าไหร่สิ่งแวดล้อมก็ยิ่งดูไม่เป็นมิตรมากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่หายไปคือ “ทิวทัศน์” ที่สมบูรณ์แบบ เหมือนจะมีแม่มดและปอบกระโดดลงมาจากต้นไม้เพื่อทำให้หัวใจวาย
พวกเขาเดินอย่างต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ตั้งแต่หยุดครั้งสุดท้ายตอนที่เธอหยุดอุ้มลูกสุนัขจิ้งจอก หลีเหม่ยหลงซึ่งดูแลสวนของเธอและทำการปรุงอาหารในช่วงห้าปีที่ผ่านมา..พบว่าการไต่เขาครั้งนี้ใช้พลังมากเป็นพิเศษและหมดพลัง
เธอรู้สึกเหมือนกลับไปอยู่ในการทดสอบการรับเข้าสำนักที่กำลังถูกทดสอบในดินแดนป่ากว้างอีกครั้ง
ความรู้สึกของเธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าร่างกายของเธอล้า เครียดจนเกินขอบเขต และค่อนข้างไม่จำเป็นที่ต้องทำขนาดนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจหยุดพักและนั่งลงตรงกลางทางเดิน เท้าของเธอเจ็บปวดอย่างเหลือร้าย เธอหิวและกระหายน้ำอย่างมาก แขนและหลังก็ปวดร้าวจากการแบกเป้สะพายหลังเช่นเดียวกับลูกจิ้งจอกน้อยที่เหมือนจะหนักเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนไปสู่โลกอื่นไม่ได้เปลี่ยนบุคลิกขี้เกียจของเธอ เธอคุ้นเคยกับความสะดวกสบาย ถ้าจำเป็น เธอก็จะออกไปทำมันให้ได้ ถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆ ฉะนั้นทำไมเธอต้องใช้ความพยายาม?
ในความซื่อสัตย์จริงที่นี่ทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เธอต้องการรับสัตว์ร้ายวิญญาณของเธอเอง แต่ ณ จุดนี้ เธอค่อนข้างอยากย้อนกลับและมองหาส่วนที่เป็นมิตรของป่า แม้ว่าเธอจะได้พบกับเฉ่ามันก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่น่าขนลุกเช่นนี้
หลังจากเช็ดเหงื่อที่หน้าผากเธอ เธอลดสุนัขจิ้งจอกลงวางบนตัก ทำให้ข้อต่ออยู่ในตำแหน่งที่เจ็บปวดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอต้องการหยุดพักอย่างจริงจัง และเธอไม่ต้องการที่จะก้าวไปข้างหน้าอีกต่อไป
เพลิดเพลินกับความสงบสักครู่ก่อนที่คนอื่นจะสังเกตเห็นว่าเธอหยุดเดิน เธออดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าลูกหมาดูเหมือนจะพอใจ นอนสบาย ๆ บนตัก มันทำให้เธอนึกถึงวิธีที่แมวขี้เกียจของเธอใช้ ทำตัวเมื่อเหยียดยาวบนเข่าของเธอ
ยิ่งเธอคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอยากที่แยกทางเดินกับรุ่นพี่ของเธอ
ความเคารพที่เธอรู้สึกต่อพวกเขาเมื่อพวกเขาขอความช่วยเหลือจากเธอ ในการเดินทางครั้งนี้ได้หายไปนานแล้ว เธอทำสิ่งที่พวกเขาโปรดปรานหลังจากช่วยให้พวกเขาพบสมุนไพรนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกราวกับว่าพวกเขามองว่าเธอเป็นภาระ ใครบางคนที่พวกเขาถูกบังคับให้ลากไปกับพวกเขาจนจบเส้นทาง เธออาจไม่มีความกล้าหาญทางกายอย่างที่พวกเขามี แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถสบายใจได้มากขึ้นระหว่างการเดินทาง
เธอเรียกชื่อของพวกเขาเพื่อที่จะได้รับความสนใจ ก็เพียงพอแล้ว
“พี่อิงยี่ว์ พี่เว่ย!”
ทั้งคู่หันหลังกลับ เธอโบกมือเหนือศีรษะเพื่อช่วยให้พวกเขาเห็นเธอที่นั่งสบายอยู่กลางทาง
"ศัตรูตัวนี้!" คู่สามีภรรยาทั้งสองกระซิบซึ่งกันและกัน
หลังจากตัดสินใจแล้วพวกเขาก็กลับไปหาผู้หญิงที่ดื้อรั้นนั่น