ตอนที่แล้วSB:ตอนที่ 8 หลี่เฟิงผู้วิปริต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSB:ตอนที่ 10 ขายจิตวิญญาณ

SB:ตอนที่ 9 ทฤษฎีแห่งรากฐานจิตวิญญาณ


SB:ตอนที่ 9 ทฤษฎีแห่งรากฐานจิตวิญญาณ

ข่าวร้ายนี้ร้ายแรงสำหรับครอบครัวของเขาเพราะหลี่ต้าซวงเป็นแรงงานหลักของครอบครัว ครอบครัวต้องพึ่งพาเขาในทุกเรื่อง

“ท่านลุงต้าซวง ท่านป้าหวัง อย่าวิตกไปเลย จากนี้ไปข้าจะรับเป็นภาระครอบครัวของท่านเอง มันจะดีขึ้น และดีขึ้นนะ” ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ ลู่หยางรู้สึกผิดอย่างมากและไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ทำอะไรเลย

“เฮ้! นี่เจ้าพูดอะไรออกมา เด็กน้อย?” หวังซู่จันปาดน้ำตาและส่ายหัว

“ท่านพี่ซู่จัน ถ้าไม่ได้ท่านและต้าซวงในตอนนั้น ข้าก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปนอกจากนี้ ตลอดหลายปีมานี้ท่านยังได้ดูแลพวกเราเด็กกำพร้าและแม่ม่ายอีกตั้งมาก”ซูหลานจับมือป้าหวังไว้เพื่อให้นางรู้สึกดีขึ้น

“ท่านพี่ไหญ่ซุน!” ลู่หยางตามซุนวูออกไป

“นี่ไอ้น้องชาย เจ้าเป็นผู้ควบคุมอสูรที่ได้กลืนกินเม็ดยาชักนำจิตเข้าไปหรือ?” ซุนวูถาม

“ใช่แล้ว ตอนข้าอายุ 6 ขวบก็เป็นที่รู้กันว่าข้าไม่มีพรสวรรค์ในการที่จะฝึกเหล่าอสูรไห้เชื่องได้! ตอนข้าเข้าไปล่าสัตว์ในหุบเขา ข้าลุยเข้าไปในถ้ำที่ทรุดโทรมแห่งหนึ่ง แล้วก็ได้เม็ดยาชักนำจิตวิญญาณ กับวิชาควบคุมอสูรขั้นพื้นฐานมา! ลู่หยางพยักหน้าหงึกๆ นึกในใจว่าต้องขอบคุณหลี่ยี่ที่ทำให้เขาหาข้อแก้ตัวออกไปเช่นนั้นได้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่รู้จักเม็ดยาชักนำจิตวิญญาณ

“โอ้! ไอ้น้องชาย เจ้าช่างโชคดีจัง! ถ้าข้าจะถามว่า เม็ดยาที่ได้รับไปนั่นเป็นของขั้นไหนล่ะ” ซุนวูตาเป็นประกายขึ้นขณะที่ถามลู่หยาง

“ข้าก็ไม่อาจรู้ได้! เม็ดยาพวกนี้มีระดับขั้นด้วยเหรอ?” ลู่หยางเกาศรีษะ ถามอย่างอยากรู้

“น้องชาย เจ้ารู้มั้ยความสามารถพิเศษในการฝึกอสูรคืออะไร?” ซุนวูไม่ตอบลู่หยางตรงๆ เขาเปลี่ยนเรื่องคุยแทน

“ได้โปรดให้ความกระจ่างแก่ข้า พี่ใหญ่ซุน!” ลู่หยาพูดส่ายหัว

“รากฐานแห่งจิตวิญญาณ ซึ่งก็คือทักษะที่ได้รับการตกทอดมา คุณภาพของรากฐานแห่งจิตวิญญาณก็มีตั้งแต่ต่ำไปถึงสูงตามลำดับ จากต่ำ กลาง สูง ขั้นปราชญ์ และขั้นเทวะ ยิ่งคุณภาพของรากฐานสูงเท่าไหร่ ระดับของสายโลหิตของสัตว์เลี้ยงสงครามที่ผู้ควบคุมอสูรสามารถควบคุมได้ก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม รากฐานขั้นกลางสอดคล้องกับระดับสายโลหิตชั้นยอด และรากฐานขั้นสูงสอดคล้องกับระดับสายโลหิตจักรพรรดิ์”

ซุนวูหยุดพักก่อนจะพูดต่อว่า “สำหรับขั้นปราชญ์และขั้นเทวะนั้นยังอยู่ไกลเกินไปนักสำหรับเรา ในทางปฏิบัติตามตำนานว่ามันสอดคล้องกับสายโลหิตระดับปราชญ์ และระดับเทวะตามลำดับ”

“เจ้ารู้มั้ยทำไมหลี่เฟิงถึงจากไปโดยที่ไม่มีหือไม่อือเลย!” ซุนวูหัวเราะขึ้นในทันใด

“พี่ใหญ่ซุน รากฐานแห่งจิตวิญญาณของท่าน….” ลู่หยางไม่ได้โง่และนึกขึ้นได้ถึงประเด็นหลักขึ้นมาทันที

“เฮ็! เฮ้! รากฐานแห่งจิตวิญญาณของข้าอยู่ระดับกลาง ของเจ้านั่นอยู่แค่ระดับล่าง จะมาเทียบอะไรกับข้าได้” ซุนวูหัวเราะ

ลู่หยางตาโตขึ้นมา พยักหน้า และไม่ได้ถามต่อ ในเมื่อซุนวูอยู่ระดับกลาง เขาก็ต้องมีสัตว์เลี้ยงสงครามที่มีสายโลหิตระดับชั้นยอด แล้วผู้ควบคุมอสูรระดับพื้นฐานอย่างหลี่เฟิงจะไปสู้กับเขาได้อย่างไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่เฟิงดูเหมือนหนูตัวหนึ่งเมื่อเจอกับซุนวู

“ตามทฤษฏีว่าไว้ว่าคุณภาพของเม็ดยาชักนำจิตวิญญาณแบ่งได้เป็นต่ำ กลาง สูง ปราชญ์ และเทวะ มันหายากมากแม้ในแคว้นเซียงหยางนี่ เจ้าต้องรู้ว่าผู้ควบคุมอสูรที่ได้รากฐานแห่งจิตวิญญาณขั้นกลางนี่ถือว่าเป็นอัจฉริยะยอดคนคนหนึ่ง สำหรับเม็ดยาระดับสูงนั้นข้าคิดว่ามีแค่ตระกูลใหญ่ๆในตำนานเท่านั้นแหละ” ซุนวูบอก

.“ในเมื่อเม็ดยาชักนำจิตวิญญาณนึ้ล้ำค่านัก ข้าคิดว่าไอ้ที่ข้าได้มานั้นอาจเป็นเม็ดยาระดับต่ำ!” ลู่หยางแสร้งทำเป็นยิ้มเศร้าและส่ายหัว จริงๆแล้วเขาเพิ่งโกหกไป เขาไม่เคยเห็นเม็ดยาชักนำจิตวิญญาณมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“ถูกแล้ว!” เม็ดยาคุณภาพสูงหายากมาก น้องชาย ถ้าเจ้าได้เม็ดยาระดับกลางมา นั่นก็ดีเลย แต่ถ้าเป็นระดับต่ำนั้น ความสำเร็จของเจ้าก็อาจจะถูกจำกัด แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี้ มันก็มีข้อเสียหลายอย่างในการใช้เม็ดยาชักนำจิตวิญญาณ” ซุนวูถอนหายใจ

“มันยังมีข้อบกพร่องอยู่เหรอ?” ลู่หยางหันกลับมาสนใจ

“แน่นอนล่ะ! พรสวรรค์นั้นเป็นความสามรถพิเศษโดยธรรมชาติ มันจะสมบรูรณ์ได้ยังไงถ้าคนคนนึงต้องการที่จะเปลี่ยนโดยการใช้กำลังอำนาจ? ถ้าแม้เมื่อการเปลี่ยนร่างของเราล้มเหลว อย่างดีสุดเราก็อาจจะพิการ และอย่างเลวร้ายสุดร่างของเราก็อาจจะแตกสลายและตายไป ถ้าเราทำสำเร็จ จำนวนของสัตว์เลี้ยงสงครามทีเราควบคุมได้ก็จะเหลือน้อยมาก และเราจะสามารถรวมร่างได้กับสัตว์สงครามเพียงตัวเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือ ถ้าถ้าเราต้องการเป็นผู้ควบคุมอสูรระดับที่สูงขึ้นเราต้องใช้เม็ดยาชักนำจิตวิญณาณระดับสูงขึ้นด้วย” ซุนวูอธิบาย

“อ้อ! เป็นอย่างนี้นี่เอง! ลู่หยางพยักหน้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่เฟิงคิดว่าเขาจะแสดงท่าทีดูถูกเช่นนั้นเมื่อเขาได้กินเม็ดยา และยังเรียกเขาไอ้เศษขยะ ข้อเสียเหล่านี้หนักหนามาก เขาช่างเป็นคนหลอกลวงโดยแท้

มันแย่ตรงที่ว่าเขาเป็นผู้ฝึกอสูร หรือจะกล่าวได้ว่าเขาได้รับการสืบทอดขอบข่ายของผู้ควบคุมอสูรเพราะเขาได้ครอบครองระบบควบคุมอสูรที่น่าอัศจรรย์

“อย่างไรก็ตาม ถ้าข้อด้อยของเม็ดยาชักนำจิตวิญญาณมีมากกว่า มันก็ยังคงเกินจินตนาการของคนธรรมดาอยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นการที่คนคนหนึ่งจะกลายมาเป็นผู้ควบคุมอสูรนั้น เขาต้องสามารถหลุดจากสถานภาพสามัญของเขาเสียก่อน” ซุนวูหัวเราะ

ลู่หยางพยักหน้าเห็นด้วย ถึงจะมีข้อเสียอย่างใหญ่หลวง มันก็ยังคงเป็นผู้ควบคุมอสูร

“ถ้าน้องชายอยากรู้ว่าตัวเจ้าใช้เม็ดยาระดับไหน มาหาข้าที่แคว้นเซียงหยางได้ตลอดเวลา สามารถทดสอบรากฐานแห่งจิตวิญญาณได้โดยใช้แผ่นจิตวิญญาณ และถ้ารากฐานแห่งจิตวิญญาณเจ้าอยู่ระดับล่าง เจ้าก็ยังคงเป็นผู้ติดสอยห้อยตามของตระกูลซุนของข้า” ซุนวูเปลี่ยนเรื่องทันทีและเสริมต่อว่า “ถึงตอนนั้น ถ้าหลี่เฟิงยังหาเรื่องกับเจ้าอยู่ เขาจะต้องรู้สึกหวั่นๆกับตระกูลซุนของข้า”

.“น้องชาย ข้ายังมีเรื่องต้องทำอยู่บ้างเมื่อกลับไปที่เซียงหยาง ดังนั้นข้าจะอยู่ที่นี่อีกนานไม่ได้ ถ้าเจ้าตัดสินใจได้ก็มาหาข้าที่แคว้นเซียงหยาง!”ลาก่อนล่ะ!” แล้วซุนวูก็จากไป

ลู่หยางมองซุนวูค่อยๆจากไป ซุนวูผู้นี้ดูเหมือนจะหยาบช้าและตรงไปตรงมา แต่ความจริงแล้ว เขาฉลาดมาก เขาทำอะไรต้องมีจุดประสงค์ และตอนนี้ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ซุนวูทำให้เขานับถือคือซุนวูกำลังคิดจะเกณท์เขาเข้าเป็นพวก

ถ้าเป็นคนธรรมดาๆจากเมืองชิงหยาง ซุนวูอาจจะไม่ข้องเกี่ยวด้วย ถึงแม้ว่าซุนเทียนหยางเป็นผู้ว่าแห่งเมืองชิงหยาง ครอบครัวซุนของเขาแท้ที่จริงได้มีการพัฒนาขึ้น พัฒนาขึ้น สัมพันธภาพของเขากับเมืองชิงหยางไม่ได้ยิ่งใหญ่ดังที่คาดไว้

“ข้าเกรงว่าที่ซุนวูมาปรากฏตัวที่นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่!” ความคิดลู่หยางแล่นแป๊ลบขึ้นมาในใจ เขาไม่รู้ทำไม แต่เขารู้สึกเหมือนเขาพลาดบางสิ่งบางอย่างไป

“…”

สถานภาพตัวตนของลู่หยางถูกเปิดเผยไปหมด ผู้คนมากมายจากเมืองชิงหยางเอง และเมืองอื่นละแวกใกล้เคียงต่างก็เข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมกับครอบครัวลู่ บางคนก็พาบุตรีมาถึงบันไดบ้านเขาทำให้ลู่หยางปวดหัวมาก

สำหรับกับครอบครัวเซวียนั้น พวกชาวบ้านได้เย้ยหยันและหัวเราะเยาะ ทำให้สมาชิกในครอบครัวไม่กล้าออกไปข้างนอกหลายวัน แต่ลู่หยางไม่ได้กังวล เขาแล่นไปที่หุบเขาตรงข้ามกับพวกนั้นและง่วนอยู่กับการฝึกอสูร

หนึ่งเดือนผ่านไป ผลิตผลของลู่หยางไม่ใช่เล็กน้อย เขาได้ล่าสัตว์อสูรดุร้ายถึง 70 ตัว และทำกำไรได้มาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขารวบรวมเจ้าหมายักษ์ใหญ่ได้ 10 ตัว

เมื่อรวมต้าเฮยเขาก็ได้รับผลกระทบกับประสิทธิภาพความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ถ้าจำนวนสัตว์เลี้ยงสงครามเพิ่มมากขึ้น  ผลกระทบก็จะอ่อนลง อ่อนลงและในที่สุดก็จะไม่มีผลกระทบเลย

ตอนนี้สมรรถภาพร่างกายของลู่หยางขึ้นถึง 999 กิโลกรัมแล้ว

“มันจะเป็นไปได้มั้ยว่าเขาถึงจุดที่จำกัดแล้ว” ลู่หยางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขารู้สึกว่าประสิทธิภาพความแข็งแกร่งของร่างกายขอเขาได้มาถึงจุดที่จำกัดแล้วแต่ยังมีอุปสรรคที่มองไม่เห็นที่เขาไม่สามารถที่จะฝ่าเข้าไปได้

“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรวบรวมแก่นผลึกขั้นปฐมภูมิให้ได้ 100 และยกระดับสายโลหิตของต้าเฮยขึ้นไปที่ระดับชั้นยอดให้เร็วที่สุด!” ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ลู่หยางได้แค่ตั้งความหวังไว้ที่พัฒนาการของต้าเฮย

เดือนนี้ หลังจากที่ได้สังหารอสูรดุร้ายขั้นปฐมภูมิ 70 ตัว ทุกตัวอยู่ในขั้นธรรมดา มีแก่นผลึกขั้นปฐมภูมิ 70 แก่น อย่างไรก็ตามสัตว์สงครามอีก 9 ตัวได้ใช้แก่นผลึกทั้งหมด 18 แก่น ดังนั้น อัตราความสำเร็จ 60เปอร์เซ็นต์นั้นยังไม่แม่นยำนัก

ยิ่งไปกว่านั้น การขยายพื้นที่ข้างในกล่องสัตว์เลี้ยงต้องใช้แก่นผลึกจำนวนมาก และค่าธรรมเนียมของการขยายพื้นที่สำหรับกล่องสัตว์เลี้ยงนั้นเพิ่มขึ้น 5 พื้นที่ต่อกลุ่ม ยกตัวอย่างเช่น ครั้งนี้ ลู่หยางขยาย 6 พื้นที่ 5 พื้นที่แรกนั้นแต่ละอันต้องใช้แก่นผลึกขั้นปฐมภูมิ 5 แก่น และพื้นทีที่ 6 ต้องใช้ 10  แก่น

การขยายกล่องสัตว์เลี้ยงทำให้ลู่หยางต้องเสียแก่นผลึกขั้นปฐมภูมิ 35 แก่นจากที่มีอยู่ทั้งหมด 70 แก่น คงเหลืออยู่เพียง 17 แก่น ในท้ายที่สุด ลู่หยางกัดฟัน และเปิดใช้กระเป๋าสวรรค์ และ ปฐพี อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ต้องใช้แก่นผลึกไปอีก  10 แก่น

“เจ้าของ: ลู่หยาง (ผู้ควบคุมอสูรระดับปฐมภูมิ)”

“วิชาควบคุมอสูร: ขั้นเริ่มต้น (ระดับดาว: 1 ดาว)”

“สัตว์เลี้ยงสงคราม: สุนัขทมิฬ (1) หมาพันธุ์ยักษ์ใหญ่ (10)”

“ทักษะ: การควบรวมร่าง (ระดับ 3)”

“กระเป๋าสัตว์เลี้ยง : 11ช่อง”

“กระเป๋าสวรรค์และปฐพี : คุณภาพต่ำ (พื้นที่ 1 ลูกบาศก์เมตร)”

“เตาหลอมอสูร : ขั้นสูง (การทำให้สายโลหิตของสัตว์เลี้ยงสงครามบริสุทธิ์สู่ระดับชั้นยอด)”

“อาพรณ์เทพควบคุมอสูร : ไม่เปิดใช้งาน”

“…”

นี่เป็นข้อมูลปัจจุบันของลู่หยาง จำนวนชนิดของสัตว์เลี้ยงครามแทนจำนวนของผู้คน และระดับ3ข้างหลัง (การผสานร่าง) หมายถึงเขาสามารถเรียกสัตว์เลี้ยงสงครามเข้ามาครอบครองได้ 3 ตัว

เขาใช้แก่นผลึกชั้นต่ำที่สุดไปสิบแก่นผลึก พื้นที่ที่จำกัดในกระเป๋ามีเพียงหนึ่งลูกบาศก์เมตร ลู่หยางถึงกับเซ็ง มันไม่อาจแม้เก็บศพอสูรตนเดียวได้ มันเก็บได้เพียงสิ่งของเล็กน้อย ทั้งตัวเขามีเพียงสารลับที่สามารถเก็บได้

เมื่อเขาพัฒนาระดับสายเลือดต้าเฮยถึงระดับสุดยอด เขาต้องพัฒนาเตาหลอมหมื่นอสรเพื่อที่จะเพิ่มระดับสายเลือดต้าเฮยต่อไป