SB:ตอนที่ 7 ความเละเทะอย่างสมบูรณ์แบบ
SB:ตอนที่ 7 ความเละเทะอย่างสมบูรณ์แบบ
“บ้าไปแล้ว สุนัขป่านั่นร้ายกาจมากไม่ใช่รึ เหตุใดถูกต้าเฮยเอาชนะได้”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ข้างงไปหมดแล้ว”
“นี่รึนักฝึกอสูร เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ”
สายตาที่มองไปที่หลี่ยี่ไม่มีความเคารพยำเกรงอีกต่อไปแล้ว สัตว์สงครามของนักฝึกอสูรล้วนแต่เป็นสัตว์ดุร้ายที่ฉีกทึ้งสัตว์ป่าได้ง่ายๆ ทว่า อสูรของหลี่ยี่ถูกสุนัขธรรมดากดลงบนพื้น
เสียงวิจารณ์ของฝูงชนทำให้สีหน้าของหลี่ยี่มืดทมึน โดยเฉพาะสายตาจากสาวงามแห่งตระกูลเซวียข้างๆเขา เขาแทบจะบ้า นักฝึกอสูรที่น่ายำเกรงอย่างเขาไม่สามารถแม้จะเอาชนะสุนัขบ้านได้ ไม่มีอะไรน่าอายไปกว่านี้แล้ว
“ลู่หยาง เจ้าโชคดีจริงๆ ต้าเฮยหมาเจ้าคงจะกินยาบางอย่างโดยบังเอิญจนทำให้มันเติบโตขนาดนี้ ถึงกับสู้กับวายุเงินของข้าได้” มันอิจฉาโชคของลู่หยางจริงๆ มันพบเม็ดยาล้ำค่า มันรอดชีวิตจากการตกผา หมาของมันได้กินเม็ดยาล้ำค่าบางอย่างและพัฒนาขนาดนี้
ทำไมข้า หลี่ยี่ ไม่มีโชคแบบนี้บ้าง ทำไม!
นักล่ามากประสบการณ์บางคนถึงกับตะลึง”หลี่ยี่ สัตว์ตัวนี้เป็นถึงสุนัขป่าจันทราเงิน ต้าเฮยสามารถสู้มันได้ มันต้องเป็นสัตว์ระดับเดียวกันแน่ ตระกูลลู่ช่างโชคดีจริงๆ
แม้ว่าที่นี่จะเป็นสถานที่ร้างแต่มีตำนานเล่าขาน แม้ว่าในภูเขาจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่มันเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าถ้าหากโชคดี สายตาทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉาและชื่นชมต่อลู่หยาง
มีสุนัขระดับอสูรปีศาจที่เชื่องเช่นนี้ ไม่ต่างกับนักฝึกอสูรแล้ว
น่าขำ เจ้าคิดหรือว่าอสูรตนนี้จะต่อกรกับข้าได้ ข้าจะแสดงให้เห็นความสามารถของนักฝึกอสูร“”ผสาน”
หลี่ยี่พุ่งไปข้างหน้าและตะโกน วายุเงินกลายเป็นแสงสีเงินพุ่งเข้าไปในร่างหลี่ยี่ ในพริบตา หลี่ยี่กลายร่าง
กล้ามเนื้อทั้งตัวใหญ่ขึ้น เขาปลดปล่อยเสียงหอน
“อู๋วว” หลี่ยี่ทุบอก คำรามหอนเสียงราวกับหมาป่า
“ฟุบ” หลังจากนั้นหลี่ยี่เคลื่อนตัวกระโจนไปหาลู่หยางราวกับสายฟ้ามือของมันกลายเป็นกรงเล็บ
“พระเจ้าช่วย”
“หลี่ยี่กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้อย่างไร”
“นี่หรือนักฝึกอสูร สามารถรวมร่างกับสัตว์ได้? น่ากลัวเกินไปแล้ว”
ฝูงชนหวาดกลัวต่างพากันวิ่งหนี คนเหล่านี้ไม่เคยเห็นนักฝึกอสูรมาก่อน
“ฮึ่ม ลู่หยางขมวดคิ้วพร้อมกับสีหน้าจริงจัง หลังจากรวมร่างหลี่ยี่แกร่งขึ้นมาก บัดนี้ต้าเฮยด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย
“ช่างเถอะ ถึงเวลาเปิดเผยตัวข้าสักที”ต้าเฮยกลายเป็นแสงพุ่งเข้าไปในร่างลู่หยาง ร่างกายเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
“นี่มันอะไร!” หลี่ยี่ตกใจ สายตาเขาพร่ามัว เขารู้แค่ว่าถูกกระแทกอย่างแรง ลู่หยางเมื่อรวมร่างกับต้าเฮย ทั้งความเร็วความแข็งแกร่งเหนือกว่าหลี่ยี่อยู่ระดับหนึ่ง อีกทั้งลู่หยางจู่โจมตอนหลี่ยี่เผลอ
“อึกก!”หลังจากโดยกระแทก หลี่ยี่กระเด็นกระอักเลือด ลู่หยางไม่ปรานีกระแทกกรงเล็บใส่หลี่ยี่ต่อ
“บัดซบ” หลี่ยี่ตกใจ เขาอยากตอบโต้แต่เขาบาดเจ็บ ทำได้แค่ต้านรับ สุดท้ายเขาถูกกดลง บาดแผลเขาเริ่มแย่
ลู่หยางรวบรวมพลังกระแทกหลี่ยี่ไปที่หน้าอกจนยุบลง เลือดกระอักออกมาเผยให้เห็นกระดูกขาว
“ตู้ม”หลี่ยี่ล้มลง ร่างกายเขาคืนสู่ปกติ วายุเงินล้มอยู่ด้านข้าง
เละเทะอย่างสมบูรณ์แบบ เพียงผ่านไปแค่สิบวินาทีหลังจากหลี่ยี่กลายร่าง เขาถูกโจมตีจนหมดสภาพโดยไร้ทางต้าน
เหตุการณ์กลับตาลปัตร เหล่าฝูงชนตะลึง นักฝึกอสูรที่ดูถูกคนธรรมดา บัดนี้นอนล้มลงเฉกเช่นสุนัขสิ้นชีพ ถูกสามัญชนเอาชนะ
“เป็นไปไม่ได้” เจ้ารู้วิชารวมร่างที่เป็นของนักฝึกอสูรได้อย่างไร หลี่ยี่ไม่สามารถรับความจริง
“เพราะข้าคือนักฝึกอสูรเหมือนกันยังไงล่ะ และยังแกร่งกว่าเจ้าด้วย” เขามองหลี่ยี่อย่างเย็นชา บัดนี้เขาคืนร่างเดิม
“นักฝึกอสูร เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่มีพรสวรรค์ของนักฝึกอสูร” หลี่ยี่ไม่เชื่อ ลู่หยางไม่มีทักษะ เขาจะกลายเป็นผู้ฝึกอสูรได้อย่างไร
“เหอะ เจ้ามีเม็ดยานำจิตได้ ทำไมข้าจะมีไม่ได้” ลู่หยางเย้ย
“เป็นไปไม่ได้ คนจนอย่างเจ้าเอาเม็ดยานำจิตมาจากไหน” เม็ดยานำจิตคือของล้ำค่าแม้เงินหมื่นตำลึงทองยังหาไม่ได้
“ข้าไม่เชื่อ!” หลี่แย่ดวงตาเบิกกว้างไม่สามารถยอมรับความจริงได้
“คนทำชั่วย่อมถูกลงโทษ” ลู่หยางส่ายหน้ามองไปที่วายุเงิน มันบาดเจ็บสาหัสเช่นหลี่ยี่และอ่อนแอนัก
“ไม่!”หลี่ยี่ร้อง สีหน้าโกรธแค้น เขาแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงหอนโหยหวนของวายุเงิน
ลู่หยางเก็บแก่นผลึกเขียวเปื้อนเลือดไว้ในกระเป๋า
“ลู่หยาง เจ้าสมควรตายเจ้าฆ่าสัตว์สงครามของข้า ทำไมเจ้าโชคดีแบบนี้ ข้าผลักเจ้าลงหุบเขา เจ้ารอดได้อย่างไร
หลี่ยี่สูญเสียอสูรสงคราม หลี่ยี่โกรธแค้นจนแทบจะกลืนกินลู่หยาง
“ตู้ม”ลู่หยางสีหน้าเยือกเย็น เขาหิ้วหลี่ยี่ขึ้นอย่างกับลูกไก่ เตะขาทั้งสองของมันจนหักทำให้มันล้มคุกเข่าต่อหน้าหลี่ต้าซวง
“จงขอโทษสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ” ลู่หยางจับผมหลี่ยี่และกดหัวลงไป
“อ๊า ข้าไม่ขอโทษ ลู่หยางเจ้าบัดซบ ข้าจะฆ่าเจ้า” หลี่ยี่รู้สึกอับอาย แต่ไม่ว่าจะดิ้นอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ลู่หยางจับหัวกดลงคำนับต่อหลี่ต้าซวงอย่างต่อเนื่อง
“อ๊า” “ลู่หยางคนนี้โหดเหี้ยมเหลือเกิน หลี่ยี่นี่ก็โหดร้าย ข้าไม่เคยคิดว่าลู่หยางจะเป็นผู้ฝึกอสูรเช่นกัน”
“เหอะ เจอกับคนเหี้ยม เจ้าต้องเหี้ยมยิ่งกว่า”
“มันทำให้พวกเราเสียหน้า คนอย่างมันควรไสหัวไป!”
“ใช่ ไสหัวไปจากเมืองชิงหยางซะ”
ฝูงชนไม่เกรงกลัวอีกต่อไป พวกมันก่นด่าไปที่หลี่ยี่
สีหน้าเซวียเซิงก่างแดงก่ำ เขาไม่คิดว่าลู่หยางจะเป็นนักฝึกอสูรที่แข็งแกร่งกว่าหลี่ยี่ เขาคุกเข่าอย่างหน้าไม่อายและขอโทษ
“นายน้อยลู่ ข้าตาบอดเอง มันไม่ใช่ความผิดข้านะ” เขากลัวหัวหดกับความเหี้ยมของลู่หยาง
เซวียหลิงหลิง นางยืนงงอยู่กับที่ หน้าซีด ดวงตาไร้แวว
“นายน้อยหลี่ พวกเราทำยังไงกันดี” ชายฉกรรจ์เดินมาหา ชายหนุ่มคนนึง ตั้งแต่ต้น บุคคลนี้นั่งอยู่กับที่ไม่เอ่ยปากแม้คำเดียว
“เหอะ เจ้าพวกขยะ” ชายหนุ่มชุดสีฉูดฉาดมองไปที่ชายฉกรรจ์ เขาลุกขึ้นและกล่าว“พอแล้ว ลู่หยาง แม้เจ้าหลี่ยี่มันจะไร้ค่า แต่มันเป็นคนของเมืองฉิงเหอของข้า”
ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่ม เขาสวมชุดหรูหรา พร้อมกับท่าทียโสโอหัง เฉกเช่นนายน้อยชนชั้นสูงมาพบปะสามัญชน
“เจ้าเป็นใคร” ลู่หยางขมวดคิ้ว เขาเห็นชายหนุ่มคนนี้ตั้งแต่แรก แต่เขาไม่พูดจา ลู่หยางจึงไม่สนใจเขา
“หลี่เฟิง เทศมนตรีแห่งเมืองฉิงยี่ หลี่ซิ่วคือพ่อข้า” ชายหนุ่มเย้ยอย่างภูมิใจ สถานะลู่หยางไม่อยู่ในสายตาเขาแม้แต่น้อย