ตอนที่แล้วบทที่ 42: Gods: เกมสำหรับผู้ใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44: ท่านลอร์ดผู้ทรงพลัง

บทที่ 43: อย่าเกรงกลัวไป ข้าไม่เคยข่มเหงผู้อื่น


ดาริอัส พี่ชายของเคอรี่ผู้เป็นอัศวินระดับกลางเป็นเป้าหมายของภารกิจนี้

ในวันนี้ เขาให้องครักษ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางห้าคนและผู้ติดตามระดับเริ่มต้นยี่สิบคนออกล่าเป้าหมายที่อยู่ทางทิศตะวันตกห่างจากเมืองชายแดนไป 15 ไมล์

วิลเลียมวางกระดาษสีเหลืองลงหน้ากองไฟเพื่อส่องมันให้สว่าง ก่อนข้อมูลของภารกิจจะปรากฏขึ้น

[ภารกิจกระตุ้นใหม่]

[ลอบสังหารไวเคาท์ดาริอัส]

[ระดับภารกิจ : C]

[รายละเอียดภารกิจ : กำจัดเป้าหมายของภารกิจและผู้ติดตามโดยไม่ปล่อยให้เหลือรอดชีวิตสักคน]

[รางวัลภารกิจ : ค่าประสบการณ์ 20000 หน่วย]

[ภารกิจล้มเหลว : เมื่อมีคนเหลือรอดไปได้]

“เป้าหมายภารกิจเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลาง และนี่เป็นเพียงภารกิจระดับ C ค่าประสบการณ์น้อยชะมัด!” วิลเลียมขมวดคิ้ว แต่นี่เป็นเพียงแค่สัญญากับเคอรี่เรื่องทาสเท่านั้น ไม่ใช่รางวัลภารกิจที่เขามองหา

ในกระบวนการของการขยายเมือง สิ่งที่ต้องการคือคนจำนวนมาก อาจกล่าวได้ว่าในยุคที่ไม่มีไฟฟ้าและเครื่องจักรกล กำลังคนเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดเลยก็ว่าได้ มิฉะนั้น อาณาจักรมนุษย์คงไม่มีการจำกัดการค้าทาส

นอกเสียจากว่าผู้วิเศษอย่างโมเสสจะช่วยสร้างเมืองด้วยเวทมนตร์ให้กับเขา ว่ากันแล้วผู้วิเศษที่รอบรู้คนนี้สามารถสร้างเมืองได้เร็วกว่าทาสหนึ่งแสนคน…

เนื่องจากเป็นการลอบสังหาร มันจะดีกว่าหากไม่พาคนไปเยอะเกินไป… วิลเลียมคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะตะโกนออกไป “น็อกซ์ รวบรวมหน่วยลาดตระเวน 100 คน ให้พวกเขาเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เราจะไปจัดการอะไรสักหน่อย”

“ครับท่านลอร์ด” น็อกซ์วิ่งออกไป

ไม่ต้องสงสัยกับความภักดีของเหล่าเอลฟ์เลย ไม่ว่าวิลเลียมจะสั่งให้พวกเขาไปฆ่าผู้คน หรือแม้แต่การขโมยเล็กๆน้อยๆพวกเขาก็จะยังติดตามไป ไม่อย่างนั้น จะเรียกพวกเขาว่าองครักษ์ส่วนตัวได้อย่างไร?

หากมีการต่อสู้ แล้วด้านหลังของพวกเขาเป็นแม่น้ำ พวกเขาจะไม่หลบหนี แต่จะสู้จนตัวตาย

เพื่อให้สามารถทำสิ่งที่ดีร่วมกันอย่างมีความสุขหรือแม้กระทั่งทำสิ่งที่เลวร้ายร่วมกัน นั่นคือชีวิตขององครักษ์ส่วนตัวอย่างพวกเขา

สิ่งนี้จะส่งผลต่อคุณค่าและมุมมองชีวิตของพวกเขา…

“พวกเขาจะชินกับมัน อย่างไรพวกเขาก็รู้ว่าฉันเป็นครึ่งเอลฟ์ที่มีข้อบกพร่องมากมาย” วิลเลียมยืดตัวใส่ชุดเกราะชั้นใน แล้วสวมชุดเกราะหนังสีน้ำเงินที่สวมใส่สบาย จากนั้นก็หยิบชุดอาวุธแห่งรุ่งอรุณทั้งสามชิ้นขึ้นมาและเตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง

………………..

“ที่แห่งนี้แหละครับ นายน้อย” หน่วยลาดตระเวนระดับกลางชี้ไปยังสถานที่ใกล้เคียงและกล่าวว่า “ตามรายงานของหน่วยลาดตระเวน รังของหมาป่าดำกลายพันธุ์ควรอยู่ที่นี่”

“ข้าหวังว่ามันจะเป็นเพียงอสูรเวทย์ระดับกลาง มิฉะนั้น การล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ผลิคงไร้ความหมายแล้ว!” ดาริอัสหรี่ตาเล็กน้อย

มีบางคนหัวเราะก่อนจะกล่าวว่า “ทำไมท่านไม่ให้ทาสระดับเริ่มต้นบางคนวิ่งเป็นเหยื่อล่อ แล้วท่านค่อยตามล่าทีหลังล่ะ?”

ดาริอัสปรบมือเบาๆ “ฮ่าฮ่า ความคิดดียิ่ง แต่มาดูกันว่าหมาป่าสายฟ้านั้นร้ายกาจแค่ไหน มันสามารถเอาชนะแม้กระทั่งหน่วยลาดตระเวนทั้งกลุ่มด้วยตัวของมัน!”

“ฮ่าฮ่า กลุ่มนั่นอ่อนแอเองต่างหาก!”

“มีนายน้อยเพียงคนเดียวก็เท่ากับหน่วยลาดตระเวนสิบกลุ่มแล้วครับ!”

ดาริอัสหัวเราะร่วน ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “หยุดกล่าววาจาไร้สาระได้แล้ว เดินหน้าต่อและเบิกตาของพวกเจ้าไว้เสมอ หากเราปล่อยให้หมาป่าดำกลายพันธุ์หนีไปได้ พวกเจ้าจะกลายเป็นเหยื่อแทน”

“ครับท่านลอร์ด” นอกจากองครักษ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางสี่คนแล้ว คนที่เหลือต่างสั่นกลัวเพราะท่านไวเคาท์ตรงหน้านั้นดูวิปลาสจริงๆ…

หรืออาจกล่าวได้ว่า

ขุนนางของพวกมนุษย์ส่วนใหญ่มักสืบทอดลักษณะแปลกๆมาเสมอ

…………………………..

เคอรี่มองคนสิบคนตรงหน้าเขา มีผู้เชี่ยวชาญระดับเริ่มต้นแปดคนและคนที่เพิ่งขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับกลางสองคน พวกเขาทั้งหมดถูกฝึกขึ้นมาอย่างลับๆ

เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เหล่าพี่น้องทั้งหลาย ขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้วว่าข้าจะสามารถสืบทอดตำแหน่งท่านเคาท์ได้หรือไม่”

“พวกมันมีมากกว่า 20 คน แล้วเราจะหยุดยั้งพวกมันได้อย่างไร? ทำไมเราไม่เรียกคนมาเพิ่มกัน? เห็นได้ชัดว่าเรากำลังจะไปตาย” นักรบคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด

“ข้าไม่ได้บอกว่าเราต้องจัดการด้วยตนเอง เมื่อถึงเวลาจะมีบางคนมาช่วยพวกเรากำจัดเป้าหมาย เราเพียงแค่รับผิดชอบอยู่ที่นี่และป้องกันไม่ให้พวกมันหนีออกไป” เคอรี่ส่ายศีรษะเบาๆ เมื่อเขามองไปยังคนที่กล่าวขึ้นมา ร่องรอยความเย็นชาก็ประกายขึ้นในดวงตาของเขา

…………………………….

ลอทเนอร์มองไปยังที่ที่มีคนรวมตัวกันและคิดว่าพวกเขามาล่าอสูรเวทย์หรือล้างเผ่าเล็กๆใกล้เคียงอาณาเขต แต่ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่ามันคือการลอบสังหารต่างหาก…

“ท่านลอร์ด ท่านเข้าใจคำว่า ‘ลอบสังหาร’ ผิดไปหรือไม่?” ลอทเนอร์กลัดกลุ้มเล็กน้อย

วิลเลียมยักไหล่และพูดอย่างงุนงงว่า “การลอบสังหารหนึ่งคน สองคน หรือร้อยคน มันแตกต่างกันด้วยเหรอ?”

“เอ่อ...เสียงจะไม่ดังเกินไปหรือ?”

“เสียงจะดังมากไหมน่ะเหรอ? หากท่านใช้พลังการต่อสู้และตะโกนในป่า ไม่มีใครมาช่วยท่านภายในสามร้อยเมตรหรอก แม้ว่าท่านจะตะโกนจนเสียงแหบแห้งก็ตาม!”

“แล้วทำไมข้าต้องตะโกนจนเสียงแหบแห้งด้วย? ลำคอข้าก็ยังดีอยู่มาก”

“...”

วิลเลียมเลิกคิ้ว ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าลำคอของคุณดีมากกันล่ะ?

พวกเขาทั้ง 100 คนไม่มีใครที่ขี่ม้า เหล่าเอลฟ์เดินขบวนเข้าไปในป่า ซึ่งมันจะเร็วกว่าตอนที่พวกเขาขี่ม้า

เนื่องจากการเดินทางครั้งนี้ล้วนเป็นเอลฟ์หน่วยลาดตระเวน ซึ่งมีความรวดเร็ว และไม่มีใครที่สวมใส่เกราะเหล็กทั้งนั้น พวกเขาทั้งหมดสวมเกราะหนังทำให้ในขณะที่เดินบนพื้นหรือปีนต้นไม้อยู่นั้นไม่มีเสียงเลยสักนิด นอกจากนี้ความว่องไวของเหล่าเอลฟ์สูงมากและใช้ค่าสเตมินาเพียงเล็กน้อย

เมื่อใกล้จะเที่ยงวัน

ดวงอาทิตย์เหนือศีรษะของพวกเขานั้นทั้งกลมและยิ่งใหญ่ แต่มีเพียงแสงอาทิตย์เพียงเล็กน้อยที่สามารถผ่านเหล่าใบไม้และเปล่งประกายบนใบหญ้าแห้งกรอบที่พื้นดินได้

กลุ่มถูกแยกเป็นกลุ่มละ 10 คน พวกเขาสามารถสอดแนมและต่อสู้ได้ทุกเวลา

วิลเลียมกล่าวอย่างชัดเจนว่าภารกิจครั้งนี้คือสังหารคน

องครักษ์เอลฟ์ต่างประหลาดใจ แต่เขาก็ได้อธิบายไปนิดหน่อยว่าดาริอัสเป็นขุนนางมนุษย์ไร้จริยธรรมที่ฆ่าอสูรเวทย์ และพวกเราตั้งใจที่จะฆ่าเขา…

แต่ดาริอัสเป็นอย่างว่าไว้จริงหรือ?

เรื่องนี้ไม่สำคัญแม้แต่น้อย เมื่อวิลเลียมบอกว่าดาริอัสเป็น ‘ขุนนางมนุษย์ผู้ชั่วช้า’ เหล่าเอลฟ์ก็จะคิดถึงอดีตที่น่าเศร้า พวกเขาไม่เคยอ่อนข้อให้กับขุนนางมนุษย์ประเภทนี้ หากพวกมันมีหมื่นคน พวกเขาก็จะฆ่าทั้งหมื่นคน ด้วยวิธีอันแสนบ้าคลั่งมากมาย พวกเขาจะสามารถผลัดกันทรมานเหยื่อได้…

เวลาผ่านไป

วิลเลียมรู้สึกโชคดี เขาได้พบเข้ากับดาริอัสและคนของมันก่อน

“เราจะเริ่มเลยหรือ?” ลอทเนอร์, วิลเลียม, และน็อกซ์หลบอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกัน

มุมปากของวิลเลียมขยับเล็กน้อย “ไม่ใช่ น็อกซ์ ไปบอกให้คนอื่นๆล้อมพวกมันไว้ และปล่อยให้หมาป่าสายฟ้าระดับกลางกินแรงพวกมันซักพัก”

เขาเฝ้าดูดาริอัสตะโกนและแผดเสียงไม่ให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญรอบๆหมาป่าสายฟ้าทำลายขนของมันเสียหาย

แต่ด้วยการกระทำแบบนั้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามคนถูกหมาป่าสายฟ้ากัด

นอกจากนี้ยังมีบางคนที่ผิวหนังถูกเผาไหม้จนเป็นสีดำและมีควันสีเขียวลอยออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไฟฟ้าจากหมาป่าช็อต

หมาป่าดำแยกเขี้ยวที่เต็มด้วยเลือดที่ไหลออกจากปากของมัน ดูเหมือนว่ามันจะพ่นสายฟ้าออกมาตลอดเวลา แม้ว่าศักยภาพทางสายเลือดของหมาป่าสายฟ้าจะเฉลี่ยเท่าๆกัน แต่รูปร่างและขนของมันนั้นดูดีเป็นอย่างมาก

ในตอนแรกมีผู้เล่นหลายคนชอบที่จะจับลูกหมาป่าสายฟ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยง

หากความภักดีของหมาป่าสายฟ้าที่โตขึ้นสูงมากพอ มันก็สามารถเป็นสุดยอดคู่หูได้อย่างแน่นอน มันเร็วและแข็งแกร่งมากเมื่อกัดคู่ต่อสู้ในระยะใกล้ แต่ค่าพลังชีวิตของมันเมื่อเทียบกับอสูรเวทย์ตนอื่นๆแล้วก็เปรียบได้กับน้องชายตัวเล็ก การเตะที่เอวของมันจะเป็นการโจมตีแบบติดคริติคอล…

การแสดงออกของดาริอัสนั้นเยือกเย็น เขามองดูหมาป่าสายฟ้าฆ่าคนของเขาไปทีละคนๆ และตอนนี้เขาก็หมดความอดทนแล้ว เมื่อเขายกคันธนูและลูกศรขึ้นมาข้างๆ เขาก็กดมือลงบนไหล่และพึมพำว่า “มีบางคนกำลังมา แม้ว่าจะไม่มีเสียงหรือเจตนาที่จะฆ่า ฉันก็ยังรู้สึกถึงมัน”

“ฮ่าฮ่า หรือว่าจะเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาโดยน้องชายที่น่ารักของฉันกัน? ฉันรู้ว่าเขานั้นไม่ซื่อตรงหรอก” ดาริอัสหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้นยิงธนู หมาป่าสายฟ้าที่ไม่เหลือพลังที่จะสู้แล้วถูกยิงเข้าที่หัวด้วยลูกศรและเต็มไปด้วยเลือดที่พุ่งออกมา

เขาเดินไปที่ผลงานของเขาและมองไปรอบๆอย่างไร้ระเบียบ “ออกมา ในฐานะนักฆ่า ข้าชื่นชมทักษะการซ่อนตัวของพวกเจ้า ทำไมพวกเจ้าไม่ไปฆ่าน้องชายของข้าแทนล่ะ? ข้าจะจ่ายให้พวกเจ้าสองเท่าเลย ดีไหม?”

ยังคงมีแต่ความเงียบ

“พวกเจ้ากลัวอะไรกันหรือ? แม้ว่าข้าจะมีคนอยู่มากมาย แต่ข้าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้าเลย อย่างที่ข้ากล่าวก่อนหน้านั้นว่า ข้าจะจ่ายให้พวกเจ้าสองเท่าเพื่อให้ไปฆ่าน้องชายของข้า!” ดาริอัสตะโกนอีกครั้ง

ทันใดนั้นวิลเลียมก็โผล่ศีรษะออกมาจากต้นไม้และกล่าวอย่างไม่ชอบมาพากลว่า “จริงหรือ?”

ดาริอัสหรี่ตา “โอ้ เจ้าเป็นเอลฟ์หรือครึ่งเอลฟ์กันล่ะ? อย่าได้กลัวไปเลยเพื่อนตัวน้อย ข้าดาริอัสผู้ดำรงตำแหน่งไวเคาท์นั้นไม่เคยห่มเหงรังแกผู้อื่น!”

“โอ้ ออกมาทุกคน อย่าเกรงกลัวไป ไอ้ขยะนี่จะไม่รังแกผู้อื่น” วิลเลียมปรบมือ

เสียงการเคลื่อนไหวขยับไปมาดังขึ้น

เหล่าเอลฟ์ลาดตระเวนที่ติดอาวุธพรั่งพร้อมออกมาจากหลังต้นไม้

ดาริอัสตื่นตระหนกและกระวนกระวายใจ

ผู้เชี่ยวชาญระดับกลางสี่คน…

และคนอื่นๆอีกมากมาย…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด