บทที่ 302 ตาย!
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“ข้ามศพข้า—เจียงอี้—ไปก่อน!”
คำประกาศกร้าวของเจียงอี้ทำให้บรรยากาศดำดิ่งสู่ความตึงเครียดอย่างถึงขีดสุด
แม้ว่าทางฝั่งของจักรวรรดิมังกรเวหาและผู้นำกองทัพของอาณาจักรทั้งห้าจะรู้สึกว่าแม้จะสังหารเจียงอี้ไป จักรพรรดินีสัตว์อสูรก็คงไม่สามารถเอาเรื่องพวกเขาได้ แต่พอเอาเข้าจริง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเลขึ้นมา
“บุก!”
ในที่สุดแม่ทัพหลงก็คำรามออกไป เขาเป็นทหารและรับคำสั่งจากจักรวรรดิเท่านั้น นอกจากนี้องค์หญิงหลิงเสวี่ยยังกำชับอย่างหนักแน่นว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องทำลายอาณาจักรต้าเซี่ยให้จงได้
และนี่ยังเป็นการกรีธาทัพครั้งแรกของจักรวรรดิมังกรเวหาในรอบหมื่นปี ดังนั้นพวกเขาจะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังส่งสัญญาณให้กับแม่ทัพคนอื่นๆอย่างเงียบๆเพื่อขอให้เลี่ยงการเข้าปะทะกับเจียงอี้
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ตัวคนเดียว ในขณะที่พวกเขามีเป็นกองทัพ จะไม่เป็นการดีกว่าหรือหากพวกเขาเพิกเฉยต่อเขาและมุ่งทำลายเมืองเซี่ยยวี่อย่างเดียว?
“โจมตี!”
เซี่ยอู๋หุ่ยเป็นคนที่สองที่ออกคำสั่งเปิดฉากโจมตี ในขณะเดียวกันเขาก็แอบส่งสายตาให้กับไท่สื่อเจินเพื่อให้อีกฝ่ายไปลอบสังหารเจียงอี้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
กองทัพอาณาจักรเสินหวู่ลงมือทันทีและโถมตัวเข้าหาเจียงอี้ราวกับกระแสน้ำหลาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้อาณาจักรแต่เขาก็ดูถูกและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของอาณาจักรเสินหวู่มากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมทิ้งโอกาสที่จะได้ชำระแค้นแน่
“ทหารทุกกอง เคลื่อนทัพ!”
จอมพลเฒ่าแห่งอาณาจักรเซิ่งหลิงและผู้นำทัพแห่งอาณาจักรเทียนเซวี่ยนเองก็ออกคำสั่งตามมา ทางอาณาจักรเป่ยเหลียงกับอาณาจักรเป่ยหมางก็ไม่ยอมน้อยหน้าและสั่งให้เคลื่อนทัพเช่นกัน
เสียงเท้าย่ำบนพื้นปฐพีก้องกังวานไปทั่ว แรงกดดันจากทหารนับล้านที่มือเคยชุ่มไปด้วยเลือดของศัตรูแผ่กระจายและเข้าปกคลุมเมืองเซี่ยยวี่ทั้งเมืองไว้
“ฆ่า!”
ซูรั่วเสวี่ยยกมืออันขาวเนียนราวกับหยกขึ้นและออกคำสั่งแทนผู้เป็นบิดา
อีกด้านหนึ่ง บรรดาชนชั้นอาวุโสของตระกูลซูต่างก็รู้สึกผิดหวัง เมื่อครู่พวกเขาเผลอคิดไปว่าได้เห็นร่องรอยความหวังเมื่อเจียงอี้ปรากฏตัวขึ้น
แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า หลังจากที่พูดออกมาเพียงไม่กี่ประโยค สถานการณ์ก็กลับมาเลวร้ายเช่นเดิม มีกระทั่งบางคนที่ลอบสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดและดูแคลน
มันคิดว่าตัวเองเป็นจักรพรรดิอสูรหรือยังไง? คิดหรือว่าตัวคนเดียวจะหยุดยั้งกองทัพที่ทหารนับล้านได้? ด้วยจำนวนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวที่มากมายเช่นนี้ เกรงว่าอีกไม่นานมันก็คงจะถูกฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฟึ่บ!
หลังจากที่แสงแห่งความหวังดวงสุดท้ายมอดดับไป บรรดาผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลซูต่างก็กัดฟันแน่นและโถมเข้าหาศัตรูหมายจะเอาชีวิตเข้าแลก
ดวงตาของพวกเขาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้และไม่คาดหวังกับปาฏิหาริย์อีกต่อไป พวกเขาหวังเพียงว่าจะสังหารอีกฝ่ายให้ได้สักสองสามคนเพื่อที่จะแก้แค้นให้กับเหล่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ของอาณาจักรต้าเซี่ยที่ต้องตายไป
สงครามอันโหดร้ายได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวของทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้กลยุทธ์เดียวกันคือเลือกที่จะมุ่งเป้าไปยังกลุ่มทหารที่อ่อนแอกว่าและกำจัดให้มากที่สุด
ในเวลานี้ ท้องฟ้าเหนือเมืองเซี่ยยวี่ส่องไสวเนื่องจากคลื่นพลังจำนวนมากที่โถมเข้าใส่กัน สงครามระหว่างจอมยุทธนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้ แก่นแท้พลังที่ถูกควบกลั่นต่างก็ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายหมายที่จะสังหารอีกฝ่ายให้ตกตายไป
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเศษชิ้นส่วนอวัยวะที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นรอบนอกของเมืองเซี่ยยวี่ก็ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นขุมนรกไปเสียแล้ว
ปังง!
อีกด้านหนึ่ง คลื่นพลังนับร้อยสายพุ่งทะลวงเข้าหาเจียงอี้อย่างไร้ปรานี โชคดีที่เขายังมีเพลิงโลกาอยู่และสามารถใช้มันต้านทานไว้ได้ชั่วคราว แต่เนื่องจากการโจมตีนั้นโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง เขาจึงทำได้เพียงแค่ยืนหยัดไว้
“ย๊ากกก!”
ในเวลาเดียวกัน เจียงอี้ก็รีบนำดาบมังกรเพลิงออกมาต้านทานการโจมตีเหล่านั้นไว้แทนและเก็บเพลิงโลกากลับเข้าไป เพราะรู้ดีว่าเพลิงโลกาไม่อาจต้านเอาไว้ได้หมดและยังเป็นการใช้มันอย่างสูญเปล่า
ตู้มมมมมม!
มังกรเพลิงสองตัวพุ่งทะยานออกมาและเข้าปะทะกับคลื่นพลังเหล่านั้นในทันทีซึ่งส่งผลให้เกิดคลื่นกระแทกเป็นวงกว้างและทำให้ชั้นดินพังทลายกลายเป็นบ่อหลุม
ฟึ่บ!
เจียงอี้กลายเป็นดาวหางและเข่นฆ่าทุกชีวิตไปตลอดทาง แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้า แต่ความเร็วและพลังป้องกันหาได้สัมพันธ์กันไม่
ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่สามารถเปลี่ยนแก่นแท้พลังให้กลายเป็นคลื่นพลังสำหรับโจมตีระยะไกลได้และระยะการโจมตีของดาบมังกรเพลิงก็นับว่าสั้นเกินไป
กล่าวตามจริง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่หนึ่งก็สามารถปลดปล่อยคลื่นพลังได้ไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตรแล้ว แต่สำหรับเจียงอี้ ระยะโจมตีของเขาอย่างมากก็แค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น
แต่โชคดีที่ทหารของอาณาจักรเสินหวู่ส่วนใหญ่ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เขา มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถฝ่าคลื่นพลังระลอกแรกมาได้อย่างง่ายดายเพียงนี้
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะไม่เข้ามาแทรกแซงแม้ว่าเจียงอี้จะถูกสังหาร เนื่องจากนี่เป็นสงครามภายในเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเอง
แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญระดับสูงก็ยังไม่มีใครกล้าที่จะสังหารเขาด้วยมือของตัวเอง มิฉะนั้นหากว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรเกิดเอาเรื่องพวกเขาขึ้นมา เกรงว่าด้วยพลังของนาง อาณาจักรเสินหวู่คงยินดีส่งหัวของพวกเขาออกมาเพื่อระงับโทสะของนางเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเกี่ยวของกับภูมิหลังของเจียงอี้อีกด้วย!
เป็นที่รู้กันดีว่าเจียงอี้เป็นบุตรชายนอกสมรสของเจียงเปี๋ยหลี แม้ว่าชายผู้นั้นจะขับไล่เจียงอี้ออกจากตระกูลและตัดความสัมพันธ์ไปแล้ว แต่ใครจะกล้าฟันธงว่าเลือดจะไม่เข้มข้นกว่าน้ำ?
ไม่ว่ายังไงเจียงอี้ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของเขา หากเจียงเปี๋ยหลีไม่สามารถเก็บซ่อนความเสียใจและเลือกที่จะล้างแค้นในอนาคต
ด้วยความสามารถของเขา มันคงเป็นเรื่องง่ายที่จะตามหาตัวผู้ที่สังหารบุตรชายและกวาดล้างพวกเขาไปพร้อมกับตระกูล
ครื้นนนน!
แต่ทันใดนั้นเองภาพอันแปลกประหลาดก็บังเกิดขึ้น นักสู้ตั้งแต่ขอบเขตเสินโหยวระดับต่ำลงไปต่างก็เคลื่อนที่ช้าลง ส่วนผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะไม่สูงมากต่างก็หยุดชะงักทันที
ฟิ้ววว!
เจียงอี้ทะยานไปได้ประมาณกิโลกว่าๆและเผชิญหน้ากับกองทัพอาณาจักรเสินหวู่ที่ดูราวกับฝูงตั๊กแตน
ถึงอย่างนั้นเขาก็หาได้หยุดฝีเท้าไม่และเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่ที่ร่างของเซี่ยอู๋หุ่ยพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
มาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก ในเมื่อเซี่ยอู๋หุ่ยต้องการที่จะสังหารเขามาตลอด เช่นนั้นเขาก็จะต้องเด็ดศีรษะของอีกฝ่ายออกมาให้ได้เช่นกัน
“เจตจำนงสังหาร!”
กลิ่นอายอันน่าสยดสยองพลันปะทุออกมาจากร่างของเจียงอี้อย่างฉับพลันและตรึงร่างของบรรดานักสู้ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตเสินโหยวระดับต่ำลงไป
ทหารที่อยู่ในวงล้อมต่างได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นที่ห้าขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถเคลื่อนไหวได้ปกติ
เจียงอี้ทะลวงผ่านกองทัพด้วยการกวัดแกว่งดาบมังกรเพลิงในมือ บรรดานักสู้ที่อยู่ในเส้นทางของมังกรเพลิงต่างก็มอดไหม้เป็นจุณและเปิดเป็นเส้นทางสายหนึ่งขึ้นมา
จากนั้นเขาก็พุ่งไปตามทางโดยเพิกเฉยต่อเหล่าทหารที่อยู่ขั้นจื่อฝู่ และเพ่งเล็งเพียงระดับผู้บัญชาการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวเท่านั้น
"ตาย—!"
ชนชั้นแม่ทัพผู้หนึ่งกู่คำราม ทันใดนั้นผู้บัญชาการสามคนก็เริ่มเคลื่อนไหวและตรงเข้าหาเจียงอี้ราวกับสัตว์ร้าย
พริบตาเดียวพวกเขาก็เข้าประชิดตัวอีกฝ่าย ผู้บัญชาการคนหนึ่งนำขวานซึ่งอาบไปด้วยแสงสีฟ้าออกมาและเหวี่ยงมันด้วยกำลังทั้งหมดเพื่อที่จะสังหารเขาให้ตายในกระบวนท่าเดียว
แต่เนื่องจากรอบด้านเต็มไปด้วยทหารจากอาณาจักรเสินหวู่ เขาจึงไม่กล้าที่จะโจมตีด้วยแก่นแท้พลังและใช้เพียงแค่พละกำลังในระดับเสินโหยวขั้นที่สี่ของตนเองเท่านั้น
แต่เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเจตจำนงสังหารด้วยเช่นกันจึงทำให้ความเร็วให้การเหวี่ยงขวานลดลงจนน่าใจหาย
"ตาย—!"
ในสายตาของเจียงอี้ นักสู้ระดับนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเพลิงโลกาที่ถูกเก็บไปแล้วก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับดาบมังกรเพลิงที่ฟาดฟันใส่ชนชั้นผู้บัญชาการทั้งสาม
แต่คราวนี้สิ่งที่ดาบมังกรเพลิงปลดปล่อยออกมาไม่ใช่เพียงแค่มังกรเพลิงสองตัวเท่านั้น จู่ๆกระแสลมรอบๆก็เกิดการหมุนเวียนในลักษณะประหลาดและไม่นานนักมันก็กลายเป็นมังกรวายุจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งผสานพลังกับเพลิงโลกาและโบยบินออกมาพร้อมกับมังกรเพลิงทั้งสองตัว!
“แย่แล้ว! ถอยเร็ว!”
การแสดงออกทางสีหน้าของผู้บัญชาการผู้ใช้ขวานแปรเปลี่ยนไปในบัดดล เขาร้องเตือนขึ้นมาและเตรียมที่จะถอยหนี สหายอีกสองคนของเขาเองก็ตื่นตระหนกและต้องการทีจะหลบหนีเช่นกัน
แต่ทันใดนั้นเอง…!
ก่อนที่มังกรวายุจะทันได้เข้ามาใกล้ ห้วงอากาศโดยรอบก็ถูกพัดผ่านด้วยกระแสลมอันรุนแรงและยังส่งผลให้ร่างกายของพวกเขาเสียการควบคุม แม้แต่ความเร็วก็ได้รับผลกระทบอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อมังกรวายุมาถึง ร่างกายของพวกเขาก็ถูกตรึงไว้อย่างสมบูรณ์และทำได้เพียงมองเพลิงโลกากับมังกรเพลิงพุ่งเข้ามาอย่างไร้หนทางหนี
“นี่… นี่มัน…”
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดต่างตะลึงงันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แม้แต่เซี่ยอู๋หุ่ยเองก็อ้าปากค้างและอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
“การโจมตีด้วยรูปแบบเต๋า? เป็นไปไม่ได้! นี่มันทะลวงสู่จุดสูงสุดของขอบเขตเสินโหยวแล้วหรือ?!”
……